ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สภาคริสตจักรในประเทศไทย"
ป้ายระบุ: ทำกลับ ถูกย้อนกลับแล้ว |
ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 15: | ||
มีการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยมาก่อนการก่อตั้งสภาคริสตจักรอยู่แล้ว โดยคณะ[[มิชชันนารี]]เริ่มเข้ามาเผยแพร่ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เหล่า[[ศาสนาจารย์]]จาก[[คณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน]]เริ่มเข้ามาเผยแพร่ศาสนาอย่างเป็นกิจลักษณะ ขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ รวมถึงขยายไปยังประเทศลาวด้วย |
มีการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยมาก่อนการก่อตั้งสภาคริสตจักรอยู่แล้ว โดยคณะ[[มิชชันนารี]]เริ่มเข้ามาเผยแพร่ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เหล่า[[ศาสนาจารย์]]จาก[[คณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน]]เริ่มเข้ามาเผยแพร่ศาสนาอย่างเป็นกิจลักษณะ ขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ รวมถึงขยายไปยังประเทศลาวด้วย |
||
ในปี ค.ศ. 1928 ซึ่งครบรอบวาระ 100 ปีโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยมีการเสนอให้จัดตั้งสภาคริสตจักรแห่งชาติขึ้น และในปี ค.ศ. 1930 ได้มีการจัดตั้ง “สยามคริสตสภา” ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ยังอยู่ภายใต้การ |
ในปี ค.ศ. 1928 ซึ่งครบรอบวาระ 100 ปีโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยมีการเสนอให้จัดตั้งสภาคริสตจักรแห่งชาติขึ้น และในปี ค.ศ. 1930 ได้มีการจัดตั้ง “สยามคริสตสภา” ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ยังอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของมิชชันนารีชาวต่างประเทศ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อประเทศจึงเปลี่ยนเป็น “สภาคริสตจักรในประเทศไทย” และในปี ค.ศ. 1957 มิชชันนารีคณะเพรสไบทีเรียนสลายตัว จึงได้มอบความรับผิดชอบในการเผยแพร่ศาสนาให้แก่สภาคริสตจักรไทยโดยตรง |
||
== หลักข้อเชื่อ == |
== หลักข้อเชื่อ == |
||
บรรทัด 24: | บรรทัด 24: | ||
# เพื่อรวบรวมชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ทั้งหลายในประเทศไทยเข้าด้วยกัน |
# เพื่อรวบรวมชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ทั้งหลายในประเทศไทยเข้าด้วยกัน |
||
# เพื่อให้มีความสัมพันธ์ในการเผยแพร่พระกิตติคุณ และรับใช้พระเจ้าและชุมชนตามนํ้าพระทัยของพระเจ้า ด้วยวิธีการเลี้ยงตนเอง ปกครองตนเอง และสร้างเสริมกิจกรรมทั้งปวงให้เจริญเติบโตมั่นคงยิ่งขึ้น |
# เพื่อให้มีความสัมพันธ์ในการเผยแพร่พระกิตติคุณ และรับใช้พระเจ้าและชุมชนตามนํ้าพระทัยของพระเจ้า ด้วยวิธีการเลี้ยงตนเอง ปกครองตนเอง และสร้างเสริมกิจกรรมทั้งปวงให้เจริญเติบโตมั่นคงยิ่งขึ้น |
||
# เพื่อ |
# เพื่อกระทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ |
||
== การทำงานเพื่อสังคม == |
== การทำงานเพื่อสังคม == |
||
บรรทัด 52: | บรรทัด 52: | ||
* โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา |
* โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา |
||
* โรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ |
* โรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ |
||
* โรงเรียน |
* โรงเรียนบำรุงวิทยา |
||
* [[โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย]] |
* [[โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย]] |
||
* โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยเวียงป่าเป้า |
* โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยเวียงป่าเป้า |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:14, 15 กุมภาพันธ์ 2564
ชื่อย่อ | CCT |
---|---|
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) |
ประเภท | องค์การทางศาสนาคริสต์ |
สํานักงานใหญ่ | 328 ถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 |
ประธาน | ศจ. ดร.ทวีศักดิ์ มหชวโรจน์ |
เว็บไซต์ | The Church of Christ in Thailand |
สภาคริสตจักรในประเทศไทย (อังกฤษ: The Church of Christ in Thailand) เป็นองค์การทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทย ปัจจุบันแบ่งการปกครองออกเป็น 20 จุด
ประวัติ
มีการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยมาก่อนการก่อตั้งสภาคริสตจักรอยู่แล้ว โดยคณะมิชชันนารีเริ่มเข้ามาเผยแพร่ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เหล่าศาสนาจารย์จากคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียนเริ่มเข้ามาเผยแพร่ศาสนาอย่างเป็นกิจลักษณะ ขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ รวมถึงขยายไปยังประเทศลาวด้วย
ในปี ค.ศ. 1928 ซึ่งครบรอบวาระ 100 ปีโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยมีการเสนอให้จัดตั้งสภาคริสตจักรแห่งชาติขึ้น และในปี ค.ศ. 1930 ได้มีการจัดตั้ง “สยามคริสตสภา” ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ยังอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของมิชชันนารีชาวต่างประเทศ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อประเทศจึงเปลี่ยนเป็น “สภาคริสตจักรในประเทศไทย” และในปี ค.ศ. 1957 มิชชันนารีคณะเพรสไบทีเรียนสลายตัว จึงได้มอบความรับผิดชอบในการเผยแพร่ศาสนาให้แก่สภาคริสตจักรไทยโดยตรง
หลักข้อเชื่อ
สภาคริสตจักรในประเทศไทยยึดถือหลักข้อเชื่อจาก 3 แหล่ง คือคัมภีร์ไบเบิล หลักข้อเชื่อของอัครทูต และหลักข้อเชื่อไนซีน[1]
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ขององค์การมีอยู่สามประการด้วยกันคือ
- เพื่อรวบรวมชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ทั้งหลายในประเทศไทยเข้าด้วยกัน
- เพื่อให้มีความสัมพันธ์ในการเผยแพร่พระกิตติคุณ และรับใช้พระเจ้าและชุมชนตามนํ้าพระทัยของพระเจ้า ด้วยวิธีการเลี้ยงตนเอง ปกครองตนเอง และสร้างเสริมกิจกรรมทั้งปวงให้เจริญเติบโตมั่นคงยิ่งขึ้น
- เพื่อกระทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ
การทำงานเพื่อสังคม
สภาคริสตจักรได้ก่อตั้งโรงพยาบาลและสถานศึกษาต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน มหาวิทยาลัยคริสเตียน มหาวิทยาลัยพายัพ ตลอดจนบรรเทาสาธารณภัย ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในเขตสลัม [2]
สถาบันการศึกษา
สถาบันอุดมศึกษา
มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย มีมหาวิทยาลัยในเครือ 2 แห่ง คือ
โรงเรียน
มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย มีโรงเรียนในเครือ 27 แห่ง คือ
|
|
วิทยาลัยพระคริสตธรรม
มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย มีวิทยาลัยพระคริสตธรรมในเครือ 7 แห่ง คือ
|
|
สถาบันการแพทย์
มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย มีสถาบันการแพทย์ในเครือ 8 แห่ง คือ
|
|