ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อริยสัจ 4"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่ การแก้ไขแบบเห็นภาพ |
||
บรรทัด 34: | บรรทัด 34: | ||
## ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา) |
## ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา) |
||
## ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) |
## ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) |
||
นี่คือทุกข์ (นาม-รูป) |
|||
ทุกข์ควรรู้ (นาม-รูป) |
|||
ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว (นาม-รูป) |
|||
นี่คือเหตุแห่งทุกข์ (ตัวทุกข์) |
|||
เหตุแห่งทุกข์ควรละ (ตัวทุกข์) |
|||
เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว (ตัวทุกข์) |
|||
นี่คือความดับทุกข์ (ปัญญา) |
|||
ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง (ปัญญา) |
|||
ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา) |
|||
นี่คือทางแห่งความดับทุกข์ (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) |
|||
ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) |
|||
ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) |
|||
หมายเหตุ : |
|||
สติ คือ ความไม่ประมาท |
|||
สมาธิ คือ ความแน่วแน่ ความดำรงมั่น ความตั้งมั่น ความมุ่งมั่น มีอารมณ์ไม่หวั่นไหว |
|||
ปัญญา คือ ความรู้ ความเข้าใจ |
|||
ปัญญาอันสูงสุด คือ การทำให้ รู้แจ้ง-เข้าใจแจ้ง ( การทำให้แจ้งด้วยปัญญา โดย การศึกษา การเรียน ค้นคว้า หาความรู้ อันยิ่งทำให้แจ้งด้วยปัญญา ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ พึงเห็นสิ่งนั้นด้วยปัญญาอันชอบ ) |
|||
ปัญญาหลุดพ้น คือ การปล่อยวาง ไม่ถือมั่น จากสิ่งทั้งปวง โดยอาศัยพระธรรมที่รู้แล้ว แล้วแลอยู่ |
|||
( อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว ) |
|||
ปัญญาหยั่งรู้ คือ การกำหนดสติ และสมาธิ |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:06, 20 สิงหาคม 2562
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
อริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยบุคคล หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ
- ทุกข์ (นาม-รูป) คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5
- สมุทัย (ตัวทุกข์) คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ
- นิโรธ (ปัญญา) คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง
- มรรค (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ มีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ 1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ 3. สัมมาวาจา-เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ 5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ 7. สัมมาสติ-ระลึกชอบ และ 8. สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง
มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้ 1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ 2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ และ 3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ
กิจในอริยสัจ 4
กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่
- ปริญญา - ทุกข์ (นาม-รูป) ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
- ปหานะ - สมุทัย (ตัวทุกข์) ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
- สัจฉิกิริยา - นิโรธ (ปัญญา) ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
- ภาวนา - มรรค (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น) ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา
กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ
กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้
- สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
- นี่คือทุกข์ (นาม-รูป)
- นี่คือเหตุแห่งทุกข์ (ตัวทุกข์)
- นี่คือความดับทุกข์ (ปัญญา)
- นี่คือทางแห่งความดับทุกข์ (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
- กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
- ทุกข์ควรรู้ (นาม-รูป)
- เหตุแห่งทุกข์ควรละ (ตัวทุกข์)
- ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง (ปัญญา)
- ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
- กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
- ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว (นาม-รูป)
- เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว (ตัวทุกข์)
- ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา)
- ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
นี่คือทุกข์ (นาม-รูป)
ทุกข์ควรรู้ (นาม-รูป)
ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว (นาม-รูป)
นี่คือเหตุแห่งทุกข์ (ตัวทุกข์)
เหตุแห่งทุกข์ควรละ (ตัวทุกข์)
เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว (ตัวทุกข์)
นี่คือความดับทุกข์ (ปัญญา)
ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง (ปัญญา)
ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว (ปัญญา)
นี่คือทางแห่งความดับทุกข์ (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว (ปัญญาหลุดพ้น/ทางหลุดพ้น)
หมายเหตุ :
สติ คือ ความไม่ประมาท
สมาธิ คือ ความแน่วแน่ ความดำรงมั่น ความตั้งมั่น ความมุ่งมั่น มีอารมณ์ไม่หวั่นไหว
ปัญญา คือ ความรู้ ความเข้าใจ
ปัญญาอันสูงสุด คือ การทำให้ รู้แจ้ง-เข้าใจแจ้ง ( การทำให้แจ้งด้วยปัญญา โดย การศึกษา การเรียน ค้นคว้า หาความรู้ อันยิ่งทำให้แจ้งด้วยปัญญา ที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต ไกลหรือใกล้ พึงเห็นสิ่งนั้นด้วยปัญญาอันชอบ )
ปัญญาหลุดพ้น คือ การปล่อยวาง ไม่ถือมั่น จากสิ่งทั้งปวง โดยอาศัยพระธรรมที่รู้แล้ว แล้วแลอยู่
( อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว )
ปัญญาหยั่งรู้ คือ การกำหนดสติ และสมาธิ
อ้างอิง
- ราชบัณฑิตยสถาน. (2548). พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์. หน้า 65-66.
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พุทธธรรม" มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546