สปากส์ฟลาย (เพลง)
"สปากส์ฟลาย" | ||||
---|---|---|---|---|
![]() | ||||
ซิงเกิลโดยเทย์เลอร์ สวิฟต์ | ||||
จากอัลบั้มสปีกนาว | ||||
เขียนเมื่อ | 2006 | |||
วางจำหน่าย | 18 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 | |||
แนวเพลง | ป็อปร็อก[1] | |||
ความยาว | 4:22 | |||
ค่ายเพลง | บิกมะชีน | |||
ผู้ประพันธ์เพลง | เทย์เลอร์ สวิฟต์ | |||
โปรดิวเซอร์ |
| |||
ลำดับซิงเกิลของเทย์เลอร์ สวิฟต์ | ||||
| ||||
มิวสิกวิดีโอ | ||||
"สปากส์ฟลาย" ที่ยูทูบ |
"สปากส์ฟลาย" (อังกฤษ: Sparks Fly) เป็นเพลงของนักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ จากสตูดิโออัลบั้มที่สาม สปีกนาว (2010) เพลงเขียนและผลิตโดยสวิฟต์ และนาธาน แชปแมน เป็นผู้ช่วยผลิตด้วย สวิฟต์แต่งเพลงนี้ขณะอายุ 16 ปี ก่อนออกซิงเกิลแรก "ทิม แม็กกรอว์" เมื่อ ค.ศ. 2006 หลังจากเธอร้องสดใน ค.ศ. 2007 "สปากส์ฟลาย" ได้รับความนิยมในหมู่แฟนคลับของสวิฟต์ ขณะกำลังทำอัลบั้มสปีกนาว แฟนคลับขอร้องให้บรรจุเพลงนี้ลงไปในอัลบั้มด้วย เพลงถูกเผยแพร่ตามคลื่นวิทยุเพลงคันทรีในสหรัฐอเมริกาผ่านสังกัดบิกแมชีนเรเคิดส์ในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2011 เป็นซิงเกิลที่ห้า มีซีดีซิงเกิลออกจำหน่ายในร้านค้าของสวิฟต์ในเวลาจำกัดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ด้วย
"สปากส์ฟลาย" ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์ซึ่งยกย่องดนตรีที่มีจังหวะ นักวิจารณ์อีกกลุ่มชื่นชมเนื้อเพลง และกล่าวว่าเพลงถูกเปิดในคลื่นวิทยุทั้งแนวเพลงคันทรีและป็อป หลังจากออกอัลบั้มสปีกนาว เพลงเปิดตัวที่อันดับที่ 17 ในบิลบอร์ดฮอต 100 และอันดับที่ 28 ในแคนาเดียนฮอต 100 เนื่องจากยอดดาวน์โหลดสูง หลังจากเพลงออกเป็นซิงเกิล เพลงกลับเข้าบิลบอร์ดฮอต 100 ที่อันดับที่ 84 เพลงขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอตเพลงคันทรี และได้รับการรับรองระดับแพลตินัมจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากทำยอดขายได้มากกว่า 1,000,000 ซิงเกิล "สปากส์ฟลาย" ถูกนำไปร้องเปิดคอนเสิร์ตในสปีกนาวเวิลด์ทัวร์ (2011–12) มิวสิกวิดีโอเป็นคลิปวิดีโอจากการแสดงสดในสปีกนาวเวิลด์ทัวร์
เบื้องหลังและการจำหน่าย
[แก้]สวิฟต์เริ่มทำสตูดิโออัลบั้มที่สาม สปีกนาว เมื่อ ค.ศ. 2010 ก่อนวางจำหน่ายสองปี[2] "สปากส์ฟลาย" เขียนโดยสวิฟต์ขณะที่เธออายุ 16 ปี ก่อนอัลบั้มเทย์เลอร์ สวิฟต์ จำหน่ายใน ค.ศ. 2006[3] เธอแสดงเพลงนี้สดในการแสดงตามบาร์ที่ "มีผู้ชม 40-50 คน" หลายแห่ง[3] มีการบันทึกการแสดงสดในคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งแล้วเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตเมื่อ ค.ศ. 2007[4] เพลงนี้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนเพลงของสวิฟต์ ทำให้สวิฟต์นำเพลงมาปรับปรุงใหม่ และนำบรรจุในอัลบั้มสปีกนาวหลังจากมีการร้องขอให้รวมไว้ในอัลบั้ม[3][5] สวิฟต์กล่าวถึงเพลงนี้ว่า "นี่เป็นเพลงที่ฉันแต่งไว้เมื่อสองสามปีก่อน และฉันก็ใช้เวลากับมันมาเรื่อย ๆ มันดูยอดเยี่ยมดีที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของเพลงตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา แฟนเพลงได้ยินเพลงนี้มาก่อนในคอนเสิร์ต แต่มันก็มีความเปลี่ยนแปลงที่ฉันภูมิใจและฉันรอไม่ไหวที่จะให้พวกเขาได้ฟัง"[6]
เพลงถูกส่งเข้าคลื่นวิทยุเพลงคันทรีหลายคลื่นในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2011[7] เป็นซิงเกิลที่ห้าจากอัลบั้มสปีกนาว[8][9] หีบห่อรุ่นพิเศษวางจำหน่ายในร้านค้าของสวิฟต์ ประกอบด้วย สร้อยคอ "สปีกนาว" และซีดีซิงเกิล "สปากส์ฟลาย" มีตัวเลขระบุ ซีดีซิงเกิลดังกล่าวผลิตออกมาจำนวน 2,500 แผ่น และจำหน่ายในเวลาจำกัด[10] หีบห่อรวมอัลบั้มสปีกนาวฉบับดีลุกซ์ของบริษัททาร์เกตคอร์เปอเรชัน หูฟังหนึ่งคู่ และซีดีซิงเกิลให้เลือกระหว่างเพลง "สปากส์ฟลาย" "เดอะสตอรีออฟอัส" หรือ "มีน"[11] เพลงถูกนำไปเล่นในวิดีโอตัวอย่างของละครชุด ฮาร์ตออฟดิกซี ทางช่อง CW[12] เพลงถูกนำไปแสเงในงานประจำปี "การแสดงดอกไม้ไฟ 4 กรกฎาคม ของเมซี" (Macy's 4th of July Fireworks Show) เมื่อ ค.ศ. 2012 เพลงยังอยู่ในอัลบั้มรวมเพลง นาวแดตส์วอตไอคอลคันทรีวอลยุม 5 ด้วย[13][14]
ดนตรีและเนื้อเพลง
[แก้]"สปากส์ฟลาย" เป็นเพลงแนวคันทรีป็อป[7] ความยาว 4 นาที 22 วินาที[15] เพลงแต่งโดยสวิฟต์เพียงคนเดียว[16] แต่งด้วยคีย์ D ไมเนอร์ เสียงร้องของสวิฟต์เป็นอ็อกเทฟสองช่วง จาก F3 ถึง C5[17] โจนาธาน คีฟ กล่าวว่า "ท่อนอะแคปเปลลาที่ร้องว่า "Drop everything now" เรียกความสนใจได้อย่างง่ายดาย มาจากความรู้สึกสิ้นหวังของสวิฟต์หลังจากมีคำวิจารณ์ว่างานเพลงของเธอไร้เพศและไร้มลทิน"[18] บ็อบบี พีค็อก กล่าวว่า "ผมไม่รังเกียจหากยังมีเสียงแบนโจจากเพลงรุ่นปี 2007 อยู่แต่หากเอาออกไปก็ไม่เสียหายอะไร บางทีปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของผมคือท่อนประสานเสียงในครึ่งหลังของเพลงฟังดูอ่อนลง มันเริ่มต้นแบบเน้น ๆ และเป็นจังหวะตามปกติ แต่ในท่อนสร้อยกลับไม่มี "ความมีชีวิตชีวา" (oomph) มันเกือบจะรู้สึกราวกับว่าเธอเดินหลุดออกไปตรงกลางประโยค"[4] เบลก โบลต์ จากเอนจิน 145 กล่าวว่า ""สปากส์ฟลาย" มีท่อนสร้อยที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ ท่อนที่ร้องว่า "I see sparks fly whenever you smile" ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้เธอเป็นนักแต่งเพลงที่มีฝีมือที่สุดคนหนึ่ง"[19] อะแมนดา เฮนเซล จากเทสต์ออฟคันทรี ให้ความเห็นเกี่ยวกับท่อนประสายเสียงในเพลงว่า ""แม้ว่าสวิฟต์บอกเป็นนัยว่า การหลงรักคนคนนี้เป็น "ความคิดที่แย่" เธอยังยืนยันว่าพวกเธอควรทำให้ผ่านไปด้วยดีในท่อนที่ว่า "ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ตอนนี้ แล้วพบฉันท่ามกลายสายฝน จูบฉันที่ข้างทางแล้วเยียวยาความเจ็บปวด เพราะฉันเห็นประกายระยิบระยับ เมื่อใดก็ตามที่คุณยิ้ม" (Drop everything now, meet me in the pouring rain / Kiss me on the sidewalk, take away the pain / ‘Cause I see sparks fly / Whenever you smile) ที่เธอร้องอย่างยืนหยัด[7]
สวิฟต์กล่าวว่า เพลงมีเนื้อหาเกี่ยวกับ "การตกหลุมรักคนที่คุณอาจจะไม่คู่ควร แต่คุณไม่สามารถหยุดตัวเองได้ เพราะมันมีความเชื่อมโยงและเคมี"[7]
การตอบรับ
[แก้]"สปากส์ฟลาย" ได้รับคำวิจารณ์ทั่วไปในด้านดี ร็อบ เชฟฟิลด์จากนิตยสารโรลลิงสโตนยกย่องเสียงร้องของสวิฟต์ในเพลง "สปากส์ฟลาย" ให้ความเห็นว่า เสียงของเธอในเพลงที่มีจังหวะเพิ่มขึ้นไม่มีผลเพียงพอที่จะปกปิดความเชี่ยวชาญในฐานะนักร้องของเธอ[20] Rahul Prabhakar จากนิตยสารดิออกโซเนียนรีวิวมองว่าเป็น "สิ่งที่สูบฉีดโดปามีน และชวนให้โยกสะบัดผม"[21] โจนาธาน คีฟ จากนิตยสารสแลนต์แมกกาซีนเรียกเพลงนี้ว่า "การวนซ้ำที่บริสุทธิ์ที่สุดตามแบบฉบับและองค์ประกอบศิลป์ของสวิฟต์" และกล่าวต่อไปว่ามัน "สามารถเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ รอบตัวสวิฟต์ บางทีอาจจะเป็นซิงเกิลที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในอาชีพนักร้องที่เกิดขึ้นบนงานเพลงมหัศจรรย์ด้านการผลิตและแต่งเพลงป็อป" เขาสรุปโดยกล่าวว่าเพลง "พิสูจน์การนำเสนอที่รำลึกอดีตเหล่านั้นจะทำได้ในบริบทของเพลง ด้วยเหตุนั้น "สปากส์ฟลาย" จะเป็นแม่แบบได้พอ ๆ กับซิงเกิลเดี่ยวซิงเกิลหนึ่ง และเป็นการพิสูจน์ทุกสิ่งที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ทำไว้ถูกแล้ว"[18] บ็อบบี พีค็อก จากรัฟสต็อก กล่าวว่าเขา "สัมผัสได้ว่าเทย์เลอร์เริ่มพบกับความเหนื่อยล้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางวิทยุ เพลงของเธอร่วงหล่นจากยอดดั่งก้อนหิน และเธอยังทำเพลงขึ้นสูงสุดบนชาร์ตบิลบอร์ดได้ 0 จาก 3 เพลง ขณะที่ผมไม่คิดว่าเพลงนี้จะให้ความรู้สึกเหนือคำบรรยาย (je ne sais quoi) เพื่อให้ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับเพลง 'ยูบีลองวิดมี' ผมยังคิดว่าแม้ความพยายามเพียงเล็กน้อยของเธอก็เป็นเพลงที่คุ้มค่าต่อการฟัง"[4] เบลก โบลต์ จากเอนจิน 145 ยกย่องสวิฟต์โดยกล่าวว่า "การใส่ความเร่งรีบ ('Drop everything now,' เธอยืนกราน) และความกระตือรือร้น ('Take away the pain,' เธออ้อนวอน) ลงไปในท่อนเพลงแต่ละท่อน มาจากพรสวรรค์ของเธอ ไม่ได้มากเท่านักร้องแนวอื่น ๆ แต่เป็นผู้สื่อสารที่ยอดเยี่ยม โน้ตเพลงที่ตึงเครียดแต่ละโน้ตเต็มไปด้วยความหมาย ฉันควรจะอยู่หรือควรจะไป เธอสงสัย ปล่อยเวลาให้ผ่านไปหลายชั่วโมงก่อนเขาจะโทรหาเธออีกครั้ง"[19] อะแมนดา เฮนเซล จากนิตยสารเทสต์ออฟคันทรีอ้างว่าเพลงเป็น "อีกหนึ่งในหลาย ๆ เพลงของสวิฟต์ที่ค่อย ๆ เชื่อมต่อแนวเพลงคันทรีและป็อปเพื่อสร้างเป็นแนวเพลงใหม่ที่เป็นเทย์เลอร์ สวิฟต์ 100%"[7] เอริน ทอมสัน จากนิตยสารซีแอตเทิลวีกลี กล่าวว่า เขาไม่ "ตื่นเต้น" กับเพลงนี้และเปรียบเทียบเพลงนี้กับงานเพลงก่อนหน้า "เฟียร์เลส" "เฮย์สตีเฟน" และ "ฟอร์เอเวอร์แอนด์ออลเวส์" และกล่าวว่าสวิฟต์ "ใส่ท่อนเพลงเกี่ยวกับการยืนตากฝนในหลายเพลงจนผมเริ่มคิดว่าเธอดูภาพยนตร์ รักเธอหมดใจ ขีดไว้ให้โลกจารึก ทุกครั้งที่เธอนั่งแต่งเพลง"[22] มิคาเอล สูด จากนิตยสารสปินมองว่าเป็นเพลงที่สดชื่นเช่นเดียวกับเพลง "ลองลิฟ"[23]
ชาร์ต
[แก้]ชาร์ตประจำสัปดาห์
[แก้]ชาร์ต (2010–11) | อันดับ สูงสุด |
---|---|
Australia (ARIA)[24] | 97 |
Canada (Canadian Hot 100)[25] | 28 |
Canada Country (Billboard)[26] | 3 |
US Billboard Hot 100[27] | 17 |
US Hot Country Songs (Billboard)[28] | 1 |
ชาร์ตสิ้นปี
[แก้]ชาร์ต (2011) | อันดับ |
---|---|
US Hot Country Songs (Billboard)[29] | 37 |
การรับรอง
[แก้]ประเทศ | การรับรอง | จำนวนหน่วยที่รับรอง/ยอดขาย |
---|---|---|
United States (RIAA)[31] | Platinum | 1,100,000[30] |
*ตัวเลขยอดขายขึ้นกับการรับรองอย่างเดียว |
ประวัติการวางจำหน่าย
[แก้]ประเทศ | วันที่ | รูปแบบ | สังกัด |
---|---|---|---|
สหรัฐ | 18 กรกฎาคม 2011[32] | Country radio | บิกมะชีนเร็กเคิดส์ |
10 สิงหาคม 2011[10][33] | ซีดีซิงเกิลลิมิเต็ดอิดิชัน |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ O'Connor, Roisin (August 23, 2019). "Taylor Swift: Her 100 album tracks – ranked". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 3, 2019. สืบค้นเมื่อ December 3, 2019.
- ↑ John, Christopher (July 21, 2010). "Taylor Swift Sets Release Date for New Album 'Speak Now' – Speakeasy — WSJ". The Wall Street Journal. Les Hinton. สืบค้นเมื่อ July 22, 2010.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Taylor Swift (September 1, 2011). "YouTube Presents Taylor Swift". YouTube. Google Inc. สืบค้นเมื่อ September 8, 2011.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "Taylor Swift – "Sparks Fly"". Bobby Peacock. Roughstock. August 8, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-14. สืบค้นเมื่อ August 8, 2011.
- ↑ Swiftie13 (August 22, 2011). "Fans Responsible For Getting "Sparks Fly" On Taylor Swift CD « Nashville Music Scene". Nashville!. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-18. สืบค้นเมื่อ June 20, 2012.
- ↑ "Taylor Swift Music and Lyrics". TaylorSwift.com. October 25, 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-25. สืบค้นเมื่อ August 11, 2011.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 7.4 "Taylor Swift, 'Sparks Fly' – Song Review". Taste of Country. Townsquare Media. July 4, 2011. สืบค้นเมื่อ August 11, 2011.
- ↑ "Watch the "Sparks Fly" Beginning Next Week" (PDF). Country AirCheck. June 28, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-02-21. สืบค้นเมื่อ June 27, 2012.
- ↑ "Taylor Swift confirms 5th single off Speak Now". Alejandro. Shuffleme.net. July 7, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-27. สืบค้นเมื่อ June 27, 2012.
- ↑ 10.0 10.1 CD Single Reference:
- "Sparks Fly CD Single + Speak Now Necklace". TaylorSwift.com. August 10, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-26. สืบค้นเมื่อ August 10, 2011.
- "Taylor Swift – "Spark Fly" Limited Edition Promo Cd Single: Taylor Swift: Music". Amazon.com (US). Amazon Inc. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
- ↑ "Speak Now Deluxe CD-DVD + CD Single + FREE Headphones". TaylorSwift.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-18. สืบค้นเมื่อ September 9, 2011.
- ↑ Bricker, Tierney (January 9, 2012). "Taylor Swift Makes "Sparks Fly" in New Hart of Dixie Clip—Check It Out Now!". E! Online. สืบค้นเมื่อ January 20, 2012.
- ↑ "Now That's What I Call Country, Vol. 5 - Various Artists : Songs, Reviews, Credits, Awards". Allmusic. Rovi Corporation. สืบค้นเมื่อ June 2, 2012.
- ↑ "NOW Country 5: Now That's What I Call Country: Music". Amazon.com (US). Amazon Inc. สืบค้นเมื่อ June 20, 2012.
- ↑ "Speak Now Taylor Swift". Allmusic. Rovi Corporation. October 25, 2010. สืบค้นเมื่อ July 25, 2011.
- ↑ Sparks Fly (CD single). Taylor Swift. Big Machine Records. 2011. 4393000542.
{{cite AV media notes}}
: CS1 maint: others (ลิงก์) - ↑ "Digital sheet music – Taylor Swift – Sparks Fly". Musicnotes.com. Alfred Publishing. October 25, 2010. สืบค้นเมื่อ July 25, 2011.
- ↑ 18.0 18.1 "Single Review: Taylor Swift, "Sparks Fly"". Jonathan Keefe. Country Universe. July 12, 2011. สืบค้นเมื่อ August 8, 2011.
- ↑ 19.0 19.1 "Single Review: Taylor Swift – "Sparks Fly". Blake Boldt. Engine145. July 18, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-05. สืบค้นเมื่อ August 15, 2011.
- ↑ "Taylor Swift Speak Now Big Machine". Rolling Stone. Wenner Media. October 26, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-11. สืบค้นเมื่อ October 26, 2010.
- ↑ "Taylor Swift Needs a Gap Year". Rahul Prabhakar. The Oxonian Review. November 1, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-06. สืบค้นเมื่อ August 8, 2011.
- ↑ "Taylor Swift's Speak Now Track "If This Was A Movie" Is Better Than Her Upcoming New Single". Erin Thompson. Seattle Weekly. November 25, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-30. สืบค้นเมื่อ December 12, 2011.
- ↑ Mikael Wood (December 2010). "Swift Justice: No time for teardrops, country star spits venom". Spin. Spin Media LLC. สืบค้นเมื่อ June 2, 2012.
- ↑ "Pandora Archive" (PDF). ARIA Charts. November 8, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ January 16, 2013. สืบค้นเมื่อ January 16, 2013.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Canadian Hot 100)". Billboard. สืบค้นเมื่อ June 28, 2012.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Canada Country)". Billboard.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Hot 100)". Billboard. สืบค้นเมื่อ June 28, 2012.
- ↑ "Taylor Swift Chart History (Hot Country Songs)". Billboard. สืบค้นเมื่อ June 28, 2012.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อyear
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อsales
- ↑ "American single certifications – Taylor Swift – Sparks Fly". Recording Industry Association of America. สืบค้นเมื่อ August 10, 2014.
- ↑ "Country Aircheck Chart Info" (PDF). Country Aircheck. No. 251. July 11, 2011. p. 16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-11-21. สืบค้นเมื่อ July 11, 2011.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อtwitter