ฌอร์ดี อัลบา
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ฌอร์ดี อัลบา ราโมส[1] | |||||||||||||||||||
วันเกิด | 21 มีนาคม ค.ศ. 1989 | |||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | ลุสปิตาแล็ตดายูบรากัต บาร์เซโลนา สเปน | |||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.70 เมตร (5 ฟุต 7 นิ้ว)[2] | |||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองหลังซ้าย | |||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | ||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | อินเตอร์ไมแอมี | |||||||||||||||||||
หมายเลข | 18 | |||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||||||
1998–2005 | บาร์เซโลนา | |||||||||||||||||||
2005–2007 | กูร์นัลยา | |||||||||||||||||||
2007–2008 | บาเลนเซีย | |||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||||||
2007–2008 | บาเลนเซีย เม็สตัลยา | 18 | (5) | |||||||||||||||||
2008–2012 | บาเลนเซีย | 74 | (5) | |||||||||||||||||
2008–2009 | → ฌิมนัสติก (ยืมตัว) | 35 | (4) | |||||||||||||||||
2012–2023 | บาร์เซโลนา | 313 | (17) | |||||||||||||||||
2023– | อินเตอร์ไมแอมี | 1 | (0) | |||||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | ||||||||||||||||||||
2006 | สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี | 6 | (1) | |||||||||||||||||
2009 | สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี | 9 | (0) | |||||||||||||||||
2008–2011 | สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี | 4 | (0) | |||||||||||||||||
2012 | สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี | 4 | (0) | |||||||||||||||||
2011– | สเปน | 85 | (8) | |||||||||||||||||
2008– | กาตาลุญญา | 5 | (0) | |||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19:23, 25 มิถุนายน ค.ศ. 2022 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2022 |
ฌอร์ดี อัลบา อี ราโมส (กาตาลา: Jordi Alba i Ramos) หรือ ฌอร์ดี อัลบา ราโมส (สเปน: Jordi Alba Ramos; เกิดวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1989) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันลงเล่นให้กับอินเตอร์ไมแอมี สโมสรในเมเจอร์ลีก และทีมชาติสเปน เขามักได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา[3][4][5] และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล[6][7][8][9]
ประวัติ
[แก้]ระดับเยาวชน
[แก้]อัลบาเกิดในลุสปิตาแล็ตดายูบรากัต นครบาร์เซโลนา ในแคว้นกาตาลุญญา อัลบาเริ่มต้นอาชีพในศูนย์ฝึกเยาวชนลามาเซียของบาร์เซโลนา ซึ่งเขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย (left winger) แต่ได้รับการปล่อยตัวจากสโมสรเมื่อปี ค.ศ. 2005 เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่เล็กเกินไป[10] จากนั้นเขาก็เข้าร่วมทีม กูร์นัลยา ซึ่งอยู่ในแคว้นคาตาลันเช่นกันและหลังจากผ่านไปเกือบสองปีเขาก็ตกลงย้ายเข้าสู่ บาเลนเซีย ในราคา 6,000 ยูโร และจบการศึกษาฟุตบอลที่นี่[11]
หลังจากช่วยให้ทีมสำรองของบาเลนเซีย เลื่อนชั้นสู่เตร์เซราดิบิซิออน ในฤดูกาล 2007–08 อัลบาได้ถูกยืมตัวไปยังฌิมนัสติก ทีมในเซกุนดาดิบิซิออน โดยเขาได้ลงเล่น 36 นัดให้กับทีม และพาทีมจบลำดับที่ 10 บนตารางคะแนนในลีก[12]
บาเลนเซีย
[แก้]หลังจากกลับมาอยู่กับบาเลนเซียในฤดูกาล 2009–10 เมื่อวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2009 อัลบาได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในเกมที่เอาชนะ เรอัลบายาโดลิด 4-2 โดยเขาถูกส่งมาเป็นตัวสำรองแทนที่ ดาบิด ซิลบา ในนาทีที่ 80[13] เมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2009 เขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทีมของเขาพบกับ ล็อสก์ลีล ที่ สนามกีฬาลีล-เมโทรโปเลอ ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอกันที่ 1–1[14] หลังจากอัลบาได้รับบาดเจ็บ เขาได้เลือกที่จะเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นจากตำแหน่ง ปีกซ้าย มาเป็นตำแหน่ง แบ็กซ้าย (กองหลังด้านซ้าย) ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2010 อัลบาทำประตูแรกให้กับทีมได้ในนัดที่บาเลนเซีย ออกไปเยือนมายอร์กา ในเกมลาลิกา ซึ่งผลจบลงด้วยการแพ้ 2–3[15]
ในฤดูกาลถัดมา (2010–11) ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง อูไน เอเมรี เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหลังด้านซ้ายอยู่เป็นประจำ โดยมี เฌเรมี มาตีเยอ เป็นตัวสำรองของเขาในตำแหน่งนี้ เขาลงเล่น 27 นัดในลีกและพาทีมจบลำดับที่ 3 บนตารางคะแนนลาลิกา และทำให้บาเลนเซียได้ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลถัดไป
ในฤดูกาลถัดมา เอเมรี ได้ใช้วิธีการลงเล่นเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยครั้งเพื่อทำเกมรุกและเกมรับ ระหว่าง เฌเรมี มาตีเยอ กับ อัลบา ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เขาทดสอบใช้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว[16][17][18] ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพของเกมรับของทีม[19]
บาร์เซโลนา
[แก้]เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2012 อัลบาเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนาเป็นระยะเวลา 5 ปีโดยมีค่าตัวจำนวน 14 ล้านยูโร[20] เขาลงเล่นเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ในนัดเปิดฤดูกาลลาลิกาโดยเปิดกัมนอว์เอาชนะเรอัลโซซิเอดัด 5–1 ตัวเขายังเล่นครบ 90 นาที อีกด้วย[21]
อัลบายิงประตูแรกของเขากับบาร์เซโลนาเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ในนัดที่ออกไปเยือนเดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา โดยเขายิงประตูขึ้นนำ 0–1 ในนาทีที่ 3 ก่อนที่ผลจะจบลงด้วยชัยชนะที่ 5–4 ในอีก 3 วันต่อมาในเกม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งบาร์เซโลนาเปิดบ้านพบกับ เซลติก เข้ายังเป็นคนทำประตูชัยในนาทีที่ 93 ช่วยให้บาร์เซโลนาชนะไปด้วยผล 2–1[22] โดยในฤดูกาลแรกของอัลบานี้เขาได้รับโอกาสลงเล่นจาก ตีโต บีลานอบา ผู้จัดการทีม 44 นัดในทุกรายการและทวงคืนแชมป์ลีกกลับสู่ทีมได้หลังจากเสียแชมป์ให้กับ เรอัลมาดริด เมื่อฤดูกาลก่อน[23]
ในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 อัลบา ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศของโกปาเดลเรย์ ฤดูกาล 2014–15 เป็นเวลา 77 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกไปโดยมีเฌเรมี มาตีเยอลงมาเล่นแทน ช่วยให้ทีมเอาชนะอัตเลติกบิลบาโอ 1–3 ซึ่งเป็นการชนะเลิศโกปาเดลเรย์เป็นครั้งแรกของเขาและเป็นสมัยที่ 27 ของทีมจากกาตาลัน ในอีก 3 วันถัดมา อัลบา ได้ต่อสัญญากับบาร์เซโลนาออกไปอีก 5 ปี จนถึงปี ค.ศ. 2020 โดยมีค่าฉีกสัญญา 150 ล้านยูโร[24] โดยสี่วันหลังจากวันที่ต่อสัญญานั้น อัลบา ได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่โอลึมพีอาชตาดีอ็อน ในกรุงเบอร์ลิน กับยูเวนตุส โดยทีมของพวกเขาเอาชนะไป 3–1 ทำให้ทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ[25] ตลอดฤดูกาลเขาลงเล่น 38 นัดและทำ 1 ประตู และพาทีมคว้าทุกแชมป์ที่บาร์เซโลนามีสิทธิ์ลงเล่นในฤดูกาลนี้[26][27] ในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เขายังได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2015 พบกับริเบร์เปลต ช่วยให้ทีมเอาชนะ 3–0 ทำให้ อัลบา ชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเป็นสมัยแรกของตัวเขาและเป้นสมัยที่สามของสโมสร
ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 อัลบา พาทีมคว้าแชมป์ โกปาเดลเรย์ โดยเขาสามารถทำประตูได้ในรอบชิงชนะเลิศ กับเซบียา ที่บิเซนเต กัลเดรอน ในช่วงต่อเวลาพิเศษในนาทีที่ 97 เป็นประตูขึ้นนำ 1–0 ก่อนที่เนย์มาร์จะทำประตูที่สองทำให้ผลจบลงที่ 2–0[28]
ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2019 อัลบา ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยมีค่าฉีกสัญญา 500 ล้านยูโร[29] ในฤดูกาล 2020–21 เขาได้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมโดยทำ 5 ประตู 13 แอสซิตส์ ในทุกรายการ และช่วยให้ทีมชนะเลิศโกปาเดลเรย์[30] เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564 อัลบา ได้รับการประกาศให้เป็นกัปตันทีมลำดับที่สี่ของบาร์เซโลนา หลังจากที่กัปตันลิโอเนล เมสซิ ออกจากสโมสรไปในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาล 2021–22[31]
ระดับทีมชาติ
[แก้]ในปี ค.ศ. 2008 อัลบา ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมชาติสเปน รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เพื่อแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป โดยเขาทำประตูได้ในเกมกับเยอรมนี แต่สเปนตกรอบแรกของการแข่งขัน ในปีต่อมา เขาคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเมดิเตอร์เรเนียนเกมส์ 2009 ณ กรุงเพสการา กับทีมชาติสเปนรุ่นดังกล่าวนี้โดยเขาได้ลงเล่น 4 นัด รวมถึงได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ที่ประเทศอียิปต์
ในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2011 อัลบา ได้ถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชาติสเปน ชุดใหญ่ เพื่อแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก กับ สาธารณรัฐเช็ก และ สกอตแลนด์[32] โดยเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมกับสกอตแลนด์ในวันที่ 11 ตุลาคม ที่เอสตาดิโอโฆเซริโกเปเรซ ซึ่งสเปนเอาชนะไป 3–1 โดยเขายังสามารถทำแอสซิตส์ให้กับดาบิด ซิลบา เพื่อนร่วมทีมบาเลนเซียทำประตูได้อีกด้วย[33] ในปี ค.ศ. 2012 เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี สำหรับการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่สหราชอาณาจักร โดยเขาได้ลงเล่นครบทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่มและสเปนก็ตกรอบที่รอบนี้หลังจากแพ้ 2 นัดและเสมอ 1 นัด[34]
อัลบาได้รับเลือกจากบิเซนเต เดล โบสเกให้เป็น 1 ใน 23 คนของทีมชาติสเปน เพื่อแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบสุดท้ายที่โปแลนด์และยูเครน โดยเขาลงเล่นครบทุกนัดและในรอบก่อนรองชนะเลิศ เขาได้เปิดบอลให้กับชาบี อาลอนโซ ทำประตูขึ้นนำ 2–0 เก็บชัยชนะเหนือฝรั่งเศส ด้วยคะแนนดังกล่าวได้สำเร็จ[35] ในรอบชิงชนะเลิศกับอิตาลี เขาได้ทำประตูขึ้นนำ 2-0 ในนาทีที่ 41 โดยผลการแข่งขันจบลงที่ชัยชนะ 4–0 ทำให้สเปนคว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน[36][37]
ในปีถัดมาเขาได้เข้าร่วมแข่งขัน ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2013 ที่บราซิล โดยเขาสามารถทำ 2 ประตูได้ในเกมกับไนจีเรีย ในรอบแบ่งกลุ่มทำให้สเปนเอาชนะไป 3–0 โดยตลอดการแข่งขันเขาได้ลงเล่น 4 นัดรวมถึงในนัดชิงชนะเลิศกับบราซิลที่มารากานัง ทีมของพวกเขาแพ้ให้กับทีมเจ้าภาพไป 3–0[38]
ในปีถัดมาเขาได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมทีมเพื่อแข่งขันฟุตบอลโลก 2014[39] โดยเขาได้ลงเล่นครบทั้ง 3 นัดและทีมของพวกเขาตกรอบแรกของการแข่งขันครั้งนี้[40] ในปี ค.ศ. 2016 เขาได้เข้าแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ฝรั่งเศส โดยเขาได้ลงเล่นทั้ง 4 นัดตลอดการแข่งขันรวมถึงในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับอิตาลี ซึ่งสเปนแพ้ไป 2–0 ทำให้ทีมของพวกเขาตกรอบในรอบดังกล่าวนี้[41]ในปี ค.ศ. 2018 เขาได้แข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซีย ซึ่งเขาได้ลงเล่นในทุกนัดตลอดการแข่งขัน โดยทีมของเขาตกรอบในรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังจากแพ้การดวลลูกโทษ 4–3 ให้กับร้สเซียหลังเสมอกันใน 120 นาที 1–1[42]
ในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เขายังได้เป็นหนึ่งใน 24 คนในทีมของลุยส์ เอนริเก ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020[43][44] ซึ่งเขาได้ลงเล่นทุกนัด และทำได้หนึ่งประตูในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่เสมอกับสวิตเซอร์แลนด์ 1–1 ในนาทีที่ 8 ก่อนที่สเปนเอาชนะได้ในช่วงการดวลลูกโทษ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ[45] ก่อนพ่ายแพ้ต่อทีมชนะเลิศอย่างอิตาลี ซึ่งเขายังได้รับหน้าที่เป็นกัปตันในช่วงท้ายของนัด[46]
เกียรติประวัติ
[แก้]บาร์เซโลนา[2]
- ลาลิกา: 2012–13, 2014–15, 2015–16, 2017–18, 2018–19
- โกปาเดลเรย์: 2014–15, 2015–16, 2016–17, 2017–18 , 2020–21 รองชนะเลิศ: 2013–14,[47] 2018–19[48]
- ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา: 2013, 2016, 2018
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2014–15
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2015
สเปน รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี
สเปน[2]
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: 2012
- ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ รองชนะเลิศ: 2013
- ยูฟ่าเนชันส์ลีก รองชนะเลิศ: 2020–21
รางวัลส่วนตัว
- ทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: 2012[50]
- ฟีฟโปรเวิลด์ 11: ทีมลำดับที่ 2 2015[51] ทีมลำดับที่ 3 2013, 2014, 2016, 2018[52][53][54][55] ได้รับการเสนอชื่อ 2019 (ลำดับที่ 8 ในตำแหน่งกองหลัง)[56]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล: 2014–15[57]
- ลาลิกา ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล: 2014–15[58]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Jordi Alba". Liga de Fútbol Profesional. สืบค้นเมื่อ 16 August 2019.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "Jordi Alba". FC Barcelona. สืบค้นเมื่อ 4 September 2018.
- ↑ "'Jordi Alba is the best left-back in the world' - Liverpool's Robertson". sport (ภาษาอังกฤษ). 2019-11-20. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ "Top 10 Left-Backs in World Football Right Now". Pundit Feed (ภาษาอังกฤษ). 2020-04-05. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ Netto, Brendon. "Story of the decade: Sergio Ramos and Jordi Alba among best defenders - Sport360 News". sport360.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ "10 Best Soccer Left Backs Of All Time (2022 Rankings)". Soccerprime (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-07-05. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ "Cole, Alba, Marcelo: The battle to be crowned BEST left-back in the world". talkSPORT (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2012-10-15. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ "Lionel Messi and Jordi Alba are the best double act in world football right now". Dream Team FC (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-01-12. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ ""Jordi Alba will be better than Roberto Carlos" - MARCA.com". www.marca.com. สืบค้นเมื่อ 2022-06-14.
- ↑ Jordi Alba, la bala (Jordi Alba, the bullet); Marca, 2 June 2014 (in Spanish)
- ↑ Jordi Alba, el lateral que se incorporó por sorpresa (Jordi Alba, the full back who joined by surprise) เก็บถาวร 2016-06-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Sphera Sports, 4 January 2014 (in Spanish)
- ↑ Jordi Alba ya es grana y Campano puede quedarse (Jordi Alba is already grana and Campano might stay); Diario AS, 26 July 2008 (in Spanish)
- ↑ Villa stars in Valencia win เก็บถาวร 2012-10-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; ESPN Soccernet, 13 September 2009
- ↑ "Losc 1-1 Valencia". UEFA. 17 September 2009. สืบค้นเมื่อ 3 May 2020.
- ↑ Los Che complete woeful week เก็บถาวร 2012-10-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; ESPN Soccernet, 11 April 2010
- ↑ Barcelona 2–1 Valencia: Barca outmanoeuvred early on, but stage second half fightback เก็บถาวร 2012-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Zonal Marking, 19 October 2010
- ↑ Valencia 2–2 Barcelona: Emery gets the better of Guardiola early on, but Barca fight back เก็บถาวร 2013-07-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Zonal Marking, 22 September 2011
- ↑ Tactical breakdown of Valencia 2 – Barcelona 2 (Emery v Guardiola) เก็บถาวร 2011-12-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; 101 Great Goals, 22 September 2011
- ↑ Alba anxious to learn เก็บถาวร 2014-07-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; FIFA, 5 October 2011
- ↑ Agreement with Valencia over Jordi Alba; FC Barcelona, 28 June 2012
- ↑ "Messi bags brace for five-goal Barca". ESPN Soccernet. 19 August 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-23. สืบค้นเมื่อ 20 August 2012.
- ↑ "Breathtaking Barcelona blow Milan away". UEFA. 12 March 2013. สืบค้นเมื่อ 13 March 2013.
- ↑ "The first La Liga title for eight FC Barcelona players". FC Barcelona. 13 May 2015. สืบค้นเมื่อ 7 June 2015.
- ↑ "Agreement to extend Jordi Alba's contract until 30 June 2020". FC Barcelona. 2 June 2015. สืบค้นเมื่อ 2 June 2015.
- ↑ "Barcelona see off Juventus to claim fifth title". UEFA. 6 June 2015. สืบค้นเมื่อ 7 June 2015.
- ↑ "Almería 1–2 Barcelona". BBC Sport. 8 November 2014. สืบค้นเมื่อ 16 February 2016.
- ↑ "Barça make history with second treble!". FC Barcelona. 6 มิถุนายน 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 มิถุนายน 2015. สืบค้นเมื่อ 7 มิถุนายน 2015.
- ↑ "Messi sirve el doblete" [Messi hands out double] (ภาษาสเปน). Marca. 22 May 2016. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ "Jordi Alba, a blaugrana until 2024". www.fcbarcelona.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-05-09.
- ↑ "Jordi Alba, the defender with the most goals and assists". FC Barcelona. 25 February 2021. สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
- ↑ Bona, German (9 August 2021). "Jordi Alba, cuarto capitán del Barça". Sport (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
- ↑ Only one new face as Del Bosque names Spain squad; Shanghai Daily, 30 September 2011
- ↑ Spain 3–1 Scotland; BBC Sport, 11 October 2011
- ↑ "Euro 2012 trio Mata, Alba & Martinez in Spain Olympic squad". BBC Sport. 5 July 2012. สืบค้นเมื่อ 19 February 2018.
- ↑ Centurion Alonso sends Spain into last four; UEFA, 23 June 2012
- ↑ "Spain overpower Italy to win UEFA EURO 2012". UEFA. 1 July 2012. สืบค้นเมื่อ 3 July 2012.
- ↑ Jordi Alba: I cannot believe what has happened; Goal, 1 July 2012
- ↑ "Alba brace sees Spain top group". FIFA. 23 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 June 2013. สืบค้นเมื่อ 25 June 2013.
- ↑ "Spain World Cup 2014 squad". The Daily Telegraph. 2 June 2014. สืบค้นเมื่อ 9 July 2014.
- ↑ "Villa and Spain bow out on a high". FIFA. 23 June 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-15. สืบค้นเมื่อ 9 July 2014.
- ↑ แม่แบบ:Cute web
- ↑ "Morata misses out on Spain's 23-man World Cup squad". Goal. 21 May 2018. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
- ↑ "Morata misses out on Spain's 23-man World Cup squad". Goal.com. 21 May 2018. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
- ↑ Braidwood, Jamie (24 May 2021). "Euro 2020 news LIVE: Sergio Ramos left out of Spain squad plus latest before England announcement". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 June 2022. สืบค้นเมื่อ 24 May 2021.
- ↑ Mikel Oyarzabal fires Spain into the semi-finals of Euro 2020 as the Real Sociedad star scores the decisive penalty in nerve-shredding shootout after heroic display from Switzerland in Saint Petersburg เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 โดย Craig Hope ผ่านทาง Dailymail สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม ค.ศ. 2022
- ↑ REVEALED: Giorgio Chiellini taunted Jordi Alba after he thought the referee's red coin meant SPAIN had won the first toss for their Euro 2020 semi-final shootout at Wembley... only for the Italy captain to playfully remind him he was wrong! เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 โดย Alvise Cagnazzo ผ่านทาง Mailonline สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม ค.ศ. 2022
- ↑ "Acta del Partido celebrado el 16 de abril de 2014, en Valencia" [Minutes of the Match held on 16 April 2014, in Valencia] (ภาษาสเปน). Royal Spanish Football Federation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-15. สืบค้นเมื่อ 22 June 2020.
- ↑ "Acta del Partido celebrado el 25 de mayo de 2019, en Sevilla" [Minutes of the Match held on 25 May 2019, in Seville] (ภาษาสเปน). Royal Spanish Football Federation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-15. สืบค้นเมื่อ 22 June 2020.
- ↑ "ITA – ESP 1:2 (0:0)" (PDF). Pescara 2009. 4 July 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 15 February 2012. สืบค้นเมื่อ 10 April 2014.
- ↑ "UEFA EURO 2012 Team of the Tournament". UEFA. 2 July 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-14. สืบค้นเมื่อ 9 July 2014.
- ↑ "2015 World XI: the reserve teams". FIFPro. 11 January 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
- ↑ "FifPro announces reserve Teams of the Year – but Luis Suarez and Arjen Robben won't be laughing while Iker Casillas is somehow named the second best goalkeeper of 2013". The Independent. 15 January 2014. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
- ↑ "FIFA FIFPro World XI: the reserve teams". FIFPro. 15 January 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
- ↑ "2016 World 11: the reserve teams". FIFPro. 9 January 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
- ↑ "World 11: The Reserve Team for 2017–18". FIFPro. 24 September 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 June 2019. สืบค้นเมื่อ 25 September 2018.
- ↑ "Rankings: How All 55 Male Players Finished". FIFPro World Players' Union. 23 September 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-24. สืบค้นเมื่อ 2020-05-14.
- ↑ "UEFA Champions League squad of the season". UEFA. 9 June 2015. สืบค้นเมื่อ 9 June 2015.
- ↑ "The 2014/15 Liga BBVA Ideal XI". Liga de Fútbol Profesional. 15 June 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 September 2018. สืบค้นเมื่อ 17 June 2015.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- โปรไฟล์ที่เว็บไซต์สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา
- ประวัติของ ฌอร์ดี อัลบา ที่ BDFutbol
- ชีวประวัติและข้อมูลที่เว็บไซต์ CiberChe (สเปน)
- ข้อมูลในระดับทีมชาติ
- ฌอร์ดี อัลบา ที่ National-Football-Teams.com
- ฌอร์ดี อัลบา – สถิติการลงแข่งจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) (ในภาษาอังกฤษ)
- ฌอร์ดี อัลบา – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2532
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักฟุตบอลชาวสเปน
- นักฟุตบอลชาวกาตาลา
- นักฟุตบอลทีมชาติกาตาลุญญา
- นักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติสเปน
- ผู้เล่นในลาลิกา
- ผู้เล่นในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลอินเตอร์ไมแอมี
- นักฟุตบอลทีมชาติสเปน
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012
- นักฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012
- กองหลังฟุตบอล
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2014
- ปีกฟุตบอล
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2018
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2022
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศยูฟ่าเนชันส์ลีก