ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อนันตริยกรรม"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
==โทษแห่งอนันตริยกรรม== |
==โทษแห่งอนันตริยกรรม== |
||
ด้วยกรรมแห่งอนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฏหมายบ้านเมืองลงโทษอีก ส่วนโทษของทางธรรมคือจะถูกถือว่าเป็นคนบาปหนักบาปหนาที่สด ไม่อาจจะยกโทษให้เลยแม้แต่น้อย พระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะไม่สามารถบวชเข้าเป็น[[ภิกษุ]]ได้เลยเพราะถือว่าเป็นผู้ต้องปาราชิกสำหรับฆราวาสและจะไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานใดๆเลยในชาติที่ยังมีชีวิคอยู่ และเมื่อตายจากโลกไปจะต้องตกนรกสถานเดียว ไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้ ต่อให้ทำกรรมดีมากมายเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากนรกได้ |
ด้วยกรรมแห่งอนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฏหมายบ้านเมืองลงโทษอีก(โดยเฉพาะมาตุฆาต ปิตุฆาต และอรหันตฆาตเท่านั้น ยกเว้นสังฆเภทที่กฏหมายไม่สามารถลงโทษได้) ส่วนโทษของทางธรรมคือจะถูกถือว่าเป็นคนบาปหนักบาปหนาที่สด ไม่อาจจะยกโทษให้เลยแม้แต่น้อย พระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะไม่สามารถบวชเข้าเป็น[[ภิกษุ]]ได้เลยตลอดชีวิตเพราะถือว่าเป็นผู้ต้องปาราชิกสำหรับฆราวาสและจะไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานใดๆเลยในชาติที่ยังมีชีวิคอยู่ และเมื่อตายจากโลกไปจะต้องตก[[นรก]]สถานเดียว ไม่สามารถขึ้น[[สวรรค์]]ได้ ต่อให้ทำกรรมดีมากมายเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากนรกได้ |
||
ผุ้ทำอนันตริยกรรมจะต้องตกนรกลงไปยังขุมนรกที่ลึกที่สุดคือ มหาขุมนรก[[อเวจี]] ซึ่งอยู่ชั้นที่ 8 เป็นขุมนรกขุมใหญ๋ที่มีการลงโทษโดยไม่มีการพักใดๆเลยแม้แต่วินาทีเดียว สัตว์นรกที่ตกขุมนรกนี้จะได้รับความทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสและเป็นเวลายาวนานที่ไม่อาจจะนับได้เลยหรือเรียกว่า กัลป์ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ทำอนันตริยกรรมเพียงข้อใดเพียงข้อเดียวและได้ทำกรรมดีมากมายขณะยังมีชีวิต เมื่อตายจากโลก บุญกุศลที่ทำไว้จะนำมาหักกับบาปแห่งอนันตริยกรรมก็จะได้รับการลดโทษด้วยการไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกอื่นแทนแต่ต้องรับโทษยาวนานเช่นกัน ตัวอย๋างเช่น [[พระเจ้าอชาตศัตรู]]ได้ปลงพระชนม์[[พระเจ้าพิมพิสาร]]ผู้เป็นพระราชบิดา ต่อมาสำนึกผิดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตจนถูกพระราชโอรสลอบปลงพระชนม์ บุญกุศลที่ได้ทำไว้ทำให้ท่านไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกที่ชื่อว่า โลหกุมภีนรก เสวยทุกขเวทนาเป็นเวลา 60,000 ปีนรก |
ผุ้ทำอนันตริยกรรมจะต้องตกนรกลงไปยังขุมนรกที่ลึกที่สุดคือ มหาขุมนรก[[อเวจี]] ซึ่งอยู่ชั้นที่ 8 เป็นขุมนรกขุมใหญ๋ที่มีการลงโทษโดยไม่มีการพักใดๆเลยแม้แต่วินาทีเดียว สัตว์นรกที่ตกขุมนรกนี้จะได้รับความทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสและเป็นเวลายาวนานที่ไม่อาจจะนับได้เลยหรือเรียกว่า กัลป์ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ทำอนันตริยกรรมเพียงข้อใดเพียงข้อเดียวและได้ทำกรรมดีมากมายขณะยังมีชีวิต เมื่อตายจากโลก บุญกุศลที่ทำไว้จะนำมาหักกับบาปแห่งอนันตริยกรรมก็จะได้รับการลดโทษด้วยการไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกอื่นแทนแต่ต้องรับโทษยาวนานเช่นกัน ตัวอย๋างเช่น [[พระเจ้าอชาตศัตรู]]ได้ปลงพระชนม์[[พระเจ้าพิมพิสาร]]ผู้เป็นพระราชบิดา ต่อมาสำนึกผิดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตจนถูกพระราชโอรสลอบปลงพระชนม์ บุญกุศลที่ได้ทำไว้ทำให้ท่านไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกที่ชื่อว่า โลหกุมภีนรก เสวยทุกขเวทนาเป็นเวลา 60,000 ปีนรก |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:24, 17 กุมภาพันธ์ 2557
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
อนันตริยกรรม หมายถึง กรรมหนักที่สุด (ครุกรรม) ฝ่ายบาปอกุศล ซึ่งให้ผลทันที มี 5 อย่าง คือ
- มาตุฆาต - ฆ่ามารดา
- ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา
- อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์
- โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล
- สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์
อนันตริยกรรม 4 ประการแรก คือ มาตุฆาต ปิตุฆาต อรหันตฆาต และโลหิตตุปบาท จัดเป็นสาธารณอนันตริยกรรม คือ เป็นอนันตริยกรรมที่ทั่วไปแก่บรรพชิตและคฤหัสถ์ทั้งหลาย หมายความว่า บรรพชิตก็ทำได้ คฤหัสถ์ก็ทำได้
ส่วนสังฆเภท เป็นอสาธารณอนันตริยกรรม คือ เป็นอนันตริยกรรมที่ไม่ทั่วไป หมายความว่า ภิกษุคือบรรพชิตเท่านั้น จึงจักกระทำสังฆเภทอนันตริยกรรม นี้ได้
ในส่วนของโทษหนักเบา และลำดับการให้ผลก่อนหลัง ของอนันตริยกรรม เรียงลำดับจากแรงที่สุดลงไป ได้ดังนี้
- สังฆเภทอนันตริยกรรม (หนักที่สุด เพราะทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย)
- โลหิตุปบาทอนันตริยกรรม (สำคัญมากแต่ปัจจุบันทำไม่ได้เพราะท่านดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว)
- อรหันตฆาตอนันตริยกรรม (สำคัญปานกลาง)
- มาตุฆาตปิตุฆาตอนันตริยกรรม (สำคัญน้อยกว่าอนันตริยกรรมอื่น ๆ เพราะถือว่าอยู่ในเพศฆราวาส)
โทษแห่งอนันตริยกรรม
ด้วยกรรมแห่งอนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฏหมายบ้านเมืองลงโทษอีก(โดยเฉพาะมาตุฆาต ปิตุฆาต และอรหันตฆาตเท่านั้น ยกเว้นสังฆเภทที่กฏหมายไม่สามารถลงโทษได้) ส่วนโทษของทางธรรมคือจะถูกถือว่าเป็นคนบาปหนักบาปหนาที่สด ไม่อาจจะยกโทษให้เลยแม้แต่น้อย พระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วจะไม่สามารถบวชเข้าเป็นภิกษุได้เลยตลอดชีวิตเพราะถือว่าเป็นผู้ต้องปาราชิกสำหรับฆราวาสและจะไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานใดๆเลยในชาติที่ยังมีชีวิคอยู่ และเมื่อตายจากโลกไปจะต้องตกนรกสถานเดียว ไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้ ต่อให้ทำกรรมดีมากมายเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากนรกได้
ผุ้ทำอนันตริยกรรมจะต้องตกนรกลงไปยังขุมนรกที่ลึกที่สุดคือ มหาขุมนรกอเวจี ซึ่งอยู่ชั้นที่ 8 เป็นขุมนรกขุมใหญ๋ที่มีการลงโทษโดยไม่มีการพักใดๆเลยแม้แต่วินาทีเดียว สัตว์นรกที่ตกขุมนรกนี้จะได้รับความทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสและเป็นเวลายาวนานที่ไม่อาจจะนับได้เลยหรือเรียกว่า กัลป์ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ทำอนันตริยกรรมเพียงข้อใดเพียงข้อเดียวและได้ทำกรรมดีมากมายขณะยังมีชีวิต เมื่อตายจากโลก บุญกุศลที่ทำไว้จะนำมาหักกับบาปแห่งอนันตริยกรรมก็จะได้รับการลดโทษด้วยการไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกอื่นแทนแต่ต้องรับโทษยาวนานเช่นกัน ตัวอย๋างเช่น พระเจ้าอชาตศัตรูได้ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดา ต่อมาสำนึกผิดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดชีวิตจนถูกพระราชโอรสลอบปลงพระชนม์ บุญกุศลที่ได้ทำไว้ทำให้ท่านไม่ไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจี แต่จะให้ไปเกิดขุมนรกที่ชื่อว่า โลหกุมภีนรก เสวยทุกขเวทนาเป็นเวลา 60,000 ปีนรก
ส๋วนถ้าใครทำอนันตริยกรรมไว้หลายข้อ ก็จะต้องไปบังเกิดมหาขุมนรกอเวจีสถานเดียวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ทำกรรมดีเท่าใดก็ไม่พ้นและได้รับการลงโทษเป็นเวลายาวนานมากหรือหลายกัลป์ แต่บางครั้งอาจได้รับการลดโทษด้วยการลดเวลาการลงโทษเพียง 1 กัลป์ ตัวอย่างเช่นพระเทวทัตทำกรรมหนักไว้ 2 ประการคือโลหิตุปบาทและสังฆเภท แผ่นดินไม่อาจรองรับไว้ได้จึงสูบเอาพระเทวทัตลงไปสู่มหาขุมนรกอเวจี ไม่มีใครช่วยได้ แต่ก่อนที่จะจมลงธรณี พระเทวทัตซึ่งเหลือแต๋เศียรได้มองไปยังวัดเชตวันมหาวิหารที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ก็กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณและถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชาและยึดเอาพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งคลอดกาล เมื่อลงสู่มหาขุมนรกอเวจีแล้ว บุญกุศลจากการถวายกระดูกคางก็ทำให้ถูกลงโทษในนรกเพียง 1 กัลป์เท่านั้น
อ้างอิง
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".
- พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร). "กรรมทีปนี".
- พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒ วิภังคปกรณ์