อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน
| |||
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | อเล็กซานเดอร์ มาร์ก เดวิด ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน[1] | ||
วันเกิด | [2] | 15 สิงหาคม ค.ศ. 1993||
สถานที่เกิด | พอร์ตสมัท อังกฤษ | ||
ส่วนสูง | 1.80 m (5 ft 11 in)[3] | ||
ตำแหน่ง | กองกลาง | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | ||
หมายเลข | 15 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
2000–2010 | เซาแทมป์ตัน | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2010–2011 | เซาแทมป์ตัน | 36 | (9) |
2011–2017 | อาร์เซนอล | 132 | (9) |
2017– | ลิเวอร์พูล | 103 | (11) |
ทีมชาติ‡ | |||
2010 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 18 ปี | 1 | (0) |
2011 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี | 3 | (0) |
2011–2012 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี | 8 | (4) |
2012– | อังกฤษ | 35 | (7) |
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 08:44, 1 เมษายน 2023 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 14:19, 17 พฤศจิกายน 2019 (UTC) |
อเล็กซานเดอร์ มาร์ก เดวิด ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน (อังกฤษ: Alexander Mark David Oxlade-Chamberlain; เกิด 15 สิงหาคม ค.ศ. 1993) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษ
หลังจากที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะผู้เล่นของเซาแทมป์ตัน จากนั้นในฤดูกาล 2010–11 ได้เซ็นสัญญากับอาร์เซนอลในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 เป็นผู้ยิงประตู 2 ประตูใน 3 นัดแรกกับอาร์เซนอล ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลินยังเป็นผู้เล่นประจำของทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี และยังเป็นนักฟุตบอลอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในแชมเปียนส์ลีก
สโมสรอาชีพ[แก้]
เซาแทมป์ตัน[แก้]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาร์เซนอล[แก้]
ในรายการเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2015 ซึ่งเป็นรายการก่อนเริ่มฤดูกาล 2015–16 อาร์เซนอลสามารถเอาชนะเชลซี ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกไปได้ 1–0 จากการทำประตูของเชมเบอร์ลินในนาทีที่ 24 ทำให้อาร์เซนอลป้องกันแชมป์เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ได้ นับเป็นแชมป์สมัยที่ 14 อีกทั้งยังถือเป็นครั้งแรกอีกด้วยที่อาร์แซน แวงแกร์ สามารถเอาชนะโชเซ มูรีนโย ได้ หลังจากก่อนหน้านั้นมา 13 นัด ในทุกรายการ อาร์เซนอลภายใต้การจัดการทีมของแวงแกร์ ไม่สามารถเอาชนะเชลซีภายใต้การจัดการทีมของมูรีนโยได้เลย [4]
แต่ในฤดูกาลนี้ เชมเบอร์ลินถูกวิจารณ์ว่าเล่นได้ไม่ดี ซ้ำในช่วงปลายฤดูกาลยังได้รับบาดเจ็บทำให้พลาดโอกาสติดทีมชาติไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส[5] แต่ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2016-17 ในการเตะนัดอุ่นเครื่องกับแอร์เซล็องส์ สโมสรในระดับดิวิชัน 2 ของฝรั่งเศส ที่สนามสตาดบอลาร์ต-เดอเลลิส เชมเบอร์เลนเป็นผู้ทำประตูให้อาร์เซนอลเสมอในนาทีที่ 82 จบการแข่งขันไป 1–1 [6]
ลิเวอร์พูล[แก้]
ฤดูกาล 2017-18[แก้]
หลังเริ่มฤดูกาล 2017–18 ผ่านไปได้ 3 นัด ก่อนการซื้อขายตัวผู้เล่นจะจบลง ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2017 เชมเบอร์ลินได้ย้ายไปอยู่ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,575 ล้านบาท) เซ็นสัญญา 5 ปี โดยเชมเบอร์ลินได้สวมเสื้อหมายเลข 21[7] [8] ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2017 เชมเบอร์ลินลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรก โดยเชมเบอร์ลินถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 0-5 ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เชมเบอร์ลินทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0[9] ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด[10] ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 เชมเบอร์ลินทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 4-1[11] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2017 เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[12] ต่อมา ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018 เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 4-3[13] ต่อมา ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0[14] และประตูนี้ของเชมเบอร์ลินทำให้ได้รับการโหวตเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลิเวอร์พูล ในงานประกาศรางวัล Players' Awards 2018[15]
ในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เชมเบอร์ลินได้รับบาดเจ็บหนักที่เอ็นไขว้หน้าฉีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โรมา 5-2 ส่งผลให้เชมเบอร์ลินพักยาวตลอดทั้งฤดูกาล และหมดสิทธิ์ไปเล่นทีมชาติอังกฤษ ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย อีกด้วย
ฤดูกาล 2018-19[แก้]
ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2019 เชมเบอร์ลินกลับมาลงสนามอีกครั้งในรอบ 1 ปี โดยลงสนามเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 5-0[16] ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[17]
ฤดูกาล 2019-20[แก้]
ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[18] ต่อมา ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 2019 เชมเบอร์ลินตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลไปจนถึงปี ค.ศ. 2023[19] ต่อมา ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เชมเบอร์ลินยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เคงก์ จากเบลเยียม 4-1[20] ต่อมา ในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลลีกคัพ รอบ 4 เชมเบอร์ลินทำประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับทีมเก่าของเขา อาร์เซนอล 5-5 สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 ฟุตบอลลีกคัพ ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เคงก์ 2-1[22] ต่อมา ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2019 เชมเบอร์ลินทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 3-0[23] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[24] แต่ เชมเบอร์ลินได้รับบาดเจ็บข้อเท้าทำให้ต้องออกจากสนามในระหว่างครึ่งหลัง ส่งผลให้เชมเบอร์ลินจะพลาด 2 เกมสุดท้ายของลิเวอร์พูลในปี 2019
ในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2020 เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 2-0[25] ต่อมา ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 4-0[26]
ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชลซี 5-3[27] และฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 ที่แอนฟีลด์ส่งท้าย[28]
ฤดูกาล 2020-21[แก้]
ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เชมเบอร์ลินทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-0[29]
ฤดูกาล 2021-22[แก้]
ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2021 ฟุตบอลลีกคัพ รอบ 5 เชมเบอร์ลินยิงประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เลสเตอร์ซิตี 3-3 สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลลีกคัพ ได้สำเร็จ[30] ต่อมา ในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2022 เชมเบอร์ลินทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบรนต์ฟอร์ด 3-0[31] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2022 เชมเบอร์ลินทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 3-1[32]
สถิติอาชีพ[แก้]
สโมสร[แก้]

- ณ วันที่ 1 เมษายน 2023
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ยุโรป | อื่นๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
เซาแทมป์ตัน | 2009–10[33] | League One | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 2 | 0 | |
2010–11[34] | League One | 34 | 9 | 4 | 0 | 2 | 1 | — | 1[a] | 0 | 41 | 10 | ||
รวม | 36 | 9 | 4 | 0 | 2 | 1 | — | 1 | 0 | 43 | 10 | |||
อาร์เซนอล | 2011–12[35] | พรีเมียร์ลีก | 16 | 2 | 3 | 0 | 3 | 1 | 4[b] | 1 | — | 26 | 4 | |
2012–13[36] | พรีเมียร์ลีก | 25 | 1 | 2 | 0 | 2 | 1 | 4[b] | 0 | — | 33 | 2 | ||
2013–14[37] | พรีเมียร์ลีก | 14 | 2 | 4 | 1 | 0 | 0 | 2[b] | 0 | — | 20 | 3 | ||
2014–15[38] | พรีเมียร์ลีก | 23 | 1 | 3 | 0 | 1 | 0 | 9[b] | 2 | 1[c] | 0 | 37 | 3 | |
2015–16[39] | พรีเมียร์ลีก | 22 | 1 | 3 | 0 | 2 | 0 | 5[b] | 0 | 1[c] | 1 | 33 | 2 | |
2016–17[40] | พรีเมียร์ลีก | 29 | 2 | 6 | 0 | 3 | 3 | 7[b] | 1 | — | 45 | 6 | ||
2017–18[41] | พรีเมียร์ลีก | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 1[c] | 0 | 4 | 0 | |
รวม | 132 | 9 | 21 | 1 | 11 | 5 | 31 | 4 | 3 | 1 | 198 | 20 | ||
ลิเวอร์พูล | 2017–18[41] | พรีเมียร์ลีก | 32 | 3 | 2 | 0 | 1 | 0 | 7[b] | 2 | — | 42 | 5 | |
2018–19[42] | พรีเมียร์ลีก | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | 2 | 0 | ||
2019–20[43] | พรีเมียร์ลีก | 30 | 4 | 2 | 0 | 2 | 1 | 5[b] | 3 | 4[d] | 0 | 43 | 8 | |
2020–21[44] | พรีเมียร์ลีก | 13 | 1 | 1 | 0 | 0 | 0 | 3[b] | 0 | — | 17 | 1 | ||
2021–22[45] | พรีเมียร์ลีก | 17 | 2 | 2 | 0 | 4 | 1 | 6[b] | 0 | — | 29 | 3 | ||
2022–23[46] | พรีเมียร์ลีก | 9 | 1 | 1 | 0 | 2 | 0 | 1[b] | 0 | 0 | 0 | 13 | 1 | |
iวม | 103 | 11 | 8 | 0 | 9 | 2 | 22 | 5 | 4 | 0 | 146 | 18 | ||
รวมทั้งหมด | 271 | 29 | 33 | 1 | 22 | 8 | 53 | 9 | 8 | 1 | 387 | 48 |
- ↑ Appearance in Football League Trophy
- ↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 Appearances in UEFA Champions League
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Appearance in FA Community Shield
- ↑ One appearance in FA Community Shield, one in UEFA Super Cup, two in FIFA Club World Cup
ทีมชาติ[แก้]
- ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2019[47]
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
อังกฤษ | 2012 | 9 | 1 |
2013 | 4 | 2 | |
2014 | 7 | 1 | |
2015 | 4 | 1 | |
2017 | 6 | 1 | |
2018 | 2 | 0 | |
2019 | 3 | 1 | |
รวม | 35 | 7 |
ประตูในนามทีมชาติ[แก้]
- ณ วันที่ match played 17 November 2019. England score listed first, score column indicates score after each Oxlade-Chamberlain goal.[47]
No. | Date | Venue | Cap | Opponent | Score | Result | Competition | Ref |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 12 October 2012 | Wembley Stadium, London, England | 8 | ![]() |
5–0 | 5–0 | 2014 FIFA World Cup qualification | [48] |
2 | 22 March 2013 | San Marino Stadium, Serravalle, San Marino | 10 | ![]() |
2–0 | 8–0 | 2014 FIFA World Cup qualification | [49] |
3 | 2 June 2013 | Maracanã Stadium, Rio de Janeiro, Brazil | 12 | ![]() |
1–1 | 2–2 | Friendly | [50] |
4 | 18 November 2014 | Celtic Park, Glasgow, Scotland | 20 | ![]() |
1–0 | 3–1 | Friendly | [51] |
5 | 12 October 2015 | LFF Stadium, Vilnius, Lithuania | 24 | ![]() |
3–0 | 3–0 | UEFA Euro 2016 qualification | [52] |
6 | 10 June 2017 | Hampden Park, Glasgow, Scotland | 26 | ![]() |
1–0 | 2–2 | 2018 FIFA World Cup qualification | [53] |
7 | 14 November 2019 | Wembley Stadium, London, England | 34 | ![]() |
1–0 | 7–0 | UEFA Euro 2020 qualification | [54] |
เกียรติประวัติ[แก้]
สโมสร[แก้]
เซาแทมป์ตัน
- Football League One runner-up: 2010–11
อาร์เซนอล
- เอฟเอคัพ: 2013–14, 2014–15, 2016–17
- เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์: 2014, 2015, 2017
ลิเวอร์พูล
- พรีเมียร์ลีก: 2019–20
- เอฟเอคัพ: 2021–22
- อีเอฟแอลคัพ: 2021–22[55]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018–19
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2019
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2019
รางวัลส่วนตัว[แก้]
- PFA Team of the Year (League One): 2010–11
- Sports Journalists' Association: Peter Wilson Award – 2012
- ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลิเวอร์พูล: (2017–18: เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในวันที่ 4 เมษายน 2018)
- Standard Chartered Liverpool Player of the Month: ตุลาคม 2019[56]
- ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของอีเอ สปอร์ตส์: ตุลาคม 2019[57]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Updated squads for 2017/18 Premier League confirmed". Premier League. 2 February 2018. สืบค้นเมื่อ 11 February 2018.
- ↑ "Alex Oxlade-Chamberlain: Overview". Premier League. สืบค้นเมื่อ 17 March 2019.
- ↑ "A. Oxlade-Chamberlain: Summary". Soccerway. Perform Group. สืบค้นเมื่อ 17 March 2019.
- ↑ หน้า 17 ต่อ 19 กีฬา, เชลซีพลาดท่าโดนปืนโตสอยศึกคอมมิวนิตี. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,035: วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558 แรม 4 ค่ำ เดือน 8-8 ปีมะแม
- ↑ ""ออกซ์เลด"เข่าพังพัก 2 เดือน-ชวดลุยยูโร2016". เดลินิวส์. May 6, 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-11. สืบค้นเมื่อ July 23, 2016.
- ↑ "ปืนหวิดพังพาบ "อ็อกซ์" ยิงเจ๊าล็องส์ 1-1". ผู้จัดการออนไลน์. July 23, 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10. สืบค้นเมื่อ July 23, 2016.
- ↑ "ลิเวอร์พูลเซ็นสัญญาคว้าตัวอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เป็นที่เรียบร้อย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-03. สืบค้นเมื่อ 2017-09-01.
- ↑ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนจะสวมเสื้อเชิ้ตเบอร์ 21[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มหรูถล่มมาริบอร์ในแชมเปียนส์ลีก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-18.
- ↑ "ลิเวอร์พูลเฉลิมฉลองการทำลายสถิติในค่ำคืนยุโรปที่มาริบอร์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-21. สืบค้นเมื่อ 2017-10-21.
- ↑ ซาลาห์เหมาสองประตูในเกมลิเวอร์พูลถล่มเวสต์แฮม[ลิงก์เสีย]
- ↑ "เปิดกล่องของขวัญที่แอนฟิลด์ กับ 5 ประตูสุดสวยเหนือสวอนซี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-31. สืบค้นเมื่อ 2017-12-27.
- ↑ "ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนฯ ซิตี้ ไปอย่างสุดมันส์ 4-3". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-16. สืบค้นเมื่อ 2018-01-15.
- ↑ "ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือแมนฯ ซิตี้ ในเกมแชมเปียนส์ลีก เลกแรก". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-04-07. สืบค้นเมื่อ 2018-04-05.
- ↑ ซาลาห์คว้ารางวัลใหญ่ในงานประกาศรางวัลนักเตะลิเวอร์พูล (LFC Players' Awards)[ลิงก์เสีย]
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะอย่างสวยงามเหนือฮัดเดอร์สฟิลด์ 5-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกหลังชนะสเปอร์ส 2-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ หลังดวลจุดโทษชนะเชลซี
- ↑ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เซ็นสัญญาใหม่ระยะยาวกับลิเวอร์พูล
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มเกงค์ในเกมแชมเปียนส์ลีก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบ 8 ทีมคาราบาว คัพ หลังดวลจุดโทษชนะอาร์เซนอล
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือเกงค์ที่แอนฟิลด์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปชนะบอร์นมัธพร้อมเก็บคลีนชีต
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คลับ เวิลด์ ที่กาตาร์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มพร้อมเก็บคลีนชีตในเกมกับเวสต์แฮม
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มเซาท์แฮมป์ตัน 4-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะเชลซีก่อนชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์
- ↑ อัลบั้มภาพ: ทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะเบิร์นลีย์ขยับขึ้นท็อปโฟร์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเลสเตอร์ พลิกเข้ารอบรองฯ คาราบาว คัพ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มเบรนท์ฟอร์ด 3-0 ที่แอนฟิลด์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปชนะคริสตัล พาเลซ 3-1
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2009/2010". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 24 November 2013.
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2010/2011". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 24 November 2013.
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2011/2012". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 24 November 2013.
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 24 November 2013.
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 21 December 2015.
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 25 May 2015.
- ↑ "Games played by Alex Oxlade-Chamberlain in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 18 September 2016.
- ↑ "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 11 June 2017.
- ↑ 41.0 41.1 "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 30 August 2017. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "sb1718" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 August 2019.
- ↑ "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 6 July 2020.
- ↑ "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 28 March 2021.
- ↑ "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2021/2022". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 November 2021.
- ↑ "Games played by อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน in 2022/2023". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 22 October 2022.
- ↑ 47.0 47.1 "Oxlade-Chamberlain, Alex". National Football Teams. สืบค้นเมื่อ 30 August 2017.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 5–0 San Marino
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSan Marino 0–8 England
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBrazil 2–2 England
- ↑ McNulty, Phil (18 November 2014). "Scotland 1–3 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 4 March 2016.
- ↑ McNulty, Phil (12 October 2015). "Lithuania 0–3 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 4 March 2016.
- ↑ McNulty, Phil (10 June 2017). "Scotland 2–2 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 11 June 2017.
- ↑ McNulty, Phil (14 November 2019). "England 7–0 Montenegro". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 November 2019.
- ↑ McNulty, Phil (27 February 2022). "Chelsea 0–0 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
- ↑ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลประจำเดือน ต.ค.
- ↑ อ็อกซ์คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนตุลาคมของหงส์แดง
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

- Alex Oxlade-Chamberlain profile at the Liverpool F.C. website
- Alex Oxlade-Chamberlain profile เก็บถาวร 2014-10-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at the Football Association website
- สถิติของ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน ที่ Soccerbase
- บทความที่มีลิงก์เสียตั้งแต่August 2021
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2536
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
- ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตัน
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
- บุคคลจากพอร์ตสมัท
- ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012
- กองกลางฟุตบอล
- ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2014
- ปีกฟุตบอล
- ผู้เล่นในชุดชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก