ข้ามไปเนื้อหา

ฟีลีปี โกชิญญู

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ฟีลีปี โกชินยู)
ฟีลีปี โกชิญญู
โกชิญญูขณะเล่นให้กับบราซิลใน ค.ศ. 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม ฟีลีปี โกชิญญู โกเรย์ยา[1]
วันเกิด (1992-06-12) 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992 (32 ปี)[2]
สถานที่เกิด รีโอเดจาเนโร บราซิล
ส่วนสูง 1.72 m (5 ft 7 12 in)[3]
ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก / ปีก
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
วัชกู ดา กามา
(ยืมจาก แอสตันวิลลา)
หมายเลข 11
สโมสรเยาวชน
0000–2008 วัสกู ดา กามา
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2008–2013 อินเตอร์มิลาน 28 (3)
2008–2010วัสกู ดา กามา (ยืม) 36 (4)
2012อัสปัญญ็อล (ยืม) 16 (5)
2013–2018 ลิเวอร์พูล 152 (41)
2018–2022 บาร์เซโลนา 76 (17)
2019–2020ไบเอิร์นมิวนิก (ยืม) 23 (8)
2022แอสตันวิลลา (ยืม) 19 (5)
2022– แอสตันวิลลา 22 (1)
2023–อัดดุฮัยล์ (ยืม) 16 (3)
2024–วัสกู ดา กามา (ยืม) 2 (0)
ทีมชาติ
2009 บราซิล อายุไม่เกิน 17 ปี 3 (0)
2011–2012 บราซิล อายุไม่เกิน 20 ปี 7 (3)
2010–2022 บราซิล 68 (21)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21:10, 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 (UTC)

ฟีลีปี โกชิญญู โกเรย์ยา (โปรตุเกส: Philippe Coutinho Correia, ออกเสียง: [fiˈlipi ko(w)ˈtʃĩɲu]; เกิดวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นให้สโมสรกีฬา วัชกู ดา กามา โดยยืมตัวจากแอสตันวิลลา และเล่นให้ทีมชาติบราซิล โดยสามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรุกและปีกซ้าย

โกชิญญูถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่และลงเล่นนัดแรกในปี ค.ศ. 2010 ก่อนที่จะถูกเรียกตัวชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015

ชีวิตช่วงต้น

[แก้]

โกชิญญูเป็นบุตรชายคนที่สามและคนสุดท้องของ Esmeralda Coutinho กับ José Carlos Correia สถาปนิก โดยเกิดในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992 ที่ริโอเดจาเนโร[4] เขาเติบโตในย่าน Rocha ทางตอนเหนือของริโอระหว่างชุมชนแออัดเก่าและโกดังสินค้าอุตสาหกรรม[5][6]

สโมสรอาชีพ

[แก้]

อัสปัญญ็อล (ยืมตัว)

[แก้]

ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2012 โกชิญญูได้ย้ายไปร่วมทีมอัสปัญญ็อลด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล 2011-12 ต่อมา ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 โกชิญญูลงเล่นนัดแรกให้กับอัสปัญญ็อล ในนัดที่ อัสปัญญ็อล เสมอกับ อัตเลติกเดบิลบาโอ 3-3

ลิเวอร์พูล

[แก้]

ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ย้ายจากอินเตอร์มิลานมาอยู่กับลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ โดยโกชิญญูได้สวมเสื้อหมายเลข 10[7]

ฤดูกาล 2012-13

[แก้]
โกชิญญูทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เจอกับ สวอนซีซิตี

ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก โดยโกชิญญูถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ พ่ายแพ้ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน คาบ้าน 0-2[8] ต่อมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[9] ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วีแกนแอธเลติก ที่ ดีดับเบิลยูสเตเดียม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ เซาแทมป์ตัน มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 1-0 จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 3 ประตู จาก 13 นัด และได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู ได้ถึง 7 ลูก ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ โกชิญญู ได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรลิเวอร์พูลประจำฤดูกาล 2012-13 ไปครอง ทำให้ โกชิญญูได้เป็นขวัญใจของสาวกเดอะค็อปได้อย่างเต็มตัว

ฤดูกาล 2013-14

[แก้]
โกชิญญู เจอกับ มาร์ค วิลสัน นักเตะของ สโตกซิตี ในพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2013–14

ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-14 โกชิญญูช่วยให้ ลิเวอร์พูล ชนะ 3 นัดติดต่อกัน (ชนะ สโตกซิตี 1-0, ชนะ แอสตันวิลลา 1-0 และชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0) ต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้มีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ จากการปะทะกับ แอชลีย์ วิลเลียมส์ กองหลังของ สวอนซีซิตี ทำให้ โกชิญญูต้องพักยาวถึงสิ้นเดือนตุลาคม ต่อมา ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 0-2 ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฟูลัม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูแรก ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสันพาร์ก 3-3 ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2

โกชิญญู(กลาง) ลงซ้อมที่ แอนฟีลด์ ร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง (ซ้าย) และ โคเซ เอนรีเก ซานเชซ (ขวา)

ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟูลัม ที่เครเวนคอตทิจ 3-2 ต่อมา ในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4-0[10] [11] ต่อมา ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำจ่าฝูงและลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไป[12] [13] [14] ต่อมา ในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด และต้องลุ้นให้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 33 นัด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้อันดับ 2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้กลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นับตั้งแต่ในปี 2009

ฤดูกาล 2014-15

[แก้]
โกชิญญู ลงซ้อมในช่วงปรีซีซั่น ก่อนเจอกับ โรมา ในปี 2014

ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ลงสนามนัดแรกในพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2014-15 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 2-1[15] ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2014 ลีกคัพ รอบสี่ โกชิญญูได้เปิดบอลให้ เดยัน ลอฟเรน ทำประตูชัย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 2-1[16] ต่อมา ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง และได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ ที่ลอฟตัสโรด 2-1 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเอาชนะไป 3-2[17] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ อาร์เซนอล 2-2[18]

ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0[19] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล[20] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โบลตันวอนเดอเรอส์ ที่มาครอน สเตเดียม 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0[22] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-1[23] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบหก นัดรีเพลย์ โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แบล็กเบิร์นโรเวอส์ ที่อีวู้ด ปาร์ค 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[24] [25] ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ โกชิญญูได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แอสตันวิลลา 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[26] ต่อมา โกชิญญู ได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ รวมถึงเข้าชิงราวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2015 โกชิญญู นักเตะของลิเวอร์พูลคนเดียวที่ได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ต่อมา ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 2-1[27] ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูคว้า 4 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี จากลูกยิงไกล ในเกมกับ เซาแทมป์ตัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และ รางวัลฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ซิตี จากงานประกาศรางวัล Players' Awards 2015 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ เอ็คโค่ อารีน่า[28] จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 35 นัด

ฤดูกาล 2015-16

[แก้]

ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2015–16 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่บริแทนเนียสเตเดียม เจอกับ สโตกซิตี หลังจากนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลมาพ่ายแพ้สโตกซิตีที่นี่ 1-6 โดยโกชิญญูทำประตูชัยซัดไกลด้วยขวาประมาณ 25 หลาโค้งแฉลบปลายมือบัตแลนด์เสียบคานตุงตาข่ายสุดงามให้ลิเวอร์พูลเอาชนะ สโตกซิตี 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ล้างแค้นสำเร็จ[29] [30] ต่อมา ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นครั้งแรกในฟุตบอลอาชีพ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 0-3 ทำให้ โกชิญญู โดนแบน 1 นัด[31]

ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญู ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 3-1[32] [33] ต่อมา ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ คริสตัลพาเลซ 1-2[34] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีกและจ่ายบอลให้ โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 4-1[35] [36]

ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ โกชิญญูทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-1 แต่สุดท้ายในช่วงต่อเวลาพิเศษก็แพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[37] ต่อมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟุตบอลลีกคัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ โกชิญญูทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วง 90 นาที ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ โกชิญญู ยิงจุดโทษพลาดโดน วีลลี กาบาเยโร ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตี เซฟเอาไว้ได้ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ในการยิงจุดโทษ 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[38] ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง โกชิญญู ทำประตูแรกในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 1-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[39] ต่อมา ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-3[40] ในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 1-1[41]

ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง โกชิญญู ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4-3 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[42] ต่อมา ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0[43] ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูคว้า 4 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมีนาคม และ รางวัลฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ซิตี จากงานประกาศรางวัล Players' Awards 2016 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ Exhibition Centre[44]

ฤดูกาล 2016-17

[แก้]
โกชิญญูลงเล่นให้กับลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17

ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่เอมิเรตส์สเตเดียม เจอกับ อาร์เซนอล โกชิญญู ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล 4-3[45] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2016 อีเอฟแอลคัพ รอบ 3 โกชิญญูทำประตูแรกในอีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2016–17 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ดาร์บีเคาน์ตี ที่ไพรด์พาร์ก 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 อีเอฟแอลคัพ ได้สำเร็จ[46] ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 5-1[47] ต่อมา ในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-1[48] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1[49]

ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 โดยผลสแกนจากเจ้าหน้าที่ทีมหงส์แดงเผยว่า โกชิญญูต้องพักยาว 5-6 สัปดาห์ ต่อมา ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2017 อีเอฟแอลคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก โกชิญญูกลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 0-1 ต่อมา ในวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล ไปจนถึงปี 2022[50] [51] ต่อมา ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 1-3[52] ต่อมา ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1[53] ต่อมา ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ บอร์นมัท 2-2[54] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 2-1 ทำให้ โกชิญญูเป็นนักเตะบราซิลที่ทำประตูรวมมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก 30 ประตู[55] ต่อมา ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ คริสตัลพาเลซ 1-2[56] ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 4-0[57] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ มิดเดิลส์เบรอ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โกชิญญูทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[58] จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 13 ประตูจาก 31 นัด

ฤดูกาล 2017-18

[แก้]

ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูจ่ายบอลให้ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูและทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ด้วยลูกฟรีคิก นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 3-2[59] ต่อมา ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E โกชิญญูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 1-1[60] ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 1-1[61] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0[62] ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด[63] ต่อมา ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 3-0[64] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 5-1[65] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม โกชิญญูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[66] ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0[67] ต่อมา ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-3[68] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลในการลงสนามนัดที่ 200 ให้กับลิเวอร์พูลและทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[69]

ในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูลงสนามนัดสุดท้ายของเขาให้กับลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 2-1 โดย โกชิญญูยิง 12 ประตูจาก 20 นัดในฤดูกาล 2017-18 เขาช่วยพาทีมชนะไว้ได้มากก่อนที่จะจากไป

บาร์เซโลนา

[แก้]

ในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2018 ลิเวอร์พูลยืนยันว่าโกชิญญูได้บรรลุข้อตกลงกับสโมสรบาร์เซโลนาเพื่อย้ายไปร่วมทีม ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูแรกในลาลิกา ฤดูกาล 2017–18 นัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ คิโรนา 6-1 ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ มาลากา 2-0 ต่อมา ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2018 โกปาเดลเรย์ รอบชิงชนะเลิศ 2018 โกชิญญูยิงประตูด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ เซบิยา ที่เอสตาดีโอเมโตรโปลีตาโน 5-0 คว้าแชมป์โกปาเดลเรย์ สมัยที่ 30 มาครองได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ เดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา 4-2 ช่วยให้ บาร์เซโลนา คว้าแชมป์ลาลิกามาครองได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ บิยาร์เรอัล 5-1 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับบาร์เซโลนา ในนัดที่ บาร์เซโลนา พ่ายแพ้ เลบันเต 4-5 ต่อมา ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ลาลิกา นัดปิดฤดูกาล 2017-18 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ เรอัลโซเซียดัด 1-0

ทีมชาติบราซิล

[แก้]
โกชิญญู (เสื้อเหลือง) ลงเล่นให้กับ ทีมชาติบราซิล เจอกับ อาเลกซิส ซานเชซ (เบอร์ 7) กองหน้าทีมชาติชิลี ในปี 2015

ในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญู ถูกเรียกติดทีมชาติโดย ดุงกา หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีมชาติบราซิลและได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตรกับ โคลอมเบีย และ เอกวาดอร์ ในเดือนกันยายน ที่สหรัฐอเมริกา ต่อมา ในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญู ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดที่ บราซิล เอาชนะ ชิลี 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อมา ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2015 โกชิญญู ทำประตูแรกให้กับทีมชาติ ในนัดที่เอาชนะ เม็กซิโก 2-0

ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ทีมชาติบราซิลได้เรียกตัว ฟีลีปี โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015 ลงเล่น 3 นัด พาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่มซี โดยบราซิลชนะ 2 แพ้ 1 (ชนะ เปรู 2-1, แพ้ โคลอมเบีย 0-1 และ ชนะ เวเนซุเอลา 2-1) ช่วยให้ บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ ปารากวัย แต่พ่ายในการดวลจุดโทษ 3-4 หลังเสมอ 1-1 ใน 90 นาที

ทีมชาติบราซิลเรียกตัว โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกโกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2016 โกชิญญู ทำแฮตทริกให้กับ บราซิล ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ เฮติ 7-1

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ทีมชาติบราซิลเรียกตัว โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย บราซิล ได้อยู่กลุ่มอี ร่วมกับ สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และ เซอร์เบีย ต่อมา ในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ คอสตาริกา 2-0 สุดท้าย บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 ต่อมา ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล พ่ายแพ้ เบลเยียม 1-2 ทำให้ บราซิล ต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เพียงเท่านี้

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

เมื่อโกชิญญูย้ายไปอิตาลีตอนอายุ 18 ปีเพื่อเข้าเล่นกับอินเตอร์มิลาน เขาไปที่นั่นกับพ่อแม่และ Ainê แฟนของเขาที่พบกันครั้งแรกในงานเลี้ยงของเพื่อน เมื่อเขาย้ายไปเล่นให้กับอัสปัญญ็อล พ่อแม่เดินทางกลับบราซิล เขาแต่งงานกับ Ainê ที่บราซิลใน ค.ศ. 2012[70] ทั้งคู่ให้กำเนิดลูกสาวสองคนและลูกชายคนเดียว[71][72] โกชิญญูมีรอยสักที่แขน ซึ่งเป็นการแสดงความผูกพันต่อครอบครัวและภรรยาของเขา[70] เขานับถือศาสนาคริสต์[73]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูได้รับหนังสือเดินทางโปรตุเกสผ่านทางภรรยา ทำให้เขาไม่ได้เป็นผู้เล่นนอกยุโรปอีกต่อไป[74]

สถิติอาชีพ

[แก้]

สโมสร

[แก้]
ณ วันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2024
สโมสร ฤดูกาล ลีก เนชันนอลคัพ[a] ถ้วยลีก[b] ทวีป อื่น ๆ รวม
ดิวิชัน ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู
วัสกู ดา กามา (ยืม) 2009[75] แซรียีเบ 12 0 0 0 0 0 12 0
2010[75] แซรียีอา 7 1 7 1 17[c] 3 31 5
รวม 19 1 7 1 17 3 43 5
อินเตอร์มิลาน 2010–11[75] เซเรียอา 13 1 0 0 6[d] 0 1[e] 0 20 1
2011–12[75] เซเรียอา 5 1 0 0 3[d] 0 0 0 8 1
2012–13[75] เซเรียอา 10 1 0 0 9[f] 2 19 3
รวม 28 3 0 0 18 2 1 0 47 5
อัสปัญญ็อล (ยืม) 2011–12[75] ลาลิกา 16 5 16 5
ลิเวอร์พูล 2012–13[76] พรีเมียร์ลีก 13 3 13 3
2013–14[77] พรีเมียร์ลีก 33 5 3 0 1 0 37 5
2014–15[78] พรีเมียร์ลีก 35 5 7 3 4 0 6[g] 0 52 8
2015–16[79] พรีเมียร์ลีก 26 8 1 1 3 1 13[f] 2 43 12
2016–17[80] พรีเมียร์ลีก 31 13 2 0 3 1 36 14
2017–18[81] พรีเมียร์ลีก 14 7 0 0 1 0 5[d] 5 20 12
รวม 152 41 13 4 12 2 24 7 201 54
บาร์เซโลนา 2017–18[75] ลาลิกา 18 8 4 2 22 10
2018–19[75] ลาลิกา 34 5 7 3 12[d] 3 1[h] 0 54 11
2020–21[75] ลาลิกา 12 2 0 0 2[d] 1 0 0 14 3
2021–22[75] ลาลิกา 12 2 0 0 4[d] 0 0 0 16 2
รวม 76 17 11 5 18 4 1 0 106 26
ไบเอิร์นมิวนิก (ยืม) 2019–20[75] บุนเดิสลีกา 23 8 4 0 11[d] 3 38 11
แอสตันวิลลา (ยืม) 2021–22[82] พรีเมียร์ลีก 19 5 19 5
แอสตันวิลลา 2022–23[83] พรีเมียร์ลีก 20 1 1 0 1 0 22 1
2023–24[84] พรีเมียร์ลีก 2 0 0 0 0 0 0 0 2 0
รวม 41 6 1 0 1 0 0 0 43 6
อัดดุฮัยล์ (ยืม) 2023–24[85] กาตาร์สตาร์สลีก 16 3 3 2 1 1 3[i] 2 23 8
วัสกู ดา กามา (ยืม) 2024 แซรียีอา 2 0 1 0 3 0
รวมทั้งหมด 373 84 40 12 14 3 74 18 19 3 520 120

ทีมชาติ

[แก้]
ณ วันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 2022[86]
ทีมชาติ ปี ลงเล่น ประตู
บราซิล 2010 1 0
2011 0 0
2012 0 0
2013 0 0
2014 4 0
2015 7 1
2016 11 5
2017 9 2
2018 13 5
2019 16 4
2020 2 1
2021 0 0
2022 5 3
รวม 68 21

ประตูในนามทีมชาติ

[แก้]
Scores and results list Brazil's goal tally first:
Goal วันที่ สนาม คู่แข่งขัน ประตู ผล การแข่งขัน
1. 7 มิถุนายน 2015 Allianz Parque, เซาเปาลู, บราซิล ธงชาติเม็กซิโก เม็กซิโก 1–0 2–0 เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร
2. 8 มิถุนายน 2016 Camping World Stadium, Orlando, United States ธงชาติเฮติ เฮติ 1–0 7–1 โกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ
3. 2–0
4. 7–1
5 6 ตุลาคม 2016 Arena das Dunas, Natal, Brazil ธงชาติโบลิเวีย โบลิเวีย 2–0 5–0 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก
6. 10 พฤศจิกายน 2016 Estádio Mineirão, Belo Horizonte, Brazil ธงชาติอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา 1–0 3–0
7. 27 มีนาคม 2017 Arena Corinthians, São Paulo, Brazil ธงชาติปารากวัย ปารากวัย 1–0 3–0
8. 31 สิงหาคม 2017 Arena do Grêmio, Porto Alegre, Brazil ธงชาติเอกวาดอร์ เอกวาดอร์ 2–0 2–0
9. 23 มีนาคม 2018 Luzhniki Stadium, Moscow, Russia ธงชาติรัสเซีย รัสเซีย 2–0 3–0 เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร
10. 10 มิถุนายน 2018 Ernst-Happel-Stadion, Vienna, Austria ธงชาติออสเตรีย ออสเตรีย 3–0 3–0
11. 17 มิถุนายน 2018 Rostov Arena, Rostov-on-Don, Russia ธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ 1–0 1–1 ฟุตบอลโลก 2018
12. 22 มิถุนายน 2018 Krestovsky Stadium, Saint Petersburg, Russia ธงชาติคอสตาริกา คอสตาริกา 1–0 2–0

เกียรติประวัติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]

วัสกู ดา กามา

  • Campeonato Brasileiro Série B: 2009

อินเตอร์มิลาน

บาร์เซโลนา

ทีมชาติ

[แก้]

บราซิล

  • FIFA U-20 World Cup: 2011
  • Superclásico de las Américas: 2014

รางวัลส่วนตัว

[แก้]
  • PFA Fans' Player of the Month: กุมภาพันธ์ 2015
  • ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 2014–15
  • UEFA Europa League Squad of the Season: 2015–16[87]
  • นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลิเวอร์พูล: 2014–15, 2015–16
  • Liverpool FC Players' Player of the Year: 2014–15, 2015–16
  • Samba Gold Award (Samba d'Or): 2016[88]
  • Football Supporters' Federation Player of the Year: 2016
  • FIFPro World XI 4th team: 2017
  • ผู้ทำประตูสูงสุดของลิเวอร์พูล: 2016–17[89]
  • ประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของลิเวอร์พูล: (2014–15: เจอกับ เซาแทมป์ตัน ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2015), (2015–16: เจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในวันที่ 17 มีนาคม 2016)
  • ฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี: (2014–15: เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในวันที่ 1 มีนาคม 2015), (2015–16: เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2015)
  • นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของลิเวอร์พูล: 2012–13
  • นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลจากสมาคมกองเชียร์ผู้พิการ: 2014–15[90], 2015–16
  • Liverpool Player of the Month Award (12): มีนาคม 2013, เมษายน 2013, ตุลาคม 2014[91], ธันวาคม 2014[92], มกราคม 2015[93], กุมภาพันธ์ 2015[94], เมษายน 2015[95], สิงหาคม 2015[96], พฤศจิกายน 2015[97], มีนาคม 2016[98], ตุลาคม 2016[99], เมษายน 2017[100]
  • ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของอีเอ สปอร์ตส์ (9): กุมภาพันธ์ 2015[101], มีนาคม 2015[102], เมษายน 2015[103], สิงหาคม 2015[104], ตุลาคม 2015[105], กุมภาพันธ์ 2016[106], มีนาคม 2016[107], สิงหาคม 2016[108], ตุลาคม 2016[109]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Updated squad lists for 2021/22 Premier League". Premier League. 4 February 2022. สืบค้นเมื่อ 6 February 2022.
  2. "FIFA World Cup Russia 2018: List of Players: Brazil" (PDF). FIFA. 15 July 2018. p. 4. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 June 2019.
  3. "Philippe Coutinho: Overview". Premier League. สืบค้นเมื่อ 29 April 2023.
  4. "Biografia: O berço". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 August 2016. สืบค้นเมื่อ 8 November 2016.
  5. Hendrix, Hale (19 July 2017). "Philippe Coutinho Childhood Story Plus Untold Facts". LifeBlogger. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-08. สืบค้นเมื่อ 17 August 2021.
  6. "Philippe Coutinho: The story so far". Aston Villa F.C. 12 January 2022. สืบค้นเมื่อ 23 January 2022.
  7. "New boy handed vacant No.10 shirt". Liverpoolfc.com. 30 January 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-05-24. สืบค้นเมื่อ 2014-05-16.
  8. "Liverpool 0–2 West Brom" BBC Sport. 11 February 2013. Retrieved 12 February 2013.
  9. "Liverpool 5–0 Swansea" BBC Sport. 17 February 2013. Retrieved 17 February 2013.
  10. "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลพบสเปอร์ส". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-02. สืบค้นเมื่อ 2015-02-24.
  11. "ลิเวอร์พูลถล่มสเปอร์ส 4-0 พร้อมขึ้นนำเป็นจ่าฝูง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-02-24.
  12. "Liverpool 3–2 Man City" BBC Sport. 13 April 2014. Retrieved 13 April 2014.
  13. "ภาพการแข่งขันลิเวอร์พูลพบแมนเชสเตอร์ซิตี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-16. สืบค้นเมื่อ 2015-02-24.
  14. "โกชิญญูยิงประตูชัยเอาชนะแมนฯ ซิตี้ 3-2 รั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-16. สืบค้นเมื่อ 2015-02-24.
  15. "ลูกยิงของสเตอร์ริดจ์ช่วยให้ลิเวอร์พูลเฉือนชนะทีมนักบุญ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-07-01.
  16. บาโลเตลลี และลอฟเรน ทำประตูชัยสุดดราม่าท้ายเกม[ลิงก์เสีย]
  17. "ลิเวอร์พูลบุกเฉือนคิวพีอาร์ท้ายเกม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-10-21.
  18. "ลูกโหม่งของสเคอร์เทล ช่วยทีมได้ผลเสมอกับอาร์เซนอล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-12-23.
  19. สเตอร์ริดจ์ยิงในเกมที่หงส์แดงเอาชนะขุนค้อน[ลิงก์เสีย]
  20. "โกชิญญูจรดปากกาเซ็นสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-02-03.
  21. ลูกยิงท้ายเกมของโกชิญญูส่งลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบเอฟเอ คัพ[ลิงก์เสีย]
  22. "ลิเวอร์พูลขยับขึ้นอันดับ 6 หลังเอาชนะทีมนักบุญ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-02-25.
  23. ความยอดเยี่ยมของโกชิญญูช่วยทีมคว้าชัยเหนือแมนฯ ซิตี้ อีกครั้ง[ลิงก์เสีย]
  24. เวทมนตร์ของโกชิญญูส่งลิเวอร์พูลสู่เวมบลีย์[ลิงก์เสีย]
  25. "5 ข้อเท็จจริงจากเกมลิเวอร์พูลบุกชนะแบล็กเบิร์น". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-13. สืบค้นเมื่อ 2015-04-12.
  26. "วิลลาเบียดเข้ารอบชิงฯ ดับความฝันลิเวอร์พูล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-04-23.
  27. "5 ข้อเท็จจริงที่ได้รับจากเกมลิเวอร์พูลชนะควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ส". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-05-08. สืบค้นเมื่อ 2015-05-07.
  28. "โกชิญญูกวาด 4 รางวัล ในงานประกาศรางวัล Players' Awards". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-05-22.
  29. ความพิเศษของโกชิญญูช่วยหงส์แดงคว้าสามแต้มที่สโต๊ก[ลิงก์เสีย]
  30. "5 ข้อเท็จจริงจากชัยชนะของลิเวอร์พูลในนัดเยือนสโต๊ก ซิตี้". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-22. สืบค้นเมื่อ 2015-08-14.
  31. หงส์แดงพ่ายเวสต์แฮมที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  32. "คล็อปป์คว้าชัยชนะในลีกเป็นครั้งแรกในเกมหงส์แดงบุกไปชนะเชลซี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-11-02.
  33. "5 ข้อเท็จจริงที่ได้จากเกมลิเวอร์พูลบุกชนะเชลซีในพรีเมียร์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-11-02.
  34. พาเลซบุกมายัดเยียดความปราชัยนัดแรกให้ทีมลิเวอร์พูลของคล็อปป์[ลิงก์เสีย]
  35. "ลิเวอร์พูลบุกไปยิงแมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัดถึง 4 ประตู". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-25. สืบค้นเมื่อ 2015-11-23.
  36. "5 ข้อเท็จจริงที่เรียนรู้จากชัยชนะของลิเวอร์พูลในเกมเยือนแมนฯ ซิตี้". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-26. สืบค้นเมื่อ 2015-11-24.
  37. "ลิเวอร์พูลพ่ายเวสต์แฮม ตกรอบเอฟเอ คัพ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-02-13. สืบค้นเมื่อ 2016-02-12.
  38. ลิเวอร์พูลอกหักพ่ายการดวลจุดโทษในรอบชิงฯ แคปิตัล วัน คัพ[ลิงก์เสีย]
  39. ลูกยิงเหนือชั้นของโกชิญญูช่วยให้ลิเวอร์พูลผ่านแมนฯ ยูไนเต็ด เข้ารอบต่อไป[ลิงก์เสีย]
  40. นักบุญพลิกกลับมาชนะหงส์แดง 3-2[ลิงก์เสีย]
  41. "ลิเวอร์พูลและสเปอร์สแบ่งแต้มกันที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-08. สืบค้นเมื่อ 2016-04-05.
  42. "ลิเวอร์พูลสร้างประวัติศาสต์ในการกลับมาชนะดอร์ทมุนท์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-18. สืบค้นเมื่อ 2016-04-17.
  43. "ชัยชนะอันถล่มทลายของลิเวอร์พูลในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-24. สืบค้นเมื่อ 2016-04-23.
  44. "โกชิญญูคว้า 4 รางวัล ในงานประกาศรางวัล LFC Players' Awards". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-16. สืบค้นเมื่อ 2016-05-17.
  45. "ลิเวอร์พูลกบุกไปกำชัยเหนืออาร์เซนอลในเกมเปิดฤดูกาล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-17. สืบค้นเมื่อ 2016-08-16.
  46. "ลิเวอร์พูลตีตั๋วเข้ารอบ หลังถล่มดาร์บีขาดลอย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-24. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
  47. "ลิเวอร์พูลฟอร์มเยี่ยม เปิดแอนฟิลด์ถล่มฮัลล์ 5-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-27. สืบค้นเมื่อ 2016-09-26.
  48. "มาเน่ และโกชิญญู ยิงคว้าชัยเหนือเวสต์บรอมที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-26. สืบค้นเมื่อ 2016-10-24.
  49. "ลิเวอร์พูลครองจ่าฝูง หลังถล่มวัตฟอร์ดที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-09. สืบค้นเมื่อ 2016-11-08.
  50. สโมสรลิเวอร์พูลประกาศการต่อสัญญาระยะยาวของฟิลิปเป้ โกชิญญู[ลิงก์เสีย]
  51. "สัมภาษณ์พิเศษ ฟิลิปเป้ โกชิญญู หลังต่อสัญญาฉบับใหม่". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-22. สืบค้นเมื่อ 2017-01-25.
  52. "ลิเวอร์พูลพ่ายเลสเตอร์ ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดียม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-07. สืบค้นเมื่อ 2017-03-03.
  53. "ลิเวอร์พูลคว้าชัยในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี ที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-04. สืบค้นเมื่อ 2017-04-03.
  54. "ลิเวอร์พูลเสมอบอร์นมัธที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-09. สืบค้นเมื่อ 2017-04-07.
  55. "สองคู่หูบราซิลยิงให้ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะสโต๊ก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-10. สืบค้นเมื่อ 2017-04-10.
  56. พาเลซบุกมาฉกสามแต้มที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  57. "ลิเวอร์พูลบุกทุบเวสต์แฮมพร้อมเก็บคลีนชีต". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-17. สืบค้นเมื่อ 2017-05-16.
  58. "ลิเวอร์พูลทุบโบโร่ขาดลอย 3-0 ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-23. สืบค้นเมื่อ 2017-05-23.
  59. "ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนเลสเตอร์ถึงคิง เพาเวอร์ สเตเดียม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-02. สืบค้นเมื่อ 2017-09-24.
  60. ลิเวอร์พูลเสมอสปาร์ตัก มอสโก ในเกมแชมเปียนส์ลีก[ลิงก์เสีย]
  61. "ลิเวอร์พูลเสมอนิวคาสเซิล 1-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-04. สืบค้นเมื่อ 2017-10-02.
  62. "ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มหรูถล่มมาริบอร์ในแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-18.
  63. "ลิเวอร์พูลเฉลิมฉลองการทำลายสถิติในค่ำคืนยุโรปที่มาริบอร์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-21.
  64. "ซาลาห์เหมาสองประตูอีกครั้งในเกมถล่มเซาท์แฮมป์ตัน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-22. สืบค้นเมื่อ 2018-01-08.
  65. "ลิเวอร์พูลโชว์ความคมในแนวรุก ออกไปถล่มไบรท์ตัน 5-1!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-06. สืบค้นเมื่อ 2018-01-08.
  66. "โกชิญญูกดแฮตทริก! ลิเวอร์พูลถล่มสปาร์ตัก มอสโก 7-0 พร้อมเข้ารอบแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-08. สืบค้นเมื่อ 2018-01-08.
  67. "ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มบอร์นมัธ พร้อมเก็บคลีนชีต". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-23. สืบค้นเมื่อ 2018-01-08.
  68. "ลิเวอร์พูลเก็บหนึ่งแต้ม ในเกมสุดมันส์ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-25. สืบค้นเมื่อ 2018-01-08.
  69. "เปิดกล่องของขวัญที่แอนฟิลด์ กับ 5 ประตูสุดสวยเหนือสวอนซี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-31. สืบค้นเมื่อ 2018-01-08.
  70. 70.0 70.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ CNN Interview
  71. "Philippe Coutinho is expecting a boy with wife Aine". futballnews.com. 6 July 2020.
  72. "Barcelona and Koeman have complete confidence in Philippe Coutinho". Sport. Barcelona. 28 December 2020.
  73. Burt, Jason (14 December 2013). "Tottenham Hotspur v Liverpool: Brazilian midfielder Philippe Coutinho inspired by hero Ronaldinho". The Daily Telegraph. London. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 January 2022. สืบค้นเมื่อ 16 August 2016.
  74. "Coutinho's Portuguese passport confirmed to free up Barcelona squad space". Marca. Madrid. 20 December 2021. สืบค้นเมื่อ 10 August 2018.
  75. 75.00 75.01 75.02 75.03 75.04 75.05 75.06 75.07 75.08 75.09 75.10 "Philippe Coutinho: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  76. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  77. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  78. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  79. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  80. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  81. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  82. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2021/2022". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  83. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2022/2023". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  84. "Games played by ฟีลีปี โกชิญญู in 2023/2024". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 12 August 2023.
  85. "Brazil - Philippe Coutinho". Soccerway. สืบค้นเมื่อ 10 October 2023.
  86. "Philippe Coutinho". National Football Teams. Benjamin Strack-Zimmermann. สืบค้นเมื่อ 12 March 2023.
  87. "UEFA Europa League Squad of the Season". UEFA. 20 May 2016.
  88. "ฟีลีปี โกชิญญู คว้ารางวัลแซมบ้า โกลด์ประจำปี 2016". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-04. สืบค้นเมื่อ 2017-01-05.
  89. "โกชิญญูทำสถิติยิงประตูให้ลิเวอร์พูลมากที่สุดในฤดูกาล 2016-17". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-25. สืบค้นเมื่อ 2017-05-24.
  90. "โกชิญญูคว้ารางวัล LDSA". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-05-23.
  91. โกชิญญูคว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม[ลิงก์เสีย]
  92. "ประกาศนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-01-09.
  93. "โกชิญญูคว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-02-18.
  94. "โกชิญญูคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนอีกครั้ง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-03-21.
  95. "โกชิญญูคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนเมษายน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-05-16.
  96. "โกชิญญูได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนสิงหาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-09-16.
  97. "โกชิญญูคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนพฤศจิกายน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-12-18.
  98. "โกชิญญู คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-08. สืบค้นเมื่อ 2016-04-07.
  99. โกชิญญูคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม[ลิงก์เสีย]
  100. โกชิญญูคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลประจำเดือนเมษายน[ลิงก์เสีย]
  101. "โกชิญญูคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนกุมภาพันธ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-03-13.
  102. "โกชิญญูคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-04-13.
  103. "โกชิญญูคว้ารางวัลประตูประยอดเยี่ยม 3 เดือนซ้อน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-05-15. สืบค้นเมื่อ 2015-05-16.
  104. "โกชิญญูคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-09-19.
  105. "ลูกยิงของโกชิญญูได้รับรางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-11-29.
  106. "สุดยอดฟรีคิกของโกชิญญูได้รับการโหวตให้เป็นประตูที่ดีที่สุดของเดือนกุมภาพันธ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-15. สืบค้นเมื่อ 2016-03-14.
  107. "เวทมนตร์ของโกชิญญูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมเดือนมีนาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-14. สืบค้นเมื่อ 2016-04-02.
  108. "โกชิญญูคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยม ประจำเดือนสิงหาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-18. สืบค้นเมื่อ 2015-09-19.
  109. "โกชิญญูเอาชนะมาเน่ และฟีร์มีนู คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน ต.ค." คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-10. สืบค้นเมื่อ 2016-11-09.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]