พิมพ์ใจ ใจเย็น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ศาสตราจารย์ พิมพ์ใจ ใจเย็น (เกิด 25 ธันวาคม พ.ศ. 2513) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ สาขาชีวเคมี ประจำปี พ.ศ. 2548 และรางวัล [1] ประจำปี พ.ศ. 2546 จากผลงานการวิจัยศึกษากลไกการทำงานของเอ็นไซม์ เพื่อกำจัดสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม

ประวัติ[แก้]

ศาสตราจารย์ พิมพ์ใจ ใจเย็น หรือที่รู้จักในนาม ศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ใจ ใจเย็น เกิดเมื่อ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นบุตรสาวคนโตของนายอดุลย์ และนางซุ่ยลู้ ใจเย็น มีน้องสาว 1 คน คือ พญ.นัยเนตร ใจเย็น ศาสตราจารย์ ดร. พิมพ์ใจ ใจเย็น สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย จากโรงเรียนสตรีภูเก็ต และโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย โดยได้รับทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนถึงปริญญาเอก จบปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2535 และปริญญาเอก สาขาชีวเคมี จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน แอนน์อาร์เบอร์ (University of Michigan, Ann Arbor) ตลอดเวลาที่เรียน ได้รับรางวัลผลการเรียนดีเด่นต่างๆ อยู่เสมอ อาทิ รางวัลพระราชทานนักเรียนเรียนดีในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รางวัลจากมูลนิธิ ดร. แถบ นีละนิธิ ในระดับปริญญาตรี รางวัล Chrisman Award สำหรับนักศึกษาปริญญาเอกที่มีผลการเรียนผลงานวิจัยดี และรางวัล Murphy Award สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาที่มีผลงานตีพิมพ์ดีเยี่ยม จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

การทำงาน[แก้]

ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี[2] คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิจัยประจำหน่วยวิจัยเพื่อความเป็นเลิศโครงสร้างและการทำงานของโปรตีน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และกรรมการบริหารชมรมวิจัยโปรตีนแห่งประเทศไทย

งานวิจัย[แก้]

ศ.ดร. พิมพ์ใจ สนใจศึกษาความรู้พื้นฐานในด้านกลไกการเกิดปฏิกิริยาของเอนไซม์ โดยเฉพาะเอนไซม์ในกลุ่มที่มีสารประกอบประเภทวิตามินบีสอง (Flavin) เป็นตัวช่วยในการเร่งปฏิกิริยา นอกจากใช้วิธีการทดลองทางด้านชีวเคมีทั่วไปในการศึกษาแล้ว มีการใช้ข้อมูลทางจลนศาสตร์และอุณหพลศาสตร์ ซึ่งได้มาจากการทำการทดลองกับเครื่องมือ stopped-flow spectrometer ควบคู่ไปกับการวัดสมบัติทางด้านสเปคโตรสโกปีชนิดต่างๆ เพื่อเป็นตัวบ่งชี้ถึงกลไกการเกิดปฏิกิริยาด้วย รวมทั้งการศึกษาโครงสร้างทางสามมิติของเอนไซม์ต่างๆ เอนไซม์หลักที่ศึกษา มี 4 กลุ่ม ได้แก่

1. เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยสารประกอบอะโรมาติก ซึ่งทำให้จุลินทรีย์สามารถบำบัดของเสียในสิ่งแวดล้อมด้วยกระบวนการทางชีวภาพได้

2. เอนไซม์ลูซิเฟอเรส (luciferase) ที่สามารถเร่งปฏิกิริยาการเรืองแสงจากสิ่งมีชีวิต โดยได้ทำการแยกเอนไซม์ชนิดนี้จากแบคทีเรียเรืองแสงในทะเล

3. เอนไซม์ไพราโนสออกซิเดส (pyranose oxidase) ในการสังเคราะห์สารให้ความหวาน โดยศึกษาถึงข้อมูลเชิงลึกในการเกิดปฏิกิริยา เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้งานเอนไซม์ตัวนี้ในภาคอุตสาหกรรมได้ดีขึ้น

4. เอนไซม์เซอรีนไฮดรอกซีเมททิลทรานสเฟอเรส (serine hydroxymethyl transferase, SHMT) เพื่อการนำไปสู่การพัฒนายาต้านมาลาเรียตัวใหม่ต่อไป

ผลงานวิจัยของ ศ.ดร. พิมพ์ใจ เป็นที่ยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ระดับโลก และสามารถตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการชั้นนำได้ เช่น วารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America (PNAS) , Journal of Biological Chemistry เป็นต้น

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. L'OREAL-UNESCO Fellowhship for Women in Science
  2. ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี[ลิงก์เสีย]
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๕ เก็บถาวร 2013-10-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๓๕ ข หน้า ๖๗, ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๒ เก็บถาวร 2011-10-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๖ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๑๔๒, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๕๖ เก็บถาวร 2013-12-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๒๓ ข หน้า ๑๐๕, ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖