พระเจ้าพิมพิสาร
พระเจ้าพิมพิสาร | |
---|---|
พระเจ้าแคว้นมคธ | |
ครองราชย์ | ป. 544 – 491 ปีก่อน ค.ศ. หรือ ป. 457 – 405 ปีก่อน ค.ศ. (52 พรรษา) |
ก่อนหน้า | พระเจ้าภัตติยะ |
ถัดไป | พระเจ้าอชาตศัตรู |
ตระกูล | หรยังกะ |
พระราชสมภพ | 558 หรือ 472 ปีก่อน ค.ศ. |
สวรรคต | 491 หรือ 405 ปีก่อน ค.ศ. |
คู่อภิเษก | โกศลเทวี Chellanā Dharini พระนางเขมา Nandā[1] Padmāvatī / Padumavatī อัมพปาลี |
พระราชบุตร | พระเจ้าอชาตศัตรู |
ราชวงศ์ | หารยังกะ |
พระราชบิดา | พระเจ้าภัตติยะ |
ศาสนา | เชน, พุทธ |
พิมพิสาร (ตามศาสนาพุทธ) หรือ เศรณิก (Śreṇika) และ เสนีย์ (Seṇiya) ตามประวัติศาสตร์เชน[2][3] (ป. 558 – 491 ปีก่อน ค.ศ.[4][5] หรือ ป. 472 – 405 ปีก่อน ค.ศ.[6][7]) เป็นกษัตริย์แห่งมคธ (ค. 543 – 492 ปีก่อน ค.ศ.[8] หรือ ค. 457 – 405 ปีก่อน ค.ศ.[6][9]) และอยู่ในราชวงศ์หรยังกะ[10] พระองค์เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าภัตติยะ[11] การขยายอาณาจักร โดยเฉพาะการผนวกอาณาจักรอังคะทางตะวันออก ถือเป็นการวางรากฐานสู่การขยายตัวของจักรวรรดิเมารยะ[12]
พระราชประวัติ
[แก้]พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าภัตติยะ พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมพรรษา 15 พรรษใน 543 ปีก่อน ค.ศ.[13] พระองค์สถาปนาราชวงศ์หรยังกะและจัดตั้งป้อมปราการในหมู่บ้านแถวแคว้นมคธ ซึ่งภายหลังกลายเป็นนครปาฏลีบุตร[14] เมืองหลวงแรกของพระเจ้าพิมพิสารอยู่ที่ Girivraja (ระบุเป็นราชคฤห์) พระองค์ทำสงครามต่ออังคะ ซึ่งอาจเป็นการแก้แค้นต่อความปราชัยของพระราชบิดาด้วยน้ำพระหัตถ์ของ Brahmadatta
พันธมิตรทางการสมรส
[แก้]ถูกจำคุก
[แก้]ตามศาสนาพุทธ พระเจ้าพิมพิสารถูกพระเจ้าอชาตศัตรู พระราชโอรสที่ได้รับอิทธิพลจากเทวทัต (ภิกษุ) จำคุกใน ป. 493 ปีก่อน ค.ศ. แล้วขึ้นครองราชย์ต่อ ส่วนในศาสนาเชนระบุว่าพระเจ้าพิมพิสารทรงทำการอัตวินิบาตกรรม[15]
รายงานตามธรรมเนียม
[แก้]พุทธ
[แก้]พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงพบกับพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกที่กรุงราชคฤห์ เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ยังผนวชได้ไม่นานและยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่[16] พระเจ้าพิมพิสารทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์กำลังเสด็จดำเนินไปในเมืองเพื่อบิณฑบาต และด้วยพระรูปอันงาม, กิริยาอันสำรวม พร้อมกับลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการของพระโพธิสัตว์ทำให้พระเจ้าพิมพิสารเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงทรงส่งคณะราชทูตติดตามไปเพื่อสืบว่าพระโพธิสัตว์จะเสด็จไป ณ ที่ไหน เมื่อทรงทราบความแล้วพระเจ้าพิมพิสารจึงได้รีบเสด็จตามไปเพื่อสนทนากับพระโพธิสัตว์ โดยที่พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงเสนอที่จะยกราชสมบัติให้แล้วจึงตรัสถามถึงพระชาติ พระโพธิสัตว์ได้ทรงตอบคำถามนั้น [ของพระเจ้าพิมพิสาร] ทรงกล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินพระทัยออกผนวช แล้วจึงทรงปฏิเสธข้อเสนอด้วยเหตุผลว่าพระทัยของพระองค์ไม่ได้ทรงยินดีในกามสุข แต่ทรงมีความยินดีในการบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้นเท่านั้น[17]
หลังจากที่พระสิทธัตถะโพธิสัตว์ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ได้ทรงแสดงธรรมโปรดพระปัญจวัคคีย์,[18][19][20][21][22] ยสกุลบุตรพร้อมทั้งบิดา มารดา ภรรยาเก่าและเพื่อนอีก 54 คน,[23] ภัททวัคคีย์ 30 คน,[24] และชฎิล 3 พี่น้องกับบริวาร 1,000 องค์[25][26] ไปตามลำดับ แล้วได้เสด็จพร้อมด้วยหมู่ภิกษุผู้เป็นอดีตชฎิล 1,003 รูปมาถึงเมืองราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารได้ยินชื่อเสียงของพระพุทธองค์มาก่อนแล้วว่าเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ จึงพร้อมด้วยพราหมณ์คหบดีชาวมคธ 12 นหุต (12 หมื่น หรือ 120,000) เสด็จมาเข้าเฝ้า หลังจากที่พระพุทธองค์ได้เปลื้องความสงสัยของชาวเมืองราชคฤห์ที่คิดว่า ระหว่างพระพุทธเจ้ากับชฎิลนั้นใครเป็นอาจารย์ของใคร ด้วยการตรัสเชื้อเชิญให้พระอุรุเวลกัสสปะผู้เป็นหัวหน้าของภิกษุอดีตชฎิล 1,002 รูปถึงเหตุผลที่ทำให้เลิกบูชาไฟ เมื่อชาวราชคฤห์หมดความสงสัยแล้ว พระพุทธองค์จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนา คือ อนุปุพพิกถาและอริยสัจ 4 เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารอีก 11 นหุตะได้บรรลุอริยผล ส่วนอีก 1 นหุตะได้แสดงตนเป็นอุบาสก[27]
พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน[28][29] มีพระอัครมเหสีพระนามว่าพระนางเวเทหิ เป็นพระกนิษฐาในพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ได้พระกนิษฐาของพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระมเหสีเช่นกัน พระเจ้าพิมพิสารมีพระราชโอรสนามว่าอชาตศัตรู (ผู้เกิดมาไม่เป็นศัตรู) โหรทำนายว่าพระโอรสองค์นี้จะทำปิตุฆาต แต่พระเจ้าพิมพิสารก็มิสนพระทัยต่อคำทำนาย ทรงอบรมให้การศึกษาพระโอรสเป็นอย่างดี เจ้าชายก็อยู่ในพระโอวาทเป็นอย่างดี แต่พอเจ้าชายน้อยได้รู้จักพระเทวทัต ถูกพระเทวทัตหลอกให้เห็นผิดเป็นชอบ จนจับพระเจ้าพิมพิสารขังคุกให้อดพระกระยาหาร และทำการทรมานต่างๆ เช่น กรีดพระบาทของพระเจ้าพิมพิสาร เพื่อให้เดินจงกรมทำสมาธิไม่ได้ เป็นต้น จนพระองค์เสด็จสวรรคต ไปเกิดเป็นยักษ์ชื่อ "ชนวสภะ"[30][31] ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
พระเจ้าพิมพิสารเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม ทรงอุปถัมภ์ศาสนาพุทธเป็นอย่างดี ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญแพร่หลายทั่วแคว้นมคธ[32]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Chandra, Jnan (1958). "SOME UNKNOWN FACTS ABOUT BIMBISĀRA". Proceedings of the Indian History Congress Proceedings of the Indian History Congress. Indian History Congress. 21: 215–217.
- ↑ von Glasenapp 1999, p. 40-41.
- ↑ Jain & Upadhye 2000, p. 59.
- ↑ Hugh George Rawlinson (1950), A Concise History of the Indian People. Oxford University Press, p. 46.
- ↑ F. Max Muller (2001): The Dhammapada And Sutta-nipata. Routledge (UK), p. xlvii. ISBN 0-7007-1548-7.
- ↑ 6.0 6.1 Sarao, K. T. S. (2003), "The Ācariyaparamparā and Date of the Buddha.", Indian Historical Review, 30 (1–2): 1–12, doi:10.1177/037698360303000201
- ↑ Keay, John: India: A History. Revised and Updated: "The date [of Buddha's meeting with Bimbisara] (given the Buddhist 'short chronology') must have been around 400 BC."
- ↑ V. K. Agnihotri (ed.), Indian History. Allied Publishers, New Delhi 262010, p. 166 f.
- ↑ Keay, India: A History
- ↑ Peter N. Stearns (2001), The Encyclopedia of World History. Houghton Mifflin, p. 76 ff. ISBN 0-395-65237-5.
- ↑ Raychaudhuri 1923, p. 97.
- ↑ "Bimbisara". Encyclopædia Britannica Online. สืบค้นเมื่อ 25 January 2013.
- ↑ Sen 1999, p. 112.
- ↑ Sastri 1988, p. 11.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:0
- ↑ "มจร. 1. ปัพพัชชาสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 25". 84000.org. "[410] พระพุทธองค์ครั้นบรรพชาแล้ว ทรงเว้นบาปกรรมทางกายและละวจีทุจริตได้ ทรงชำระอาชีวะให้หมดจด [411] พระพุทธองค์ผู้มีพระลักษณะอันประเสริฐทั่วพระวรกาย เสด็จไปถึงกรุงราชคฤห์ คิริพพชนคร แคว้นมคธ ได้เสด็จเที่ยวไปเพื่อทรงบิณฑบาต".
- ↑ "มจร. 1. ปัพพัชชาสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 25". 84000.org.
- ↑ "มจร. 6. ปัญจวัคคิยกถา ว่าด้วยภิกษุปัญจวัคคีย์ เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. เรื่องทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุปัญจวัคคีย์ : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. ภิกษุปัญจวัคคีย์ทูลขอการบรรพชาอุปสมบท : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. อนัตตลักขณสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. เรื่องยสกุลบุตร บิดาตามหายสกุลบุตร เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. 10. ทุติยมารกถา ว่าด้วยมาร เรื่องที่ 2 เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. เรื่องชฎิล 3 พี่น้อง เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. เรื่องชฎิล 3 พี่น้อง เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "มจร. เรื่องสวนตาลหนุ่ม เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "[56] ...ธรรมจักษุอันปราศจากธุลีปราศจากมลทินได้เกิดแก่พราหมณ์คหบดีชาวมคธ 11 นหุต ซึ่งมีพระเจ้าพิมพิสารเป็นประมุข ณ ที่นั่งนั้นแลว่า 'สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา...'” "มจร. เรื่องสวนตาลหนุ่ม เป็นต้น : พระไตรปิฎกเล่มที่ 4". 84000.org.
- ↑ "[281] (ชนวสภะยักษ์ ในอดีตคือพระเจ้าพิมพิสาร ทูลกับพระพุทธเจ้าว่า) 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่มีทางตกต่ำ ทราบดีถึงความไม่ตกต่ำมาช้านาน ข้าพระองค์ตั้งความปรารถนาไว้เพื่อเป็นพระสกทาคามี ฯลฯ" "มจร. 5. ชนวสภสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 10". 84000.org.
- ↑ "[280] 'อานนท์ ทันใดนั้น ยักษ์ที่ไม่ปรากฏตัว เปล่งเสียงให้ได้ยินว่า ‘ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ชื่อชนวสภะ ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ชื่อชนวสภะ’ อานนท์ ชื่อชนวสภะนี้ เธอรู้จัก (หรือ) เคยได้ยินมาก่อนหรือไม่' ฯลฯ" "มจร. 5. ชนวสภสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 10". 84000.org.
- ↑ "[280] ฯลฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "อานนท์ ขณะที่มีเสียงดังขึ้น ยักษ์มีผิวพรรณผุดผ่องยิ่งนัก ปรากฏขึ้นต่อหน้าเรา ยักษ์นั้นเปล่งเสียงให้ได้ยินอีกเป็นครั้งที่ 2 ว่า ‘ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์คือพิมพิสาร ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์คือพิมพิสารครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 ที่ข้าพระองค์เข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับท้าวเวสวัณมหาราชจุติจากสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชนี้แล้ว สามารถไปเกิดเป็นพระราชาในโลกมนุษย์" "มจร. 5. ชนวสภสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ 10". 84000.org.
- ↑ ชาดกและประวัติพุทธสาวก-พุทธสาวิกา โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม
ข้อมูล
[แก้]- Dundas, Paul (2002) [1992], The Jains (Second ed.), Routledge, ISBN 0-415-26605-X
- Jain, Hiralal; Upadhye, Dr. Adinath Neminath (2000), Mahavira his Times and his Philosophy of Life, Bharatiya Jnanpith
- Jain, Kailash Chand (1972), Malwa Through the Ages (First ed.), Motilal Banarsidass, ISBN 978-81-208-0805-8
- Jain, Kailash Chand (1991), Lord Mahāvīra and His Times, Motilal Banarsidass, ISBN 978-81-208-0805-8
- Jaini, Padmanabh S. (1998) [1979], The Jaina Path of Purification, Delhi: Motilal Banarsidass, ISBN 81-208-1578-5
- Raychaudhuri, Hemchandra (1923), Political History of Ancient India, University of Calcutta
- Sastri, Kallidaikurichi Aiyah Nilakanta, บ.ก. (1988) [1967], Age of the Nandas and Mauryas (Second ed.), Delhi: Motilal Banarsidass, ISBN 81-208-0465-1
- Sen, Sailendra Nath (1999) [1988], Ancient Indian History and Civilization (Second ed.), New Age International Publishers, ISBN 81-224-1198-3
- Singh, G. P., Early Indian Historical Tradition and Archaeology, p. 164
- Singh, Upinder (2016), A History of Ancient and Early Medieval India: From the Stone Age to the 12th Century, Pearson Education, ISBN 978-93-325-6996-6
- von Glasenapp, Helmuth (1999), Jainism: An Indian Religion of Salvation [Der Jainismus: Eine Indische Erlosungsreligion], Shridhar B. Shrotri (trans.), Delhi: Motilal Banarsidass, ISBN 81-208-1376-6
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ก่อนหน้า | พระเจ้าพิมพิสาร | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าภัททิยะ | พระราชาแห่งแคว้นมคธ (ราชวงศ์หารยังกะ) (0 ปี ก่อนพุทธศักราช – พ.ศ. 52) |
พระเจ้าอชาตศัตรู |