ข้ามไปเนื้อหา

ราชอาณาจักรฝรั่งเศส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Kingdom of France)
ราชอาณาจักรฝรั่งเศส

Royaume de France
ค.ศ. 987–1792
ค.ศ. 1814–1815
ค.ศ. 1815–1848
ธงชาติฝรั่งเศส
ธงประจำราชวงศ์บูร์บง
เพลงชาติ: (ค.ศ. 1590–1792 ค.ศ. 1814–1830)
มาร์ช็องรีกัทร์
("มาร์ชพระเจ้าอ็องรีที่ 4")
(ค.ศ. 1830–ค.ศ. 1848)
ลาปาริเซียน
("ชาวปารีสเอ๋ย")

เพลงสรรเสริญพระบารมี: 
(ค.ศ. 1686)
กร็องดิเยอโซฟเฟอเลอรัว (ไม่เป็นทางการ)
("ขอพระเจ้าคุ้มครององค์ราชา")
ราชอาณาจักรฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1000
ราชอาณาจักรฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1000
ราชอาณาจักรฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789
ราชอาณาจักรฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789
เมืองหลวง
  • ปารีส (ค.ศ. 987–1682; ค.ศ. 1789–1792; ค.ศ. 1814–1848)
  • แวร์ซาย (ค.ศ. 1682–1789)
ภาษาทั่วไป
ศาสนา
การปกครอง
พระมหากษัตริย์ 
 ค.ศ. 987–996
พระเจ้าอูก กาแป
 ค.ศ. 1180–1223
พระเจ้าฟีลิปที่ 2
 ค.ศ. 1364–1380
พระเจ้าชาร์ลที่ 5
 ค.ศ. 1422–1461
พระเจ้าชาร์ลที่ 7
 ค.ศ. 1589–1610
พระเจ้าอ็องรีที่ 4
 ค.ศ. 1643–1715
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14
 ค.ศ. 1774–1792
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16
 ค.ศ. 1814–1824
พระเจ้าหลุยส์ที่ 18
 ค.ศ. 1824–1830
พระเจ้าชาร์ลที่ 10
นายกรัฐมนตรี 
 ค.ศ. 1815
ชาร์ล มอริส เดอ ตาแลร็อง-เปรีกอร์
 ค.ศ. 1847 – ค.ศ. 1848
ฟร็องซัว กีโซ
สภานิติบัญญัติ
ยุคประวัติศาสตร์สมัยกลาง / สมัยใหม่ตอนต้น
 ราชวงศ์กาเปเซียงเสวยราชสมบติ
3 กรกฎาคม ค.ศ. 987
ค.ศ. 1337–1453
ค.ศ. 1562–1598
5 พฤษภาคม ค.ศ. 1789
6 เมษายน ค.ศ. 1814
2 สิงหาคม ค.ศ. 1830
24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1848
สกุลเงินลีฟ ลีฟปารีซิส ลีฟทัวนอยด์ ดีนาร์ โซล ฟรังก์ เอคู หลุยส์ดิออร์
ก่อนหน้า
ถัดไป
อาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก
สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1
สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 2

ราชอาณาจักรฝรั่งเศส (ฝรั่งเศสเก่า: Reaume de France; ฝรั่งเศสกลาง:Royaulme de France; ฝรั่งเศส: Royaume de France) เป็นชื่อทางประวัติศาสตร์นิพนธ์หรือชื่อที่ให้ความหมายครอบคลุมในวงกว้าง (umbrella term) ได้ให้แก่อัตลักษณ์ทางการเมืองต่าง ๆ ของฝรั่งเศสในยุคกลางและสมัยใหม่ตอนต้น เป็นหนึ่งในรัฐมหาอำนาจที่มากที่สุดในยุโรปมาตั้งแต่สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ นอกจากนี้ยังเป็นมหาอำนาจอาณานิคมในยุคแรก ซึ่งมีดินแดนอยู่ในความครอบครองทั่วโลก

ฝรั่งเศสมีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก (Francia Occidentalis) ส่วนหนึ่งทางตะวันตกของจักรวรรดิการอแล็งเฌียง ด้วยสนธิสัญญาแวร์เดิง(ค.ศ. 843) สาขาของราชวงศ์การอแล็งเฌียงยังคงปกครองจนถึง ค.ศ. 987 เมื่อพระเจ้าอูก กาแปได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์และก่อตั้งราชวงศ์กาเปเซียง ดินแดนแห่งนี้ยังคงเป็นที่รู้จักกันในนามว่า ฟรังเกีย และผู้ปกครองที่มีนามว่า เร็กซ์ ฟรานโครูม (rex Francorum ในภาษาละตินแปลว่า "พระมหากษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์") ในช่วงเข้าสู่สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ กษัตริย์องค์แรกที่เรียกตัวเองว่า เร็กซ์ ฟรังเกีย ("พระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศส") คือ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ใน ค.ศ. 1190 และอย่างเป็นทางการตั้งแต่ ค.ศ. 1204 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฝรั่งเศสถูกปกครองอย่างต่อเนื่องโดยราชวงศ์กาเปเซียงและสายเลือดราชวงศ์ของพวกเขาอย่างวาลัวและบูร์บง—จนกระทั่งระบอบพระมหากษัตริย์ถูกล้มล้างใน ค.ศ. 1792 ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ราชอาณาจักรฝรั่งเศสยังได้ปกครองอยู่ในรัฐร่วมประมุขกับราชอาณาจักรนาวาร์ในสองช่วงเวลาคือ ค.ศ. 1284-1328 และ ค.ศ. 1572-1620 ภายหลังจากนั้นสถาบันนาวาร์ได้ถูกยุบและถูกผนวกรวมเข้ากับฝรั่งเศสโดยสมบูรณ์ (แม้ว่าพระมหากษัตริย์แห่งฝรั่งเศสจะยังคงใช้พระอิสริยยศว่า "พระมหากษัตริย์แห่งนาวาร์" จนถึงจุดสิ้นสุดของระบอบพระมหากษัตริย์)

ฝรั่งเศสในสมัยกลางเป็นระบอบราชาธิปไตยแบบระบบฟิวดัล ที่ถูกปกครองแบบกระจายอำนาจ ในบริตทานีและกาตาลุญญา(ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเสปน) เช่นเดียวกับอากีแตน อำนาจของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสแทบไม่มีความหมาย ลอแรนและพรอว็องส์เป็นรัฐของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส ในช่วงแรก พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตกได้ถูกเลือกโดยผู้มีอิทธิพลทั้งฝ่ายฆราวาสและฝ่ายนักบวช แต่โดยปกติแล้ว พิธีราชภิเษกของโอรสองค์โตของกษัตริย์ที่ครองราชย์อยู่ในช่วงตลอดพระชนม์ชีพของพระบิดาของพระองค์ได้ก่อให้เกิดหลักการของสิทธิบุตรหัวปีที่เป็นผู้ชาย ซึ่งได้ถูกประมวลไว้ในกฎหมายซาลิก ในช่วงปลายสมัยกลาง การแข่งขันระหว่างราชวงศ์กาเปเซียง ผู้ปกครองของราชอาณาจักรฝรั่งเศสและข้าราชบริวารของพวกเขาอย่างราชวงศ์แพลนแทเจอนิต ซึ่งยังได้ปกครองราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่ถูกเรียกโดยรวมว่า จักรวรรดิอ็องเฌอแว็ง ส่งผลทำให้การต่อสู้รบด้วยอาวุธหลายครั้ง หนึ่งในความขัดแย้งทั้งหมดของพวกเขาที่เป็นที่ฉาวโฉ่มากที่สุดซึ่งเป็นที่รู้จักกันคือ สงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337–1453) ซึ่งกษัตริย์แห่งอังกฤษได้อ้างสิทธิ์ในราชบังลังก์ฝรั่งเศส ภายหลังจากได้รับชัยชนะจากความขัดแย้งดังกล่าว ต่อมาฝรั่งเศสต้องการที่จะขยายอำนาจของตนไปยังอิตาลี แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับเสปนและจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในสงครามอิตาลีที่ตามมา (ค.ศ. 1494–1559)

ฝรั่งเศสในยุคสมัยใหม่ตอนต้นเป็นการรวมศูนย์กลางอำนาจที่เพิ่มมากขึ้น ภาษาฝรั่งเศสเริ่มถูกแทนที่ภาษาอื่นจากการใช้อย่างเป็นทางการ และพระมหากษัตริย์ทรงขยายพระราชอำนาจที่เด็ดขาด แม้ว่าจะอยู่ในระบบการบริหารปกครอง (ระบอบเก่า) ที่ซับซ้อนโดยความผิดปกติทางประวัติศาสตร์และระดับภูมิภาคในแผนกฝ่ายการเก็บภาษี ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายคณะสงฆ์ และอภิสิทธิ์ท้องถิ่น ในทางศาสนา ฝรั่งเศสถูกแบ่งแยกระหว่างชาวคาทอลิกที่เป็นส่วนใหญ่และชาวโปรเตสแตนต์ที่เป็นส่วนน้อย อูว์เกอโน ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองหลายครั้งคือ สงครามศาสนา (ค.ศ. 1562-1598) สงครามศาสนาได้บ่อนทำลายฝรั่งเศส แต่ชัยชนะเหนือเสปนและราชวงศ์ฮาพส์บวร์คในสงครามสามสิบปีทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในภาคพื้นทวีปอีกครั้ง ราชอาณาจักรกลายเป็นมหาอำนาจทางทหาร การเมือง และวัฒนธรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดของยุโรปในศตวรรษที่ 17 ภายใต้รัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสได้พัฒนาจักรวรรดิอาณานิคมแห่งแรกในเอเชีย แอฟริกา และในอเมริกา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถึง 17 จักรวรรดิอาณานิคมที่หนึ่งได้ขยายจากพื้นที่ทั้งหมด ณ จุดสูงสุดใน ค.ศ. 1680 มากกว่า 10,000,000 ตารางกิโลเมตร(3,900,000 ตารางไมล์) จักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกในช่วงเวลาตามหลังจักรวรรดิสเปนเท่านั้น ความขัดแย้งอาณานิคมกับบริเตนใหญ่ทำให้สูญเสียดินแดนที่ถือครองส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือใน ค.ศ. 1763 ฝรั่งเศสได้เข้าแทรกแซงในสงครามปฏิวัติอเมริกาได้ช่วยเหลือในการรับรองความเป็นเอกราชของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่ แต่กลับมีค่าใช้จ่ายที่สูงและประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยสำหรับฝรั่งเศส

ราชอาณาจักรฝรั่งเศสได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรใน ค.ศ. 1791 แต่ราชอาณาจักรได้ถูกยกเลิกในอีกหนึ่งปีต่อมาและถูกแทนที่ด้วยสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่หนึ่ง ระบอบกษัตริย์ได้ถูกรื้อฟื้นโดยประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ใน ค.ศ. 1814 และได้ดำเนินต่อไป (ยกเว้นจากสงครามร้อยวันใน ค.ศ. 1815) จนถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1848

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]

หนังสืออ่านเพิ่ม

[แก้]

ประวัติศาสตร์นิพนธ์

[แก้]
  • Gildea, Robert. The Past in French History (1996)
  • Nora, Pierre, ed. Realms of Memory: Rethinking the French Past (3 vol, 1996), essays by scholars; excerpt and text search; vol 2 excerpts; vol 3 excerpts
  • Pinkney, David H. "Two Thousand Years of Paris," Journal of Modern History (1951) 23#3 pp. 262–264 in JSTOR
  • Revel, Jacques, and Lynn Hunt, eds. Histories: French Constructions of the Past (1995). 654pp, 64 essays; emphasis on Annales School
  • Symes, Carol. "The Middle Ages between Nationalism and Colonialism," French Historical Studies (Winter 2011) 34#1 pp 37–46
  • Thébaud, Françoise. "Writing Women's and Gender History in France: A National Narrative?" Journal of Women's History (2007) 19#1 pp. 167–172 in Project Muse