ฟุตบอลลีกคัพ 2014 นัดชิงชนะเลิศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฟุตบอลลีกคัพ 2014 นัดชิงชนะเลิศ
รายการฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2013–14
วันที่2 มีนาคม ค.ศ. 2014
สนามสนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด
ซามีร์ นัสรี (แมนเชสเตอร์ซิตี)[1]
ผู้ตัดสินมาร์ติน แอตกินสัน
ผู้ชม84,697 คน
สภาพอากาศฝนตกเล็กน้อย
8 องศาเซลเซียส (46 องศาฟาเรนไฮต์)
2013
2015

ฟุตบอลลีกคัพ 2014 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการแข่งขันฟุตบอลหนึ่งนัดที่ถูกวางโปรแกรมการแข่งขันขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2014 ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน. ครั้งนี้เป็นนัดชิงชนะเลิศของ ฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2013–14, เป็นฤดูกาลที่ 54 ของ ฟุตบอลลีกคัพ, การแข่งขันฟุตบอลสำหรับ 92 ทีมใน พรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอล ลีก.

เป็นการลงสนามพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี และ ซันเดอร์แลนด์. แมนเชสเตอร์ซิตี ลงสนามในนัดชิงชนะเลิศลีกคัพเป็นครั้งที่สี่ของพวกเขา, และสร้างสถิติในการมาเยือนเวมบลีย์เป็นครั้งที่หกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011.[2][3] ซันเดอร์แลนด์ลงสนามในนัดชิงชนะเลิศลีกคัพเป็นครั้งที่สองของพวกเขา, การเยือนเวมบลีย์ครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 ที่พวกเขาพ่ายแพ้ต่อ ชาร์ลตัน แอธเลติก ในดิวิชันหนึ่งเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศ.

โดยการชนะในนัดชิงชนะเลิศ, แมนเชสเตอร์ซิตี ได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบคัดเลือกรอบสามของ ยูโรปาลีก ฤดูกาล 2014–15, แต่พวกเขาได้สิทธิ์ของพวกเขาสำหรับหนทางสู่แชมเปียนส์ลีกโดยมีผลต่ออันดับใน ลีก โดยตรง. ดังนั้น, ตำแหน่งยูโรปาลีกถูกกำหนดให้ ทอตนัม ฮอตสเปอร์, ทีมที่เสร็จสิ้นอันดับที่หกในพรีเมียร์ลีก.[4][5]

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ[แก้]

แมนเชสเตอร์ซิตี[แก้]

รอบ คู่แข่งขัน ผล รายงาน
3 วีแกน แอธเลติก (h) 5–0 รายงาน
4 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (a) 0–2 (หลังต่อเวลาพิเศษ) รายงาน
5 เลสเตอร์ซิตี (a) 1–3 รายงาน
รอบรองชนะเลิศ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (h) 6–0 รายงาน
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (a) 0–3 รายงาน

แมนเชสเตอร์ซิตี เริ่มต้นเส้นทางลีกคัพของพวกเขาในรอบที่สามเนื่องจากการมีส่วนร่วมของพวกเขาใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก. ในรอบนั้น, พวกเขาถูกจับสลากพบกับทีมจาก ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป และแชมป์เก่า เอฟเอคัพ, วีแกน แอธเลติก, ผู้ที่ชนะพวกเขาในสกอร์ 1–0 ในฤดูกาลที่ผ่านมาของ เอฟเอคัพ นัดชิงชนะเลิศ. เวลานี้, แมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ 5–0 ที่สนามของพวกเขา สนามกีฬาซิตีออฟแมนเชสเตอร์, ในนัดที่ลงเล่นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2013. ประตูของ เอดิน เจโก, และได้ประตูหนีห่างโดยกองหลังจาก เฟร์นันจิญญู, ทำให้ซิตีขึ้นนำไปจนกระทั่งหมดครึ่งเวลาแรก. ครั้งแรกของ สเตวาน ยอเวทิช ทำให้เพิ่มประตูจากการยิงซ้ำเข้าประตูในนาทีที่ 60, หลังจากที่ วีแกน ล้มละลาย, กับ เคซุส นาบัส ด้วยที่ทำประตูแรกของเขาสำหรับสโมสร, ตามด้วย ยาย่า ตูเร และประตูที่สองสำหรับยอเวทิชที่สำเร็จในการจบสกอร์.[6]

ในรอบที่สี่, แมนเชสเตอร์ซิตี ได้ถูกจับสลากออกไปเยือนทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกันอย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2013. กับสกอร์จบลงที่ด้วยประตู 0–0 หลังจบ 90 นาที, ทำให้ต้องไปต่อเวลาพิเศษ, ซึ่งซิตีจัดการเบิกสกอร์สองประตู – ประตูแรกจากการเข้าแท็ป-อิน ของ อัลบาโร เนเกรโด, ก่อนที่ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ลงเล่นแทนเจโกเข้ามาในพื้นที่เป็นผู้ทำประตูที่สองให้กับซิตี.[7]

ในรอบที่ห้าจะได้เห็นแมนเชสเตอร์ซิตี ถูกจับสลากออกไปเยือน ทีมจากแชมเปียนชิป เลสเตอร์ซิตี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2013. โดยที่ซิตีออกมาจากการตามหลังฟอร์มของทีมเยือนไปก่อน, พวกเขาพยายามที่จะควบคุมเกมตั้งแต่หัววันและเป็นการทำให้ขึ้นนำของทีมจากฟรีคิกของ อาเลกซานดาร์ คอลารอฟ ในนาทีที่แปด. สองประตูจากเจโกที่มอบให้ซิตีทำให้ทีมพลิกกลับขึ้นมานำในหนึ่งชั่วโมงของเกม, แม้ว่าหนึ่งประตูของ ลอยด์ ดายเออร์ จะเรียกคืนบางความภูมิใจสำหรับทีมเหย้า.[8]

ในรอบรองชนะเลิศสองนัด, แมนเชสเตอร์ซิตี ได้ถูกจับสลากพบกับทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกันอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แม้ว่าโปรแกรมการแข่งขันที่ทั้งสองทีมจะต้องมาพบกันอีกครั้งในรูปแบบตรงข้ามกลับกัน. ขณะที่ซิตีได้กลายเป็นหน่วยการทำประตูที่อิสระ, ไม่สามารถแพ้ในเกมเยือนในหกสัปดาห์, เวสต์แฮมเข้าสู่เกมนัดแรกหลังจากพบกับความอัปยศอดสูพ่ายแพ้ถึง 5–0 ใน เอฟเอคัพ พบกับทีมจากแชมเปียนชิป นอตทิงแฮม ฟอเรสต์,[9] ในโซนตกชั้นของ พรีเมียร์ลีก, และกองหน้าของพวกเขาต่างดิ้นรนเพื่อการทำประตู. ซิตี, ในทางกลับกัน, จะได้รับการกลับมาซึ่งอยู่ในอันดับที่สองในลีก, ยังคงอยู่ในการแข่งขันทั้งหมดและปิดการตั้งค่าการบันทึกสถิติสำหรับตัวเลขนัดที่น้อยที่สุดอยู่ที่ 100 ประตูในการแข่งขันทุกรายการในระดับสูงสุดของประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ, และเป็นเครื่องหมายที่จะระบุได้ว่าบรรลุผลการแข่งขันระหว่างสองนัด.[10]

การก้าวเข้าสู้นัดแรกตั้งแต่หัววัน, โดยที่ตูเรเป็นผู้ยิงบอลจากการทำเข้าประตูครึ่งทางจากทางทั้งหมดต่อเนเกรโดในพื้นที่ลูกโทษของสโมสรในกรุงลอนดอน; the Spanish กองหน้าชาวสเปนเป็นผู้ทำประตูจากการสัมผัสบอลเพียงครั้งเดียว, ทำให้ซิตีขึ้นนำในนาทีที่ 12. เนเกรโดค้นหาประตูที่สองของเขาหลังจากลงเล่นอย่างขาวสะอาด หนึ่ง-สองกับเจโกผ่านกองหลังของทีมเวสต์แฮม, ในขณะที่ตูเรเลี้ยงบอลจากระยะทางกว่าครึ่งสนามเพื่อที่จะเก็บสถิตินัดแรกของเขาและสามประตูของซิตีทำให้มาถึงครึ่งทาง. เนเกรโดทำแฮต-ทริกสำเร็จในการเริ่มต้นครึ่งเวลาหลังหลังจากซีรีส์การผ่านบอลในพื่นที่ของเวสต์แฮม, ในขณะที่เจโกเสร็จสิ้นการทำสองประตูในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย, โอกาสการยิงทั้งสองที่มีอานุภาพสูงจนเป็นผลมาจากการโยนครอสจากริมเส้น.[11] ผลพวงมาจากผลการแข่งขัน, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ทำการลดราคาตั๋วเด็กต่อเกมนัดที่สองที่สนาม โบลีนกราวนด์.[12]

แมนเชสเตอร์ซิตี รักษาพื้นที่ของพวกเขาในเกมนัดชิงชนะเลิศด้วยชัยชนะ 3–0 ในเกมนัดที่สองที่สนามอัปตัน พาร์ก เมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. การเสาะหาที่จะสู้ลืมตายของเกม, ซิตีนำผลที่ได้ออกจากคำถามกับประตูจากนาทีที่สามโดย เนเกรโด, ก่อนที่ เซร์คีโอ อะกูเอโร, จะหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บในการลงสนามคัร้งแรกของเขานับตั้งแต่เดือนธันวาคม, ทำประตูในนาทีที่ 24 ส่งให้พวกเขาเพิ่มสกอร์รวมสองนัดอยู่ที่ 8–0. เกมนี้ได้ถูกปิดผนึกอย่างสนิทในนาทีที่ 59 โดยเนเกรโดเป็นผู้ผ่านทะลุทะลวงแนวรับของเวสต์แฮมก่อนที่จะตักบอลผ่านผู้รักษาประตูแม้จะเป็นมุมที่อยู่ในแนวแคบจนเกินไป.[13] เป้าหมายในการทำประตูเนเกรโดและเจโกจะพาทีมเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศเท่ากับจุดเชื่อมต่อกันของอันดับดาวซัลโวที่คนละหกประตูเท่ากัน. รวมผลสองนัดกับชัยชนะ 9–0 ได้เกิดขึ้นกับสถิติการแข่งขันทั้งสองนัดสำหรับชัยชนะที่มากที่สุดในรอบรองชนะเลิศ (สถิติ ครั้งที่ผ่านมาได้เกิดขึ้นโดยเวสต์แฮมทั้งหมด), และสถิติสโมสรสำหรับรวมผลสองนัดชนะสูงที่สุดในทุกรายการ.[14]

ซันเดอร์แลนด์[แก้]

รอบ คู่แข่งขัน ผล รายงาน
2 เอ็มเค ดอนส์ (h) 4–2 รายงาน
3 ปีเตอร์โบโร ยูไนเต็ด (h) 2–0 รายงาน
4 เซาแทมป์ตัน (h) 2–1 รายงาน
5 เชลซี (h) 2–1 (หลังต่อเวลาพิเศษ) รายงาน
รอบรองชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (h) 2–1 รายงาน
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (a) 2–1 (หลังต่อเวลาพิเศษ)
1–2 (ลูกโทษ)
รายงาน

ซันเดอร์แลนด์สร้างเส้นทางของพวกเขาในรอบสุดท้ายหลังจากเริ่มต้นในรอบที่สอง, ในขณะที่พวกเขาซึ่งเป็นทีม พรีเมียร์ลีก จะไม่ได้มีส่วนร่วมในแต่ละนัดของ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หรือ ยูฟ่ายูโรปาลีก. ในรอบนั้น, พวกเขาพ่ายแพ้ทีมจาก ฟุตบอลลีกวัน มิลตัน คีย์นส์ ดอนส์ 4–2 at ที่สนามของซันเดอร์แลนด์ สเตเดียมออฟไลต์. การลากหนีห่างออกไปเป็น 2–0 ในช่วง 15 นาทีที่เหลือ, โจซี อัลติดอร์, คอนนอร์ วิคแฮม (2) และ แอดัม จอห์นสัน เป็นผู้ทำประตูสุดท้ายให้ทีมรักษาชัยชนะสำหรับซันเดอร์แลนด์.[15] ในรอบที่สาม, พวกเขาจับสลากพบกับทีมจากลีกวัน ปีเตอร์โบโร ยูไนเต็ด, ผู้ที่พวกเขาพ่ายแพ้ 2–0 ที่สเตเดียมออฟไลต์. เกมนี้ได้รับการยืนยันถึง ชัยชนะครั้งแรกของ เควิน บอลล์ ในขณะที่อยู่ในความดูแลชั่วคราวของเดอะ แบล็ค แคทส์, ตามมาด้วยการถูกไล่ออกของ เปาโล ดี กานีโอ.[16] ในรอบที่สี่, ซันเดอร์แลนด์ (ปัจจุบันจัดการทีมโดย กุส โปเยต์) พ่ายแพ้ทีมจากพรีเมียร์ลีก เซาแทมป์ตัน, ในการพบกันอีกครั้งที่สเตเดียม ออฟ ไลต์, 2–1.[17]

การแข่งขัน[แก้]

รายละเอียด[แก้]

แมนเชสเตอร์ซิตี
ซันเดอร์แลนด์
GK 30 โรมาเนีย คอสเทล พันทิลิมอน
RB 5 อาร์เจนตินา ปาโบล ซาบาเลตา
CB 4 เบลเยียม แว็งซ็อง กงปานี (c)
CB 26 อาร์เจนตินา มาร์ติน เดมีเชลิส
LB 13 เซอร์เบีย อาเลกซานดาร์ คอลารอฟ
RM 8 ฝรั่งเศส ซามีร์ นัสรี
CM 42 โกตดิวัวร์ ยาย่า ตูเร
CM 25 บราซิล เฟร์นังจิญญู
LM 21 สเปน ดาบิด ซิลบา Substituted off in the 77 นาที 77'
CF 10 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เอดิน เจโก Substituted off in the 88 นาที 88'
CF 16 อาร์เจนตินา เซร์คีโอ อะกูเอโร Substituted off in the 58 นาที 58'
ตัวสำรอง:
GK 1 อังกฤษ โจ ฮาร์ต
DF 6 อังกฤษ โจเลียน เลสค็อตต์
DF 22 ฝรั่งเศส กาแอล กลีชี
MF 7 อังกฤษ เจมส์ มิลเนอร์
MF 14 สเปน คาบี การ์ซีอา Substituted on in the 77 minute 77'
MF 15 สเปน เคซุส นาบัส Substituted on in the 58 minute 58'
FW 9 สเปน อัลบาโร เนเกรโด โดนใบเหลือง ใน 90+3 นาที 90+3' Substituted on in the 88 minute 88'
ผู้จัดการทีม:
ชิลี มานวยล์ เปเยกรีนี
GK 25 อิตาลี วีโต มันโนเน
RB 2 สกอตแลนด์ ฟิล บาร์ดสลีย์
CB 5 อังกฤษ เวส บราวน์
CB 16 สาธารณรัฐไอร์แลนด์ จอห์น โอเช (c)
LB 28 สเปน มาร์โกส อาลอนโซ โดนใบเหลือง ใน 82 นาที 82'
DM 7 สวีเดน เซบาสเตียน ลาร์สสัน Substituted off in the 60 นาที 60'
DM 33 อังกฤษ ลี แคทเทอร์โมล Substituted off in the 77 นาที 77'
CM 4 เกาหลีใต้ กี ซุง ย็อง
RW 11 อังกฤษ แอดัม จอห์นสัน Substituted off in the 60 นาที 60'
LW 14 อังกฤษ แจ็ก คอลแบ็ก
CF 31 อิตาลี ฟาบีโอ โบรีนี
ตัวสำรอง:
GK 32 อาร์เจนตินา ออสการ์ อุสตารี
DF 12 เช็กเกีย ออนเดรจ์ เซลุสต์กา
DF 27 อาร์เจนตินา ซานติอาโก เวอร์จินี
MF 8 อังกฤษ เคร็ก การ์ดเนอร์ Substituted on in the 60 minute 60'
MF 23 อิตาลี เอมานูเอเล จัคเครีนี Substituted on in the 77 minute 77'
FW 9 สกอตแลนด์ สตีเวน เฟล็ตเชอร์ Substituted on in the 60 minute 60'
FW 30 อาร์เจนตินา อิกนาซิโอ สคอคโก
ผู้จัดการทีม:
อุรุกวัย กุส โปเยต์

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด

คณะกรรมการผู้ตัดสิน

  • ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:
    • สตีฟ ไชลด์[18]
    • ไซมอน ลอง[18]
  • ผู้ตัดสินที่สี่: นีล สวอร์บริค[18]
  • ผู้ช่วยผู้ตัดสินสำรอง: แฮร์รี เลนนาร์ด[18]

กฏ-กติกา

  • 90 นาที.
  • ถ้าเสมอกันต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที.
  • ดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะถ้าเสมอกันใน 120 นาที.
  • มีชื่อเปลี่ยนตัวสำรองได้ถึง 7 คน, แต่ใช้เปลี่ยนตัวลงสนามได้เพียงแค่สามคน.

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Ogden, Mark (2 มีนาคม ค.ศ. 2014). "Manchester City manager Manuel Pellegrini eyes historic quadruple after Capital One Cup win over Sunderland". Telegraph.co.uk. Telegraph Media Group. สืบค้นเมื่อ 2 มีนาคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  2. "West Ham 0–3 Man City". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 21 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  3. "League Cup Past Winners". The Football League. 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  4. "Manchester City 3–1 Sunderland". Daily Mail. Associated Newspapers. 2 มีนาคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  5. "Manchester City win League Cup as Touré wonder goal sparks comeback". The Guardian. Guardian News and Media. 2 มีนาคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 3 มีนาคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  6. "Manchester City 5–0 Wigan". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 24 กันยายน ค.ศ. 2013. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  7. Magowan, Alistair (30 ตุลาคม ค.ศ. 2013). "Capital One Cup: Newcastle United 0–2 Manchester City (aet)". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  8. Chowdhury, Saj (17 ธันวาคม ค.ศ. 2013). "Leicester City 1–3 Manchester City". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  9. "Nottm Forest 5–0 West Ham". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 5 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  10. "Man City Achieve Historic 100-Goal Tally". Sky Sports. 18 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  11. McNulty, Phil (8 มกราคม ค.ศ. 2014). "Manchester City 6–0 West Ham United". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  12. "Ticket discounts announced". whufc.com. West Ham United FC. 9 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  13. "West Ham 0–3 West Ham United". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 21 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  14. "West Ham v Manchester City – As it happened". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 21 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  15. "Sunderland 4–2 MK Dons". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 27 สิงหาคม ค.ศ. 2013. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  16. "Sunderland 2–0 Peterborough". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). 24 กันยายร ค.ศ. 2013. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  17. Chowdhury, Saj (6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013). "Sunderland 2–1 Southampton". BBC Sport (British Broadcasting Corporation). สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  18. 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 "Martin Atkinson to referee Final". capitalonecup.co.uk. The Football League. 24 มกราคม ค.ศ. 2014. สืบค้นเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 2014. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)