ข้ามไปเนื้อหา

แอดัม ลัลลานา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก อดัม ลาลลานา)
แอดัม ลัลลานา
ลัลลานากับลิเวอร์พูลใน ค.ศ. 2015
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม แอดัม เดวิด ลัลลานา[1]
วันเกิด (1988-05-10) 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1988 (36 ปี)
สถานที่เกิด เซนต์ออลบันส์ อังกฤษ
ส่วนสูง 5 ft 8 in (1.72 m)
ตำแหน่ง กองกลาง
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
เซาแทมป์ตัน
สโมสรเยาวชน
2000–2006 เซาแทมป์ตัน
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2006–2014 เซาแทมป์ตัน 235 (48)
2007บอร์นมัท (ยืม) 3 (0)
2014–2020 ลิเวอร์พูล 128 (18)
2020–2024 ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 95 (3)
2024– เซาแทมป์ตัน 0 (0)
ทีมชาติ
2006 อังกฤษ อายุไม่เกิน 18 ปี 2 (1)
2006 อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี 2 (0)
2008 อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี 1 (0)
2013–2018 อังกฤษ 34 (3)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2022
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2018

แอดัม เดวิด ลัลลานา (อังกฤษ: Adam David Lallana; เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1988) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับเซาแทมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีก

สโมสรอาชีพ

[แก้]

เซาแทมป์ตัน

[แก้]
ลัลลานาลงเล่นให้กับเซาแทมป์ตันในปี ค.ศ. 2013

ลัลลานาลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 นัดเปิดฤดูกาล ในนัดที่ เซาแทมป์ตัน พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-3 ต่อมา ลัลลานาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-1 ต่อมา ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0 ต่อมา ลัลลานาทำประตูที่ 50 ในการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขาในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ เรดิง 2-0

ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2013 ลัลลานาต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรเซาแทมป์ตัน เป็นเวลา 5 ปี ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ลัลลานาทำประตูในนัดที่ เซาแทมป์ตัน เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 4-1

ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ในวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอพร้อมกับ ลู้ก ชอว์ กองหลังของเซาแทมป์ตัน ต่อมา ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาคว้า 2 รางวัลของสโมสรเซาแทมป์ตัน ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมเซาแทมป์ตัน และ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนบอล

ลิเวอร์พูล

[แก้]

ฤดูกาล 2014-15

[แก้]
ลัลลานาลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2014

ในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ย้ายจากเซาแทมป์ตันมาอยู่กับลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ โดยได้สวมเสื้อหมายเลข 20[2] ในวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานามีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าระหว่างซ้อมให้กับสโมสรที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ช่วงก่อนฤดูกาล ทำให้เขาต้องพักยาว 6 สัปดาห์ จึงไม่สามารถลงสนามในพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลที่จะเจอกับเซาแทมป์ตัน ทีมเก่าของเขา ต่อมา ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ลงสนามนัดแรกให้กับลิเวอร์พูลในนัดที่ 4 ของฤดูกาล โดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 61 ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์แพ้แอสตันวิลลา 0-1 ต่อมา ในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูลในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะเวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-1 โดยทำประตูได้ก่อนหมดครึ่งแรก[3] และประตูนี้ของลัลลานาทำให้ได้รับการโหวตเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคมจาก EA SPORTS[4] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะเลสเตอร์ซิตี 3-1 ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม[5] ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 4-1[6] [7]

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบห้า ลัลลานาได้ทำประตูชัยให้ลิเวอร์พูลเอาชนะคริสตัลพาเลซ 2-1 ที่เซลเฮิสต์พาร์ก ช่วยให้ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายของเอฟเอคัพได้สำเร็จ[8] ต่อมา ลัลลานาได้มีอาการบาดเจ็บอีกครั้งที่โคนขาหนีบ จากเกมลีกนัดที่แพ้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-2 ทำให้เขาต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษ ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2015 ลัลลานาได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษของของลีกรองอังกฤษในงานประกาศรางวัลของเดอะฟุตบอลลีก ต่อมา ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ลัลลานาได้ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้คริสตัลพาเลซ 1-3[9] จบฤดูกาล ลัลลานายิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 27 นัด

ฤดูกาล 2015-16

[แก้]

ในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2015 ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 รอบแบ่งกลุ่ม ลัลลานาทำประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล ในนัดที่ลิเวอร์พูลเสมอกับบอร์โด 1-1[10] [11] ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2015 ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 รอบแบ่งกลุ่ม ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ 1-1[12] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 ลัลลานาลงสนามเป็นตัวสำรองแทน จอร์ดอน ไอบ์ และทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะนอริชซิตีที่แคร์โรว์โรด 5-4[13] [14] ต่อมา ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับซันเดอร์แลนด์ 2-2[15]

ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟุตบอลลีกคัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ในช่วง 90 นาที ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-1 ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ ลัลลานายิงจุดโทษพลาดโดน วีลลี กาบาเยโร ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตี เซฟเอาไว้ได้ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ในการยิงจุดโทษ 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[16] ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2016 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี อีกครั้ง ในพรีเมียร์ลีก โดยลัลลานาทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0[17] ต่อมา ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-2[18] ต่อมา ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ลัลลานาทำประตูที่ 3 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บิยาร์เรอัล 3-0 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บิยาร์เรอัล 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[19]

ฤดูกาล 2016-17

[แก้]

ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 ลัลลานาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 4-3[20] ต่อมา ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 4-1[21] ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 5-1[22] ต่อมา ในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-2[23] ต่อมา ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลัลลานา ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ ที่ริเวอร์ไซด์สเตเดียม 3-0[24] ต่อมา ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลัลลานาทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สโตกซิตี 4-1[25]

ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 ลัลลานาตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลไปจนถึงปี ค.ศ. 2020 พร้อมสิทธิเลือกขยายสัญญาอีก 1 ปี รับค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 110,000 ปอนด์ (ราว 4.95 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์[26] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ มิดเดิลส์เบรอ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ลัลลานาทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[27] จบฤดูกาล ลัลลานายิงประตูในพรีเมียร์ลีก 8 ประตูจาก 31 นัด

ฤดูกาล 2017-18

[แก้]

ฤดูกาล 2018-19

[แก้]

ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[28]

ฤดูกาล 2019-20

[แก้]

ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ลัลลานาลงสนามเป็นตัวสำรองและทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 1-1[29] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[30] จบฤดูกาล ลัลลานาช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ และเป็นการคว้าแชมป์ส่งท้ายก่อนสัญญาของเขาหมดลง[31]

ทีมชาติอังกฤษ

[แก้]

ทีมเยาวชน

[แก้]

ทีมชุดใหญ่

[แก้]
ลัลลานาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในปี ค.ศ. 2013

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 แอดัม ลัลลานา มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรกในนัดที่อุ่นเครื่องกระชับมิตรกับชิลีที่สนามกีฬาเวมบลีย์ แต่สุดท้าย อังกฤษก็แพ้ไป 0-2 ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ลงเล่นนัดที่สามให้กับทีมชาติ โดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทนแจ็ก วิลเชียร์ และเปิดบอลให้แดเนียล สเตอร์ริดจ์ โหม่งทำประตูชัยให้อังกฤษเอาชนะเดนมาร์ก 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตรที่สนามกีฬาเวมบลีย์

ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ทีมชาติอังกฤษได้เรียกตัวลัลลานาติดรายชื่อ 23 คน ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โดยอังกฤษได้อยู่กลุ่มดี ร่วมกับอุรุกวัย, คอสตาริกา และอิตาลี ในวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2014 ลัลลานาได้ลงสนามในฟุตบอลโลก กลุ่มดี นัดแรก โดยลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วง 10 นาทีสุดท้ายแทนแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ในนัดที่แพ้ให้กับอิตาลี 1-2 สุดท้ายอังกฤษก็ต้องตกรอบแรก โดยได้อันดับสุดท้ายของกลุ่มดี เสมอ 1 แพ้ 2 (แพ้อิตาลี 1-2, แพ้อุรุกวัย 1-2 และเสมอคอสตาริกา 0-0) ทำให้ทีมชาติอังกฤษต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลกที่บราซิลเพียงรอบแรกเท่านั้น และเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปีที่อังกฤษตกรอบแรกฟุตบอลโลก

ทีมชาติอังกฤษเรียกตัวลัลลานาติดรายชื่อ 23 คน ชุดลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส โดย อังกฤษ อยู่กลุ่มบี ร่วมกับ รัสเซีย, เวลส์ และ สโลวาเกีย คว้าอันดับ 2 ของกลุ่มบี ชนะ 1 เสมอ 2 โดยพาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ ไอซ์แลนด์ แต่สุดท้าย อังกฤษ เป็นฝ่ายแพ้ไป 1-2 ทำให้ทีมชาติอังกฤษต้องจบเส้นทางฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่ฝรั่งเศสเพียงเท่านี้

ในวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2016 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก กลุ่มเอฟ ลัลลานาทำประตูแรกในนามทีมชาติ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นัดที่ อังกฤษ เอาชนะ สโลวาเกีย 1-0[32] ต่อมา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก กลุ่มเอฟ ลัลลานาทำประตูที่ 2 ในนามทีมชาติ ในนัดที่ อังกฤษ เปิดสนามกีฬาเวมบลีย์เอาชนะ สกอตแลนด์ 3-0[33]

ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2017 ลัลลานาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะอังกฤษยอดเยี่ยมประจำปี 2016[34]

สถิติอาชีพ

[แก้]

สโมสร

[แก้]
ณ วันที่ 11 มีนาคม 2020
สโมสร ฤดูกาล ลีก เอฟเอคัพ ลีกคัพ ยุโรป อื่น ๆ รวม
ดิวิชัน ลงแข่ง ประตู ลงแข่ง ประตู ลงแข่ง ประตู ลงแข่ง ประตู ลงแข่ง ประตู ลงแข่ง ประตู
เซาแทมป์ตัน 2006–07[35] แชมเปียนชิป 1 0 0 0 1 0 2 0
2007–08[36] แชมเปียนชิป 5 1 0 0 0 0 5 1
2008–09[37] แชมเปียนชิป 40 1 0 0 3 1 43 2
2009–10[38] ลีกวัน 44 15 5 1 2 2 5[a] 2 56 20
2010–11[39] ลีกวัน 36 8 3 2 2 1 0 0 41 11
2011–12[40] แชมเปียนชิป 41 11 2 1 3 1 46 13
2012–13[41] พรีเมียร์ลีก 30 3 0 0 0 0 30 3
2013–14[42] พรีเมียร์ลีก 38 9 3 1 1 0 42 10
รวม 235 48 13 5 12 5 5 2 265 60
บอร์นมัท (ยืมตัว) 2007–08[36] ลีกวัน 3 0 1[a] 0 4 0
ลิเวอร์พูล 2014–15[43] พรีเมียร์ลีก 27 5 4 1 4 0 6[b] 0 41 6
2015–16[44] พรีเมียร์ลีก 30 4 0 0 6 0 13[c] 3 49 7
2016–17[45] พรีเมียร์ลีก 31 8 1 0 3 0 35 8
2017–18 พรีเมียร์ลีก 12 0 1 0 0 0 2[b] 0 15 0
2018–19 พรีเมียร์ลีก 13 0 0 0 0 0 3[b] 0 16 0
2019–20 พรีเมียร์ลีก 15 1 2 0 2 0 0 0 3[d] 0 22 1
รวม 128 18 8 1 15 0 24 3 3 0 178 22
รวมทั้งหมด 366 66 21 6 27 5 24 3 9 2 447 82
  1. 1.0 1.1 Appearance(s) in Football League Trophy
  2. 2.0 2.1 2.2 Appearances in UEFA Champions League
  3. Appearances in UEFA Europa League
  4. One appearance in FA Community Shield, two appearances in FIFA Club World Cup

ทีมชาติ

[แก้]
ณ วันที่ 27 มีนาคม 2018[46]
International statistics
ทีมชาติ ปี ลงเล่น ประตู
อังกฤษ 2013 2 0
2014 11 0
2015 6 0
2016 10 3
2017 4 0
2018 1 0
รวม 34 3

ประตูในนามทีมชาติ

[แก้]
As of match played 4 September 2016. England score listed first, score column indicates score after each Lallana goal.[47]
International goals by date, venue, cap, opponent, score, result and competition
No. วันที่ สนาม Cap คู่แข่งขัน ประตู ผล การแข่งขัน Ref
1 4 กันยายน 2016 Štadión Antona Malatinského, Trnava, Slovakia 27 ธงชาติสโลวาเกีย สโลวาเกีย 1–0 1–0 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก [48]
2 11 พฤศจิกายน 2016 Wembley Stadium, London, England 28 ธงชาติสกอตแลนด์ สกอตแลนด์ 2–0 3–0 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก [49]
3 15 พฤศจิกายน 2016 Wembley Stadium, London, England 29 ธงชาติสเปน สเปน 1–0 2–2 เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร [50]

เกียรติประวัติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]

เซาแทมป์ตัน

  • ฟุตบอลลีกวัน (รองชนะเลิศ) : 2010–2011
  • ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป (รองชนะเลิศ): 2011–2012
  • ฟุตบอลลีกโทรฟี: 2009–2010

ลิเวอร์พูล

รางวัลส่วนตัว

[แก้]
  • PFA Premier League Team of the Year: 2013–2014
  • PFA Championship Team of the Year: 2011–2012
  • PFA League One Team of the Year: 2010–2011
  • The Football Manager Team of the Decade: 2015
  • England Player of the Year Award: 2016
  • PFA Fans' Player of the Month: มีนาคม 2016[51] [52]
  • Standard Chartered Liverpool Player of the Month: กันยายน 2016[53], ธันวาคม 2016[54]
  • ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของอีเอ สปอตส์: ตุลาคม 2014

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Search 1984 to 2006 – Birth, Marriage and Death indexes". Findmypast.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-12. สืบค้นเมื่อ 2010-08-12.
  2. "สโมสรลิเวอร์พูลประกาศการเซ็นสัญญาคว้าตัวแอดัม ลัลลานา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-25. สืบค้นเมื่อ 2014-08-03.
  3. "อดัม และเฮนโด้ ช่วยลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือเดอะ แบ็กกีส์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-10-06.
  4. "ประตูแรกของลัลลานาคว้าประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-11-09.
  5. สตีเวน เจอร์ราร์ด ทำประตูเกมลิเวอร์พูลเอาชนะเลสเตอร์[ลิงก์เสีย]
  6. "สองประตูของลัลลานาช่วยลิเวอร์พูลส่งท้ายปีอย่างมีสไตล์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-01-01.
  7. 5 สิ่งจากเกมที่หงส์แดงชนะสวอนซี 4-1[ลิงก์เสีย]
  8. ประตูชัยของลัลลานา ส่งลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ[ลิงก์เสีย]
  9. "ลิเวอร์พูลพ่ายในนัดสตีเวน เจอร์ราร์ด อำลาแอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-05-21.
  10. "หงส์แดงบุกไปเสมอบอร์โดในเกมยูโรปา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-09-19.
  11. "ไฮไลต์ลัลลานายิงประตูในเกมบอร์โด". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-20. สืบค้นเมื่อ 2015-09-19.
  12. "ลิเวอร์พูลเสมอกับเอฟซี ซิยง ที่แอนฟิลด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-08. สืบค้นเมื่อ 2015-10-03.
  13. ลัลลานาทำประตูตัดสินเกมสุดระทึก ที่มีถึง 9 ประตูที่แคร์โรว์ โร้ด[ลิงก์เสีย]
  14. 5 ข้อเท็จจริงที่ได้จากชัยชนะสุดดราม่าของลิเวอร์พูลเหนือนอริช ซิตี้[ลิงก์เสีย]
  15. ลิเวอร์พูลถูกซันเดอร์แลนด์ไล่ตีเสมอท้ายเกม[ลิงก์เสีย]
  16. ลิเวอร์พูลอกหักพ่ายการดวลจุดโทษในรอบชิงฯ แคปิตัล วัน คัพ[ลิงก์เสีย]
  17. ลิเวอร์พูลกลับมาคว้าชัยเหนือแมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม[ลิงก์เสีย]
  18. ลิเวอร์พูลถูกนิวคาสเซิลตามตีเสมอที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  19. "พลังของแอนฟิลด์ช่วยให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-09. สืบค้นเมื่อ 2016-05-08.
  20. "ลิเวอร์พูลกบุกไปกำชัยเหนืออาร์เซนอลในเกมเปิดฤดูกาล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-17. สืบค้นเมื่อ 2016-08-16.
  21. ลิเวอร์พูลถล่มเลสเตอร์ ในเกมประเดิมเมน สแตนด์ ที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  22. "ลิเวอร์พูลฟอร์มเยี่ยม เปิดแอนฟิลด์ถล่มฮัลล์ 5-1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-27. สืบค้นเมื่อ 2016-09-26.
  23. เวสต์แฮมบุกมาแบ่งแต้มที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  24. "ลิเวอร์พูลบุกไปเก็บสามแต้มเหนือมิดเดิลสโบรห์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-30. สืบค้นเมื่อ 2016-12-16.
  25. ลิเวอร์พูลกลับมาถล่มสโต๊ก 4-1 ที่แอนฟิลด์[ลิงก์เสีย]
  26. "อดัม ลัลลานา เซ็นต่อสัญญาใหม่ระยะยาวกับลิเวอร์พูล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-26. สืบค้นเมื่อ 2017-02-23.
  27. "ลิเวอร์พูลทุบโบโร่ขาดลอย 3-0 ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-23. สืบค้นเมื่อ 2017-05-23.
  28. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกหลังชนะสเปอร์ส 2-0
  29. Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปเสมอแมนฯ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
  30. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คลับ เวิลด์ ที่กาตาร์
  31. อัลบั้มภาพ: ทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
  32. "ลัลลานาทำประตูชัยดราม่าท้ายเกมให้อังกฤษชนะสโลวาเกีย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-11. สืบค้นเมื่อ 2016-11-19.
  33. "ลัลลานา และสเตอร์ริดจ์ทำประตูในเกมที่อังกฤษเอาชนะสกอตแลนด์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-15. สืบค้นเมื่อ 2016-11-19.
  34. "ลัลลานาคว้ารางวัลนักเตะอังกฤษแห่งปี 2016". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-02. สืบค้นเมื่อ 2017-06-13.
  35. "Games played by Adam Lallana in 2006/2007". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  36. 36.0 36.1 "Games played by Adam Lallana in 2007/2008". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  37. "Games played by Adam Lallana in 2008/2009". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  38. "Games played by Adam Lallana in 2009/2010". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  39. "Games played by Adam Lallana in 2010/2011". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  40. "Games played by Adam Lallana in 2011/2012". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  41. "Games played by Adam Lallana in 2012/2013". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  42. "Games played by Adam Lallana in 2013/2014". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013.
  43. "Games played by Adam Lallana in 2014/2015". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 15 September 2014.
  44. "Games played by Adam Lallana in 2015/2016". Soccerbase. สืบค้นเมื่อ 9 August 2015.
  45. "Games played by Adam Lallana in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 19 July 2017.
  46. Lallana.html "แอดัม ลัลลานา". National Football Teams. Benjamin Strack-Zimmermann. สืบค้นเมื่อ 12 December 2013. {{cite web}}: ตรวจสอบค่า |url= (help)
  47. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ NFT
  48. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ goal 040916
  49. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ goal 111116
  50. McNulty, Phil (15 November 2016). "England 2–2 Spain". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-17. สืบค้นเมื่อ 16 November 2016.
  51. ลัลลานา ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม โดยพีเอฟเอ[ลิงก์เสีย]
  52. "แฟนลิเวอร์พูลเป็นผู้มอบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนให้กับลัลลานา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-25. สืบค้นเมื่อ 2016-04-24.
  53. "ลัลลานาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-03. สืบค้นเมื่อ 2016-09-30.
  54. "อดัม ลัลลานา ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคม โดยสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-04-30. สืบค้นเมื่อ 2017-01-07.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]