สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา
ศรีคุรุสิงห์สภา (ประเทศไทย) | |
---|---|
คุรุทวาราของสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา ที่กรุงเทพมหานคร (ซ้าย) และจังหวัดเชียงใหม่ (ขวา) | |
ศาสนา | |
ศาสนา | ซิกข์ |
ที่ตั้ง | |
ที่ตั้ง | ศูนย์กลางดำเนินงาน 517 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบ | สถาปัตยกรรมซิกข์ |
เริ่มก่อตั้ง | พ.ศ. 2475 |
เว็บไซต์ | |
หน้าทางการของ ศรีคุรุสิงห์สภา บน เฟสบุค |
สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา เป็นสมาคมชาวซิกข์ที่กำกับดูแลการดำเนินงานของ ศรีคุรุสิงห์สภา อันเป็นหน่วยงานที่ดูแลการดำเนินกิจกรรมของชาวซิกข์นอกประเทศอินเดียและเป็นที่ตั้งของคุรุทวาราสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซิกข์ ซึ่งมีสาขาทั่วโลก เช่น ศรีคุรุสิงห์สภา แคนาดา และ สหราชอาณาจักร สำหรับศรีคุรุสิงห์สภาในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2475 ปัจจุบันมีคุรุทวาราของศรีคุรุสิงห์สภาในประเทศอยู่ประมาณ 20 แห่งในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดปัตตานี
สำหรับศูนย์กลางดำเนินงานของสมาคมศรีคุรุสิงห์สภาในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา กรุงเทพมหานคร บนถนนจักรเพชร เขตพระนคร เดิมทีตัวอาคารมีความสูงสามชั้นประกอบด้วยที่ทำการของสมาคมและคุรุทวารา ซึ่งถือเป็นศาสนสถานถาวรของซิกข์แห่งแรกในประเทศไทย
หลังก่อสร้างเสร็จ ประเทศไทยได้อยู่ในระหว่างช่วงสงครามมหาเอเซียบูรพา ซึ่งศรีคุรุสิงห์สภานั้นตั้งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้าวัดเลียบอันเป็นเป้าหมายในการทิ้งระเบิดทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรถูกลูกระเบิดขนาด 1,000 ปอนด์ตกลงมาทะลุกลางอาคารจำนวน 2 ลูก แต่ตัวระเบิดไม่ทำงานจึงไม่เกิดการระเบิดขึ้น ชาวซิกข์เชื่อกันว่าเป็นด้วยบารมีของคุรุ ครันธ์ สาหิบ ที่ประดิษฐานในอาคารและท่ามกลางการสวดภาวนาของชาวซิกข์ที่เข้ามาหลบระเบิด หลังสงครามสงบ อาคารคุรุทวาราได้มีรอยร้าวจากแรงสั่นสะเทือนของการทิ้งระเบิดในบริเวณเพิ่ม ความเสียหายรุนแรงเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ประกอบกับสถานที่คับแคบขึ้นเพราะศาสนิกชนที่เพิ่มจำนวนขึ้น[1] ในปี พ.ศ. 2522 สมาคมฯ จึงได้สร้างอาคารของคุรุทวาราขึ้นใหม่ในเวลา 2 ปี[2] มีความสูง 5 ชั้น ประกอบด้วยอาคารสองส่วน คือส่วนอาคารที่ทำการและส่วนอาคารของคุรุทวารา ซึ่งเป็นอาคารที่มียอดโดมสีทองคำสถาปัตยกรรมซิกข์ตั้งอยู่ นอกจากนี้ภายในยังประกอบด้วย โรงครัวพระศาสดาที่ประกอบอาหารแจกจ่าย, คลินิกรักษาผู้ยากไร้, ร้านค้าศาสนวัตถุและอุปกรณ์ประกอบพิธีกรรม รวมถึงผ้าโพกหัว และเป็นที่ตั้งสำนักงานของสมาคมฯ