ข้ามไปเนื้อหา

ฌอร์ดี อัลบา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ฆอร์ดิ อัลบา)
ฌอร์ดี อัลบา
ฌอร์ดี อัลบา ขณะลงเล่นกับสเปนพบกับรัสเซียใน ค.ศ. 2017
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม ฌอร์ดี อัลบา ราโมส[1]
วันเกิด (1989-03-21) 21 มีนาคม ค.ศ. 1989 (35 ปี)
สถานที่เกิด ลุสปิตาแล็ตดายูบรากัต บาร์เซโลนา สเปน
ส่วนสูง 1.70 เมตร (5 ฟุต 7 นิ้ว)[2]
ตำแหน่ง กองหลังซ้าย
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
อินเตอร์ไมแอมี
หมายเลข 18
สโมสรเยาวชน
1998–2005 บาร์เซโลนา
2005–2007 กูร์นัลยา
2007–2008 บาเลนเซีย
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2007–2008 บาเลนเซีย เม็สตัลยา 18 (5)
2008–2012 บาเลนเซีย 74 (5)
2008–2009ฌิมนัสติก (ยืมตัว) 35 (4)
2012–2023 บาร์เซโลนา 313 (17)
2023– อินเตอร์ไมแอมี 1 (0)
ทีมชาติ
2006 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี 6 (1)
2009 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี 9 (0)
2008–2011 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 4 (0)
2012 สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 4 (0)
2011– สเปน 85 (8)
2008– กาตาลุญญา 5 (0)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19:23, 25 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (UTC)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2022

ฌอร์ดี อัลบา อี ราโมส (กาตาลา: Jordi Alba i Ramos) หรือ ฌอร์ดี อัลบา ราโมส (สเปน: Jordi Alba Ramos; เกิดวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1989) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันลงเล่นให้กับอินเตอร์ไมแอมี สโมสรในเมเจอร์ลีก และทีมชาติสเปน เขามักได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา[3][4][5] และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล[6][7][8][9]

ประวัติ

[แก้]

ระดับเยาวชน

[แก้]

อัลบาเกิดในลุสปิตาแล็ตดายูบรากัต นครบาร์เซโลนา ในแคว้นกาตาลุญญา อัลบาเริ่มต้นอาชีพในศูนย์ฝึกเยาวชนลามาเซียของบาร์เซโลนา ซึ่งเขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย (left winger) แต่ได้รับการปล่อยตัวจากสโมสรเมื่อปี ค.ศ. 2005 เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่เล็กเกินไป[10] จากนั้นเขาก็เข้าร่วมทีม กูร์นัลยา ซึ่งอยู่ในแคว้นคาตาลันเช่นกันและหลังจากผ่านไปเกือบสองปีเขาก็ตกลงย้ายเข้าสู่ บาเลนเซีย ในราคา 6,000 ยูโร และจบการศึกษาฟุตบอลที่นี่[11]

หลังจากช่วยให้ทีมสำรองของบาเลนเซีย เลื่อนชั้นสู่เตร์เซราดิบิซิออน ในฤดูกาล 2007–08 อัลบาได้ถูกยืมตัวไปยังฌิมนัสติก ทีมในเซกุนดาดิบิซิออน โดยเขาได้ลงเล่น 36 นัดให้กับทีม และพาทีมจบลำดับที่ 10 บนตารางคะแนนในลีก[12]

บาเลนเซีย

[แก้]
อัลบา ขณะลงเล่นกับบาเลนเซีย

หลังจากกลับมาอยู่กับบาเลนเซียในฤดูกาล 2009–10 เมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2009 อัลบาได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในเกมที่เอาชนะ เรอัลบายาโดลิด 4-2 โดยเขาถูกส่งมาเป็นตัวสำรองแทนที่ ดาบิด ซิลบา ในนาทีที่ 80[13] เมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2009 เขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทีมของเขาพบกับ ล็อสก์ลีล ที่ สนามกีฬาลีล-เมโทรโปเลอ ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอกันที่ 1–1[14] หลังจากอัลบาได้รับบาดเจ็บ เขาได้เลือกที่จะเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นจากตำแหน่ง ปีกซ้าย มาเป็นตำแหน่ง แบ็กซ้าย (กองหลังด้านซ้าย) ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2010 อัลบาทำประตูแรกให้กับทีมได้ในนัดที่บาเลนเซีย ออกไปเยือนมายอร์กา ในเกมลาลิกา ซึ่งผลจบลงด้วยการแพ้ 2–3[15]

ในฤดูกาลถัดมา (2010–11) ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง อูไน เอเมรี เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหลังด้านซ้ายอยู่เป็นประจำ โดยมี เฌเรมี มาตีเยอ เป็นตัวสำรองของเขาในตำแหน่งนี้ เขาลงเล่น 27 นัดในลีกและพาทีมจบลำดับที่ 3 บนตารางคะแนนลาลิกา และทำให้บาเลนเซียได้ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลถัดไป

ในฤดูกาลถัดมา เอเมรี ได้ใช้วิธีการลงเล่นเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยครั้งเพื่อทำเกมรุกและเกมรับ ระหว่าง เฌเรมี มาตีเยอ กับ อัลบา ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เขาทดสอบใช้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว[16][17][18] ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพของเกมรับของทีม[19]

บาร์เซโลนา

[แก้]
อัลบา ขณะลงเล่นกับบาร์เซโลนา ในฤดูกาล 2014–15 พบกับ นาโปลี ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2012 อัลบาเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนาเป็นระยะเวลา 5 ปีโดยมีค่าตัวจำนวน 14 ล้านยูโร[20] เขาลงเล่นเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ในนัดเปิดฤดูกาลลาลิกาโดยเปิดกัมนอว์เอาชนะเรอัลโซซิเอดัด 5–1 ตัวเขายังเล่นครบ 90 นาที อีกด้วย[21]

อัลบายิงประตูแรกของเขากับบาร์เซโลนาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ในนัดที่ออกไปเยือนเดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา โดยเขายิงประตูขึ้นนำ 0–1 ในนาทีที่ 3 ก่อนที่ผลจะจบลงด้วยชัยชนะที่ 5–4 ในอีก 3 วันต่อมาในเกม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งบาร์เซโลนาเปิดบ้านพบกับ เซลติก เข้ายังเป็นคนทำประตูชัยในนาทีที่ 93 ช่วยให้บาร์เซโลนาชนะไปด้วยผล 2–1[22] โดยในฤดูกาลแรกของอัลบานี้เขาได้รับโอกาสลงเล่นจาก ตีโต บีลานอบา ผู้จัดการทีม 44 นัดในทุกรายการและทวงคืนแชมป์ลีกกลับสู่ทีมได้หลังจากเสียแชมป์ให้กับ เรอัลมาดริด เมื่อฤดูกาลก่อน[23]

ในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 อัลบา ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศของโกปาเดลเรย์ ฤดูกาล 2014–15 เป็นเวลา 77 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกไปโดยมีเฌเรมี มาตีเยอลงมาเล่นแทน ช่วยให้ทีมเอาชนะอัตเลติกบิลบาโอ 1–3 ซึ่งเป็นการชนะเลิศโกปาเดลเรย์เป็นครั้งแรกของเขาและเป็นสมัยที่ 27 ของทีมจากกาตาลัน ในอีก 3 วันถัดมา อัลบา ได้ต่อสัญญากับบาร์เซโลนาออกไปอีก 5 ปี จนถึงปี ค.ศ. 2020 โดยมีค่าฉีกสัญญา 150 ล้านยูโร[24] โดยสี่วันหลังจากวันที่ต่อสัญญานั้น อัลบา ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่โอลึมพีอาชตาดีอ็อน ในกรุงเบอร์ลิน กับยูเวนตุส โดยทีมของพวกเขาเอาชนะไป 3–1 ทำให้ทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ[25] ตลอดฤดูกาลเขาลงเล่น 38 นัดและทำ 1 ประตู และพาทีมคว้าทุกแชมป์ที่บาร์เซโลนามีสิทธิ์ลงเล่นในฤดูกาลนี้[26][27] ในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เขายังได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2015 พบกับริเบร์เปลต ช่วยให้ทีมเอาชนะ 3–0 ทำให้ อัลบา ชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเป็นสมัยแรกของตัวเขาและเป้นสมัยที่สามของสโมสร

ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 อัลบา พาทีมคว้าแชมป์ โกปาเดลเรย์ โดยเขาสามารถทำประตูได้ในรอบชิงชนะเลิศ กับเซบียา ที่บิเซนเต กัลเดรอน ในช่วงต่อเวลาพิเศษในนาทีที่ 97 เป็นประตูขึ้นนำ 1–0 ก่อนที่เนย์มาร์จะทำประตูที่สองทำให้ผลจบลงที่ 2–0[28]

ฌอร์ดี อัลยา กับลิโอเนล เมสซิ ขณะฝึกซ้อมร่วมกันในบาร์เซโลนา ในปี ค.ศ. 2019

ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2019 อัลบา ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยมีค่าฉีกสัญญา 500 ล้านยูโร[29] ในฤดูกาล 2020–21 เขาได้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมโดยทำ 5 ประตู 13 แอสซิตส์ ในทุกรายการ และช่วยให้ทีมชนะเลิศโกปาเดลเรย์[30] เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564 อัลบา ได้รับการประกาศให้เป็นกัปตันทีมลำดับที่สี่ของบาร์เซโลนา หลังจากที่กัปตันลิโอเนล เมสซิ ออกจากสโมสรไปในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2021–22[31]

ระดับทีมชาติ

[แก้]
อัลบา ขณะลงเล่นในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 พบกับ โมร็อกโก ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด

ในปี ค.ศ. 2008 อัลบา ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมชาติสเปน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เพื่อแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป โดยเขาทำประตูได้ในเกมกับเยอรมนี แต่สเปนตกรอบแรกของการแข่งขัน ในปีต่อมา เขาคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเมดิเตอร์เรเนียนเกมส์ 2009 ณ กรุงเพสการา กับทีมชาติสเปนรุ่นดังกล่าวนี้โดยเขาได้ลงเล่น 4 นัด รวมถึงได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ประเทศอียิปต์

ในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2011 อัลบา ได้ถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชาติสเปน ชุดใหญ่ เพื่อแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก กับ สาธารณรัฐเช็ก และ สกอตแลนด์[32] โดยเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมกับสกอตแลนด์ในวันที่ 11 ตุลาคม ที่เอสตาดิโอโฆเซริโกเปเรซ ซึ่งสเปนเอาชนะไป 3–1 โดยเขายังสามารถทำแอสซิตส์ให้กับดาบิด ซิลบา เพื่อนร่วมทีมบาเลนเซียทำประตูได้อีกด้วย[33] ในปี ค.ศ. 2012 เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี สำหรับการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่สหราชอาณาจักร โดยเขาได้ลงเล่นครบทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มและสเปนก็ตกรอบที่รอบนี้หลังจากแพ้ 2 นัดและเสมอ 1 นัด[34]

อัลบา (แถวล่างด้านขวาสุด) พร้อมกับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมชาติสเปนในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 พบกับ อิตาลี

อัลบาได้รับเลือกจากบิเซนเต เดล โบสเกให้เป็น 1 ใน 23 คนของทีมชาติสเปน เพื่อแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบสุดท้ายที่โปแลนด์และยูเครน โดยเขาลงเล่นครบทุกนัดและในรอบก่อนรองชนะเลิศ เขาได้เปิดบอลให้กับชาบี อาลอนโซ ทำประตูขึ้นนำ 2–0 เก็บชัยชนะเหนือฝรั่งเศส ด้วยคะแนนดังกล่าวได้สำเร็จ[35] ในรอบชิงชนะเลิศกับอิตาลี เขาได้ทำประตูขึ้นนำ 2-0 ในนาทีที่ 41 โดยผลการแข่งขันจบลงที่ชัยชนะ 4–0 ทำให้สเปนคว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน[36][37]

ในปีถัดมาเขาได้เข้าร่วมแข่งขัน ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 ที่บราซิล โดยเขาสามารถทำ 2 ประตูได้ในเกมกับไนจีเรีย ในรอบแบ่งกลุ่มทำให้สเปนเอาชนะไป 3–0 โดยตลอดการแข่งขันเขาได้ลงเล่น 4 นัดรวมถึงในนัดชิงชนะเลิศกับบราซิลที่มารากานัง ทีมของพวกเขาแพ้ให้กับทีมเจ้าภาพไป 3–0[38]

ในปีถัดมาเขาได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมทีมเพื่อแข่งขันฟุตบอลโลก 2014[39] โดยเขาได้ลงเล่นครบทั้ง 3 นัดและทีมของพวกเขาตกรอบแรกของการแข่งขันครั้งนี้[40] ในปี ค.ศ. 2016 เขาได้เข้าแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ฝรั่งเศส โดยเขาได้ลงเล่นทั้ง 4 นัดตลอดการแข่งขันรวมถึงในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับอิตาลี ซึ่งสเปนแพ้ไป 2–0 ทำให้ทีมของพวกเขาตกรอบในรอบดังกล่าวนี้[41]ในปี ค.ศ. 2018 เขาได้แข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ซึ่งเขาได้ลงเล่นในทุกนัดตลอดการแข่งขัน โดยทีมของเขาตกรอบในรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังจากแพ้การดวลลูกโทษ 4–3 ให้กับร้สเซียหลังเสมอกันใน 120 นาที 1–1[42]

ในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เขายังได้เป็นหนึ่งใน 24 คนในทีมของลุยส์ เอนริเก ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020[43][44] ซึ่งเขาได้ลงเล่นทุกนัด และทำได้หนึ่งประตูในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่เสมอกับสวิตเซอร์แลนด์ 1–1 ในนาทีที่ 8 ก่อนที่สเปนเอาชนะได้ในช่วงการดวลลูกโทษ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ[45] ก่อนพ่ายแพ้ต่อทีมชนะเลิศอย่างอิตาลี ซึ่งเขายังได้รับหน้าที่เป็นกัปตันในช่วงท้ายของนัด[46]

เกียรติประวัติ

[แก้]

บาร์เซโลนา[2]

สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี

สเปน[2]

รางวัลส่วนตัว

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Jordi Alba". Liga de Fútbol Profesional. สืบค้นเมื่อ 16 August 2019.
  2. 2.0 2.1 2.2 "Jordi Alba". FC Barcelona. สืบค้นเมื่อ 4 September 2018.
  3. "'Jordi Alba is the best left-back in the world' - Liverpool's Robertson". sport (ภาษาอังกฤษ). 2019-11-20. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  4. "Top 10 Left-Backs in World Football Right Now". Pundit Feed (ภาษาอังกฤษ). 2020-04-05. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  5. Netto, Brendon. "Story of the decade: Sergio Ramos and Jordi Alba among best defenders - Sport360 News". sport360.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  6. "10 Best Soccer Left Backs Of All Time (2022 Rankings)". Soccerprime (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-07-05. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  7. "Cole, Alba, Marcelo: The battle to be crowned BEST left-back in the world". talkSPORT (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2012-10-15. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  8. "Lionel Messi and Jordi Alba are the best double act in world football right now". Dream Team FC (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-01-12. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  9. ""Jordi Alba will be better than Roberto Carlos" - MARCA.com". www.marca.com. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
  10. Jordi Alba, la bala (Jordi Alba, the bullet); Marca, 2 June 2014 (in Spanish)
  11. Jordi Alba, el lateral que se incorporó por sorpresa (Jordi Alba, the full back who joined by surprise) เก็บถาวร 2016-06-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Sphera Sports, 4 January 2014 (in Spanish)
  12. Jordi Alba ya es grana y Campano puede quedarse (Jordi Alba is already grana and Campano might stay); Diario AS, 26 July 2008 (in Spanish)
  13. Villa stars in Valencia win เก็บถาวร 2012-10-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; ESPN Soccernet, 13 September 2009
  14. "Losc 1-1 Valencia". UEFA. 17 September 2009. สืบค้นเมื่อ 3 May 2020.
  15. Los Che complete woeful week เก็บถาวร 2012-10-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; ESPN Soccernet, 11 April 2010
  16. Barcelona 2–1 Valencia: Barca outmanoeuvred early on, but stage second half fightback เก็บถาวร 2012-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Zonal Marking, 19 October 2010
  17. Valencia 2–2 Barcelona: Emery gets the better of Guardiola early on, but Barca fight back เก็บถาวร 2013-07-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Zonal Marking, 22 September 2011
  18. Tactical breakdown of Valencia 2 – Barcelona 2 (Emery v Guardiola) เก็บถาวร 2011-12-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; 101 Great Goals, 22 September 2011
  19. Alba anxious to learn เก็บถาวร 2014-07-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; FIFA, 5 October 2011
  20. Agreement with Valencia over Jordi Alba; FC Barcelona, 28 June 2012
  21. "Messi bags brace for five-goal Barca". ESPN Soccernet. 19 August 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-23. สืบค้นเมื่อ 20 August 2012.
  22. "Breathtaking Barcelona blow Milan away". UEFA. 12 March 2013. สืบค้นเมื่อ 13 March 2013.
  23. "The first La Liga title for eight FC Barcelona players". FC Barcelona. 13 May 2015. สืบค้นเมื่อ 7 June 2015.
  24. "Agreement to extend Jordi Alba's contract until 30 June 2020". FC Barcelona. 2 June 2015. สืบค้นเมื่อ 2 June 2015.
  25. "Barcelona see off Juventus to claim fifth title". UEFA. 6 June 2015. สืบค้นเมื่อ 7 June 2015.
  26. "Almería 1–2 Barcelona". BBC Sport. 8 November 2014. สืบค้นเมื่อ 16 February 2016.
  27. "Barça make history with second treble!". FC Barcelona. 6 มิถุนายน 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 มิถุนายน 2015. สืบค้นเมื่อ 7 มิถุนายน 2015.
  28. "Messi sirve el doblete" [Messi hands out double] (ภาษาสเปน). Marca. 22 May 2016. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
  29. "Jordi Alba, a blaugrana until 2024". www.fcbarcelona.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-05-09.
  30. "Jordi Alba, the defender with the most goals and assists". FC Barcelona. 25 February 2021. สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
  31. Bona, German (9 August 2021). "Jordi Alba, cuarto capitán del Barça". Sport (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
  32. Only one new face as Del Bosque names Spain squad; Shanghai Daily, 30 September 2011
  33. Spain 3–1 Scotland; BBC Sport, 11 October 2011
  34. "Euro 2012 trio Mata, Alba & Martinez in Spain Olympic squad". BBC Sport. 5 July 2012. สืบค้นเมื่อ 19 February 2018.
  35. Centurion Alonso sends Spain into last four; UEFA, 23 June 2012
  36. "Spain overpower Italy to win UEFA EURO 2012". UEFA. 1 July 2012. สืบค้นเมื่อ 3 July 2012.
  37. Jordi Alba: I cannot believe what has happened; Goal, 1 July 2012
  38. "Alba brace sees Spain top group". FIFA. 23 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 June 2013. สืบค้นเมื่อ 25 June 2013.
  39. "Spain World Cup 2014 squad". The Daily Telegraph. 2 June 2014. สืบค้นเมื่อ 9 July 2014.
  40. "Villa and Spain bow out on a high". FIFA. 23 June 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-15. สืบค้นเมื่อ 9 July 2014.
  41. แม่แบบ:Cute web
  42. "Morata misses out on Spain's 23-man World Cup squad". Goal. 21 May 2018. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
  43. "Morata misses out on Spain's 23-man World Cup squad". Goal.com. 21 May 2018. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
  44. Braidwood, Jamie (24 May 2021). "Euro 2020 news LIVE: Sergio Ramos left out of Spain squad plus latest before England announcement". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 June 2022. สืบค้นเมื่อ 24 May 2021.
  45. Mikel Oyarzabal fires Spain into the semi-finals of Euro 2020 as the Real Sociedad star scores the decisive penalty in nerve-shredding shootout after heroic display from Switzerland in Saint Petersburg เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 โดย Craig Hope ผ่านทาง Dailymail สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม ค.ศ. 2022
  46. REVEALED: Giorgio Chiellini taunted Jordi Alba after he thought the referee's red coin meant SPAIN had won the first toss for their Euro 2020 semi-final shootout at Wembley... only for the Italy captain to playfully remind him he was wrong! เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 โดย Alvise Cagnazzo ผ่านทาง Mailonline สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม ค.ศ. 2022
  47. "Acta del Partido celebrado el 16 de abril de 2014, en Valencia" [Minutes of the Match held on 16 April 2014, in Valencia] (ภาษาสเปน). Royal Spanish Football Federation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-15. สืบค้นเมื่อ 22 June 2020.
  48. "Acta del Partido celebrado el 25 de mayo de 2019, en Sevilla" [Minutes of the Match held on 25 May 2019, in Seville] (ภาษาสเปน). Royal Spanish Football Federation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-15. สืบค้นเมื่อ 22 June 2020.
  49. "ITA – ESP 1:2 (0:0)" (PDF). Pescara 2009. 4 July 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 15 February 2012. สืบค้นเมื่อ 10 April 2014.
  50. "UEFA EURO 2012 Team of the Tournament". UEFA. 2 July 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-14. สืบค้นเมื่อ 9 July 2014.
  51. "2015 World XI: the reserve teams". FIFPro. 11 January 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
  52. "FifPro announces reserve Teams of the Year – but Luis Suarez and Arjen Robben won't be laughing while Iker Casillas is somehow named the second best goalkeeper of 2013". The Independent. 15 January 2014. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
  53. "FIFA FIFPro World XI: the reserve teams". FIFPro. 15 January 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
  54. "2016 World 11: the reserve teams". FIFPro. 9 January 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
  55. "World 11: The Reserve Team for 2017–18". FIFPro. 24 September 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 June 2019. สืบค้นเมื่อ 25 September 2018.
  56. "Rankings: How All 55 Male Players Finished". FIFPro World Players' Union. 23 September 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-24. สืบค้นเมื่อ 2020-05-14.
  57. "UEFA Champions League squad of the season". UEFA. 9 June 2015. สืบค้นเมื่อ 9 June 2015.
  58. "The 2014/15 Liga BBVA Ideal XI". Liga de Fútbol Profesional. 15 June 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 September 2018. สืบค้นเมื่อ 17 June 2015.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]