พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พาณิชย์นาวี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวีตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี
ที่ตั้งในจังหวัดจันทบุรี
ก่อตั้ง9 มกราคม 2544 (2544-01-09)
ที่ตั้งค่ายเนินวง อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
พิกัดภูมิศาสตร์12°35′05″N 102°04′05″E / 12.584686090701794°N 102.06793104467424°E / 12.584686090701794; 102.06793104467424
ประเภทพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เจ้าของ กรมศิลปากร
ที่จอดรถมี (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
เว็บไซต์www.finearts.go.th/maritimemuseum

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี (อังกฤษ: National Maritime Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพาณิชย์นาวีและการเดินเรือของประเทศไทย สังกัดสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม[1]

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายเนินวง อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ภายในมีการจัดแสดงเกี่ยวกับการค้าทางเรือของประเทศไทยจากการศึกษาและค้นคว้าทางโบราณคดีใต้น้ำมามากกว่า 20 ปี

ประวัติ[แก้]

พ.ศ. 2517 กรมศิลปากรได้เริ่มต้นงานด้านโบราณคดีใต้น้ำในประเทศไทย เพื่อศึกษาด้านวัฒนธรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำ โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคมทางน้ำ การค้าขาย และความสัมพันธ์ระหว่างเมืองท่าต่าง ๆ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน[2]

ต่อมา พ.ศ. 2553 กรมศิลปากรได้ตั้งฐานปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำขึ้นมา ณ ท่าแฉลบ และตั้งศูนย์การอนุรักษ์โบราณวัตถุใต้ทะเล ณ ค่ายเนินวง ตำบลบางกะจะ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ซึ่งการสำรวจขุดค้นได้คืบหน้ามากขึ้นทำให้มีการขุดพบโบราณวัตถุทั้งจากใต้ทะเลและบริเวณซากเรือจมเก่ามากขึ้นตามลำดับ ประกอบกับในปี พ.ศ. 2535 กองทัพเรือได้ตรวจยึดโบราณวัตถุจากนักล่าสมบัติชาวต่างชาติที่เข้ามาลักลอบขุดค้นในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ที่กองทัพเรือได้ส่งมอบให้กรมศิลปากรได้เก็บรักษา ณ สำนักโบราณคดีใต้น้ำ ค่ายเนินวง ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20,000 ชิ้น ทำให้กรมศิลปากรได้มีนโยบายเร่งผลักดันให้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวีขึ้นมา เพื่อใช้เป็นแหล่งในการรวบรวมและเก็บรักษารวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับงานโบราณคดีใต้น้ำ และการศึกษาประวัติศาสตร์การพาณิชย์นาวีของประเทศไทยในพื้นที่ค่ายเนินวงดังกล่าว[2]

จากนั้นในปี พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำจังหวัด เพื่อเป็นสถานที่ในการศึกษาความเป็นมาทางด้านสังคม ชาติพันธุ์ วิถีชีวิต เศรษฐกิจ และธรรมชาติวิทยาของท้องถิ่นขึ้นมา กรมศิลปากรจึงได้ผนวกโครงการดังกล่าวในจังหวัดจันทบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ตัวอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี จันทบุรี ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2537 และเสด็จมาทรงเป็นประธานในการเปิดให้บริการอย่างป็นทางการในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2544[2][3]

ตัวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวีนั้น ประกอบไปด้วยอาคารแฝดความสูง 2 ชั้น พื้นที่จัดแสดงภายในรวม 3,500 ตารางเมตร มีที่ตั้งอยู่ในโบราณสถานค่ายเนินวง ซึ่งเป็นป้อมค่ายโบราณที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้รับศึกญวนในช่วงรัชกาลที่ 3[2]

การจัดแสดง[แก้]

ห้องจัดแสดงแบ่งออกเป็น 6 ห้อง[3] ดังนี้

ห้องที่ 1 จัดแสดงสินค้าและวิถีชีวิตชาวเรือ[แก้]

จัดแสดงเรือสำเภาขนาดเท่าลำจริง แสดงถึงวิถีชีวิตชาวเรือและสินค้าชนิดต่าง ๆ ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในสมัยโบราณ รวมถึงการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มีการขุดพบจากใต้ทะเล เช่น คันฉ่องสำริด กุญแจจีน เบ็ดสำหรับตกปลา ฉาบจากสำริด พริกไทย ลูกหมาก ไข่เป็ด[3] ที่ได้รับการค้นพบในซากเรือจมในพื้นที่ของอ่าวไทย[4]

ห้องที่ 2 ห้องแนะนำปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำ[แก้]

จัดแสดงการปฏิบัติงานของนักโบราณคดีใต้น้ำ โดยจำลองสภาพพื้นที่ของแหล่งโบราณคดีใต้น้ำในจังหวัดจันทบุรี วิธีการปฏิบัติงานใต้น้ำ และอุปกรณ์ที่ใช้งานในการปฏิบัติงาน[3]

ห้องที่ 3 ห้องคลังโบราณวัตถุ[แก้]

จัดเก็บโบราณวัตถุนอกเหนือจากที่นำไปจัดแสดง โดยจะได้รับการจัดเก็บรักษาไว้ในคลังที่มีลักษณะพิเศษ ออกแบบให้ด้านหนึ่งมีผนังเป็นกระจก สามารถให้ผู้เข้าชมสามารถมองเห็นโบราณวัตถุในห้องคลังได้[3] โดยทั่วไปจะไม่เปิดคลังจัดเก็บให้บุคคลภายนอกสามารถรับชมได้ เนื่องจากเป็นห้องคลังจัดเก็บแยกออกจากส่วนจัดแสดง[4]

ห้องที่ 4 ห้องเรือและวิถีชีวิตชาวเรือ[แก้]

จัดแสดงความสัมพันธ์ของคนไทยในอดีตที่ดำรงชีวิตใกล้ชิดกับสายน้ำ โดยจัดแสดงเรือจำลองในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะและการใช้สอยที่สอดคล้องกับชีวิตคนไทยในแต่ละพื้นที่[3] และจัดแสดงในรูปแบบย่อส่วนจากขนาดจริง[4]

ห้องที่ 5 ห้องของดีเมืองจันท์[แก้]

จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของจังหวัดตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการก่อตั้งเมือง เหตุการณ์ต่าง ๆ และเรื่องราวของ "ชาวชอง" ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของจันทบุรี และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท้องที่ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ และของที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรี[3] การทำเหมืองพลอย และการทำสวนผลไม้[5]

ห้องที่ 6 ห้องบุคคลสำคัญ[แก้]

จัดแสดงเรื่องราวของพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวไทยในการกอบกู้เอกราชของชาติหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2[3]

รายละเอียด[แก้]

เปิดทำการทุกวันพุธ–อาทิตย์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.00 น.[3] มีลานจอดรถให้บริการ[3][6]

ค่าเข้าชม[แก้]

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี มีอัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์[3] ดังนี้

  • ชาวไทย 20 บาท
  • ชาวต่างชาติ 100 บาท
  • นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ พระภิกษุ สามเณร และผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม[3]

บริการ[แก้]

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี ให้บริการ[7] ดังนี้

  • การนำชมเป็นหมู่คณะ จากมัคคุเทศก์[8]
  • การให้บริการนิทรรศการแบบหมุนเวียน ภาพถ่าย และหนังสือจากห้องสมุดพิพิธภัณฑ์
  • การจัดบรรยายทางวิชาการ
  • การจัดจำหน่ายหนังสือ โปสต์การ์ด และของที่ระลึก

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี จันทบุรี | วิสัยทัศน์และพันธกิจ". www.finearts.go.th.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 "ความเป็นมา || About us". www.virtualmuseum.finearts.go.th.
  3. 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 3.10 3.11 Thailand, Museum. "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี จันทบุรี :: Museum Thailand". www.museumthailand.com.
  4. 4.0 4.1 4.2 "นิทรรศการ || กิจกรรม - การแสดง". www.virtualmuseum.finearts.go.th.
  5. "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี จันทบุรี | CBT Thailand". cbt.
  6. "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี จันทบุรี". thai.tourismthailand.org (ภาษาอังกฤษ).
  7. "การบริการ || service". www.virtualmuseum.finearts.go.th.
  8. "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวีจันทบุรี". thailandtourismdirectory.go.th (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]