ยุทธการที่ฮาร์คอฟครั้งที่ 3
ยุทธการที่ฮาร์คอฟครั้งที่ 3 | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ แนวรบด้านตะวันออกของสงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
เยอรมันได้โจมตีตอบโต้บนแนวรบด้านตะวันออก, กุมภาพันธ์–มีนาคม ปี ค.ศ. 1943 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
สหภาพโซเวียต | ไรช์เยอรมัน | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
Filipp Golikov นีโคไล วาตูติน เค. โรคอสซอฟสกี |
แอริช ฟอน มันชไตน์ เพาล์ เฮาส์เซอร์ แฮร์มันน์ โฮท Eberhard von Mackensen ธีโอดอร์ ไอค์เคอ † | ||||||
หน่วยที่เกี่ยวข้อง | |||||||
(Sub formations) |
(sub units) (sub units)
| ||||||
กำลัง | |||||||
Involved in the defense of Kharkov: 346,000 [1] | Involved in the offense on Kharkov: 70,000 [2] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
86,469 overall 45,219 killed 41,250 wounded[1] |
~11,500 overall ~4,500 KIA and MIA[3] ~7,000 wounded[3] |
ยุทธการที่ฮาร์คอฟครั้งที่ 3 เป็นหนึ่งในการสู้รบในแนวรบด้านตะวันออกของสงครามโลกครั้งที่สอง.ปฏิบัติการโดยกองทัพกลุ่มตอนใต้ได้ต่อสู้รบกับกองทัพแดง,บริเวณรอบๆของเมืองฮาร์คอฟ (ปัจจุบันคือคาร์คิฟ) ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และ 15 มีนาคม ค.ศ. 1943ได้เป็นที่รู้จักกันในด้านเยอรมันคือ การทัพดอนเนซ ( Donets Campaign) และในฝ่ายโซเวียตคือ ปฏิบัติการดอนบัสและฮาร์คอฟ เยอรมันได้เข้าจู่โจมเพื่อยึดเมืองฮาร์คอฟและเบลโกรอดกลับคืนมา
เมื่อกองทัพที่ 6 ของเยอรมันได้ถูกล้อมอยู่ในสตาลินกราด กองทัพแดงได้ทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากส่วนที่หลงเหลือของกองทัพกลุ่มตอนใต้ เมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1943 เมื่อกองทัพแดงได้เริ่มปฏิบัติการดวงดาว (Operation Star) และปฏิบัติการเกลลูป (Operation Gallop) ซึ่งระหว่างเดือนมกราคมและต้นเดือนกุมภาพันธ์ ได้ทำลายการป้องกันของเยอรมันและทำให้โซเวียตได้ยึดฮาร์คอฟ, เบลโกรอด, และคูสค์กลับคืนมาได้ เช่นเดียวกับโวโรชีลอฟกราด (Voroshilovgrad) และ Izium โซเวียตได้รับชัยชนะและได้ทำให้หน่วยทหารโซเวียตได้เข้าร่วมจนขยายตัวมากขึ้น.เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ กองทัพที่ 6 แห่งเยอรมันได้ยอมจำนน กองทัพแดงส่วนกลางของแนวหน้าได้หันเหไปทางตะวันตกและเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ การแผ่ขยายการรุกต่อกรกับกองทัพกลุ่มตอนใต้และกองทัพกลางของเยอรมัน,เดือนของปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามได้รับผลกระทบอย่างหนักของกองทัพโซเวียตและกองพลบางส่วนได้ลดลงถึง 1,000–2,000 หน่วยรบที่มีประสิทธิภาพ.เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จอมพลแอริช ฟอน มันชไตน์ได้โจมตีโต้กลับ โดยได้ใช้เหล่ายานเกราะเอสเอสที่ 2และแพนเซอร์ 2 กลุ่ม
กองทัพเวร์มัคท์ได้ทำการโจมตีขนาบข้าง, โอบล้อมรอบ และเอาชนะกองทัพแดงที่เป็นหัวหอกของฮาร์คอฟทางตอนใต้ไว้ได้ ทำให้มันชไตน์ได้เริ่มที่จะรุกครั้งใหม่ที่ฮาร์คอฟที่เหมาะสม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม.แม้ว่าจะมีคำสั่งในการโอบล้อมฮาร์คอฟจากทางตอนเหนือ เหล่ายานเกราะเอสเอสได้ตัดสินใจแทนในการเข้าร่วมโดยตรงที่ฮาร์คอฟเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ได้นำไปสู่การสู้รบบ้านต่อบ้านเพียงสี่วัน ก่อนที่ฮาร์คอฟจะถูกยึดกลับคืนมาโดยกองพลแพนเซอร์เอสเอสที่ 1 เมื่อวันที่ 15 มีนาคมกองทัพเยอรมันได้ยึดเบลโกรอดกลับคืนมาในสองวันต่อมา ได้สร้างส่วนที่ยื่นออกมาซึ่งในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1943 ได้นำไปสู่การรบที่คูสค์ การรุกรานของเยอรมันได้ทำให้กองทัพแดงเสียทหารไปประมาณ 9 หมื่นนาย การสู้รบแบบบ้านต่อบ้านในฮาร์คอฟนั้นยังเป็นการหลั่งเลือดโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหล่าแพนเซอร์เอสเอสของเยอรมัน ซึ่งจำนวนประมาณ 4,300 คนถูกฆ่าตายและได้รับบาดเจ็บโดยเวลาปฏิบัติการได้สิ้นสุดลงในช่วงกลางเดือนมีนาคม
อ้างอิง
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Glantz (1995), p. 296
- Glantz (1991), pp. 152–153
- Reynolds (1997), p. 10
- Kharkov is the Russian language name of the city (Kharkiv the Ukrainian one) ; both Russian and Ukrainian were official languages in the Soviet Union (Source:Language Policy in the Soviet Union by L.A. Grenoble & Eastern Europe and the Commonwealth of Independent States by Routledge)
Jump up ^ Cooper (1978), p. 451