ข้ามไปเนื้อหา

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

พิกัด: 12°36′36″N 102°7′12″E / 12.61000°N 102.12000°E / 12.61000; 102.12000
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
Cathedral of the Immaculate Conception
บริเวณด้านหน้าอาสนวิหารในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567
แผนที่
12°36′36″N 102°7′12″E / 12.61000°N 102.12000°E / 12.61000; 102.12000
ที่ตั้ง110 หมู่ 5 ถนนสันติสุข ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
ประเทศไทย
นิกายโรมันคาทอลิก
เว็บไซต์www.cathedralchan.or.th
ประวัติ
ก่อตั้งพ.ศ. 2237[1]
อุทิศแก่พระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล
เสกเมื่อ10 มกราคม พ.ศ. 2452
บุคคลที่เกี่ยวข้องบาทหลวงเฮิ้ต (Heutte Tolentino)
บาทหลวงเปรีกาล (Perigal)
และคริสตชนชาวญวน (ผู้สร้าง)
สถาปัตยกรรม
รูปแบบสถาปัตย์กอทิก (Gothic-style)
ปีสร้างพ.ศ.2254 (โบสถ์หลังที่ 1)
พ.ศ.2298 (โบสถ์หลังที่ 2)
พ.ศ.2377 (โบสถ์หลังที่ 3)
พ.ศ.2398 (โบสถ์หลังที่ 4)
พ.ศ.2448 (โบสถ์หลังปัจจุบัน)
11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 (วางส่วนยอดแหลม)
งานฐานราก6 มกราคม พ.ศ.2449
แล้วเสร็จพ.ศ.2464
งบประมาณ124,954 บาท[2]
โครงสร้าง
อาคารยาว60 เมตร
อาคารกว้าง20 เมตร
จำนวนชั้น2
จำนวนโดม2
ระฆัง3 ลูก
Tenor bell weightลูกใหญ่ 650 กก. เสียงซอล
ลูกกลาง 325 กก. เสียงซี
ลูกเล็ก 160 กก. เสียงเร
การปกครอง
มุขมณฑลเขตมิสซังจันทบุรี
แขวงจันทบุรี
นักบวช
มุขนายกบิชอป ฟิลิป อดิศักดิ์ พรงาม
อธิการโบสถ์บาทหลวง วิเชียร ฉันทพิริยะกุล

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (อังกฤษ: Cathedral of the Immaculate Conception) เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณริมคลองจันทบุรี ตรงข้ามชุมชนริมน้ำจันทบูร ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี วิหารปัจจุบันนี้เป็นหลังที่ 5 โดยบาทหลวงเอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ ชาวฝรั่งเศส ได้ทำพิธีเสกขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2452[1] และก่อสร้างขึ้นโดยคุณพ่อเปรีกาล เดิมวิหารติดยอดแหลมบริเวณหอระฆังทั้ง 2 หอ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปี พ.ศ. 2483[3] ทางรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ทำการรื้อออกด้วยเหตุผลว่าจะเป็นเป้าทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ[4] จนภายหลังสงครามยุติก็ได้นำมาติดตั้งอีกครั้งในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552 วิหารแห่งนี้มีอายุรวมแล้วกว่า 116 ปี

ประวัติความเป็นมา

[แก้]

อาสนวิหารนับเป็นวิหารที่อยู่คู่ชุมชนชาวจันทบูรมาช้านาน นับตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ จนถึงปัจจุบัน[2]

  • โบสถ์หลังที่ 1
    • โบสถ์แห่งแรกได้ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวญวน 130 คน ที่หนีการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในประเทศเวียดนาม เข้ามาตั้งรกรากในปี พ.ศ. 2254 โดยมีบาทหลวงเฮิ้ต โตแลนติโน (Father Heit Tolancino) เป็นผู้ดูแลกลุ่มชาวญวนเหล่านี้ และได้ทำการก่อสร้างโบสถ์หลังแรกขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2273-2295 ในลักษณะวัดน้อย (Chapel)
    • มีหลักฐานบันทึกว่าวิหารได้ถูกสร้างขึ้นบนฝั่งขวา (ฝั่งตะวันตก) ของแม่น้ำจันทบุรี บนเนินสูงริมฝั่งทิศใต้ของเจดีย์วัดจันทนารามไปประมาณ 200-300 เมตร ต่อมาได้เกิดเหตุไม่สงบในหมู่บ้านทำให้คริสตชนบางส่วนเดินทางออกจากหมู่บ้าน ทิ้งวิหารจนเสื่อมโทรม
  • โบสถ์หลังที่ 2
    • ในปี พ.ศ. 2295 โดยบาทหลวงเดอกัวนา (Father Degoana) ได้รวบรวมชาวคาทอลิกให้มาปลูกที่พักอาศัยอยู่รวมกันที่เดิม และได้สร้างโบสถ์หลังที่ 2 ขึ้นมาในบริเวณเดิม โบสถ์นี้ปลูกสร้างด้วยไม้กระดานเก่า ไม้ไผ่ หลังคามุงใบตาล
    • แต่บาทหลวงเดอกัวนาถึงแก่มรณภาพไปในปี พ.ศ.2298 ทางพระคุณเจ้าบริโกต์ (Bishop Pierre Brigot) จึงได้มอบหมายให้บาทหลวงจาง (ชาวจีน) มาเป็นอธิการโบสถ์แทน (พ.ศ. 2299-2343) ซึ่งเป็นระยะเวลา 44 ปีในช่วงเปลี่ยนผ่านยุคสมัยตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
    • ในช่วงปลายของบาทหลวงจาง พระคุณเจ้าการ์โนลต์ (Bishop Arnaud-Antoine Garnault) ได้มอบหมายให้บาทหลวงฟลอรังส์ (Father Esprit-Marie-Joseph Florens) ผู้ซึ่งภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นบิชอปมิสซังสยาม มาช่วยดูแลโบสถ์ และในช่วงนี้เองได้มีสังฆานุกรลูกวัดคนแรกชื่อ มัทเทียโด มาช่วยงานอยู่ 5 ปี ก่อนจะได้รับศีลอนุกรมจากพระคุณเจ้าการ์โนลต์ และได้รับแต่งตั้งมาเป็นอธิการโบสถ์สืบต่อจากบาทหลวงจาง
  • โบสถ์หลังที่ 3
    • ในช่วงสุดท้ายของบาทหลวงมัทเทียโด (Father Matthias) เป็นอธิการโบสถ์ พระคุณเจ้าฟลอรังส์ (Bishop Esprit-Marie-Joseph Florens) ได้ให้บาทหลวงเคลมังโซมาช่วยงานบาทหลวงมัทเทียโด โดยท่านทั้งสองได้ทำการสร้างวิหารอีกครั้งเป็นหลังที่ 3 โดยได้ทำการย้ายมาตั้งในบริเวณที่ตั้งปัจจุบัน (ฝั่งตะวันออก) ในปี พ.ศ. 2377[5]
    • แต่ถึงอย่างนั้น โบสถ์หลังที่ 3 ก็ถูกสร้างเป็นแบบชั่วคราว โดยสันนิษฐานว่ามีโครงการที่จะสร้างโบสถ์ขนาดใหญ่เพื่อให้พอรองรับชาวคาทอลิกอย่างน้อย 1,000 คน (ตามหลักฐานจำนวนสัตบุรุษในปี พ.ศ.2343)
  • โบสถ์หลังที่ 4
    • ในสมัยคุณพ่อรังแฟง (Father Ran Faing) เป็นอธิการโบสถ์ พบว่าเป็นระยะเวลาที่ชุมชนคาทอลิกเติบโตขึ้นมาก จนมีสัตบุรุษมากกว่า 1,000 คนแล้ว จึงได้ทำการสร้างโบสถ์หลังใหม่ลักษณะถาวรแบบก่ออิฐถือปูน เป็นหลังที่ 4 ในปี พ.ศ.2398
  • โบสถ์หลังที่ 5 (ปัจจุบัน)
    • ถึงแม้ว่าโบสถ์หลังที่ 4 จะก่อสร้างด้วยถาวรวัตถุแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วโบสถ์ก็ถือว่าคับแคบอีก เพราะตามสถิติปรากฏจากหลักฐานว่าปี พ.ศ.2418 มีสัตบุรุษ 1,500 คน และเพิ่มขึ้นเป็น 2,400 คน ในปี พ.ศ.2443
    • ดังนั้น เมื่อพระคุณเจ้าหลุยส์ เวย์ (Bishop Jean-Louis Vey) ได้ให้คุณพ่อเปรีกาล (Father Perigal) มาเป็นอธิการโบสถ์ที่จันทบุรี เมื่อปีพ.ศ.2443 จึงได้ริเริ่มสร้างโบสถ์หลังใหม่ใน 3 ปีต่อมา กล่าวคือในปี พ.ศ.2446 บาทหลวงเปรีกาลได้เริ่มเตรียมหาอุปกรณ์ก่อสร้างไว้ ครั้นในปีพ.ศ.2448 ก็ได้ลงมือรื้อโบสถ์หลังที่ 4 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2448 และทำการสร้างโบสถ์ชั่วคราวขึ้นในบริเวณที่เป็นสนามบาสเกตบอลหน้าหอประชุมนิรมลปัจจุบัน ได้ใช้เป็นวัด 3 ปี
    • สำหรับการสร้างโบสถ์หลังที่ 5 นั้น ได้ทำพิธีเสกศิลาฤกษ์ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2449 โดยหลุมวางศิลาฤกษ์อยู่ตรงประตูกลางหน้าโบสถ์ ลึก 2 เมตร มีเอกสารบรรจุในขวด ในวันทำพิธีเสกได้เชิญบาทหลวงมาตราต์ อธิการสามเณราลัยมาเป็นประธาน ร่วมกับบาทหลวงอีกหลายท่านในพิธี อาทิ บาทหลวงเปรีกาล บาทหลวงแปร์รอส บาทหลวงตอกเกล บาทหลวงการต็อง บาทหลวงแฟฟร์ และบาทหลวงอากิม ซึ่งโบสถ์นี้เมื่อสร้างเสร็จจะมีความยาว 60 เมตร กว้าง 20 เมตร
    • ในปีพ.ศ.2450 โบสถ์ใหม่เริ่มใช้ประกอบพิธีมิสซาได้แล้ว แต่สภาพยังไม่เรียบร้อย ซึ่งจะต้องจัดหาส่วนประกอบต่างๆ เช่นระฆังวัด นาฬิกา รูปปั้นนักบุญ กระจกภาพสี ฯลฯ มาประดับในเวลาต่อมา
      • พ.ศ.2452 ได้ทำการติดตั้งนาฬิกาเรือนใหญ่ (เส้นรอบหน้าปัด 4.70 ม.) บนหอสูง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไกลประมาณ ราว 2 กิโลเมตร
      • ในปีเดียวกัน ได้จัดพิธีเสกวัดในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2452 โดยบาทหลวงกอลมเบต์ อุปมุขนายก ได้มาเป็นประธานในพิธี
      • พ.ศ.2455 ได้ทำการติดตั้งกระจกสีเหนือหน้าต่างตอนสัตบุรุษนั่ง
      • พ.ศ.2456 ใส่กระจกชั้นบนตอนมุขหน้าวัด
      • พ.ศ.2457 ติดตั้งส่วนกระจกสีที่เป็นภาพนักบุญต่างๆ บนบริเวณเหนือพระแท่น

คุณค่าทางสถาปัตยกรรม

[แก้]

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล นับเป็นหนึ่งในวิหารที่มีสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นโบสถ์ระดับชั้นอาสนวิหารแห่งเดียวในฝั่งตะวันออกของไทย มีจุดเด่นที่เด่นชัดคือยอดแหลมบนหอระฆัง 2 หลัง ภายในวิหารมีการตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์ ช่องบานกระจกแบบกอทิก และกระจกงานกระจกสี นอกจากนี้ภายในยังมีแม่พระที่มีความล้ำค่า ซึ่งตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ด หรือกว่า 2 หมื่นกะรัต[6] และฐานซึ่งหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่างๆ[3] วิหารแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี 2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย[7]

ระเบียงภาพ

[แก้]


อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 ประวัติความเป็นมา อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี, ที่เที่ยวไทย .สืบค้นเมื่อ 05/06/2559
  2. 2.0 2.1 นามทอน, สง่า (2021-06-28). "อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล". ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 2025-06-02.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  3. 3.0 3.1 เที่ยวเมืองจันท์ “สัมผัสชุมชนริมน้ำฯ-ตระการตางานมรรคาศักดิ์สิทธิ์” ที่โบสถ์คาทอลิก[ลิงก์เสีย], ผู้จัดการ .สืบค้นเมื่อ 05/06/2559
  4. รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว, amazing Thailand .สืบค้นเมื่อ 05/06/2559
  5. วัดคาทอลิกจันทบุรี อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เก็บถาวร 2016-02-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ตะลอนไทย .สืบค้นเมื่อ 06/05/2559
  6. แม่พระประดับพลอย 20000 กะรัต อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี, Bloggang .สืบค้นเมื่อ 05/06/2559
  7. อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เก็บถาวร 2016-04-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ,ท่องเที่ยวสะดุดตา .สืบค้นเมื่อ 05/06/2559

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]