ข้ามไปเนื้อหา

จักรพรรดินโปเลียนที่ 3

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Napoleon III)
จักรพรรดินโปเลียนที่ 3
จักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส
ครองราชย์2 ธันวาคม ค.ศ. 1852 –
4 กันยายน ค.ศ. 1870
ก่อนหน้าสถาปนาจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง
พระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 ในฐานะพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศส
ถัดไปจักรวรรดิล่มสลาย
หลุยส์-ฌูล ทรอชูว์ ประธานาธิบดีในรัฐบาลผู้รักษานครฝ่ายทหาร
หัวหน้ารัฐบาลเอมีล ออลีวีเย
ชาร์ล กูแซ็ง-มงโตบ็อง
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
ระหว่าง20 ธันวาคม ค.ศ. 1848 –
2 ธันวาคม ค.ศ. 1852
ก่อนหน้าตั้งสาธารณรัฐ
หลุยส์-เออแฌน กาแวญัก หัวหน้าฝ่ายบริหาร
ถัดไปยุบสาธารณรัฐ
นายกรัฐมนตรีออดีลง บาโร
อาลฟงส์ อ็องรี โดปูล
เลอง โฟเช
รองประธานาธิบดีอ็องรี ฌอร์ฌ บัวเลย์ เดอ ลา มอร์เธ
พระราชสมภพ20 เมษายน ค.ศ. 1808(1808-04-20)
ปารีส ฝรั่งเศส
สวรรคต9 มกราคม ค.ศ. 1873(1873-01-09) (64 ปี)
ชิสเซิลเฮิสต์ เคนต์ อังกฤษ
ฝังพระศพเซนต์ไมเคิลแอบบีย์ ฟาร์นบะระ แฮมป์เชอร์ อังกฤษ
คู่อภิเษกเออเฌนี เดอ มอนตีโฆ
พระราชบุตรเจ้าชายนโปเลียน พระราชกุมาร
พระนามเต็ม
ชาล-ลุย นาโปเลยง โบนาปัทร์
ราชวงศ์โบนาปาร์ต
พระราชบิดาหลุยส์ โบนาปาร์ต
พระราชมารดาออร์ต็องส์ เดอ โบอาร์แน
ศาสนาโรมันคาทอลิก
ลายพระอภิไธย

หลุยส์-นโปเลียน โบนาปาร์ต (ฝรั่งเศส: Louis-Napoléon Bonaparte ลูย-นาปอเลอง บอนาปาร์ต) ชื่อเกิดว่า ชาร์ล-หลุยส์ นโปเลียน โบนาปาร์ต (ฝรั่งเศส: Charles-Louis Napoleon Bonaparte) เป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สอง เป็นบุคคลแรกที่ประชาชนเลือกตั้งโดยตรงให้ดำรงตำแหน่งนี้ อยู่ในตำแหน่งระหว่าง ค.ศ. 1848–52 แต่รัฐธรรมนูญมิให้ดำรงตำแหน่งซ้ำ จึงยึดอำนาจรัฐบาลตนเองแล้วขึ้นเป็นจักรพรรดินามว่า นโปเลียนที่ 3 (ฝรั่งเศส: Napoleon III) แห่งจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง อยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิช่วง ค.ศ. 1852–70

ทรงเป็นพระราชนัดดาในจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1852 วันครบรอบ 48 ปีการราชาภิเษกของนโปเลียนที่ 1 ทั้งนี้ นโปเลียนที่ 3 อยู่ในตำแหน่งประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศสยาวนานที่สุดนับแต่ปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นต้นมา

ในช่วงแรกแห่งการเถลิงราชย์ รัฐบาลนโปเลียนสั่งให้มีการตรวจพิจารณาและใช้มาตราการแข็งกร้าวต่อเหล่าผู้ต่อต้าน ในระยะเวลานับแต่เขาขึ้นครองราชย์จนถึง ค.ศ. 1859 มีผู้ถูกจับกุมคุมขังหรือเนรเทศไปยังทัณฑนิคมกว่า 600 คน ทั้งมีผู้ยอมเนรเทศตัวเองออกนอกประเทศฝรั่งเศสอีกหลายพันคน ในจำนวนนี้รวมถึงวิกตอร์ อูโก (Victor Hugo) นักประพันธ์ผู้เลื่องชื่อ[1] อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ ค.ศ. 1862 สืบมา นโปเลียนผ่อนคลายความเข้มงวดในการตรวจพิจารณาลง และเปิดเสรีมากขึ้นจนทำให้ดินแดนฝรั่งเศสได้ชื่อว่า "จักรวรรดิเสรี" (Liberal Empire) ผู้ต่อต้านเขาหลายคนจึงเดินทางกลับเข้าประเทศ และร่วมเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (National Assembly)[2]

ทุกวันนี้ นโปเลียนที่ 3 เป็นที่รู้จักเพราะจัดการบูรณะกรุงปารีสขนานใหญ่ ซึ่งมีบารอนโอสมาน (Baron Haussmann) เป็นแม่กอง นโปเลียนที่ 3 ยังดำเนินโครงการโยธาหลวงในหลายเมือง เช่น มาร์แซย์, ลียง เป็นต้น[3]

อนึ่ง นโปเลียนที่ 3 ยังปรับปรุงระบบธนาคารในประเทศให้ทันสมัย ขยายระบบรถไฟ ทำให้กองเรือพาณิชย์ของประเทศมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในโลก อุปถัมภ์การขุดคลองสุเอซ จัดตั้งระบบกสิกรรมสมัยใหม่ซึ่งทำให้ทุพภิกขภัยในประเทศสิ้นสุดลงและทำให้เกิดการส่งสินค้าเกษตรออกจำหน่ายภายนอกประเทศ ตลอดจนเจรจาสนธิสัญญา ค.ศ. 1860 เพื่อให้เกิดการค้าเสรีกับอังกฤษ ตามมาด้วยการทำความตกลงทำนองเดียวกันกับชาติยุโรปอื่น ๆ[4] นโปเลียนยังให้ปฏิรูปสังคม เช่น ให้กรรมกรชาวฝรั่งเศสมีสิทธิหยุดงานประท้วงหรือชุมนุม เปิดโอกาสให้สตรีเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้นอย่างยิ่ง รวมถึงเพิ่มวิชาที่โรงเรียนรัฐทุกแห่งต้องเปิดสอน[5]

ด้านนโยบายต่างประเทศ นโปเลียนที่ 3 หมายใจจะให้ฝรั่งเศสมีอิทธิพลครอบงำยุโรปและสากลโลกอีกครั้ง เขาหนุนแนวคิดชาตินิยมและอำนาจอธิปไตยของปวงชน[6] เขาเข้าเป็นพันธมิตรกับบริเตนในสงครามไครเมียช่วง ค.ศ. 1853–56 ซึ่งรัสเซียพ่ายแพ้ ขณะเดียวกันเขาส่งกองทัพไปช่วยกลุ่มรัฐสันตะปาปามิให้ถูกอิตาลีผนวกดินแดน นโปเลียนที่ 3 ยังแผ่อำนาจนอกประเทศไปยังเอเชีย แปซิฟิกและแอฟริกา ทั้งส่งทหารเข้าแทรกแซงการเมืองเม็กซิโก หวังจะสถาปนาจักรวรรดิเม็กซิโกที่สองขึ้นเป็นดินแดนในอารักขาฝรั่งเศส แต่ไม่ประสบผล

พอเข้า ค.ศ. 1866 นโปเลียนที่ 3 ต้องประเชิญมหาอำนาจที่กำลังขยายตัวอย่างปรัสเซีย เพราะอ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค นายกรัฐมนตรีปรัสเซีย หมายจะหลอมรวมแผ่นดินเยอรมันเข้าเป็นหนึ่งภายใต้ร่มบารมีปรัสเซีย ครั้นเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 1870 นโปเลียนจึงต้องเข้าสู่สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียโดยไม่มีใครล่มหัวจมท้ายด้วย ทั้งมีกำลังรบด้อยกว่าปรัสเซีย ผลลัพธ์จึงเป็นความปราชัยของทหารฝรั่งเศส ตัวนโปเลียนถูกจับเป็นเชลยในยุทธการเซอด็อง (Sedan) นำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง และจัดตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สามขึ้นในกรุงปารีส ก่อนที่นโปเลียนที่ 3 จะลี้ภัยไปอังกฤษ และอยู่ที่นั่นจนสิ้นชีวิตใน ค.ศ. 1873

พระราชประวัติ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Milza, 2006, p. 317
  2. Milza, 2006, p. 559
  3. Girard, 1986, p. 338-352
  4. Milza, 2006, pp. 464-483
  5. Milza, 2006, pp. 595-598
  6. John B. Wolf. France, 1814–1919 (1963). p. 253

บรรณานุกรม

[แก้]
  • Girard, Louis (1986), Napoléon III, Paris: Fayard, ISBN 2-01-27-9098-4
  • Milza, Pierre (2006), Napoléon III, Paris: Tempus, ISBN 978-2-262-02607-3

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]