เบรุต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เบรุต

بيروت

เบย์รูธ
Ladylebanon.JPG
Martyrs' Square Beirut 1.jpg
Holiday Inn Beirut 5735831531 c45c86e01b t.jpg
The new old Beirut (4694832036).jpg
Beyrouth Sursock Museum 60.jpg
Panorama of Rawshe (8232500618).jpg
ธงของเบรุต
ธง
BlasonBeyrouth4.jpg
ตรา
สมญา: 
ปารีสตะวันออก[1]
คำขวัญ: 
เบรุต นิติมารดา
(ละติน: Berytus Nutrix Legum;
อังกฤษ: Beirut, mother of laws)
เบรุตตั้งอยู่ในประเทศเลบานอน
เบรุต
เบรุต
เบรุตตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง
เบรุต
เบรุต
พิกัด: 33°53′13″N 35°30′47″E / 33.88694°N 35.51306°E / 33.88694; 35.51306พิกัดภูมิศาสตร์: 33°53′13″N 35°30′47″E / 33.88694°N 35.51306°E / 33.88694; 35.51306
ประเทศ เลบานอน
เขตรัฐบาลเบรุต
การปกครอง
 • นายกเทศมนตรีJamal Itani
พื้นที่
 • เมืองหลวง19.8 ตร.กม. (7.6 ตร.ไมล์)
 • รวมปริมณฑล67 ตร.กม. (26 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2014)
 • เมืองหลวงป. 361,366[2] คน
 • รวมปริมณฑลป. 2,200,000[3] คน
เดมะนิมเบรุตี (Beiruti)
เขตเวลาUTC+2 (EET)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC+3 (EEST)
รหัสพื้นที่+961 (01)
รหัส ISO 3166LB-BA
นักบุญองค์อุปถัมภ์นักบุญจอร์จ
เว็บไซต์www.beirut.gov.lb แก้ไขสิ่งนี้ที่วิกิสนเทศ

เบรุต (อาหรับ: بيروت; อังกฤษ: Beirut) คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเลบานอน ประมาณการในปี 2550 ว่ามีประชากรระหว่าง 1 ถึง 2.2 ล้านคนในเขตมหานคร นับเป็นนครใหญ่สุดอันดับสามในภูมิภาคลิแวนต์ (Levant) นครตั้งอยู่บนคาบสมุทร ณ จุดกึ่งกลางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของประเทศเลบานอน

นับเป็นนครเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันเกิน 5,000 ปี มีการกล่าวถึงกรุงเบรุตครั้งแรกในจดหมายอะมาร์นา (Amarna) จากราชอาณาจักรอียิปต์ใหม่ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ก่อนคริสตกาล

กรุงเลบานอนเป็นนครที่ทำการรัฐบาลเลบานอน และมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ เป็นที่ตั้งของธนาคารและบริษัทส่วนใหญ่ หลังสงครามกลางเมืองเลบานอน ภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเลบานอนอยู่ระหว่างบูรณะครั้งใหญ่[4][5][6] จัดเป็นนครโลกระดับบีตาโดยเครือข่ายวิจัยโลกาภิวัฒน์และนครของโลก[7]

ประวัติ[แก้]

เบรุตเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของเลบานอน เป็นเมืองเก่าที่เป็นศูนย์กลางการศึกษามาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน สันนิษฐานว่าชื่อเมืองนี้มาจากภาษาอราเมอิก berotha แปลว่าต้นสน หรืออาจจะมาจากภาษาละติน berytus ที่มาจากภาษาคานาอันและภาษาฟินิเชียน beroth หมายถึงบ่อน้ำ

ชื่อเมืองเบรุตปรากฏในจารึกของอียิปต์โบราณที่เรียกจารึกเทลส์ เอลอมาร์นาซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งในสมัยจักรวรรดิโรมัน เบรุตถูกกองทัพโรมันทำลายหลายครั้ง จนโรมันเข้ามาปกครองเมื่อ พ.ศ. 479 ทำให้เบรุตเจริญรุ่งเรืองในช่วงที่เป็นอาณานิคมของโรมัน มีชื่อเสียงทางด้านการศึกษา กฎหมายตั้งแต่ พ.ศ. 743 แต่หลังจากเกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองเมื่อ พ.ศ. 1094 ทำให้ประชากรลดลงมาก

เมื่อชาวอาหรับมาโจมตีซีเรียใน พ.ศ. 1178 เบรุตจึงอยู่ภายใต้การปกครองของอาหรับจนถึงสมัยสงครามครูเสด พวกครูเสดได้จัดตั้งราชอาณาจักรลาดินแห่งเยรูซาเล็มเมื่อ พ.ศ. 1653 พระเจ้าเบลด์วินที่ 1 ทรงมาตีเมืองเบรุตได้ ทำให้เบรุตกลายเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงระหว่างนักรบครูเสดและมุสลิม จนมุสลิมสามารถขับไล่พวกครูเสดออกไปได้เมื่อ พ.ศ. 1834 เบรุตจึงเป็นส่วนหนึ่งของอียิปต์ที่ปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มัมลูก ในช่วงนี้ เมืองเบรุตยิ่งเสื่อมโทรมลง จนจักรวรรดิออตโตมานปราบปรามซีเรีย อียิปต์ และอิรักได้ใน พ.ศ. 2059 เบรุตจึงเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมาน โดยออตโตมานให้เจ้าชายของชาวดรูซมาปกครองเลบานอนตอนกลางและตอนใต้

ใน พ.ศ. 2315 เบรุตกลายเป็นแหล่งของการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจคือรัสเซีย อังกฤษ เติร์ก และออสเตรีย จน พ.ศ. 2384 จึงให้มุฮัมหมัด อาลี แห่งอียิปต์ยึดครองไว้ 10 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิออตโตมานเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ฝรั่งเศสได้เข้ามาปกครองซีเรียในฐานะดินแดนในอาณัติ และได้แยกเลบานอนออกจากซีเรีย โดยให้เบรุตเป็นเมืองหลวงของเลบานอน ตั้งแต่ พ.ศ. 2463 ชาวคริสต์นิกายโรมาไนต์ซึ่งฝรั่งเศสให้การสนับสนุนได้เป็นใหญ่ทางการเมืองจนเลบานอนได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2489 ในช่วง พ.ศ. 2495 – 2518 เบรุตเป็นศูนย์กลางกิจการธนาคารของอาหรับ มีท่าเรือสำคัญ เป็นศูนย์กลางการศึกษาของเลบานอน โดยมีสถานันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 8 แห่งอยู่ในเบรุต

ความขัดแย้งระหว่างชาวคริสต์และมุสลิมในเลบานอนทำให้เบรุตต้องพบกับปัญหาความขัดแย้งตลอดเวลา จนนำไปสู่สงครามกลางเมืองใน พ.ศ. 2517 – 2519 และมีการสู้รบเรื่อยมา โดยซีเรียสนับสนุนมุสลิม และอิสราเอลสนับสนุนชาวคริสต์จนเบรุตต้องถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือเขตของชาวคริสต์ทางตะวันออกและเขตมุสลิมทางตะวันตก ระหว่างสองเขตมีการต่อสู้กันอยู่เสมอ เมื่อกองกำลังปลดปล่อยปาเลสไตน์ลอบโจมตีอิสราเอลจากดินแดนเลบานอน อิสราเอลตอบโต้โดยการบุกโจมตีเลบานอน ทำให้เบรุตกลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ แม้ว่าข้อตกลงใน พ.ศ. 2525 จะให้ปาเลสไตน์ถอนตัวไปจากเลบานอน

หลังจากสิ้นสุดสงครามใน พ.ศ. 2533 ชาวเลบานอนได้สร้างเบรุตขึ้นใหม่โดยส่วนใหญ่เกิดจากแรงงานของทหาร เมืองเบรุตกลับมาเป็นศูนย์กลางของตะวันออกกลางทางด้านการค้า แฟชั่น และสื่อ ราฟิก ฮารีรี อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอนถูกลอบสังหารในเบรุตเมื่อ พ.ศ. 2548.[8][9] ในอีกหนึ่งเดือนต่อมาได้มีประชาชนนับล้านออกมาชุมนุมต่อต้านในเบรุต.[10][11] การปฏิวัติซ๊ดาร์เป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเลบานอน[12] กองทหารที่ใหญ่ที่สุดของซีเรียถอนออกจากเบรุตเมื่อ 26 เมษายน พ.ศ. 2548[13]

เมื่อเริ่มความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-เลบานอนใน พ.ศ. 2549 อิสราเอลได้โจมตีบางส่วนของเบรุต โดยเฉพาะพื้นที่ของมุสลิมชีอะห์ทางใต้ของเบรุต ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจคว่ำบาตรเครือข่ายของกลุ่มฮิซบุลลอหฺ ทำให้เกิดความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามกลางเมือง หลังจากที่มีการเจรจาในระดับนานาชาติโดยให้เจ้าชายแห่งกาตาร์เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ได้ตกลงให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติในเลบานอน

ภูมิอากาศ[แก้]

ข้อมูลภูมิอากาศของBeirut International Airport
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) 25
(77)
31
(88)
36
(97)
37
(99)
42
(108)
40
(104)
37
(99)
37
(99)
37
(99)
38
(100)
33
(91)
29
(84)
42
(108)
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 17
(63)
17
(63)
19
(66)
22
(72)
26
(79)
28
(82)
31
(88)
32
(90)
30
(86)
27
(81)
23
(73)
18
(64)
24
(75)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 11
(52)
11
(52)
12
(54)
14
(57)
18
(64)
21
(70)
23
(73)
23
(73)
23
(73)
21
(70)
16
(61)
13
(55)
17
(63)
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) -1
(30)
-1
(30)
2
(36)
6
(43)
10
(50)
13
(55)
18
(64)
17
(63)
16
(61)
11
(52)
5
(41)
-1
(30)
−1
(30)
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) 191
(7.52)
158
(6.22)
94
(3.7)
56
(2.2)
18
(0.71)
3
(0.12)
0
(0)
0
(0)
5
(0.2)
51
(2.01)
132
(5.2)
185
(7.28)
893
(35.16)
ความชื้นร้อยละ 69 68 67 69 71 71 73 73 69 68 66 68 69
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm) 15 12 9 5 2 0 0 0 1 4 8 12 68
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด 131 143 191 243 310 348 360 334 288 245 200 147 2,940
แหล่งที่มา 1: BBC Weather[14]
แหล่งที่มา 2: Danish Meteorological Institute (sun and relative humidity)[15]

อ้างอิง[แก้]

  • สาคร ช่วยประสิทธิ์. เบรุต ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 416 – 419
  1. Cooke, Rachel (22 November 2006). "Paris of the east? More like Athens on speed". The Guardian.
  2. UNdata | record view | City population by sex, city and city type. Data.un.org (23 July 2012). Retrieved on 18 December 2012.
  3. "Questions & Answers: Water Supply Augmentation Project, Lebanon". The World Bank. 30 September 2014. Retrieved 20 March 2016.
  4. Reconstruction of Beirut เก็บถาวร 2009-01-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Macalester College
  5. Lebanon's Reconstruction: A Work in Progress , VOA News
  6. Beirut: Between Memory And Desire., Worldview
  7. "GAWC World Cities – The World's Most Important Cities". Diserio.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 February 2010. สืบค้นเมื่อ 26 March 2013.
  8. History of Lebanon (The Cedar Revolution), LGIC. Retrieved 19 November 2007.
  9. Watch – The Cedar Revolution, The Winds of Change. Retrieved 19 November 2007.
  10. 'Record' protest held in Beirut, BBC News
  11. From Hopeful To Helpless At a Protest In Lebanon, Washingtonpost.com
  12. Hariri sister calls for justice, CNN International
  13. On This Day – 26 April, BBC.co.uk
  14. "Average Conditions: Beirut Internation Airport". BBC. สืบค้นเมื่อ March 2, 2013.
  15. Cappelen, John; Jensen, Jens. "Libanon - Beyrouth" (PDF). Climate Data for Selected Stations (1931-1960) (ภาษาเดนมาร์ก). Danish Meteorological Institute. p. 167. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-04-27. สืบค้นเมื่อ March 2, 2013.