ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019"
แทนที่ภาพ SARS-CoV-2_49531042877.jpg ด้วย SARS-CoV-2_(yellow).jpg จากวิกิพีเดียคอมมอนส์ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}} |
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}} |
||
{{Infobox medical condition (new) |
|||
| name = {{PAGENAME}} |
|||
| synonyms = * COVID-19 |
|||
* 2019-nCoV acute respiratory disease |
|||
* Novel coronavirus pneumonia<ref name=NHC2020Name/> |
|||
| image = Symptoms_of_coronavirus_disease_2019_2.0-th.svg |
|||
| alt = |
|||
| caption = อาการของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) |
|||
| pronounce = |
|||
| specialty = [[โรคติดเชื้อ (การแพทย์เฉพาะทาง)]], วิทยาปอด, [[เวชศาสตร์ป้องกัน]] |
|||
| symptoms = มีไข้, ไอ, หายใจไม่สะดวก |
|||
| complications = [[ปอดบวม|ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส]], [[กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน]], [[ไตวายเฉียบพลัน]] |
|||
| onset = |
|||
| duration = |
|||
| types = |
|||
| causes = [[โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)|โคโรนาไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2]] |
|||
| risks = |
|||
| diagnosis = [[ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส|ตรวจด้วยวิธี พีซีอาร์]], ภาพทางการแพทย์ |
|||
| differential = |
|||
| prevention = |
|||
| treatment = รักษาตามอาการ |
|||
| medication = |
|||
| prognosis = |
|||
| frequency = |
|||
| deaths = |
|||
}} |
|||
'''โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019''' ({{lang-en|coronavirus disease 2019}}) หรือ '''โรคไวรัสโคโรนา 19'''<ref>{{cite web |
'''โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019''' ({{lang-en|coronavirus disease 2019}}) หรือ '''โรคไวรัสโคโรนา 19'''<ref>{{cite web |
||
|url=https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/26459 |
|url=https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/26459 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:27, 12 เมษายน 2563
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (อังกฤษ: coronavirus disease 2019) หรือ โรคไวรัสโคโรนา 19[1], COVID-19[2][3][4] เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไวรัสที่ก่อโรคซาร์ส[5][6] โรคนี้ถูกค้นพบในช่วงเวลาและเป็นสาเหตุของการระบาดทั่วของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ.ศ. 2562–2563[7][8] เคยเป็นที่รู้จักในชื่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน 2019-nCoV, โรคปอดบวมอู่ฮั่น (Wuhan pneumonia) รวมทั้งชื่ออื่น ๆ[9]
วิธีการติดต่อโรคหลักในมนุษย์คือการติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดจากละอองสารคัดหลั่งจากระบบการหายใจของบุคคลที่ติดเชื้อ ซึ่งมีอาการไอ หรือจาม[10] มีระยะฟักตัวของโรคระหว่าง 2 ถึง 14 วัน[11] การส่งผ่านเชื้อสามารถจำกัดด้วยการล้างมือ และสุขอนามัยที่ดี[12][13]
ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่[10][13] โรคนี้อาจเริ่มปรากฏจากไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย แล้วอาจพัฒนาเป็นมีไข้, ไอ, หายใจลำบาก, ปวดกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย[14] ซึ่งการพัฒนาต่ออาจนำไปสู่อาการปอดอักเสบ, กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน, ติดเชื้อในกระแสเลือด, ช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิต ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วความพยายามจำกัดอยู่ที่การรักษาตามอาการ และการประคับประคองการทำงานของระบบอวัยวะ[15]
เริ่มมีการระบุโรคในนครอู่ฮั่นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ต่อมามีรายงานการติดเชื้อทั่วโลก กรณีที่รายงานนอกประเทศจีนส่วนใหญ่อยู่ในคนที่เพิ่งเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อในท้องถิ่นเช่นกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายพันรายในจีนแผ่นดินใหญ่และในส่วนอื่น ๆ ของโลก[16] อย่างไรก็ตาม มีการสืบเสาะจนสามารถระบุตัวผู้ป่วยรายแรกได้ เป็นชายชาวอู่ฮั่นอายุ 55 ปี โดยถูกตรวจว่าติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562[17]
องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าพวกเขากำลังติดเชื้อไวรัสสวมหน้ากากป้องกันใบหน้า และขอคำแนะนำทางการแพทย์ด้วยการโทรศัพท์แทนที่จะไปที่คลินิกโดยตรงด้วยตนเอง[18][19] องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ. ศ. 2562-2563 เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC)[20][21] เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 มีเพียงจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ที่การแพร่กระจายของโรคในชุมชนยังคงดำเนินอยู่[22]
อาการและอาการแสดง
ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเช่น มีไข้ ไอ หายใจถี่[23][24][25] อาการท้องเสีย หรืออาการของระบบหายใจส่วนบน (เช่น จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ) ซึ่งพบไม่มากนัก[26] ผู้ป่วยสามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดอักเสบรุนแรง ความล้มเหลวของหลายอวัยวะ และการเสียชีวิต[7][27]
ระยะเวลาการฟักตัวของโรค เวลาสำหรับการเริ่มแสดงอาการประมาณ 2 ถึง 10 วันระบุโดยองค์การอนามัยโลก[28] และ 2 ถึง 14 วันระบุโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)[25]
สาเหตุ
สาเหตุของโรคนี้คือไวรัสที่มีชื่อว่า severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) หรือที่เรียกว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV)[5] เชื่อว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่รับมาจากสัตว์ (Zoonotic)[29]
รูปแบบการแพร่กระจายหลักของโรคคือผ่านละอองสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจจากบุคคลที่ติดเชื้อซึ่งได้ จาม หรือไอ หรือจากการหายใจออก[10] เจ้าหน้าที่ในนครเซี่ยงไฮ้ยืนยันรูปแบบการถ่ายทอดเชื้อหลายแบบรวมถึงการส่งผ่านโดยตรง, การส่งผ่านโดยการสัมผัส และผ่านละอองในอากาศ ซึ่งสองแบบหลังเกี่ยวโยงกับการส่งผ่านเมื่อ มีคนสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนด้วยละอองของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ และการหายใจเอาอากาศที่มีการฟุ้งกระจายของละอองสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจเข้าไป[30]
การวินิจฉัย
องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่เกณฑ์วิธีหลายอย่างสำหรับการทดสอบโรคนี้[32][33] การทดสอบใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับแบบเวลาจริง (rRT-PCR)[34] ซึ่งสามารถทำได้กับตัวอย่างสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจหรือตัวอย่างเลือด[35] โดยทั่วไปแล้วจะทราบผลภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน[36][37] นักวิทยาศาสตร์จีนสามารถแยกสายพันธุ์ของโคโรนาไวรัส และเผยแพร่ลำดับพันธุกรรมของไวรัส เพื่อให้ห้องปฏิบัติการทั่วโลกสามารถพัฒนาชุดทดสอบพีซีอาร์ อย่างอิสระเพื่อตรวจหาการติดเชื้อโดยไวรัส[7][38][39][40][41]
แนวทางการวินิจฉัยที่ออกโดยโรงพยาบาลจงหนาน ของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นแนะนำวิธีการตรวจหาการติดเชื้อตามลักษณะทางคลินิก และความเสี่ยงทางระบาดวิทยา สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการระบุผู้ป่วยที่มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อยสองอาการ (นอกเหนือจากประวัติของการเดินทางไปอู่ฮั่น หรือการติดต่อกับผู้ป่วยที่ติดเชื้ออื่น ๆ) คือ มีไข้, มีผลภาพทางการแพทย์ที่มีโรคปอดอักเสบ, นับเม็ดเลือดขาวได้ปกติหรือลดลง หรือนับเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ได้ลดลง[42]
การป้องกัน
องค์กรด้านสุขภาพระดับโลก ได้เผยแพร่มาตรการป้องกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ คำแนะนำคล้ายกับที่เผยแพร่สำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสอื่น ๆ และรวมถึง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ ห้ามสัมผัสดวงตา, จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง และฝึกฝนสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจที่ดี[43][44]
ไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยโดยผู้ที่มีสุขภาพดีในสังคม[45][12][13]
เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้าน ยกเว้นเดินทางเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ โดยโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าก่อนไปยังสถานที่ให้บริการดูแลสุขภาพ สวมหน้ากาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ), ปิดป้องการไอ และจามด้วยกระดาษชำระ, ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวภายในบ้านร่วมกัน[46]
การจัดการ
ในขณะที่ไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะสำหรับโรคนี้ อาการทางคลินิกและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคอง[47] องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่คำแนะนำการรักษาอย่างละเอียด สำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARI) เมื่อสงสัยว่ามีการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[48] WHO ยังแนะนำให้อาสาสมัครมีส่วนร่วมในการทดลองที่มีการควบคุมแบบสุ่ม เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแนวทางการรักษาที่มีศักยภาพ[49]
การวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคที่มีศักยภาพได้เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 และวิธีการรักษาใหม่อาจใช้เวลาในการพัฒนาจนถึงปี พ.ศ. 2564[50] นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบตัวยับยั้งเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรส หรือยา เรมเดซิเวียร์ (Remdesivir)[51][52][53] และอินเตอร์เฟียรอนเบตา[53] ในปลายเดือนมกราคม 2563 นักวิจัยการแพทย์จีนแสดงเจตจำนงที่จะเริ่มการทดสอบทางคลินิกเกี่ยวกับยา เรมเดซิเวียร์, คลอโรควิน (Chloroquine) และ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ (Lopinavir/Ritonavir)[54] เนื่องจากพวกมันมีผลการต่อต้านกับโคโรนาไวรัสชนิดอื่น[55][56] และกลไกการออกฤทธิ์ที่บ่งชี้ว่ายาเหล่านี้อาจจะมีประสิทธิภาพ[57] โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เป็นเป้าหมายของการวิจัยและการวิเคราะห์ที่สำคัญ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนสาขาปักกิ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ โดยเแนะนำให้ใช้ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษา[58] ยาเหล่านี้สามารถเบิกจ่ายได้ทางระบบประกันสุขภาพในบางประเทศ[59]
การแพทย์ทางเลือก
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนแนะนำให้ใช้การแพทย์แผนจีน (TCM) เพื่อป้องกันหรือรักษาโรค เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้นำแพทย์แผนจีน เข้าสู่แผนวินิจฉัยและการรักษา COVID ฉบับที่สาม[60] วันที่ 2 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ของอู่ฮั่นสั่งให้ผู้ป่วยทุกคน ทำการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนจีนโดยเฉพาะ[61][62] เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อู่ฮั่นเปิดโรงพยาบาลชั่วคราวที่มุ่งเน้นการรักษาด้วยการแพทย์จีนแผนโบราณ.[63] ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวิธีนี้ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรักษาการติดเชื้อโคโรนาไวรัส[64][65]
จิตวิทยา
บุคคลที่ติดเชื้ออาจประสบปัญหาเป็นทุกข์จากการถูกกักกัน, ข้อจำกัดในการเดินทาง, ผลข้างเคียงของการรักษา หรือความกลัวในการติดเชื้อ เพื่อแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ได้ตีพิมพ์แนวปฏิบัติระดับชาติสำหรับการแทรกแซงภาวะวิกฤตทางสุขภาพจิต เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563[66][67]
การพยากรณ์โรค
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ป่วย 137 คนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในมณฑลหูเป่ย์ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 16 ราย (12%)[47] ในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตมีหลายคนที่มีอาการป่วยมาก่อน รวมถึงโรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ[68]
ในกรณีแรก ๆ ที่ทำให้เสียชีวิต พบว่าเวลาเฉลี่ยของการดำเนินโรคอยู่ที่ 14 วันโดยมีพิสัยทั้งหมดอยู่ระหว่าง 6 ถึง 41 วัน[69]
วิทยาการระบาด
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก จากการวิเคราะห์กรณีผู้ป่วย 44,000 รายของโรคติดเชื้อ Covid-19 ในมณฑลหูเป่ย์พบว่าประมาณ 80% ของผู้ป่วยมีเพียงอาการที่ไม่รุนแรง, 14% เป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเช่นปอดอักเสบ, 5% มีอาการของโรคที่ร้ายแรง และ 2% ของผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต[70]
อัตราการเสียชีวิตและอัตราการเจ็บป่วยโดยรวมเนื่องจากการติดเชื้อ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ในขณะที่อัตราการตายของผู้ป่วยเปลี่ยนไปตามระยะเวลาในการระบาดของโรค ในปัจจุบันสัดส่วนของการติดเชื้อที่นำไปสู่การวินิจฉัยโรคได้ยังไม่ชัดเจน[71][72] อย่างไรก็ตามการวิจัยเบื้องต้นแสดงอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 2% ถึง 3%[73] และในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลก ให้ข้อสังเกตว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากโรคอยู่ที่ประมาณ 3%[74] และ 2% ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ในหูเป่ย์[70] รายงานการศึกษาฉบับร่างของอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ที่ยังไม่ได้พิชญพิจารณ์ ในบรรดาผู้เสียชีวิต 55 ราย ระบุว่าการประเมินต้นของอัตราการเสียชีวิตอาจสูงเกินไปเนื่องจากไม่ได้รวมกรณีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ พวกเขาประเมินค่าเฉลี่ยอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ (อัตราการเสียชีวิตระหว่างติดเชื้อ) ช่วงพิสัยอยู่ระหว่าง 0.8% เมื่อรวมผู้ที่เป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการจนถึง 18% เมื่อรวมเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการจากมณฑลหูเป่ย์เท่านั้น[75]
ศัพท์บัญญัติ
องค์การอนามัยโลกในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประกาศว่า "COVID-19" เป็นชื่อทางการของโรคนี้ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) แถลงว่า "co" มาจาก "corona", "vi" มาจาก "virus" และ "d" สำหรับ "disease" ในขณะที่ "19" เป็นปีที่มีการระบาดครั้งแรก ที่ถูกระบุในวันที่ 31ธันวาคม ค.ศ. 2019 เขาได้กล่าวว่า ชื่อดังกล่าวได้รับเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการอ้างอิงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์, สายพันธุ์สัตว์ หรือกลุ่มคน ที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของนานาชาติในการตั้งชื่อเพื่อป้องกันปัญหาการเลือกปฏิบัติ[76][77]
ดูเพิ่ม
- หลี่ เหวินเลี่ยง แพทย์จากโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น ผู้ระบุกลุ่มอาการของโรคเป็นคนแรก
อ้างอิง
- ↑ "รายงานข่าวกรณีโรคไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563". thaigov.go.th. รัฐบาลไทย. 12 กุมภาพันธ์ 2563. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ "Novel coronavirus to be called COVID-19, says WHO". 11 February 2020. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
- ↑ "Coronavirus disease named Covid-19". February 11, 2020 – โดยทาง www.bbc.co.uk.
- ↑ World Health Organization (2020). Novel Coronavirus (2019-nCoV): situation report, 10 (PDF) (Report). World Health Organization.
- ↑ 5.0 5.1 Gorbalenya, Alexander E. (2020-02-11). "Severe acute respiratory syndrome-related coronavirus – The species and its viruses, a statement of the Coronavirus Study Group". bioRxiv: 2020.02.07.937862. doi:10.1101/2020.02.07.937862. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 February 2020. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
- ↑ "Coronavirus disease named Covid-19". BBC News. 2020-02-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 February 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 The continuing 2019-nCoV epidemic threat of novel coronaviruses to global health – The latest 2019 novel coronavirus outbreak in Wuhan, China. Int J Infect Dis. 2020 Jan 14;91:264–266. doi:10.1016/j.ijid.2020.01.009. PMID 31953166.
- ↑ "Q&A on coronaviruses". World Health Organization (WHO). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 27 January 2020.
- ↑ "国家卫生健康委关于新型冠状病毒肺炎暂命名事宜的通知". 7 February 2020. สืบค้นเมื่อ 9 February 2020.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 "Q & A on novel coronavirus". European Centre for Disease Prevention and Control (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ "Symptoms of Novel Coronavirus (2019-nCoV) | CDC". www.cdc.gov. 2020-02-10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ 12.0 12.1 "MOH | Updates on 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) Local Situation". www.moh.gov.sg. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 Health, Australian Government Department of (2020-01-21). "Novel coronavirus (2019-nCoV)". Australian Government Department of Health. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ Wang D, Hu B, Hu C, Zhu F, Liu X, Zhang J, Wang B, Xiang H, Cheng Z, Xiong Y, Zhao Y, Li Y, Wang X, Peng Z (February 2020). "Clinical Characteristics of 138 Hospitalized Patients With 2019 Novel Coronavirus-Infected Pneumonia in Wuhan, China". JAMA. doi:10.1001/jama.2020.1585.
- ↑ "Prevention and Treatment". Centers for Disease Control and Prevention (CDC). 9 August 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 December 2019. สืบค้นเมื่อ 21 January 2020.
- ↑ "Tracking coronavirus: Map, data and timeline". BNO News. 10 February 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2020. สืบค้นเมื่อ 10 February 2020.
- ↑ "เผยจีน สืบหาจนเจอ 'ผู้ป่วยรายที่หนึ่ง' ในหูเป่ย ติดโควิด-19 ได้แล้ว". ไทยรัฐ. 2020-03-21. สืบค้นเมื่อ 2020-03-21.
- ↑ CDC (2020-02-11). "2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV)". Centers for Disease Control and Prevention. สืบค้นเมื่อ 2020-02-15.
- ↑ "Advice for public". www.who.int. สืบค้นเมื่อ 2020-02-15.
- ↑ "Statement on the second meeting of the International Health Regulations (2005) Emergency Committee regarding the outbreak of novel coronavirus (2019-nCoV)". www.who.int. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ Shibani Mahtani; Miriam Berger; Siobhán O'Grady; Marisa Iati (บ.ก.). "Hundreds of evacuees to be held on bases in California; Hong Kong and Taiwan restrict travel from mainland China". The Washington Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 February 2020. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
- ↑ "Areas with presumed ongoing community transmission of 2019-nCoV". European Centre for Disease Prevention and Control (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 February 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
- ↑ Chen, Nanshan; Zhou, Min; Dong, Xuan; และคณะ (2020-01-30). "Epidemiological and clinical characteristics of 99 cases of 2019 novel coronavirus pneumonia in Wuhan, China: a descriptive study". The Lancet. 0 (10223): 507–513. doi:10.1016/S0140-6736(20)30211-7. ISSN 0140-6736.
- ↑ Hessen, Margaret Trexler (27 January 2020). "Novel Coronavirus Information Center: Expert guidance and commentary". Elsevier Connect. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 January 2020. สืบค้นเมื่อ 31 January 2020.
- ↑ 25.0 25.1 "Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Symptoms". Centers for Disease Control and Prevention. 10 February 2020.
- ↑ Huang, Chaolin; Wang, Yeming; Li, Xingwang; และคณะ (24 January 2020). "Clinical features of patients infected with 2019 novel coronavirus in Wuhan, China". Lancet. 395 (10223): 497–506. doi:10.1016/S0140-6736(20)30183-5. ISSN 0140-6736. PMID 31986264.
- ↑ "Q&A on coronaviruses". who.int. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 27 January 2020.
- ↑ World Health Organization (2020). Novel Coronavirus (2019-nCoV): situation report, 6 (PDF) (Report). World Health Organization.
- ↑ Zhou, Peng; Yang, Xing-Lou; Wang, Xian-Guang; และคณะ (23 January 2020). "Discovery of a novel coronavirus associated with the recent pneumonia outbreak in humans and its potential bat origin". bioRxiv: 2020.01.22.914952. doi:10.1101/2020.01.22.914952. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 January 2020. สืบค้นเมื่อ 5 February 2020.
- ↑ 江巍. "Shanghai officials reveal novel coronavirus transmission modes - Chinadaily.com.cn". www.chinadaily.com.cn. สืบค้นเมื่อ 2020-02-13.
- ↑ CDC (2020-02-05). "CDC Tests for 2019-nCoV". Centers for Disease Control and Prevention. สืบค้นเมื่อ 2020-02-12.
- ↑ Schirring, Lisa; 2020 (16 January 2020). "Japan has 1st novel coronavirus case; China reports another death". CIDRAP. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 16 January 2020.
{{cite web}}
: CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์) - ↑ "Laboratory testing for 2019 novel coronavirus (2019-nCoV) in suspected human cases: Interim guidance". World Health Organization. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 28 January 2020.
- ↑ "2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) Situation Summary". Centers for Disease Control and Prevention. 30 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2020. สืบค้นเมื่อ 30 January 2020.
- ↑ "Real-Time RT-PCR Panel for Detection 2019-nCoV". Centers for Disease Control and Prevention. 29 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 January 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
- ↑ Brueck, Hilary (30 January 2020). "There's only one way to know if you have the coronavirus, and it involves machines full of spit and mucus". Business Insider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
- ↑ "Curetis Group Company Ares Genetics and BGI Group Collaborate to Offer Next-Generation Sequencing and PCR-based Coronavirus (2019-nCoV) Testing in Europe". GlobeNewswire News Room. 30 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
- ↑ "Undiagnosed pneumonia – China (HU) (01): wildlife sales, market closed, RFI Archive Number: 20200102.6866757". Pro-MED-mail. International Society for Infectious Diseases. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 January 2020. สืบค้นเมื่อ 13 January 2020.
- ↑ Cohen, Jon; Normile, Dennis (17 January 2020). "New SARS-like virus in China triggers alarm" (PDF). Science. 367 (6475): 234–235. doi:10.1126/science.367.6475.234. ISSN 0036-8075. PMID 31949058. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 February 2020. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
- ↑ Parry, Jane (January 2020). "China coronavirus: cases surge as official admits human to human transmission". British Medical Journal. 368: m236. doi:10.1136/bmj.m236. ISSN 1756-1833. PMID 31959587.
- ↑ Voytko, Lisette. "WHO Declares Coronavirus A Global Health Emergency, Praises China's 'Extraordinary Measures'". Forbes. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
- ↑ Jin, Ying-Hui; Cai, Lin; Cheng, Zhen-Shun; และคณะ (2020-02-06). "A rapid advice guideline for the diagnosis and treatment of 2019 novel coronavirus (2019-nCoV) infected pneumonia (standard version)". Military Medical Research. 7 (1): 4. doi:10.1186/s40779-020-0233-6. ISSN 2054-9369.
- ↑ "Coronavirus | About | Prevention and Treatment | CDC". www.cdc.gov. 2020-02-03. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 December 2019. สืบค้นเมื่อ 2020-02-10.
- ↑ "Advice for public". www.who.int. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-10.
- ↑ Health, Australian Government Department of (2020-01-21). "Coronavirus (COVID-19)". Australian Government Department of Health. สืบค้นเมื่อ 2020-02-15.
- ↑ CDC (2020-02-11). "What to do if you are sick with 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV)". Centers for Disease Control and Prevention. สืบค้นเมื่อ 2020-02-13.
- ↑ 47.0 47.1 Kui, Liu; Fang, Yuan-Yuan; Deng, Yan; และคณะ (2020). "Clinical characteristics of novel coronavirus cases in tertiary hospitals in Hubei Province". Chinese Medical Journal: 1. doi:10.1097/CM9.0000000000000744. ISSN 0366-6999.
- ↑ "Clinical management of severe acute respiratory infection when novel coronavirus (nCoV) infection is suspected". www.who.int. สืบค้นเมื่อ 2020-02-13.
- ↑ Nebehay, Stephanie; Kelland, Kate; Liu, Roxanne (2020-02-05). "WHO: 'no known effective' treatments for new coronavirus". Thomson Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-05. สืบค้นเมื่อ 2020-02-05.
- ↑ Lu H. (28 January 2020). "Drug treatment options for the 2019-new coronavirus (2019-nCoV)". Biosci Trends. doi:10.5582/bst.2020.01020.
- ↑ Holshue, Michelle L.; DeBolt, Chas; Lindquist, Scott; และคณะ (2020-01-31). "First Case of 2019 Novel Coronavirus in the United States". New England Journal of Medicine: NEJMoa2001191. doi:10.1056/NEJMoa2001191. ISSN 0028-4793.
- ↑ Xu, Zhijian; Peng, Cheng; Shi, Yulong; และคณะ (28 January 2020). "Nelfinavir was predicted to be a potential inhibitor of 2019 nCov main protease by an integrative approach combining homology modelling, molecular docking and binding free energy calculation". bioRxiv: 2020.01.27.921627. doi:10.1101/2020.01.27.921627 – โดยทาง www.biorxiv.org.
- ↑ 53.0 53.1 Paules, Catharine I.; Marston, Hilary D.; Fauci, Anthony S. (23 January 2020). "Coronavirus Infections—More Than Just the Common Cold". JAMA. doi:10.1001/jama.2020.0757. PMID 31971553.
- ↑ Wang M; และคณะ (2020). "Remdesivir and chloroquine effectively inhibit the recently emerged novel coronavirus (2019-nCoV) in vitro". Cell Res. doi:10.1038/s41422-020-0282-0.
- ↑ Zumla, Alimuddin; Hui, David S.; Azhar, Esam I.; Memish, Ziad A.; Maeurer, Markus (2020-02-05). "Reducing mortality from 2019-nCoV: host-directed therapies should be an option". The Lancet. 0. doi:10.1016/S0140-6736(20)30305-6. ISSN 0140-6736.
- ↑ Yu, Fei; Du, Lanying; Ojcius, David M.; Pan, Chungen; Jiang, Shibo (2020-02-01). "Measures for diagnosing and treating infections by a novel coronavirus responsible for a pneumonia outbreak originating in Wuhan, China". Microbes and Infection. doi:10.1016/j.micinf.2020.01.003. ISSN 1286-4579.
- ↑ Lin, Shen; Shen, Runnan; Guo, Xushun (2020-02-03). "Molecular Modeling Evaluation of the Binding Abilities of Ritonavir and Lopinavir to Wuhan Pneumonia Coronavirus Proteases". bioRxiv: 2020.01.31.929695. doi:10.1101/2020.01.31.929695.
- ↑ "China names HIV drugs as part of treatment plan for Wuhan virus". The Japan Times Online. 2020-01-26. ISSN 0447-5763. สืบค้นเมื่อ 2020-02-14.
- ↑ "Interferon, Kaletra to get insurance benefit for new coronavirus treatment - Korea Biomedical Review". www.koreabiomed.com (ภาษาKorean). 2020-02-04. สืบค้นเมื่อ 2020-02-14.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "新冠肺炎治疗:讲究实证的西医和自我定位的中药" [Treating the novel conoravirus: the empirical Western medicine and the self-positioning Chinese medicine]. BBC News (ภาษาChinese). 14 February 2020.
{{cite news}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "中医来了!8个防治"协定方" 辅助治疗新型冠状病毒感染肺炎" [Here comes Chinese medicine! 8 "agreed-on prescriptions" help prevent and treat the new coronavirus pneumonia]. CCTV News (ภาษาChinese). สืบค้นเมื่อ 15 February 2020.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "武汉要求所有患者必须吃中药 网民质疑" [Wuhan wants all patients put on TCM; Netizens question]. Epoch Times (ภาษาChinese). 4 February 2020. สืบค้นเมื่อ 15 February 2020.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Virus-hit Wuhan opens first TCM-oriented temporary hospital". Xinhua.
- ↑ "Dispelling the myths around the new coronavirus outbreak". www.aljazeera.com. สืบค้นเมื่อ 8 February 2020.
- ↑ Wee, Sui-Lee (5 February 2020). "In Coronavirus, China Weighs Benefits of Buffalo Horn and Other Remedies". The New York Times.
- ↑ Xiang, Yu-Tao; Yang, Yuan; Li, Wen; และคณะ (4 February 2020). "Timely mental health care for the 2019 novel coronavirus outbreak is urgently needed". The Lancet Psychiatry (ภาษาอังกฤษ): S2215036620300468. doi:10.1016/S2215-0366(20)30046-8.
- ↑ Kang, Lijun; Li, Yi; Hu, Shaohua; และคณะ (5 February 2020). "The mental health of medical workers in Wuhan, China dealing with the 2019 novel coronavirus". The Lancet Psychiatry: S221503662030047X. doi:10.1016/S2215-0366(20)30047-X.
- ↑ "WHO Director-General's statement on the advice of the IHR Emergency Committee on Novel Coronavirus". who.int.
- ↑ Wang, Weier; Tang, Jianming; Wei, Fangqiang (2020). "Updated understanding of the outbreak of 2019 novel coronavirus (2019‐nCoV) in Wuhan, China". Journal of Medical Virology. doi:10.1002/jmv.25689. PMID 31994742.
- ↑ 70.0 70.1 Boseley, Sarah (17 February 2020). "Coronavirus causes mild disease in four in five patients, says WHO". The Guardian.
- ↑ "Limited data on coronavirus may be skewing assumptions about severity". STAT. 2020-01-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-01.
- ↑ Sparrow, Annie. "How China's Coronavirus Is Spreading—and How to Stop It". Foreign Policy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-02.
- ↑ "Wuhan Coronavirus Death Rate - Worldometer". www.worldometers.info (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-02.
- ↑ "WHOが"致死率3%程度" 専門家「今後 注意が必要」". NHK. 24 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2020. สืบค้นเมื่อ 3 February 2020.
- ↑ "Report 4: Severity of 2019-novel coronavirus (nCoV)" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 10 February 2020. สืบค้นเมื่อ 10 February 2020.
- ↑ "Novel coronavirus named 'Covid-19': WHO". TODAYonline. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
- ↑ "The coronavirus spreads racism against—and among—ethnic Chinese". The Economist. 17 February 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิข่าว มีข่าวเกี่ยวกับบทความ: COVID-19 (ในภาษารัสเซีย)
- "Geographic distribution of COVID-19 cases worldwide". European Centre for Disease Prevention and Control (ECDC).
- "Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Situation Summary". Centers For Disease Control and Prevention (CDC). 2020-01-25.
- "Coronavirus". WHO.
- "Risk assessment: Outbreak of acute respiratory syndrome associated with a novel coronavirus, China: first local transmission in the EU/EEA − third update" (PDF). European Centre for Disease Prevention and Control (ECDC). 2020-01-31.
- "Genomic epidemiology of novel coronavirus (nCoV)". Real-time tracking of pathogen evolution. Nextstrain.
- "ทำไมผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินจึงมีความเสี่ยงมากกว่าที่จะติด เชื้อไวรัสโควิด-19". intimexhearing. ihiso.
การจำแนกโรค |
---|