ข้ามไปเนื้อหา

กรมการศาสนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กรมการศาสนา
Department of Religious Affairs
เครื่องหมายราชการ
ภาพรวมกรม
ก่อตั้ง20 สิงหาคม พ.ศ. 2484; 84 ปีก่อน (2484-08-20)
กรมก่อนหน้า
  • กรมธรรมการ
ประเภทส่วนราชการ
เขตอำนาจทั่วราชอาณาจักร
สำนักงานใหญ่เลขที่ 10 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฎ์ ชั้น 2 ถนนเทียมร่วมมิตร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
บุคลากร112 คน (พ.ศ. 2566)[1]
งบประมาณต่อปี
  • 397,495,400 บาท
  • (ปีงบประมาณ 2569)[a]
ฝ่ายบริหารกรม
  • ชัยพล สุขเอี่ยม, อธิบดี
  • ธีทัต พิมพา, รองอธิบดี
ต้นสังกัดกรมกระทรวงวัฒนธรรม
เว็บไซต์เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

กรมการศาสนา (อังกฤษ: Department of Religious Affairs) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีหน้าที่การดำเนินงานของรัฐด้านศาสนา โดยการทำนุบำรุงส่งเสริมและให้ความอุปถัมภ์คุ้มครองกิจการศาสนาพุทธที่ทางราชการรับรอง ตลอดจนส่งเสริมพัฒนาความรู้คู่คุณธรรม ส่งเสริมความเข้าใจอันดีของพระภิกษุและสามเณรทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้คนไทยนำหลักธรรมของศาสนามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นคนดีมีคุณธรรม

ประวัติ

[แก้]

ในปี พ.ศ. 2432 รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกรมที่เกี่ยวกับการศาสนา และการศึกษามาอยู่กรมเดียวกัน มีชื่อว่า "กรมธรรมการ" และได้รับการสถาปนาเป็น "กระทรวงธรรมการ" ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435

ในปี พ.ศ. 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า "ราชการของกระทรวงธรรมการและกรมศึกษาธิการนั้นต่างชนิดกันทีเดียว ยากที่จะเจ้ากระทรวงผู้สามารถบัญชาการได้ดีทั้ง 2 กรม คงได้ทางหนึ่งเสียทางหนึ่ง" มีพระบรมราชประสงค์จะให้ราชการเป็นไปสะดวก ทั้งจะให้สมแก่ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภกโดยตรง จึงมีพระบรมราชโองการให้ย้ายกรมธรรมการ มารวมอยู่ในพระราชสำนักตามประเพณีเดิม ส่วนกระทรวงธรรมการให้เรียก "กระทรวงศึกษาธิการ" มีหน้าที่จัดการศึกษา ในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า "การศึกษาไม่ควรจะแยกจากวัด" และได้เปลี่ยนชื่อกระทรวงศึกษาธิการ เป็น กระทรวงธรรมการ โดยได้งานด้านพระศาสนามาไว้ในกระทรวงธรรมการ

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2484 มีผลให้เปลี่ยนชื่อ กระทรวงธรรมการ เป็นกระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนชื่อ กรมธรรมการเป็น "กรมสาสนา"[2]

ในปี พ.ศ. 2495 มีการจัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรม และโอนกิจการของกรมการศาสนาเข้าไปสังกัด[3] ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 จึงได้โอนกลับมาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตามเดิม[4] ส่วนงานวัฒนธรรมมีฐานะเป็นกอง สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หลังจากการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2515 กองวัฒนธรรม จึงโอนมาสังกัดกรมการศาสนา และในช่วงนี้ ซึ่งสถานการณ์โลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็น กรมการศาสนาภายใต้การเป็นอธิบดีของพันเอกปิ่น มุทุกันต์ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์[5]

ในปี พ.ศ. 2522 ได้มีการจัดตั้ง "สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ" สังกัดกระทรวงศึกษาธิการขึ้น กระทั่งการปฏิรูประบบราชการในปี พ.ศ. 2545 จึงมีการโอนกรมการศาสนา ไปสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม[6] และมีการจัดตั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีอีกหน่วยงานหนึ่ง

หน่วยงานภายใน

[แก้]

กรมการศาสนา มีหน่วยงานภายใน 4 หน่วยงาน[7] ได้แก่

  • สำนักงานเลขานุการกรม
  • กองศาสนูปถัมภ์
  • สำนักพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม
  • สำนักงานขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ

รางวัล/โครงการ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. กรมการศาสนา, รายงานประจำปี 2566 กรมการศาสนา เก็บถาวร 2024-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2567
  2. "พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พุทธศักราช 2484" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-05-04. สืบค้นเมื่อ 2010-09-03.
  3. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2495
  4. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2501
  5. วิราวรรณ นฤปิติ, “พันเอกปิ่น มุทุกันต์ จากลูกอีสานสู่อนุศาสนาจารย์ นักรบผู้ปกป้องศาสนาพุทธในยุคสงครามเย็น,” ใน กิตติพงษ์ ประพันธ์ (บก.), บทความสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ 13 “ภูมิภาคนิยม และท้องถิ่นนิยมสมัยใหม่ในโลกไร้พรมแดน” ([มปท.]: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2562), น. 252-265.
  6. "พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-12. สืบค้นเมื่อ 2010-07-08.
  7. กรมการศาสนา มีหน่วยงานภายใน 4 หน่วยงาน
  1. เป็นงบประมาณทั้งหมดของกรมการศาสนา ตั้งแต่หมวด 3 หมวด 5 และหมวด 6 รายละเอียดดูที่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569

ดูเพิ่ม

[แก้]

หนังสือและบทความ

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]