ตราประจำพระองค์ในประเทศไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ตราประจำพระองค์ เป็นตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงพระบรมวงศานุวงศ์แต่ละพระองค์ โดยจะนำพระปรมาภิไธยย่อหรือพระนามาภิไธยย่อของแต่ละพระองค์ นำตรามาเป็นสัญลักษณ์ขึ้น พร้อมประดับตกแต่งสัญลักษณ์ ด้วยมงกุฎหรือสัญลักษณ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงพระอิสริยยศของแต่ละพระองค์

ตราสัญลักษณ์พระปรมาภิไธยย่อของพระมหากษัตริย์[แก้]

ภาพตรา ใช้สำหรับ ลักษณะ หมายเหตุ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ตราพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. (มหางกุฎ รมาชาธิราช) มีอุณาโลมเลข ๔ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี โดยรูปอักษร "มปร" ทั้งหมดเป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ วันพฤหัสบดี) ตรานี้ได้แบบจากอักษรพระปรมาภิไธย ด้านหลังของเหรียญรัตนาภรณ์ประจำรัชกาล ซึ่งได้ปรากฏการใช้ตรา บนพุ่มดอกไม้ด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานวันพระบรมราชสมภพ และถวายพระราชสมัญญาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562[1]
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. (มหาจุฬาลงกรณ์ รมาชาธิราช) มีอุณาโลมเลข ๕ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี โดยรูปอักษร "จ" เป็นสีชมพู (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ วันอังคาร) "ป" สีน้ำเงิน และ "ร" สีเหลืองทอง

ตรานี้ได้ปรากฎการใช้งานที่เป็นทางการ บนพุ่มดอกไม้ด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานพิธีมหามงคลทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561[2]

พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราพระปรมาภิไธยย่อ ว.ป.ร. (มหาชิราวุธ รมาชาธิราช) มีอุณาโลมเลข ๖ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี
ตราพระปรมาภิไธยย่อ รร.๖ (สมเด็จพระามาชาธิบดีที่ 6) ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี ภายหลังตามพระราชนิยมของพระองค์ที่ได้ให้ความสำคัญกับพระนาม "รามาธิบดี" ได้ทรงเปลี่ยนพระปรมาภิไธยของพระองค์จาก “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” เถลิงพระปรมาภิไธยใหม่เป็น “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” (โดยคงสร้อยท้ายเดิมไว้) หรือ “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6” และทรงเปลี่ยนพระปรมาภิไธยย่อจาก “ว.ป.ร.” เป็น “ร.ร.6[3] ซึ่งเป็นตราประจำพระองค์อีกรูปแบบหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราพระปรมาภิไธยย่อ ป.ป.ร. (มหาระชาธิปก รมาชาธิราช) ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ตราพระปรมาภิไธยย่อ อ.ป.ร. (มหาานันทมหิดล รมาชาธิราช) มีอุณาโลมเลข ๘ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี โดยรูปอักษร "อ" เป็นสีแดง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ; วันอาทิตย์) "ป" สีเหลือง และ "ร" สีฟ้า
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. (มหาภูมิพลอดุลยเดช รมาชาธิราช) ภายใต้อุณาโลมและพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี โดยรูปอักษร "ภ" เป็นสีเหลืองทอง (หมายถึง สีประจำราชวงศ์จักรี) "ป" สีน้ำเงิน (หมายถึง สีประจำพระบรมราชอิสริยยศ พระมหากษัตริย์) และ "ร" สีขาว (หมายถึง สีประจำพระชนมวารตามคติมหาทักษา วันจันทร์)
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราพระปรมาภิไธยย่อ ว.ป.ร. (มหาชิราลงกรณ รมาชาธิราช) มีอุณาโลมเลข ๑๐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี โดยรูปอักษร "ว" เป็นสีขาว (หมายถึง สีประจำพระชนมวารตามคติมหาทักษา วันจันทร์) "ป" สีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันจันทร์) และ "ร" สีฟ้า (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันศุกร์) ออกแบบโดย นายสุนทร วิไล ช่างศิลป์ประจำพระองค์ จากกรมศิลปากรพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ตราประจำพระองค์พระนามาภิไธยย่อของพระอัครมเหสี[แก้]

ภาพตรา ใช้สำหรับ ลักษณะ หมายเหตุ
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ผ. (เาวภาผ่องศรี) ภายใต้พระมหามงกุฎ มีช่อดอกไม้ใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ และช่อดอกไม้ไขว้อยู่กันเบื้องหลัง
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ว. (ว่างวัฒนา) ภายใต้พระมหามงกุฎ มีรัศมีอยู่เบื้องหลัง
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ก.ร. (สุนันทากุมารีรัตน์) เหนืออักษรพระนามย่อมีช่อดอกใม้ ภายใต้พระมหามงกุฎ มีช่อใบไม้ไขว้อยู่เบื้องหลัง ตราพระนามาภิไธยย่อ ส. (สุนันทากุมารีรัตน์) ภายใต้พระมหามงกุฎ ซึ่งเคยใช้เป็นตราประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ม. (สุขุมาลารศรี) ภายใต้พระมหามงกุฎ มีช่อใบไม้ไขว้อยู่เบื้องหลัง
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ตราพระนามย่อ อ. (อินทรศักศจี) ภายใต้นกยูง
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ตราพระนามย่อ ส. (สุวัทนา) ผูกเป็นรูปงู หมายถึง ปีนักษัตร คือ ปีมะเส็งอันเป็นปีประสูติ ภายใต้อุณาโลมเลข ๖ เปล่งรัศมี หมายถึง ทรงเป็นพระวรราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ตราพระนามาภิไธยย่อ ร.พ. (รำไพรรณี) ภายใต้มงกุฎขัตติยนารี อักษรพระนามาภิไธยย่อ "รพ" เป็นสีชมพู (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพ; วันอังคาร)
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. (สิริกิติ์) ภายใต้พระมหามงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีฟ้าเข้ม (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ; วันศุกร์) และ "ก" เป็นสีขาว
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ท. (สุทิดา) ภายใต้มงกุฎขัตติยนารี อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีม่วง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพ; วันเสาร์) และ "ท" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระราชสวามี; วันจันทร์) ออกแบบโดย นายสุนทร วิไล ช่างศิลป์ประจำพระองค์

ตราประจำพระองค์พระนามาภิไธยย่อของพระบรมวงศานุวงศ์[แก้]

ภาพตรา ใช้สำหรับ ลักษณะ หมายเหตุ
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ตราพระนามาภิไธยย่อ ม. (หิดล) ภายใต้ตราประจำราชวงศ์จักรีและคล้องอยู่กับพระมหามงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ม" เป็นสีเหลืองทอง[4] ตราพระนามาภิไธยย่อ ม.อ. (หิดลดุลเดช) ภายใต้ตราประจำราชวงศ์จักรีและพระมหามงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ม" และ "อ" เป็นสีเหลืองทอง ปรากฏในตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และบนหน้าบันเรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ว. (สัาลย์) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีแดง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันอาทิตย์)และ "ว" เป็นสีน้ำตาล
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ธ. (สิรินร) ภายใต้พระชฎาไม่มีกรรเจียกจร อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีม่วง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพ; วันเสาร์) และ "ธ" เป็นสีขาว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 50 พรรษา พุทธศักราช 2520 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์" เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี" (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2520

ต่อมา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” (สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ตราพระนามย่อ จ.ภ. (จักรพงษ์ภูวนาถ) ภายใต้อุณาโลมและพระชฎาห้ายอด
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ตราพระนามย่อ บ.ส. (ริพัตรสุขุมพันธุ์) ภายใต้ตราจักรีและพระมหามงกุฎ
สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธวงศ์วรเดช ตราอาร์มประจำพระองค์ มีโล่แบ่งเป็นสี่ห้อง ห้องบนเป็นตราจักรี ห้องด้านขวาเป็นรูปสิงห์ ห้องด้านซ้ายเป็นรูปพระมหามงกุฎ ห้องด้านล่างเป็นรูปตราราชสกุลภาณุพันธ์ มีรูปบุรุษประคองข้างด้านซ้ายและขวา มีฐานรองเป็นป้ายจารึกคำบาลีเป็นอักษรไทย มีเครื่องยอดเป็นเถากุหลาบภายใต้พระมหามงกุฎเปล่งรัศมี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ตราพระนามย่อ น. (ริศรานุวัดติวงศ์)
สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ตราพระนามย่อ จ.ภ. (จุฬารณวลัยลักษณ์) ภายใต้พระจุลมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "จ" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันพฤหัสบดี) และ "ภ" เป็นสีขาว โดยมีพระภูษาสีน้ำเงินพันรอบ ตราพระนามย่อ จ.ภ. บน "ธงสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี" มีลักษณะเป็นตราพระนามย่อแบบผสมผสานระหว่าง อักษรพระนามย่อ จ.ภ. มีพระภูษาสีน้ำเงินพันรอบ ในตราพระนามย่อแบบที่ 1 และพระจุลมงกุฎในตราพระนามย่อแบบที่ 2
ตราพระนามย่อ จ.ภ. (จุฬารณวลัยลักษณ์) ภายใต้พระจุลมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "จ" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันพฤหัสบดี) และ "ภ" เป็นสีขาว เรียงตัวกันเป็นรูปหัวใจ มักปรากฏตามอาคารสถานที่ ที่พระราชทานนามอาคาร
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ตราพระนามย่อ พ.ร. (เชรรัตนาชสุดา) ภายใต้พระชฎามหากฐินและอุณาโลมเลข ๖ หมายถึง เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 อักษรพระนามาภิไธยย่อ "พ" เป็นสีแดง และ "ร" เป็นสีขาว
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตราพระนามย่อ ก.ว. (กัลยาณิวัฒนา) ภายใต้พระจุลมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ก" เป็นสีขาว และ "ว" เป็นสีฟ้า (เป็นสีที่โปรดเป็นการส่วนพระองค์)
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ตราพระนามย่อ อ.ร. (อุบลรัตนราชกัญญา) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "อ" เป็นสีแดง (หมายถึง เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงใช้สีแดงเป็นสีอักษรพระนามาภิไธยย่อ แทนสีแสดซึ่งเป็นสีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันพฤหัสบดี) และ "ร" เป็นสีขาว
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ตราพระนามย่อ ส.ส. (โวลี) ยอดพระนามย่อเป็นรูปอุณาโลม อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีม่วง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันเสาร์) และ "ส" เป็นสีขาว
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ตราพระนามย่อ พ.ภ. (พัชรกิติยาา) ภายใต้พระจุลมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "พ" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันพฤหัสบดี) และ "ภ" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำพระราชวงศ์จักรี)
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ร. (สิริวัณวรี) ภายใต้พระจุลมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันพฤหัสบดี) และ "ร" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำพระราชวงศ์จักรี)
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ตราพระนามาภิไธยย่อ ท.ป. (ทีปังกรรัศมีโชติ) ภายใต้พระจุลมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ท" เป็นสีฟ้า (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันศุกร์) และ "ป" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำพระราชวงศ์จักรี)
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นรูปเทวดาประนมมือไหว้และเหน็บพระขรรค์ มีอักษรพระนามย่อ ด.ร. (ดํารงาชานุภาพ และมีปีประสูติ (2405) กับปีสิ้นพระชนม์ (2486) เป็นตัวเลขอาหรับ กระหนาบซ้ายขวา
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร พระนามย่อ ว.บ. (าปีบุษบากร) ภายใต้เลข ๕ เปล่งรัศมี แสดงถึงการที่ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ตราพระนามย่อ น.ม.ส. (รัชนีแจ่จรั)
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ตราพระนามย่อ ส.ภ. (สิริาจุฑาภรณ์) ภายใต้รัดเกล้าเปล่งรัศมี อักษรพระนามย่อ "ส" เป็นสีฟ้า (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันศุกร์) และ "ภ" เป็นสีชมพูสด
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ตราพระนามย่อ อ.ก. (ทิตยาทรกิติคุณ) อักษรพระนามย่อ "อ" เป็นสีม่วงเข้ม และ "ก" เป็นสีม่วง (ซึ่งอักษรทั้งหมดหมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันเสาร์)

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช จะประกอบด้วย อักษรพระนามอยู่ภายใต้ เศวตฉัตร (ฉัตรขาว) 3 ชั้น สำหรับสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นสามัญชน อยู่ภายใต้ฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น สำหรับสมเด็จพระสังฆราชที่ได้รับการสถาปนาที่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และอยู่ภายใต้เบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 5 ชั้น) ซึ่งเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ของเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์ ผู้ทรงดำรงสมณศักดิ์ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า

ภาพตรา ใช้สำหรับ ลักษณะ หมายเหตุ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ตราประจำพระองค์ เป็นรูปตราประจำราชวงศ์จักรี รูปจักรและตรีศูลอยู่กึ่งกลาง ขนาบข้างด้วยฉัตร 5 ชั้น หมายถึง ทรงเป็นพระราชวงศ์ในราชวงศ์จักรี เหนือขึ้นไปด้านบนเป็นรูปเบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 5 ชั้น) ซึ่งเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ของเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์ผู้ทรงดำรงสมณศักดิ์ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ด้านล่างตราประจำราชวงศ์จักรี มีพระนาม "วาสุกรี" มีแถบแพรเป็นรูปพญานาคล้อมรอบตราประจำราชวงศ์จักรี หมายถึง พระนาม "วาสุกรี" ในแถบแพร มีข้อความ "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส" ตราสัญลักษณ์ 230 ปี วันประสูติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เป็นรูปตราประจำพระองค์ ด้านล่างมีข้อความ ๒๓๐ ปี วันประสูติ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ พื้นหลังเป็นสีม่วง (สีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันเสาร์)
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ตราประจำพระองค์ เป็นรูปเบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 5 ชั้น) ซึ่งเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ของเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์ผู้ทรงดำรงสมณศักดิ์ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ตราประจำพระองค์บนหมอนมหาสมณุตมาภิเษก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2434 นอกจากนี้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพัดแฉกตาดพิเศษและตาลปัตรพื้นแพรเหลืองปักตราเบญจปฎลเศวตรฉัตรถวายเป็นเครื่องยศแล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบาตรและหมอนประดับตราเช่นเดียวกันนั้นถวายอีกด้วย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุสฺสเทวมหาเถร) ตราพระนามย่อ ส.ป. โดยอักษร ส ย่อมาจากพระนาม “า” เป็นสีแดง และอักษร ป ย่อมาจากฉายา “ปุสฺสเทโว” เป็นสีส้ม อยู่ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น เหนือฉัตรชั้นที่ 1 มีเลข ๙ ประดิษฐานอยู่ หมายถึง เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (มนุสฺสนาคมหาเถร) ตราประจำพระองค์ เป็นรูปเพชรเปล่งรัศมี อยู่ภายใต้เบญจปฎลเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 5 ชั้น) ซึ่งเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ของเจ้านายชั้นพระบรมวงศ์ผู้ทรงดำรงสมณศักดิ์ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ตราพระนามย่อ ช.ส. (ชินวรสิริวัฒน์) อักษรย่อ "ช" เป็นสีเหลือง และ "ส" เป็นสีขาว ภายใต้ฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น เหนือฉัตรชั้นที่ 5 ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ติสฺสเทวมหาเถร) ตราพระนามย่อ อ.พ.ต. โดยอักษร อ ย่อมาจาก “ริยวงศาคตญาณ” ราชทินนามสำหรับสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นสามัญชน เป็นสีเหลือง อักษร พ ย่อมาจากพระนาม “แ” เป็นสีเขียว และอักษร ต ย่อมาจากฉายา “ติสฺสเทโว” เป็นสีแดงเลือดหมู อยู่ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (สุจิตฺตมหาเถร) ตราพระนามย่อ เป็นรูปเพชร ภายใต้ฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น เหนือยอดฉัตร มีรูปเพชรเปล่งรัศมี อันสื่อถึงพระฉายานาม "วชิรญาณวงศ์"
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (กิตฺติโสภณมหาเถร) ตราพระนามย่อ อ.ป.ก. โดยอักษร อ ย่อมาจาก “ริยวงศาคตญาณ” ราชทินนามสำหรับสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นสามัญชน อักษร ป ย่อมาจากพระนาม “ลด” และอักษร ก ย่อมาจากฉายา “กิตฺติโสภโณ” และหมายถึงสกุลเดิมของพระองค์คือ “เตุทัต” อยู่ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ญาโณทยมหาเถร) ตราประจำพระองค์ เป็นรูปเศวตฉัตร (ฉัตรขาว) 3 ชั้น ซึ่งเป็นเครื่องยศของของ สามัญชน ผู้ดำรงสมณศักดิ์ในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อุฏฺฐายมหาเถร) ตราพระนามย่อ จ.อ. โดยอักษร จ ย่อมาจาก "วน" ประดิษฐานอยู่เหนือธรรมจักร อักษร อ ย่อมาจากพระนาม "อุฏฺฐายี" ประดิษฐานอยู่ตรงกลางธรรมจักร สื่อถึงทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยอักษรพระนามย่อทั้งหมดอยู่ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์ ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุณฺณสิริมหาเถร)
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ (วาสนมหาเถร) ตราพระนามย่อ ว.ว.น. ภายใต้ฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น เหนือฉัตรชั้นที่ 1 ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า
  • อักษร "ว" ตัวแรก มาจากพระนาม “าสน์” เป็นสีเหลือง
  • อักษร "ว" ตัวที่สอง มาจากฉายา “าสโน” เป็นสีแดง
  • อักษร "น" มาจากพระชาติภูมิเดิม ที่ประสูติมาในสกุล “นิลประภา” เป็นสีเขียว
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สุวฑฺฒนมหาเถร) ตราพระนามย่อ ญ.ส.ส. ภายใต้ฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น
  • อักษร "ญ" มาจากพระนาม “สมเด็จพระาณสังวร” พระราชทินนามขณะทรงดำรงตำแหน่งพระสมณศักดิ์สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งได้รับพระราชทานใช้เป็นกรณีพิเศษ เป็นสีฟ้า (ผงคราม) ซึ่งเป็นสีประจำวันประสูติ (วันศุกร์)
  • อักษร "ส" ตัวแรก มาจาก “สมเด็จพระสังฆราช” เป็นสีเหลือง หมายความว่า ทรงเป็นสกลมหาสังฆปริณายก องค์ประมุขแห่งคณะสงฆ์
  • อักษร "ส" ตัวที่สอง มาจาก “กลมหาสังฆปริณายก” เป็นสีขาว หมายความว่าทรงบริสุทธิ์วิเศษเป็นศรีศุภมงคลในพระบวรพุทธศาสนา
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ตราพระนามย่อ อ.อ.ป. ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น
  • อักษร "อ" ตัวแรก เป็นสีแดง (หมายถึง พระนามของพระองค์ "อัมพร" และเป็นสีประจำวันคล้ายวันประสูติ; วันอาทิตย์)
  • อักษร "อ" ตัวที่สอง เป็นสีเหลือง (หมายถึง พระฉายานามของพระองค์ "มฺพโร" และเป็นสีอาสนะประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช และสีของกาสาวพัสตร์ เป็นสมณคุณ)
  • อักษร "ป" เป็นสีฟ้าเทา (หมายถึง นามสกุลของพระองค์ "ระสัตถพงศ์" และเป็นสีประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นชาติภูมิ)[5]

ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ในช่วงวาระพิเศษต่าง ๆ[แก้]

ตราสัญลักษณ์ในช่วงวาระพิเศษนี้จ้ะปรากฏในช่วงเวลาต่างที่เป็นช่วงเวลาสำคัญของพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระราชวงศ์และสมเด็จพระสังฆราช พระสนมต่าง ๆเป็นต้น เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ระลึกวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ วันประสูติ วันที่ระลึกวันคล้ายวันประสูติและพิธีสมโภชการขึ้นครองราชย์ครบรอบช่วงเวลาต่าง ๆ วันที่ระลึกบรมราชาภิเษกสมรสและวันที่ระลึกอภิเษกสมรส วันคล้ายวันสวรรคต สิ้นพระชนม์และทิวงคตต่าง ๆ

ภาพตรา วาระโอกาส ใช้สำหรับ ลักษณะ หน่วยงานที่ออกแบบและผู้ออกแบบ
ครบ 200 ปี แห่งการพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว 18 ตุลาคม 2547 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปรมาภิไธย ม.ป.ร. สีแสดขอบทอง (สีวันพระบรมราชสมภพวันพฤหัสบดี) อยู่ตรงกลาง มีเส้นโค้ง 9 เส้น สีทองเชื่อมต่อกันเป็นวงกลมล้อมรอบพระปรมาภิไธย มปร พื้นสีน้ำเงิน (สี สถาบันพระมหากษัตริย์) เบื้องบนมีพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เป็นพระราชสัญลักษณ์ ของพระบรมนามาภิไธยว่า "มงกุฎ" ซึ่งเป็นศิราภรณ์สำคัญของพระมหากษัตริย์อยู่ในเครื่อง เบญจราชกกุธภัณฑ์ ภายในพระมหาพิชัยมงกุฎมีพระอุณาโลม มีฉัตรบริวาร 5 ชั้นขนาบ ข้างทั้ง 2 ข้าง มีแถบแพรผ้าสีเหลืองโอบโดยรอบสองข้างพระปรมาภิไธย บอกชื่องาน "ครบ ๒๐๐ ปี แห่งการพระบรมราชสมภพ ๑๘ ต.ค. ๒๕๔๗" โดยมีเลข 200 อยู่ตรงกลาง นายสุเมธ พุฒพวง สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
100 ปี แห่งการสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 23 ตุลาคม 2553 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อักษรพระปรมาภิไธย จปร ประดิษฐานอยู่ใจกลางตรา หมายถึง พระองค์ทรงสถิตอยู่ในใจ ไพร่ฟ้าประชากร ดังเลข ๑๐๐ ในหัวใจสีชมพู ด้านล่าง แบบลวดลายไทย หมายถึง ความ เป็นไทย เอกลักษณ์ไทย แพรแถบประดิษฐ์อักษร "๑๐๐ ปี แห่งการสวรรคตของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" สีที่ใช้ได้แก่ สีชมพู คือ สีประจำวันพระบรมราชสมภพ สีน้ำเงิน หมายถึงพระมหากษัตริย์ สีเหลือง แทนแสงสว่าง สีทองนั้นด้วยพระองค์เปี่ยม คุณค่าหา ผู้ใดเปรียบ สีเขียว คือความสดชื่น เกษมสำราญ ไม่ปรากฎนามผู้ออกแบบ
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วยรูปครุฑพ่าห์ ซึ่งหมายถึงรัฐบาลและปวงชนชาวไทย เทิด พระแสงจักร และตรี อันเป็นพระราชสัญลักษณ์ประจำพระบรมราชจักรีวงศ์ กลางวงจักร มี อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร และเลข 9 ประจำรัชกาลปัจจุบัน อยู่ภายใต้พระมหาพิชัย มงกุฎเปล่งรัศมีสองข้างซ้ายและขวา มีรูปคชสีห์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนข้าราชการฝ่ายทหาร กับราชสีห์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนข้าราชการฝ่ายพลเรือน ประคองฉัตรเครื่องสูง 7 ชั้น สำหรับ ประกอบพระบรมราชอิสริยยศ สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าเบื้องล่างมีแพรแถบ จารึกอักษรข้อความว่า "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐" นายพินิจ สุวรรณบุณย์ นายช่างองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย พระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประดิษฐานอยู่กึ่งกลาง และมีเครื่อง เบญจราชกกุธภัณฑ์ คือ พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกรชัยพฤกษ์ พัด วาลวิชนีและพระแสจามรี และฉลองพระบาทเชิงงอน ประกอบอยู่โดยรอบ พร้อมฉัตร 7 ชั้น ประดับอยู่ซ้ายและขวา มีแพรแถบจารึกอักษรข้อความว่า "พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก วันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑" นายสุนทร วิไล นายช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช 2539 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย พระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นหลักสำคัญ มีตราพระบรม ราชวงศ์จักรี และพระมหาพิชัยมงกุฎอยู่ด้านบน เป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นพระมหา กษัตริย์แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ มีพานเครื่องสูง 2 ชั้น ที่มักอยู่ในมโนภาพของผู้คน ทั่วไป เมื่อนึกถึงสัญลักษณ์ของรัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย โดยมีช้าง 2 เชือก เทินตราพระราชลัญจกร อยู่ภายใต้พระเศวตฉัตร นางสาววิยะดา เจริญสุข
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อยู่ตรงกลาง ประดิษฐานอยู่เหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ เป็นการแสดงความหมายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยว และเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงสุดของประชาชน สีเหลืองของอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร เป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ อยู่บนพื้นวงกลมสีน้ำเงิน ซึ่งหมายถึงพระมหากษัตริย์ ล้อมรอบด้วย ตราพระแสงจักร และมีเลข ๙ บนอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร ซึ่งหมายถึง ทรงเป็น พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ มีสัปตปฎลเศวตฉัตร ประกอบอยู่ 2 ข้าง ซ้ายและขวา และมีนพปฎลมหาเศวตฉัตร ประดิษฐานอยู่เบื้องบนสุดเส้นกรอบรอบนอก ที่ออกแบบให้มีลักษณะ เป็น 4 แฉก หรือ 4 ส่วน แทนประชาชนชาวไทย ทั่วทุกภาคของประเทศ ที่อยู่ภายใต้ พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข สีพื้นจึงเป็นสีเขียว อันแสดงถึงความสงบร่มเย็น และอุดมสมบูรณ์ มีดอกบัว 4 ดอก แทรกตรงกลางระหว่างแฉกทั้ง 4 แสดงความหมายเป็นการเทิดทูนบูชา ในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบรัศมีสีทองโดย รอบ เปรียบได้ดังพระบุญญาบารมี พระมหากรุณาธิคุณ และ น้ำพระราชหฤทัย ที่แผ่ไพศาลไปทั่วทุกทิศ ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ยังความปลาบปลื้ม มาสู่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเบื้องล่าง ออกแบบเป็นแพรแถบสีน้ำเงิน แสดงข้อความ “พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒” นายนิรันดร์ ไกรสร โดยทรงพระกรุณาโปรด เกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานตราสัญลักษณ์ดังกล่าว (ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับรางวัลที่ 1 ในการประกวดตราสัญลักษณ์ฯ โดยกรมศิลปากร)
พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พุทธศักราช 2549 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร สีเหลืองนวลทอง อันเป็นสีประจำ พระชนมวาร ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทอง บนพื้นสีน้ำเงินเจือทอง อันเป็นสีประจำพระ ราชวงศ์ ล้อมด้วยเพชร อันเป็นเอกแห่งรัตนะ หมายความว่า เหล่านักปราชญ์ ราชกวีสำคัญ อีกบรรดาช่างอันมีชื่อ พระยาช้างสําคัญ นางงาม เหล่าทแกล้วทหาร ข้าราชบริพาร อันยอด ฝีมือ ในการปฏิบัติราชการอย่างสุจริตยิ่ง เหล่านี้ เปรียบด้วยเพชร อันมีชื่อว่ารัตนะ แวดล้อม ประดับพระเกียรติยศ แห่งพระมหากษัตริยาธิราชพระองค์นั้น อันเหนือยิ่งกว่าเพชร อันได้ ชื่อว่ารัตนะทั้งปวง คือพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงสถิตเป็นเพชรอันยอดค่ายิ่งในดวงใจราษฎร์ ทรงบำบัดทุกข์ผดุงสุข เป็นที่พึ่งอันเกษมสุขร่มเย็นแก่ปวงพสกนิกร ซึ่งต่างเชื้อชาติศาสนา ในพระราชอาณาจักรของพระองค์ อนึ่ง อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร นี้ ประดิษฐานบน พระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎประกอบพระอุณาโลม - แวดล้อมด้วยพระแสง ขรรค์ชัยศรี และพระแส้หางช้างเผือก ทอดสอดอยู่ในกงพระที่นั่งภัทรบิฐเบื้องซ้ายแห่งพระ มหาพิชัยมงกุฎ - มีธารพระกร และพัชนีฝักมะขาม ทอดสอดอยู่เบื้องขวาแห่งกงพระที่นั่ง ภัทรบิฐ อันประดิษฐานบนฐานเขียง ซึ่งทอดฉลองพระบาทประดิษฐานอยู่ เหล่านี้รวมเรียกว่า เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วยสิ่งอันแสดงความเป็นกษัตริย์ทั้ง 5 คือ พระมหา พิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร พัดวาลวิชนี และ พระแส้ และ ฉลองพระบาท อันมีความหมายถึง ปีแห่งการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ล่างลงมา เป็นแพรแถบสีชมพูขลิบ ทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่า "ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙" ปลาย แห่งแพรแถบ ผูกเป็นภาพกระบี่ธุช เป็นวานรภายขาว มือถือก้านลายซุ้ม อันเป็นกรอบลาย ของตราสัญลักษณ์ฯ อยู่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายปลายแพรแถบ ผูกเป็นภาพพระครุฑพ่าห์ เป็นครุฑหน้าขาว กายสีเสนปนทอง มือถือก้านลายกรอบแห่งตราสัญลักษณ์ฯ พื้นภาพตรา สัญลักษณ์ฯ ทั้งหมดสีเขียวปนทอง อันหมายถึง สีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ และ ยังหมายถึง สีของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ แห่งผืนภูมิประเทศ ที่ทรงปกครองทำนุบำรุง อย่างหนักยิ่ง มาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติมา ณ บัดนี้ ถึงมหามงคลสมัย ที่จะเฉลิมฉลองพระเกียรติ ในการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อันยาวนานที่สุดในประเทศไทยและยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์องค์ใดในประเทศไทย นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร นายช่างสิบหมู่กรมศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย พระราชลัญจกรประจำพระองค์ รัชกาลที่ 9 เป็นภาพพระที่นั่ง อัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ประกอบด้วยวงจักร กลางวงจักรมีอักขระเป็นอุณาโลม รอบวงจักร มีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือวงจักรเป็นพระเศวตฉัตร 7 ชั้น ตั้งอยู่บนพระที่นั่งอัฐทิศ อุทุมพรราชอาสน์ อันหมายถึง พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ มีพระบรมเดชานุภาพเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน โดยในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระองค์ได้ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ อุทุมพรราชอาสน์ ตามโบราณราชประเพณี และสมาชิกรัฐสภาได้ถวายน้ำอภิเษกจากทิศทั้ง แปดเป็นครั้งแรกแทนราชบัณฑิต ส่วนพระแท่นลานั้นโรยด้วยดอกพิกุลเงินพิกุลทอง 9 ดอก พระราชลัญจกรล้อมรอบด้วยเพชร 80 เม็ด หมายถึงพระชนมพรรษา 80 พรรษา ด้านบน พระราชลัญจกรเป็นพระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของ พระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ภายในพระ มหาพิชัยมงกุฎเป็นเลข 4 หมายถึงรัชกาลที่ 9 พระมหาพิชัยมงกุฎนั้นอยู่ด้านหน้าพระ นพปฎลมหาเศวตฉัตรซึ่งอยู่กึ่งกลาง และขนาบข้างด้วยพระเศวตฉัตร 7 ชั้น อันเป็นเครื่อง แสดงพระราชอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ ด้านล่างพระราชลัญจกรเป็นเลข 80 หมายถึงพระองค์มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ถัดจากเลขไทยลงมาเป็นแพรแถบบอก ชื่องาน "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐" แพรแถบนอกจากบอกชื่องานพระราชพิธีแล้ว ยังรองรับประคองพระเศวตฉัตรด้วย นายสุเมธ พุ่มพวง นักวิชาการช่างศิลป์ 7 กลุ่มงานศิลป ประยุกต์ กลุ่มจิตรกรรมศิลปประยุกต์และลายรดน้ำ กรมศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร สีเหลืองทอง อันเป็นสีประจำ วันพระบรมราชสมภพ ขลิบรอบด้วยสีทอง อยู่กลางตราสัญลักษณ์ฯ บนพื้นวงกลมสีน้ำเงิน ล้อมรอบด้วยกรอบโค้งเรียบสีเหลืองทอง หมายถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ด้านบนอักษรพระปรมาภิไธยย่อ เป็นอุณาโลมเลข ๙ หมายถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยตัวเลขนั้นอยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นเครื่อง ประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ไทย และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็น สมเด็จพระบรมราชาธิราช ถัดลงมาสองข้างซ้ายขวาของอักษรพระปรมาภิไธยย่อ มีลายพุ่ม ข้าวบิณฑ์สีทอง ซึ่งมีสัปตปฎลเศวตฉัตรประดิษฐานอยู่เบื้องบน ด้านนอกสุดเป็นกรอบโค้ง มี ลวดลายสีทองบนพื้นสีเขียว ซึ่งเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ และยังหมายถึงความ มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ และความสงบร่มเย็น ด้านล่างอักษรพระปรมาภิไธยย่อ เป็นภาพกระต่าย สีขาวทรงเครื่อง อยู่ในลักษณะกำลังก้าวย่าง หมายถึงเครื่องหมายประจำนักษัตรปีเถาะ ซึ่ง ตรงกับปีมหามงคลนี้ โดยภาพกระต่ายอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน มีลายกระหนกสีทองประกอบ หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทย ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร เบื้องล่าง ตราสัญลักษณ์ฯ เป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทอง มีตัวอักษรสีทองความว่า "พระราชพิธีมหา มงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔" นายศิริ หยูแดง โดยการจัดประกวดของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว
พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี พุทธศักราช 2559 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองนวลทอง เป็นสีประจำ วันพระบรมราชสมภพ ขอบริมอักษรสีทองบนพื้นสีขาบเข้ม (น้ำเงินแก่) เป็นสีประจำสถาบัน พระมหากษัตริย์ ภายในกรอบลายทองปนนากมีลายเนื่องสีทองมากกว่า 70 ดวง เป็นการ ถวายพระพร ให้ทรงสถิตดำรงในสิริราชสมบัติมากกว่าปีที่ 70 ให้สถาพรโดยสวัสดีเป็น อเนกอนันต์ ยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใด อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และกรอบลาย ทองปนนากนี้สถิตอยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ ประกอบพระอุณาโลมสีทอง แวดล้อมด้วย พระแสงขรรค์ชัยศรี และพระแสจามรีอยู่เบื้องซ้ายแห่งพระมหาพิชัยมงกุฎ มีธารพระกร และพัชนีฝักมะขาม อยู่เบื้องขวา มีฉลองพระบาททอดอยู่ที่ปลายพระแสงและธารพระกรนั้น เบื้องล่าง รวมเรียกว่าเครื่องเบญจสิริราชกกุธภัณฑ์ เป็นนิมิตหมายแห่งการฉลองสิริราช สมบัติ ล่างลงมาเป็นแพรแถบสีหงชาด (ชมพู) ขลิบทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่า ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ปลายด้านขวาของแพรแถบระบุ พ.ศ. ๒๔๘๙ อันเป็นปีที่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ปลายด้านซ้ายของแพรแถบระบุ พ.ศ. ๒๕๕๙ แสดงกาลเวลาที่ล่วงมา 70 ปีตราบจนปัจจุบัน นายสมชาย ศุภาลัยที่ภูเก็ต สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย อักษรพระนามาภิไธย ม.ว.ก. ภายในวงรีแนวนอน ภายใต้พระอนุราชมงกุฎ อันเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ภายในพระอนุราชมงกุฎเป็นพระแสงจักรและแสงตรีศูลเครื่องหมายแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระอนุราชมงกุฎ นั้นประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระสัปตปฎลเศวตฉัตร เบื้องล่างอักษรพระนามาภิไธย ม.ว.ก. เป็นเลข ๖๐ หมายถึง มีพระชนมพรรษา 60 พรรษา ถัดลงมาเป็นผ้าแพรแถบ มีปลายด้านบนเป็นพญานาค อันหมายถึง ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ซึ่งมีพญานาคเป็นเครื่องหมายแห่งปีมะโรงนักษัตร รองรับองค์ประกอบของตราสัญลักษณ์ฯ ทั้งหมด ภายในผ้าแพรแถบมีข้อความว่า "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕" นายสุเมธ พุ่มพวง สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราสัญลักษณ์ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธย วปร อยู่ตรงกลาง พื้นอักษรสีขาวขอบเดินทอง อันเป็นสีของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระบรมราชสมภพ ภายในอักษรประดับเพชร ตามความหมายแห่งพระนามมหาวชิราลงกรณ อักษร วปร อยู่บนพื้นสีขาบ (น้ำเงินเข้ม) อันเป็นสีของขัตติยกษัตริย์ ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง สอดสีเขียว อันเป็นสีซึ่งเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ กรอบทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อัญเชิญมาจากกรอบที่ประดิษฐานพระมหาอุณาโลม อันเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แวดล้อมด้วยเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎพร้อมอุณาโลมประกอบเลขมหามงคลประจำรัชกาล อยู่เบื้องบน พระแสงขรรค์ชัยศรีกับพระแส้จามรี ทอดไขว้อยู่เบื้องขวา ธารพระกรกับพัดวาลวิชนี ทอดไขว้อยู่เบื้องซ้าย และฉลองพระบาทเชิงงอน อยู่เบื้องล่าง พระมหาพิชัยมงกุฎ หมายถึง ทรงรับพระราชภาระอันหนักยิ่งของแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน พระแสงขรรค์ชัยศรี หมายถึงทรงรับพระราชภาระปกป้องแผ่นดิน ให้พ้นจากภยันตราย ธารพระกร หมายถึง ทรงดำรงราชธรรมเพื่อค้าจนบ้านเมืองให้ผาสุกมั่นคง พระแส้จามรี กับพัดวาลวิชนี หมายถึง ทรงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของอาณาประชาราษฎร์ ฉลองพระบาท เชิงงอน หมายถึง ทรงทำนุบำรุงปวงประชาทั่วรัฐสีมาอาณาจักร เบื้องหลังพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐาน พระมหาเศวตฉัตรอันมีระบายขลิบทองจงกลยอดฉัตรประกอบรูปพรหมพักตร์อันวิเศษสุด ระบายชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทองแสดงถึงพระบารมีและพระบรมเดชานุภาพที่ปกแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ เบื้องล่างกรอบอักษรพระปรมาภิไธยมีแถบแพรพื้นสีเขียว ถนิมทอง ขอบขลิบทอง มีอักษรสีทองความว่า "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒" ปลายแถบแพรเบื้องขวามีรูปคชสีห์กายม่วงอ่อน ประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึงข้าราชการฝ่ายทหาร เบื้องซ้ายมีรูปราชสีห์กายขาวประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึงข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนองงานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตรด้านในทั้งสองข้าง มีดอกลอยกนกนาค แสดงถึงปีมะโรงนักษัตรอันเป็นปีพระบรมราชสมภพ สีทอง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งของประเทศชาติและประชาชน ไม่ปรากฎนามผู้ออกแบบ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ออกแบบ และได้โปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรจัดทำตราสัญลักษณ์
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราสัญลักษณ์ของพระราชพิธีนี้ ประกอบด้วย อักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ตรงกลาง อักษร ว ใช้สีขาวนวล สีแห่งวันจันทร์วันพระบรมราชสมภพ ตามคติมหาทักษา อักษร ป ใช้สีเหลือง วันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และอักษร ร ใช้สีฟ้า วันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อยู่บนรูปทรงของเพชร อันหมายถึง พระปรมาภิไธย “มหาวชิราลงกรณ” เพชรสีขาบ (สีน้ำเงินแก่อมม่วง) อันเป็นสีของพระมหากษัตริย์ ภายนอกกรอบของเพชร ประกอบด้วยแถบสีเขียว ซึ่งเป็นสีแห่งเดชวันพระบรมราชสมภพ ประดับด้วยเพชร 72 เม็ด หมายถึง พระชนมพรรษา 72 พรรษา เบื้องบนของตราสัญลักษณ์ ประดับพระมหาพิชัยมงกุฎ แสดงถึงการทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ เบื้องหลังพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แสดงถึงพระบรมเดชานุภาพแผ่กระจายไปไกลทั่วทุกหนแห่ง เพื่อปกป้องคุ้มครองและช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ทั่วทั้งแผ่นดิน ยอดจงกลฉัตรประกอบรูปพรหมพักตร์ ดอกจำปาทองห้อยระบายชั้นล่างนพปฎลมหาเศวตฉัตร 8 ดอก หมายถึง พระบารมีแผ่ไปทั่วทั้ง 8 ทิศ เลข 10 ไทย ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ หมายถึง พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เบื้องล่างปลายแถบแพร เบื้องขวามีรูปคชสีห์กายสีม่วงชมพูประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึงข้าราชการฝ่ายทหาร เบื้องซ้ายมีรูปราชสีห์กายขาวประคองฉัตร 7 ชั้น หมายถึง ข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนองงานแผ่นดิน เบื้องล่างประกอบด้วยลวดลายพญานาคกายสีเขียว อันแสดงถึงนักษัตรปีมะโรงอันเป็นปีพระบรมราชสมภพ แพรแถบสีส้มขลิบทองซึ่งเป็นสีแห่งมูละของวันพระบรมราชสมภพ ภายในแพรแถบมีข้อความว่า "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗" ใต้อักษรพระปรมาภิไธย ประกอบด้วยตัวเลข ๗๒ หมายถึงพระชนมพรรษา ลวดลายเฟื่องอุบะและลวดลายดอกรวงผึ้ง ดอกไม้ประจำพระองค์มีสีทอง อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนและประเทศชาติ นายวิริยะ ชอบกตัญญู จิตรกรปฏิบัติการ สังกัดกลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 12 สิงหาคม 2535 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สัญลักษณ์ประกอบด้วยอักษรพระนามาภิไธยย่อ สก. ล้อมด้วยสายสร้อยห้อยมหาจักรีภายใต้พระมหามงกุฎและพระศเวตฉัตร 7 ชั้น ขนาบด้วยพระเศวตฉัตร 5 ชั้น เบื้องล่างมีแถบผ้าแพรสีชมพูชื่องานพระราชพิธีพระมหามงกุฎ พระสัปตปฎลเศวตฉัตรและพระเศวตฉัตร 5 ชั้น อันเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยศักดิ์ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาไว้ในตําแหน่งสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อักษรพระนามาภิไธยย่อ สก. รอบนอกล้อมด้วยสายสร้อยห้อยมหาจักรี ซึ่งเป็นเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ สําหรับพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ นายสุเมธ พุฒพวง สํานักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ประดิษฐานภายใต้พระมหามงกุฎในกรอบลายไทยบนพื้นสีฟ้า อันเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ (วันศุกร์) มีพระสัปตปฎลเศวตฉัตรประดับทั้งด้านซ้ายและ ขวา เบื้องล่างเป็นแถบแพรชมพูขลิบทอง มีตัวอักษรความว่า "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ พระมหามงกุฎ และพระสัปตปฎลเศวตฉัตร เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยศักดิ์ ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมสถาปนาไว้ในตำแหน่ง สมเด็จพระบรมราชินีนาถ นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร สำนักช่างสิบหมู่ กรม ศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อักษรพระนามาภิไธย ส.ก. อยู่ภายในวงรี ด้านบนเป็นพระมหามงกุฎ ภายในพระมหามงกุฎ เป็นพระแสงจักรและพระแสงตรีศูล มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์โบราณมงคลพระมหาสังวาล นพรัตนราชวราภรณ์ล้อมรอบวงรี ขนาบข้างด้วยพระสัปตปฎลเศวตฉัตร ด้านล่างวงรีเป็น เลขไทย 80 อยู่ในรูปทรงของเพชร ถัดลงมาเป็นผ้าแพรแถบอักษรข้อความ "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕" ในการพระราชพิธีบรม ราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระราชินี เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี แล้ว พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ นายสุเมธ พุฒพวง สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อักษรพระนามาภิไธย ส.ก. อักษร ส. ถมสีครามเข้ม สีแห่งวันพระราชสมภพ อักษร ก. ถมสี ขาว เป็นสีเดชแห่งวันพระราชสมภพ อักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มีพระมหามงกุฎสีทอง ประดิษฐานอยู่เบื้องบน ภายใต้พระมหามงกุฎประดิษฐานพระแสงจักรตรีว่าทรงสถิตอยู่ใน พระบรมราชจักรีวงศ์ พระนามาภิไธย ส.ก. อยู่ภายในกรอบวัชรรัตน์ 7 ดวง ว่า ทรงเจริญ พระชนมพรรษาได้ 7 รอบ มีพื้นสมอคราม เป็นสีประจำวันพระราชสมภพ นอกกรอบวัชรรัตน์ อลงกรณ์ประกอบหน้าราชหงส์ทองอยู่ทั้งซ้ายขวา ว่าทรงงามสง่าดังราชหงส์ทองหน้าราช หงส์มีกระหนกแนบ ห้อยพวงดอกไม้ทิพย์อันมีดอกไม้ในพระนามเป็นอาทิ มีพรรณมอคราม ปนทอง ถัดออกไปเป็นขอบเขียนอักษรสีทอง ความว่า "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๕๕๙" ระบายพื้นด้วยสีหงชาดอันเป็นสิริแห่งวันพระราชสมภพ เพื่อ เฉลิมพระเกียรติในอภิลักขิตสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาบรรจบครบ 84 พรรษา ดังมีเลข มหามงคลนั้นอยู่ใต้อักษรพระนามาภิไธยประกอบเถาไม้ทิพย์ชื่อ จิตรลดา ตามตำราว่าเป็น เครือเถาไม้ทิพย์มีอยู่ในจิตรลดาวัน พระราชอุทยาน 1 ใน 4 แห่งของพระอินทร์ หมายว่า สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงเนานิเวศน์สถาน ชื่อพระตำหนักจิตรลดารโหฐานอันเป็นที่ ประทับ เถาไม้นี้ว่าเป็นเถาไม้แห่งความหวังดุจดังสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงเป็นความ หวังแห่งปวงชนราษฎรพ้นจากความยากไร้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ อันมีโครงการศิลปาชีพ เป็นอาทิอาณาประชาราษฎร์จึงน้อมใจถวายพระพรให้ทรงเจริญพระชนม์ยิ่งยืนนาน นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร สำนักช่างสิบหมู่ กรม ศิลปากร
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อักษรพระนามาภิไธย ส.ก. อยู่ภายในกรอบรูปหัวใจพื้นสีฟ้า อักษร "ส" สีฟ้า เป็นสีประจำ วันพระราชสมภพ อักษร "ก" สีขาวเป็นสีเดชของวันพระราชสมภพ พื้นกรอบสีชมพูลายดอก มะลิ สีชมพูเป็นสีแห่งศรีของวันพระราชสมภพ ดอกมะลิเป็นดอกไม้มงคลสัญลักษณ์วันแม่ แห่งชาติ ด้านบนเป็นพระมหามงกุฎภายในประดิษฐานพระแสงจักร และพระแสงตรี สื่อถึง ทรงอยู่ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ขนาบซ้าย ขวา พระมหามงกุฎด้วยพระสัปตปฎลเศวตฉัตร ฉัตรขาว 7 ชั้น เป็นฉัตรประกอบพระราชอิสริยยศของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การนำดอกมะลิมาร้อยเรียงเป็นมาลัยลายเกลียวรูป หัวใจรอบอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. สื่อถึง การร้อยเรียงดวงใจอย่างกลมเกลียวถวาย พระองค์ผู้ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจชาวไทยทั้งชาติ และผู้ทรง พระคุณ อันประเสริฐยิ่งต่อลูกคือประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้พ้นจากความทุกข์ยาก และมีอาชีพเลี้ยงตน รูปลายหงส์ประคองฉัตร ซ้าย ขวา หมายถึงพระสิริโฉมสง่างามสูงค่า ดังหงส์ ลวดลายไทย หมายถึงพระปรีชาชาญยิ่งด้านศิลปวัฒนธรรม พระราชทานกำเนิด ศิลปาชีพ และทรงส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ทั้งในและต่าง ประเทศ เลขไทย 90 ภายใต้มาลัยหัวใจ หมายถึงเลขมงคลอันเป็นอภิลักขิตสมัยที่ทรง เจริญ พระชนมพรรษาบรรจบครบ 90 พรรษา ผ้าแพรแถบสีฟ้าอักษรบอกชื่องาน "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕" นายเกียรติศักดิ์ สุวรรณพงศ์ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
ฉลอง 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 1 มกราคม - 31 มกราคม 2543 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตราพระนามาภิไธย ส เป็นสีแดง ว เป็นสีเหลือง ภายใต้มีข้อความฉลอง 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 1 มกราคม - 31 มกราคม 2543 โดยมักปรากฎตรานี้บนธงพื้นสีขาว หรืออาคารหรือสิ่งของอันเกี่ยวด้วยวาระโอกาสนี้
พระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 7 รอบ 24 พฤศจิกายน 2552 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อักษรพระนาม พ.ร. ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อักษรสีทอง หมายถึงความเจริญพระชนมายุอันเป็นสวัสดิมงคลยืนยาวถึง 84 พรรษา แสดง ถึงพระจริยวัตรอันงามพิสุทธิ์ ยืนยงดังทองนพคุณอันโอภาสที่ไม่อาจปรวนแปรสีเป็นอื่น ประดิษฐานในกรอบอาร์มประดับลายเฟื่องสีทอง พื้นสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราช สมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และประจำวันประสูติ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ผู้เป็นพระชนกและพระชนนี (วันเสาร์) อักษรพระนามในรูปอาร์มนั้น ประดิษฐานอยู่ภายใต้พระชฎามหากฐิน อันแสดงถึงพระอิสริยยศสมเด็จเจ้าฟ้า ประกอบพระ อุณาโลมอุตราวรรต เลียนลักษณะเลข ๖ หมายถึงพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 อยู่บนพระโค ซึ่งเป็นเทพพาหนะของพระอิศวร สื่อความหมายว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เป็นพระราชธิดา ของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปรียบได้ดั่งพระอิศวรซึ่งทรงแบ่งภาคมาเป็นพระมหากษัตริย์ ไทย และทรงเป็นเจ้าฟ้า ซึ่งในพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พราหมณ์จะได้สวด สรรเสริญพระอิศวรและเปิดศิวาลัยไกรลาส เป็นราชประเพณีเฉพาะพระบรมวงศ์ผู้ทรงพระ อิสริยยศนี้ พระโคนั้นทรงเครื่องอย่างพระโคต้น พื้นตัวขาว เป็นรูปประจำพระนักษัตรคือปี ฉลู ประดับวลัยที่เขนง (เขา) ห้อยพู่อุบะหู ประดับตาบหน้า ตาบอก และตุ้งติ้งอุบะทอง ใบ เทศที่ตะโพก เท้าหน้าและหลัง เขนงและกีบเท้าสีทอง คาดแถบแพรสีหงชาด (สีชมพู) อัน เป็นสีประจำวันประสูติ (วันอังคาร) ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ มีอักษรบอกงานความว่า "ฉลองพระชนมายุ ๗ รอบ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒" ตัวอักษรทองตัดขอบสีแสด ซึ่งเป็นสีที่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ โปรด ทั้งยังเป็นสีศรีของวันประสูติ นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร สำนักช่างสิบหมู่ กรม ศิลปากร
ฉลอง 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อักษรพระนามาภิไธย ก.ว. อักษร ก สีขาว อักษร ว สีเขียวอันเป็นสีทรงโปรดส่วนพระองค์ โดยอักษรพระนามาภิไธย ก.ว. อยู่ภายใต้พระจุลมงกุฎ เบื้องหลังเป็นสัตตปฎลเศวตฉัตรระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดห้อย อุบะจําปาทอง อันเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ เบื้องล่างมีข้อความว่า "ฉลอง 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์"
พระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อักษรพระนามาภิไธย ส.ธ. ภายในกรอบสุพรรณเบญจเพชรรัตน์ อักษร ส. สีม่วงชาดแก่ อักษร ธ สีขาวบนพื้นสีม่วงครามอ่อน เป็นสีวันพระราชสมภพ ดวงเพชรรัตน์ 5 ดวงหมายถึง ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ โดยอักษรพระนามาภิไธย ส.ธ. อยู่ภายใต้พระชฎาพระกลีบปัก พระยี่ก่าทองไม่ประกอบพระกรรเจียกจร เบื้องหลังพระชฎามีพระบวรเศวตฉัตร (พระสัตต ปฎลเศวตฉัตร) คือ ฉัตรขาว 7 ชั้น แต่ละชั้นมีระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดห้อย อุบะจําปาทอง เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมราชกุมารีทั้งสองข้าง กรอบพระนามาภิไธยมีรูปเทพยดา พระกรหนึ่งประคองเชิญพระสัตตปฎลเศวตฉัตร พระกร หนึ่งกระชับเถาว์บัวทองไว้ขัดพระขรรค์ ทรงเศวตพัสตราภรณ์เขียนทอง เทพยดาข้างเลข ๖ (ด้านซ้าย) ทรงพระชฎาเดินหนปักพระยี่ก่าดอกไม้ทองทัดพระกรรเจียกจร และเทพยดา ข้างเลข ๐ (ด้านขวา) ทรงพระชฎามหากฐิน (พระชฎาห้ายอด) ปักพระยี่ก่าดอกไม้ทองทัด พระกรรเจียกจร หมายถึง เทพยดาทรงมาบริรักษ์เฉลิมฉลองในมหามงคลกาลนี้ ให้ทรง เจริญพระสิริสวัสดิ์พูนพิพัฒน์พระเกียรติยศยิ่ง พันสิ่งสรรพทุกข์โรคันตรายทั้งปวง สำหรับ เถาว์บัวทอง หมายถึง ทรงเนาวนิเวศน์ นามว่า "สระปทุม" ใต้กรอบพระนามาภิไธย มีเลขมหา มงคล 60 ว่าทรงพระเจริญพระชนมายุ 60 พรรษาบนพื้นสีหงสบาท (ส้มอ่อนหรือสีเท้าหงส์) เป็นสีวันพฤหัสบดี ในคัมภีร์พระไสยศาสตร์ว่า เป็นมงคลอายุของวันพระราชสมภพ ถัดลงมา มีเชิงลายถมสีหงชาด (ชมพู) เขียนอักษรไทยยอดสีทองว่า "ฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ" และ “๒ เมษายน ๒๕๕๘" บนห้องลายพื้นสีขาวถัดลงมา สะท้อนถึงทรงเชี่ยวชาญด้านอักษร โบราณและการโบราณคดีทั้งปวงด้วย นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
งานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายน พุทธศักราช 2566 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) อักษรพระนาม ออป ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภายใต้เศวตฉัตรสามชั้นห้อยอุบะจำปาทองตามพระอิสริยยศ ประดิษฐานในกรอบ ลักษณะอย่างเสาศิลาหลักมหาสีมา สื่อความหมายว่าทรงเป็นหลักชัย แห่งพุทธจักรไทย และทรงเป็นเจ้าอาวาส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พื้นสีแดงหมายถึง วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันประสูติ มีเลข ๙๖ แสดงพระชนมายุ ผูกผสานเป็นลวดลายแวดล้อมด้วย ดอกปทุมขาว 4 ดอกหมายถึงพระจริยวัตรอันงามบริสุทธิ์ตลอด 6 รอบพระนักษัตร รองรับ ด้วยแพรแถบสีชมพูซึ่งเป็นสีเดชแห่งพระชนมวาร และแสดงถึงพระฐานะเจ้าอาวาสพระ อาราม ประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังผืนแพรเป็นสีเหลือง หมายถึงตำแหน่ง สกลมหาสังฆปริณายก และเป็นสีอายุแห่งพระชนมวาร บรรจุข้อความ บอกงานว่า "ฉลองพระชนมายุ ๘ รอบ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖"

ตราสัญลักษณ์ในพระอิสริยยศเดิม[แก้]

ตราประจำพระองค์พระมหากษัตริย์[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว[แก้]

ตราพระประจำพระองค์สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นตราพระปรมาภิไธยย่อ ส.พ.ป.ม.จ.๕ (มเด็จระรมินทรหาจุฬาลงกรณ์ พระจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5) เป็นตราพระปรมาภิไธยสำหรับพระราชอิสริยยศในช่วงการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่1 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยหลังจากการบรมราชาภิเษกครั้งที่2 ก็ทรงเปลี่ยนไปใช้ตราพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. แต่ตราพระปรมาภิไธยย่อนี้ก็ยังปรากฏการใช้งานในหลายแห่ง เช่น ซุ้มประตูพระราชวังดุสิต ปกแขนของเครื่องแบบทหารกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

ตราประจำพระองค์พระราชวงศ์[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นตราที่มีปรากฏพบทั้งหมดด้วยกัน 3 รูปแบบ มี 2 รูปแบบที่ปรากฏบนพัดรองที่ระลึกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ทรงโปรดให้สร้างขึ้นในงานฉลองพระชันษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร มีทั้งหมดด้วยกัน 2 เล่ม เล่มหนึ่งปักเป็นตราเพชรใต้จุลมงกุฎ อีกเล่มหนึ่งปักเป็นอักษรพระนามาภิไธยย่อ ม.ว. ภายใต้จุลมงกุฎมีหมอนรอง หรือพระเกี้ยว

ตราประจำพระองค์ ม.ว.[แก้]

เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ม.ว. (หาชิราวุธ) ภายใต้แพรแถบที่มีอักษรย่อว่า ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ. (ย่อมาจาก "เบํารุงระกูลงศ์ให้ริญ") อยู่ภายใต้จุลมงกุฎที่มีหมอนรอง หรือพระเกี้ยว เปล่งรัศมีช่อชัยพฤกษ์ โดยมีตราจักรีอยู่บริเวณกึ่งกลางของหมอนรองจุลมงกุฎ หรือพระเกี้ยว อักษรพระนามาภิไธยย่อ "มว" เป็นสีเหลือง ปรากฏพบในพัดรองที่ระลึกงานฉลองพระชันษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ครบ 2 รอบ มโรงนักษัตร (24 พรรษา) 1 มกราคม ร.ศ. 123 (พ.ศ. 2447)[6]

ตราเพชรใต้จุลมงกุฎ[แก้]

เป็นตรารูปเพชรเปล่งรัศมี ภายใต้จุลมงกุฎ ปรากฏพบในพัดรองที่ระลึกงานฉลองพระชันษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ครบ 2 รอบ มโรงนักษัตร (24 พรรษา) 1 มกราคม ร.ศ. 123 (พ.ศ. 2447)[6]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ บรมขัตติยราชกุมาร[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ บรมขัตติยราชกุมาร เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ว.ก. (ชิราลงรณ) ภายใต้พระจุลมงกุฎ

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร[แก้]

ฉบับก่อนพุทธศักราช 2542[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (แบบเก่า) ตราประจำพระองค์ฉบับที่ 1 เป็นรูปตราอักษรพระนามาภิไธยย่อ ม.ว.ก. (หาชิราลงรณ) ขัดกันเป็นรูปเพชร ภายใต้พระจุลมงกุฎเปล่งรัศมีสายฟ้า อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ม" เป็นสีเขียว "ว" เป็นสีขาว (หมายถึง สีประจำพระชนมวารตามคติมหาทักษา; วันจันทร์) และ "ก" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของสมเด็จพระบรมชนกนาถ; วันจันทร์)

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (แบบเก่า) ตราประจำพระองค์ฉบับที่ 2 เป็นรูปตราอักษรพระนามาภิไธยย่อ ม.ว.ก. (หาชิราลงรณ) ขัดกันเป็นรูปเพชรอยู่ภายในกรอบสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ภายในรูปพระเขนยสีเลืองอีกชั้นหนึ่ง รูปพระเขนยในเปล่งรัศมีเป็นรูปขนนก และภายใต้รูปทั้งหมดมีแถบแพรอักษรข้อความร.จ.บ.ต.ว.ห.จ. (ย่อมาจาก "เบํารุงระกูลงศ์ให้ริญ") (ตราพระราชลัญจกรในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร แห่งราชอาณาจักรไทย) รูปทั้งหมดประดิษฐานในวงรีสีน้ำเงินของสีทอง

ฉบับหลังพุทธศักราช 2542[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (แบบใหม่) เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ม.ว.ก. (หาชิราลงรณ) ภายใต้ตราประจำราชวงศ์จักรีและพระอนุราชมงกุฎ อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ม" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของสมเด็จพระบรมชนกนาถ; วันจันทร์) "ว" เป็นสีขาว (หมายถึง สีประจำพระชนมวารตามคติมหาทักษา; วันจันทร์) และ "ก" เป็นสีฟ้า (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมราชชนนี; วันศุกร์)

ตราประจำพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ[แก้]

ตราประจำพระองค์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (ในระหว่างนั้น ทรงดำรงพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ภายหลังทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ปัจจุบันคือ พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี) เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ศ.ร. (รีรัศมิ์) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ศ" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันประสูติ) และ "ร" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระราชสวามี)

ตราประจำพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาฯ[แก้]

ตราประจำพระองค์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ส. (วลี) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "สส" เป็นสีทอง ปรากฏในภาพประทาน[7]

ตราประจำพระองค์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา[แก้]

ตราประจำพระองค์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ พ.ภ. (พัชรกิติยาา) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "พ" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ) และ "ภ" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันพระบรมราชสมภพของพระบรมชนกนาถ)

ตราประจำพระองค์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์[แก้]

ตราประจำพระองค์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ส.ร. (สิริวัณณวรีนารีรัตน์) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ส" เป็นสีแสด (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ) และ "ร" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันพระบรมราชสมภพของพระบรมชนกนาถ)

ตราประจำพระองค์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ[แก้]

ตราประจำพระองค์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เป็นตราพระนามาภิไธยย่อ ท.ป. (ทีปังกรรัศมีโชติ) อักษรพระนามาภิไธยย่อ "ท" เป็นสีฟ้า (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันประสูติ) และ "ป" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันพระบรมราชสมภพของพระบรมชนกนาถ)

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน)[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) เป็นตราพระนามย่อ ว.ว.น. ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น

  • อักษร "ว" ตัวแรก มาจากพระนาม “าสน์” เป็นสีเหลือง
  • อักษร "ว" ตัวที่สอง มาจากฉายา “าสโน” เป็นสีแดง
  • อักษร "น" มาจากพระชาติภูมิเดิม ที่ประสูติมาในสกุล “นิลประภา” เป็นสีเขียว

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)[แก้]

ตราประจำพระองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นตราพระนามย่อ ญ.ส.ส. ภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น

  • อักษร "ญ" มาจากพระนาม “สมเด็จพระาณสังวร” พระราชทินนามขณะทรงดำรงตำแหน่งพระสมณศักดิ์สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งได้รับพระราชทานใช้เป็นกรณีพิเศษ เป็นสีฟ้า (ผงคราม) ซึ่งเป็นสีประจำวันประสูติ (วันศุกร์)
  • อักษร "ส" ตัวแรก มาจาก “สมเด็จพระสังฆราช” เป็นสีเหลือง หมายความว่า ทรงเป็นสกลมหาสังฆปริณายก องค์ประมุขแห่งคณะสงฆ์
  • อักษร "ส" ตัวที่สอง มาจาก “กลมหาสังฆปริณายก” เป็นสีขาว หมายความว่าทรงบริสุทธิ์วิเศษเป็นศรีศุภมงคลในพระบวรพุทธศาสนา

ตราประจำพระองค์ที่ใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน[แก้]

ตราประจำพระองค์ อ.ด

ตราประจำพระองค์ที่ใช้ร่วมกันของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ และเจ้าดารารัศมี พระราชชายา เป็นอักษรอ.ด.(ินทวิชยานนท์ ารารัศมี)ไขว้กัน โดยปรากฏตรานี้ในสิ่งของอันเกี่ยวเนื่องด้วยเจ้าดารารัศมี

ตราประจำพระองค์ MVS สีม่วง[แก้]

ตราประจำพระองค์ที่ใช้ร่วมกันของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นอักษรพระนามาภิไธยย่อ MVS ประดิษฐานภายใต้พระอนุราชมงกุฎ (ปัจจุบันคือ พระมหาพิชัยมงกุฎ) อักษรพระนามาภิไธยย่อ MVS ย่อเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "Maha Vajiralongkorn Suthida" โดยมีความหมายในภาษาไทยว่า "มหาวชิราลงกรณ สุทิดา" โดย "MV" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) และ "S" เป็นสีม่วง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี) ซึ่งสื่อถึงอักษรพระนามาภิไธยที่ใช้ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยตราสัญลักษณ์จะมีอยู่สองแบบด้วยกัน คือ

แบบที่ 1 ตราสัญลักษณ์ MVS มีตราจักรีภายใต้พระอนุราชมงกุฎ

เป็นตราที่ใช้ร่วมกันในขณะที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร" และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา" โดยเริ่มปรากฏใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2557 โดยส่วนมากจะเห็นตราสัญลักษณ์ดังกล่าวปรากฏอยู่บนพวงมาลาหลวงสีม่วง ซึ่งพระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ และยังมีปรากฏอยู่บนเอกสารข้อความต่าง ๆ เช่นข้อความของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่แสดงความขอบคุณแก่ประชาชนชาวไทยที่เข้าร่วมกิจกรรม Bike for Mom ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2558 เป็นต้น

แบบที่ 2 ตราสัญลักษณ์ MVS มีเลข 10 ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ

เป็นตราที่ใช้ร่วมกันในขณะที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" จนถึงเวลาก่อนการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็น "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ในปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา" จนถึงเวลาก่อนการประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศเป็น "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี" ในปัจจุบัน โดยส่วนมากจะเห็นตราสัญลักษณ์ดังกล่าวปรากฏอยู่บนพวงมาลาหลวงสีม่วง ซึ่งพระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ ในช่วงปี 2559 - 2562 และมีปรากฏใช้ในหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน

ตราประจำพระองค์ MVS สีฟ้า[แก้]

ตราประจำพระองค์ที่ใช้ร่วมกันของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เป็นอักษรพระนามาภิไธยย่อ MVS ประดิษฐานภายใต้พระอนุราชมงกุฎ (ปัจจุบันคือ พระมหาพิชัยมงกุฎ) อักษรนามย่อ MVS ย่อเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "Maha Vajiralongkorn Sineenart" โดยมีความหมายในภาษาไทยว่า "มหาวชิราลงกรณ สินีนาฏ" โดย "MV" เป็นสีเหลือง (หมายถึง สีประจำวันคล้ายพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) และ "S" เป็นสีฟ้า (หมายถึง สีประจำวันคล้ายวันเกิดของเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี) ซึ่งสื่อถึงอักษรพระนามาภิไธยที่ใช้ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยตราสัญลักษณ์จะมีอยู่สองแบบด้วยกัน คือ

แบบที่ 1 ตราสัญลักษณ์ MVS มีตราจักรีภายใต้พระอนุราชมงกุฎ

เป็นตราที่ใช้ร่วมกันในขณะที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร" จนประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็น "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" จนถึงปัจจุบัน และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ตั้งแต่ยังเป็น "พันตรีหญิง สินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์" จนเป็น "เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี" ในปัจจุบัน โดยเริ่มปรากฏใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งปรากฏอยู่บนพวงมาลาหลวงสีฟ้า ซึ่งพระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ และยังมีปรากฏบนภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ในหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ พระคาถาพระสุนทรีวาณี ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2562 เป็นต้น และล่าสุดปรากฏในหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ มหาราชปริตร หน้า 43 ลงวันที่ 26 เมษายน 2564

แบบที่ 2 ตราสัญลักษณ์ MVS มีเลข 10 ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ

เป็นตราที่ใช้ร่วมกันในขณะที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" จนประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็น "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" จนถึงปัจจุบัน และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ตั้งแต่ยังเป็น "ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์" จนเป็น "เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี" ในปัจจุบัน ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวปรากฏอยู่บนพวงมาลาหลวงสีฟ้า ซึ่งพระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ ในช่วงปี 2562 โดยต่อมาในปี 2563 มีการปรากฏตราสัญลักษณ์ดังกล่าวบนภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระราชทานเป็นกำลังใจให้พสกนิกรชาวไทย โดยมีภาพที่ทรงวาดขึ้นลงวันที่ 15, 17, 19 สิงหาคม และวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2563 ตามลำดับ และในภาพวาดฝีพระหัตถ์ สืบสาน(อภิรักษ์) รักษา(อนุรักษ์) ต่อยอด(อภิวัฒน์) ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 และปรากฏบนพวงมาลาหลวงวางหน้าโกศศพสมเด็จพระญาณวชิโรดม วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ล่าสุดปรากฏบนภาพวาดฝีพระหัตถ์ในหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ มหาราชปริตร หน้า 43 ลงวันที่ 26 เมษายน 2564


ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "ในหลวง มีพระบรมราชโองการถวายพระราชสมัญญา รัชกาลที่ 4 เป็น "พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช"". มติชน. 2019-10-18. สืบค้นเมื่อ 2022-05-10.
  2. "ร.10 โปรดเกล้าฯ จัดพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย ร.4 ร.5 ร.9 สมเด็จย่า และ ร.9". แนวหน้า. 2018-10-15. สืบค้นเมื่อ 2022-05-14.
  3. "ตราสัญลักษณ์: สัญลักษณ์ของหน่วยงานต่างๆ ในรามาธิบดี". คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล หอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดี. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-23. สืบค้นเมื่อ 2020-11-25.
  4. "ที่มาของตรามหาวิทยาลัย". มหาวิทยาลัยมหิดล. สืบค้นเมื่อ 2020-05-27.
  5. "เผยภาพตราสัญลักษณ์สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่20". โพสต์ทูเดย์. 2017-02-08. สืบค้นเมื่อ 2020-05-27.
  6. 6.0 6.1 "ตำนานวชิราวุธ (1)". จดหมายเหตุวชิราวุธ.
  7. เชิญชวนชาวไทยร่วมกันถวายพระพร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ #ทรงพระเจริญ