ข้ามไปเนื้อหา

สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ศรีคุรุสิงห์สภา (ประเทศไทย)
คุรุทวาราของสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา ที่กรุงเทพมหานคร (ซ้าย) และจังหวัดเชียงใหม่ (ขวา)
ศาสนา
ศาสนาซิกข์
ที่ตั้ง
ที่ตั้งศูนย์กลางดำเนินงาน
517 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
สถาปัตยกรรม
รูปแบบสถาปัตยกรรมซิกข์
เริ่มก่อตั้งพ.ศ. 2475
เว็บไซต์
หน้าทางการของ ศรีคุรุสิงห์สภา บน เฟสบุค

สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา เป็นสมาคมชาวซิกข์ที่กำกับดูแลการดำเนินงานของ ศรีคุรุสิงห์สภา อันเป็นหน่วยงานที่ดูแลการดำเนินกิจกรรมของชาวซิกข์นอกประเทศอินเดียและเป็นที่ตั้งของคุรุทวาราสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซิกข์ ซึ่งมีสาขาทั่วโลก เช่น ศรีคุรุสิงห์สภา แคนาดา และ สหราชอาณาจักร สำหรับศรีคุรุสิงห์สภาในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2475 ปัจจุบันมีคุรุทวาราของศรีคุรุสิงห์สภาในประเทศอยู่ประมาณ 20 แห่งในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดปัตตานี

สำหรับศูนย์กลางดำเนินงานของสมาคมศรีคุรุสิงห์สภาในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา กรุงเทพมหานคร บนถนนจักรเพชร เขตพระนคร เดิมทีตัวอาคารมีความสูงสามชั้นประกอบด้วยที่ทำการของสมาคมและคุรุทวารา ซึ่งถือเป็นศาสนสถานถาวรของซิกข์แห่งแรกในประเทศไทย

หลังก่อสร้างเสร็จ ประเทศไทยได้อยู่ในระหว่างช่วงสงครามมหาเอเซียบูรพา ซึ่งศรีคุรุสิงห์สภานั้นตั้งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้าวัดเลียบอันเป็นเป้าหมายในการทิ้งระเบิดทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรถูกลูกระเบิดขนาด 1,000 ปอนด์ตกลงมาทะลุกลางอาคารจำนวน 2 ลูก แต่ตัวระเบิดไม่ทำงานจึงไม่เกิดการระเบิดขึ้น ชาวซิกข์เชื่อกันว่าเป็นด้วยบารมีของคุรุ ครันธ์ สาหิบ ที่ประดิษฐานในอาคารและท่ามกลางการสวดภาวนาของชาวซิกข์ที่เข้ามาหลบระเบิด หลังสงครามสงบ อาคารคุรุทวาราได้มีรอยร้าวจากแรงสั่นสะเทือนของการทิ้งระเบิดในบริเวณเพิ่ม ความเสียหายรุนแรงเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ประกอบกับสถานที่คับแคบขึ้นเพราะศาสนิกชนที่เพิ่มจำนวนขึ้น[1] ในปี พ.ศ. 2522 สมาคมฯ จึงได้สร้างอาคารของคุรุทวาราขึ้นใหม่ในเวลา 2 ปี[2] มีความสูง 5 ชั้น ประกอบด้วยอาคารสองส่วน คือส่วนอาคารที่ทำการและส่วนอาคารของคุรุทวารา ซึ่งเป็นอาคารที่มียอดโดมสีทองคำสถาปัตยกรรมซิกข์ตั้งอยู่ นอกจากนี้ภายในยังประกอบด้วย โรงครัวพระศาสดาที่ประกอบอาหารแจกจ่าย, คลินิกรักษาผู้ยากไร้, ร้านค้าศาสนวัตถุและอุปกรณ์ประกอบพิธีกรรม รวมถึงผ้าโพกหัว และเป็นที่ตั้งสำนักงานของสมาคมฯ

อ้างอิง

[แก้]