การรุกยาช–คีชีเนฟครั้งที่หนึ่ง
การรุกยาช–คีชีเนฟครั้งที่หนึ่ง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ แนวรบด้านตะวันออก ใน สงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
การรุกของกองทัพแดง, ปี ค.ศ. 1943–1944 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
กำลัง | |||||||
300,000 men[2] | 830,000 men[3] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
45,000 casualties[2] | 150,000 casualties[4] |
การรุกยาช–คีชีเนฟครั้งที่หนึ่ง เป็นรหัสนามที่เอามาจากเมืองสำคัญสองเมืองคือ ยาช (Iași) และคีชีเนฟ (คีชีเนา) ในพื้นที่แห่งนั้น หมายถึงหนึ่งในการสู้รบทางทหารระหว่างวันที่ 8 เมษายน และ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 โดยโซเวียตและฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง ตามที่อ้างอิงจาก David Glantz, เป็นการรุกที่ได้ประสานงานร่วมกันตามที่คาดการณ์ไว้ในการบุกครองโรมาเนียที่ถูกดำเนินโดยแนวรบยูเครนที่ 2 และ 3 ของกองทัพแดง ตามที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของโจเซฟ สตาลินในการขยายอำนาจทางทหารของโซเวียตและอิทธิลทางการเมืองเข้าสู่คาบสมุทรบอลข่าน
ตามแผนของกองบัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพโซเวียต (Stavka), ทั้งสองแนวรบของโซเวียตจะบุกทะลวงฝ่าแนวป้องกันที่สำคัญของฝ่ายอักษะในทางตอนเหนือของโรมาเนีย ภายหลังจากนั้นกองทัพแดงจะเข้ารุกอย่างง่ายดายสู่ภูมิภาคบอลข่านเอาไว้ทั้งหมด การโจมตีของโซเวียตจะเริ่มต้นด้วยยุทธการที่ Târgu Frumos ครั้งที่หนึ่ง และยุทธการที่ Podu Iloaiei และถึงจุดสูงสุดด้วยยุทธการที่ Târgu Frumos ครั้งที่สอง กองทัพโซเวียตได้ล้มเหลวในการเอาชนะการป้องกันของเยอรมันในภูมิภาคและปฏิบัติการรุกก็ต้องล้มเหลวในที่สุด สาเหตุหลักมาจากประสิทธิภาพการรบที่ไม่ดีของทหารโซเวียตและประสิทธภาพที่ดีเยี่ยมของการเตรียมความพร้อมในการป้องกันของเยอรมัน
ปฏิบัติการครั้งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนึ่งในการรบที่ได้ถูกเมินเฉยอย่างสมบูรณ์โดยบันทึกจดหมายเหตุและประวัติศาสตร์ของโซเวียต ตามที่การอ้างอิงจากนักประวัติศาสตร์การทหาร David Glantz "ในช่วงเกือบ 60 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง นักประวัติศาสตร์และนักทฤษฏีทางทหารของโซเวียตและรัสเซียได้ทำการลบบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึงการรุกยาช–คีชีเนฟครั้งที่หนึ่งของแนวรบยูเครนที่ 2 และ 3 ในช่วงระหว่างนั้นซึ่งทั้งสองแนวรบของกองทัพแดงได้พยายามที่จะบุกครองโรมาเนียในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ค.ศ. 1944 เดียวกับกรณีที่ปฏิบัติการทางทหารอื่นๆอีกมากมายของกองทัพแดงที่ได้ดำเนินในช่วงสงคราม พวกเขาได้ทำสิ่งนี้อย่างจงใจ ในกระบวนการจัดให้การรุกครั้งนีให้อยู่ในรายชื่อที่ยืดยาวของ"การรบที่ถูกลืม"ของสงครามโซเวียต-เยอรมัน"