สถานีรถไฟหัวหิน
สถานีรถไฟหัวหิน Hua Hin Railway Station | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() | |||||||||||||||||
ข้อมูลทั่วไป | |||||||||||||||||
ที่ตั้ง | ถนนพระปกเกล้า ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | ||||||||||||||||
พิกัด | 12°34′02″N 99°57′17″E / 12.5673°N 99.9547°E | ||||||||||||||||
เจ้าของ | ![]() | ||||||||||||||||
สาย | รฟท. ใต้ | ||||||||||||||||
ชานชาลา | 2 | ||||||||||||||||
ราง | 3 | ||||||||||||||||
โครงสร้าง | |||||||||||||||||
ประเภทโครงสร้าง | ระดับดิน (สถานีเดิม), ยกระดับ (สถานีใหม่) | ||||||||||||||||
ระดับชานชาลา | 1 | ||||||||||||||||
ข้อมูลอื่น | |||||||||||||||||
รหัสสถานี | 4118 | ||||||||||||||||
ประวัติ | |||||||||||||||||
เปิดให้บริการ | 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 | ||||||||||||||||
ผู้โดยสาร | |||||||||||||||||
ผู้โดยสาร (2022) | ไม่ต่ำกว่า 100 คน /วัน[ต้องการอ้างอิง] | ||||||||||||||||
การเชื่อมต่อ | |||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
ที่ตั้ง | |||||||||||||||||
![]() |
สถานีรถไฟหัวหิน (อังกฤษ: Hua Hin Railway Station) เป็นสถานีรถไฟระดับหนึ่งบนเส้นทางรถไฟสายใต้ (กรุงเทพ–สุไหงโกลก) ซึ่งสถานีรถไฟหัวหินตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟห้วยทรายใต้ กับสถานีรถไฟหนองแก โดยเป็นสถานีรถไฟแรกในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อนั่งรถไฟเที่ยวไป
สถานีหัวหินก่อสร้างและเปิดเดินรถในสมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันตัวสถานีและย่าน มีจำนวนทาง 3 ทาง เป็นทางหลัก 1 ทาง ทางหลีก 2 ทาง โดยเป็นทางติดชานชาลา 2 ทาง
สถานีรถไฟหัวหินเป็นสถานีหนึ่งในโครงการรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม - ชุมพร
สถานีรถไฟหัวหินเป็นสถานีหนึ่งในโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ(สถานีกลางบางซื่อ) - ปาดังเบซาร์ ช่วงสถานีรถไฟกรุงเทพ - หัวหิน รหัสสถานี HS05 อยู่ระหว่างสถานีรถไฟเพชรบุรี กับสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ เปิดใช้งานประมาณปี พ.ศ. 2575
แต่เดิม ระหว่างสถานีรถไฟหัวหินกับสถานีรถไฟห้วยทรายใต้เคยมี ที่หยุดรถบ่อฝ้ายแต่ปัจจุบันได้ถูกยุบเลิกไปแล้ว
ประวัติ[แก้]
สถานีรถไฟหัวหิน สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2454 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีเปิดการเดินรถระหว่างสถานีรถไฟชะอำ ถึงสถานีรถไฟหัวหินในวันที 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 หลังจากนั้นสถานีรถไฟหัวหินกลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการลงมาท่องเที่ยวชายทะเลเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับอาคารสถานีรถไฟหัวหินหลังแรกนั้นเป็นอาคารไม้ขนาดเล็ก ต่อมาใน พ.ศ. 2469 โดยพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ได้ทรงบัญชาการให้ยกอาคารไม้ที่ใช้สร้างศาลาในงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีแผนจะจัดที่สวนลุมพินีเมื่อปลายปี พ.ศ. 2468 แต่ไม่ได้มีการจัดงานจริงเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเสียก่อน และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่งให้เลิกจัดงานดังกล่าว ศาลาหลังนี้จึงถูกถอดลงแล้วนำไปประกอบใหม่เป็นอาคารสถานีรถไฟหัวหินในปัจจุบัน[1]
สถานีรถไฟหัวหินเป็นสถานีชั้น 1 ภายในย่านสถานีรถไฟหัวหินมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างทที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์หลายหลัง ได้แก่ อาคารสถานีรถไฟ พลับพลาพระมงกุฎเกล้า หอสัญญาณประแจกล อาคารที่ทำการต่างๆ และบ้านพักพนักงานการรถไฟ นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟมีห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหินตั้งอยู่โดยห้องสมุดนี้สร้างขึ้นด้วยการดัดแปลงตู้รถไฟเก่า 2 คันมาเชื่อมต่อกันด้วยอาคารทางเข้าชั้นเดียวยกพื้นสูง และมีหัวรถจักรไอน้ำมิกาโด หมายเลข 305 ตั้งแสดงอยู่
ตารางเดินรถ[แก้]
- ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2565
เที่ยวไป[แก้]
มีจำนวน 16 ขบวน หยุดสถานี 16 ขบวน
ขบวนรถ | ต้นทาง | หัวหิน | ปลายทาง | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อสถานี | เวลาออก | ชื่อสถานี | เวลาถึง | |||
ด85 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 20.10 | 00.46 | นครศรีธรรมราช | 12.05 | |
ดพ39 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 22.20 | 02.14 | สุราษฎร์ธานี | 09.25 | |
ดพ41 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 22.20 | 02.14 | ยะลา | 14.45 | |
น911 | กรุงเทพ (หัวลําโพง) | 06:30 | 11.21 | สวนสนประดิพัทธ์ | 11:33 | มีเดินเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ |
ดพ43 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 08.10 | 12.05 | สุราษฎร์ธานี | 18.50 | |
ธ261 | กรุงเทพ (หัวลําโพง) | 09.20 | ปลายทาง | หัวหิน | 14.15 | |
ธ255 | ธนบุรี | 07.30 | 12.46 | หลังสวน | 20.20 | |
ร171 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 13.10 | 17.33 | สุไหงโก-ลก | 10.50 | |
ธ251 | ธนบุรี | 13.10 | 18.15 | ประจวบคีรีขันธ์ | 20.00 | |
ดพ45 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 15.35 | 19.10 | ปาดังเบซาร์ | 09.50 | |
ดพ31 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 14.50 | 19.05 | ชุมทางหาดใหญ่ | 07.25 | |
ร169 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 16.10 | 20.07 | ยะลา | 11.45 | |
ดพ37 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 15.35 | 20.05 | สุไหงโก-ลก | 12.30 | |
ร173 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 18.10 | 21.51 | นครศรีธรรมราช | 10.50 | |
ด83 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 17.30 | 21.59 | ตรัง | 08.50 | |
ร167 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 18.50 | 23.29 | กันตัง | 12.05 | |
* ดพ= รถด่วนพิเศษ / ด= รถด่วน / ร= รถเร็ว / ธ= รถธรรมดา / ช= รถชานเมือง / พช= รถพิเศษชานเมือง / ท= รถท้องถิ่น / น= รถนำเที่ยว / ส= รถสินค้า |
เที่ยวกลับ[แก้]
มีจำนวน 16 ขบวน หยุดสถานี 16 ขบวน
ขบวนรถ | ต้นทาง | หัวหิน | ปลายทาง | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อสถานี | เวลาออก | ชื่อสถานี | เวลาถึง | |||
ร174 | นครศรีธรรมราช | 12.45 | 00.42 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 05.10 | |
ร168 | กันตัง | 12.55 | 01.27 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 07.00 | |
ด86 | นครศรีธรรมราช | 15.20 | 02.30 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 07.45 | |
ร170 | ยะลา | 12.35 | 03.39 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 08.25 | |
ด84 | ตรัง | 17.00 | 04.10 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 09.25 | |
ดพ42 | ยะลา | 15.10 | 04.27 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 08.45 | |
ดพ44 | สุราษฎร์ธานี | 21.05 | 04.30 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 08.45 | |
ร172 | สุไหงโก-ลก | 12.00 | 05.24 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 10.30 | |
ดพ32 | ชุมทางหาดใหญ่ | 17.45 | 05.52 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 10.50 | |
ดพ46 | ปาดังเบซาร์ | 17.00 | 06.02 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 12.05 | |
ธ252 | ประจวบคีรีขันธ์ | 04.50 | 06.33 | ธนบุรี | 11.45 | |
ดพ38 | สุไหงโก-ลก | 14.20 | 06.59 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 12.05 | |
ธ254 | หลังสวน | 06.20 | 13.04 | ธนบุรี | 18.30 | |
ธ262 | หัวหิน | 14.30 | ต้นทาง | กรุงเทพ (หัวลําโพง) | 20.20 | |
ดพ40 | สุราษฎร์ธานี | 10.25 | 16.20 | กรุงเทพอภิวัฒน์ | 20.30 | |
น912 | สวนสนประดิพัทธ์ | 16:28 | 16.36 | กรุงเทพ (หัวลําโพง) | 21:40 | มีเดินเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ |
* ดพ= รถด่วนพิเศษ / ด= รถด่วน / ร= รถเร็ว / ธ= รถธรรมดา / ช= รถชานเมือง / พช= รถพิเศษชานเมือง / ท= รถท้องถิ่น / น= รถนำเที่ยว / ส= รถสินค้า |
แผนผังสถานี[แก้]
สถานีปัจจุบัน[แก้]
ถนนพระปกเกล้า |
มุ่งหน้า ห้วยทรายใต้ ----------|----------|----------|----------|------------|----------|----------|----------|----------|---------- มุ่งหน้า หนองแก |
----------------|----------|----------|----------|----------|------ รางหลีก ------|----------|----------|----------|----------|---------------- |
----------------|----------|----------|----------|----------|------ รางหลีก ------|----------|----------|----------|----------|---------------- |
สถานีแห่งใหม่[แก้]
U1 ชานชาลารถไฟทางไกล |
||
ชานชาลา 1 | รฟท. ใต้ มุ่งหน้าสถานีรถไฟหนองแก | |
ชานชาลา 2 | รฟท. ใต้ มุ่งหน้าสถานีรถไฟห้วยทรายใต้ | |
G ชั้นขายบัตรโดยสาร |
ชั้นขายบัตรโดยสาร | ทางออก 1-4, ศูนย์บริการผู้โดยสาร, ห้องขายบัตรโดยสาร, เครื่องขายบัตรโดยสาร, ร้านค้า |
G ระดับถนน |
- |
สิ่งก่อสร้างที่สำคัญ[แก้]
อาคารสถานี[แก้]
อาคารสถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบอาคารไม้แบบบังกะโลและศิลปะตะวันตก ผังพื้นสถานีเป็นรูปตัวอี(E) วางขนานไปกับทางรถไฟ ผังอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนสถานีและส่วนชานชาลา แต่ละส่วนมีหลังคาคลุมของตนเอง โดยส่วนสถานีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านหน้าติดกับถนนทางเข้า ตรงกลางของส่วนนี้เป็นห้องรับรอง มุขปลายทั้ง 2 ด้านเป็นโถงโล่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินยาวตลอด แนวอาคารส่วนด้านหลังงติดกับส่วนชานชาลาเป็นเป็นห้องต่างๆ เรียงต่อกันโดยห้องซ้ายสุดเป็นห้องขายตั๋ว ถัดมาเป็นโถงพักคอย ห้องทำงานนายสถานีห้องปฏิบัติการเดินรถ ห้องรับส่งสินค้า และห้องขวาสุดเป็นห้องประชุม ระหว่างห้องรับรองหัองทำงานนายสถานี ห้องปฏิบัติการเดินรถ และโถงโล่งปลายอาคาร ทั้ง 2 ด้าน มีห้องโถงแจกขนาดเล็กทำหน้าที่เชื่อมต่อห้องต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน หลังคาส่วนสถานีเป็นหลังคาปั้นหยา ด้านหน้าอาคารมีมุขยื่น 3 มุข หลังคาลดชั้นมีจั่วขนาดเล็กด้านบน หนับันใต้จั่วมีลายฉลุตกแต่งสวยงาม ส่วนชานชาลาเป็นโครงสร้างไม้เซาะร่อง หลังคาจั่วหัวตัดบริเวณตรงกลาง และด้านข้างทั้งสอง ด้านหน้าบันใต้จั่วมีลายฉลุตกแต่ง หลังคาอาคารทั้งหมดมุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าว
พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ[แก้]
พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นพลับพลาจตุรมุขสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมมีชื่อว่า พลับพลาสนามจันทร์ ตั้งอยู่ในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พลับพลานี้มีไว้ในการที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯเสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศทำการฝึกซ้อมยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี หลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้รื้อถอนมาเก็บไว้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
ต่อมาในปีพ.ศ. 2511 สมัยพันเอกแสง จุละจาริตต์ เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาเห็นว่าควรนำเครื่องอุปกรณ์ก่อสร้างของพลับพลาสนามจันทร์มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหินเพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การดำเนินการก่อสร้างนี้ใช้ช่างฝีมือคนไทยและได้มีการทำพิธีเปิดพลับพลาซึ่งได้ตั้งชื่อใหม่ว่า พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2517 โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน
โรงแรมรถไฟหัวหิน[แก้]
โรงแรมหัวหิน(โฮเต็ลหัวหิน) สร้างขึ้นโดยกรมรถไฟเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนชายทะเล และเป็นที่รักษาสุขภาพของพระบรมวงศานุวงศ์ ชาวต่างประเทศและคหบดี ประกอบด้วยอาคารหลัก 1 หลัง กลุ่มบังกะโล และพื้นที่โดยรอบที่มีการจัดสวนอย่างสวยงาม มีการเปิดใช้โรงแรมอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมกับสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน 9 หลุมแรก ในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2465 หลังจากนั้น ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2466 จึงเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการ
อาคารหลักของโรงแรมออกแบบโดยนายเอริกาซซิ (Mr. A. Rigassi) สถาปนิกชาวอิตาลี เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา มุงด้วยกระเบื้องว่าวสีแดง ผังพื้นอาคารเป็นรูปตัวแอล(L) ประกอบด้วยโถงกลางรูปกลม สองข้างของโถงกลางเป็นปีกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำมุมฉากกัน พื้นที่ชั้นล่างเป็นส่วนต้อนรับและบริการ ห้องอาหาร และเดอะมิเซียมคอฟฟี่แอนด์ทีคอร์เนอร์ พื้นที่ชั้นบนเป็นส่วนห้องพักทั้งหมด โดยมีระเบียงและทางเดินกว้างขนาบทั้งด้านหน้าและด้านหลังของพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ระหว่างเสาระเบียงแต่ละช่วงมีแผงกันแดดบานเกล็ดไม้ แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกให้เข้ากับภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของประเทศไทย สำหรับบังกะโลเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง หลังคาเป็นทรงจั่ว ด้านหน้าเป็นระเบียงทางขึ้นขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในมีลักษณะโปร่งโล่งทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ให้โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีช รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน (Centara Grand Beach Resort & Villas Hua Hin) เป็นผู้เช่า ซึ่งได้มีการอนุรักษ์และพัฒนาอาคารหลัก กลุ่มบังกะโล และสวนไม้ดัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรักษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่สำคัญไว้ได้[1]
ซึ่งในอดีตเคยมีทางรถไฟแยกเข้าไปทางโรงแรมแห่งนี้
ระเบียงภาพ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 ชูแก้ว, ปริญญา (2014). "การอนุรักษ์และพัฒนาอาคารสถานีรถไฟ ในฐานะมรดกทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของไทย" (PDF). สืบค้นเมื่อ 2022-01-27.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)