ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว
บรรทัด 851: บรรทัด 851:
{{Fs player |no= |nat=Thailand |pos=FW |name=อภิเดช จันทร์งาม|other=ไป [[สโมสรฟุตบอลอ่างทอง|อ่างทอง]] จนจบฤดูกาล}}
{{Fs player |no= |nat=Thailand |pos=FW |name=อภิเดช จันทร์งาม|other=ไป [[สโมสรฟุตบอลอ่างทอง|อ่างทอง]] จนจบฤดูกาล}}
{{Fs player |no=— |nat=Thailand |pos=MF |name=ปัญญวัฒน์ นิสังรัมย์ |other=ไป [[สโมสรฟุตบอลบางกอก|บางกอก]] จนจบฤดูกาล}}
{{Fs player |no=— |nat=Thailand |pos=MF |name=ปัญญวัฒน์ นิสังรัมย์ |other=ไป [[สโมสรฟุตบอลบางกอก|บางกอก]] จนจบฤดูกาล}}
{{Fs end}}

=== ผู้เล่นชุดเยาวชน ===
{{Fs start}}
{{Fs player |no=63 |nat=Thailand |pos=MF |name=นิธิกร ศิริชู}}
{{Fs player |no=70 |nat=Thailand |pos=MF |name=วชิรวิทย์ สุภเลิศ}}
{{Fs player |no=71 |nat=Thailand |pos=DF |name=วีรวัฒน์ จันทา}}
{{Fs mid}}
{{Fs player |no=72 |nat=Thailand |pos=FW |name=ศักดินนท์ บุญเหลือ}}
{{Fs player |no=— |nat=Thailand |pos=MF |name=ยุทธพิชัย เลิศล้ำ }}
{{Fs end}}
{{Fs end}}



รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:15, 16 มกราคม 2565

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด
ฉายาปราสาทสายฟ้า
(The Thunder Castles)
ก่อตั้งพ.ศ. 2513 ในชื่อ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
พ.ศ. 2553 ในชื่อ บุรีรัมย์ พีอีเอ
พ.ศ. 2555 ในชื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สนามช้างอารีนา
ความจุ32,600 ที่นั่ง
เจ้าของบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด
ประธานเนวิน ชิดชอบ
ผู้จัดการบริพัทธ์ สูนรอด
ผู้ฝึกสอนมาซาตาดะ อิชิอิ
ลีกไทยลีก
2563–64ไทยลีก, อันดับที่ 2
เว็บไซต์เว็บไซต์สโมสร
สีชุดทีมเยือน
สีชุดที่สาม
ฤดูกาลปัจจุบัน
ทีมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ฟุตบอล (ชาย) ฟุตบอลบี (ชาย) อีสปอร์ต

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศ สโมสรก่อตั้งใน พ.ศ. 2513 ในชื่อ "สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในยุคของบุรีรัมย์ พีอีเอ และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยชนะเลิศไทยลีก 6 สมัย และจบรองชนะเลิศ 2 ครั้ง (กรณีไม่นับรวมช่วงการไฟฟ้าฯ) สีประจำสโมสรคือสีกรมท่า

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าร่วมไทยลีกในฤดูกาล 2553 ในชื่อ "บุรีรัมย์ พีอีเอ" หลังจากที่เนวิน ชิดชอบ ซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในปลายปี 2552[1] และแข่งขันในลีกสูงสุดครบทุกฤดูกาล โดยเคยคว้าแชมป์ไทยลีกถึงสามฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี 2556–2558 และทำสถิติเก็บคะแนนสูงสุดของไทยลีกในฤดูกาล 2561 ที่ 87 คะแนน[2] นอกจากนี้ ยังเคยเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกปี 2556 ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในระดับทวีปของสโมสร

ปัจจุบัน สโมสรลงเล่นเกมเหย้าที่ช้างอารีนา[3] สนามแห่งนี้มีความจุ 32,600 ที่นั่ง ถือเป็นสนามฟุตบอลเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่มีสโมสรฟุตบอลเป็นเจ้าของ[4] บุรีรัมย์มีสโมสรคู่ปรับที่สำคัญคือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยทั้งคู่เป็นเพียงสองสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกในช่วงปี 2553 ถึง 2561

ประวัติสโมสร

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ตราสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ใช้ถึงปี 2552

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจากสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 โดยดร.วีระ ปิตรชาติ มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกกำลังกายและสร้างความสามัคคีร่วมกันในหมู่คณะ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข. และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ

หลังจากลงเล่นในดิวิชั่น 1 อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548 โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุดสโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และศุภกิจ จินะใจ กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับศรายุทธ ชัยคำดี กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู และยังได้เล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 ร่วมกับสโมสรฟุตบอลยาสูบ อีกด้วย แต่ทั้ง 2 สโมสรกลับส่งรายชื่อผู้เล่นให้เอเอฟซีไม่ทันตามที่กำหนด จึงทำให้ทั้ง 2 สโมสรถูกตัดสิทธิและพลาดโอกาสลงเล่นในรายการระดับทวีปในท้ายที่สุด

ฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของประพล พงษ์พาณิชย์และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552

ฤดูกาล 2552 สโมสรตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้ และมีผลงานในลีกไม่ดีนัก สโมสรจึงได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมในเดือนพฤษภาคม ปี 2552 จากประพล พงษ์พาณิชย์ เป็นทองสุข สัมปหังสิต อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่นครราชสีมา

การซื้อกิจการสโมสร

การซื้อกิจการสโมสรเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล 2552 จากความต้องการของนายเนวิน ชิดชอบ นักการเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ต้องการซื้อหุ้นทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ให้ย้ายไปเล่นในนามจังหวัดบุรีรัมย์เป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกันก็สร้างทีมใหม่อีกหนึ่งทีม ไต่อันดับขึ้นมาจากดิวิชันต่ำสุด[5] ในเบื้องต้นได้เจรจากับสโมสรฟุตบอลตำรวจ แต่ได้รับการปฏิเสธ [1] นายเนวินได้มีการเจรจาในเบื้องต้นกับสโมสรฟุตบอลทีโอทีและสโมสรฟุตบอลทหารบก[6] แต่ตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดจึงได้มีการซื้อขายหุ้นของสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งมีผลงานสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับที่ 9 ทางสโมสรได้ตกลงที่จะย้ายสนามแข่งจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์[1] หลังจากนั้นทางสโมสรได้เปลี่ยนแปลงชื่อทีมเป็นบุรีรัมย์-พีอีเอ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารทั้งหมดและทีมผู้ฝึกสอนบางส่วน

ฤดูกาล 2553–2554: ยุคแรกของสโมสร

บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเป็นแชมป์เอฟเอคัพในปี พ.ศ. 2554

การเข้ามาของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ ส่งผลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาทีมอย่างมาก มีการนำระบบบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลอาชีพเข้ามาใช้กับบริษัท เช่น การทำสัญญาจ้างนักฟุตบอล การเจรจา และทำสัญญาซื้อขายนักฟุตบอลด้วยสัญญามาตรฐาน การสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ตามมาตรฐานของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพื่อใช้เป็นสนามเหย้า การจัดทำระบบบัญชี การเงิน กฎหมาย การตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความนิยมให้แก่ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ และ ความน่าเชื่อถือแก่บริษัท

ผลจากการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการธุรกิจ และพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรคนใหม่ ส่งผลให้บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นทีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็ว มีผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก หรือแฟนคลับ มากถึง 65,000 คน [7] มีผู้เข้าชมเกมการแข่งขัน นัดละไม่น้อยกว่า 10,000 คน เมื่อเป็นเจ้าบ้าน และเมื่อเป็นทีมเยือน จะมีแฟนบอลติดตามไปชมไม่น้อยกว่า 1,500 คน อีกทั้งยังเป็นทีมที่สร้างสถิติผู้เข้าชมสูงสุดของไทยพรีเมียร์ลีก คือ 25,000 คน และ สร้างสถิติจำหน่ายของที่ระลึกได้สูงสุด 1,400,000 บาท ภายในวันเดียว คือนัดที่เตะกับเมืองทองยูไนเต็ด เมื่อวันที่ กันยายน 2553 [7]

แฟรงค์ โอฮานด์ซา ดาวซัลโวไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2554 มีส่วนช่วยให้บุรีรัมย์คว้าแชมป์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จ

ในฤดูกาล 2554 ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอได้เป็นแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกหลังจากเอาชนะ ทีมสโมสรฟุตบอลทหารบก ที่สนามกีฬากองทัพบก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ได้คะแนน 75 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสอง ทั้งที่ยังมีการแข่งขันเหลืออีก 4 นัด [8] โดยมีพิธีมอบถ้วยรางวัลหลังการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล [9]

และยังได้ทริปเปิลแชมป์ หรือ 3 แชมป์ ในฤดูกาลเดียวกัน เมื่อเอาชนะทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ไปได้ 2-0 ที่สนามศุภชลาศัย ได้แชมป์โตโยต้า ลีกคัพ หลังจากการได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และไทยคม เอฟเอคัพ ไปแล้ว[10] โดยถือว่าเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ทำได้[11]

และยังได้แชมป์ที่ 4 ด้วยการเอาชนะ ทีมเวกัลตะ เซนได จากเจลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในรายการโตโยต้า พรีเมียร์คัพ ไปได้ 5-3 หลังในเวลาเสมอกัน 1-1[12]

ฤดูกาล 2555–2557: ปรับโครงสร้างทีมและผลงานระดับทวีปอันโดดเด่น

ที่พักของนักฟุตบอลสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2554 ฝ่ายเจ้าของสิทธิ์ของสโมสรเดิม คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเดิมอยู่ในการกำกับดูแลของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล จาก พรรคภูมิใจไทย ได้เปลี่ยนมาอยู่ในการกำกับดูแลของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ จาก พรรคเพื่อไทย ได้มีนโยบายที่จะย้ายสโมสรออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่าฝ่ายนายเนวินจะขายหุ้น 70% [5] ที่ตนถืออยู่ออกไป จะแยกทีมการไฟฟ้าออกจากจังหวัดบุรีรัมย์และย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ส่วนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอเดิม จะไปรวมกับสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ เอฟซี ที่ได้แชมป์ ดิวิชั่น 1 และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2555 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" [13]

นายเนวินกล่าวว่า ในฤดูกาล 2555 สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (บุรีรัมย์ เอฟซีเดิม) จะลงเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก และเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ด้วยโควตาชนะเลิศฤดูกาล 2554 ของบุรีรัมย์-พีอีเอ [14]

เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555 นายเนวินได้เปิดแถลงข่าวว่า ได้ซื้อหุ้นอีก 30% ของสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาบริหารจัดการเองทั้งหมด รวมทั้งสิทธิทั้งหมดในนามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากนั้นจะเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ตามแผนเดิม ส่วนสิทธิการเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกของบุรีรัมย์ เอฟซีนั้น จะโอนให้กับ สงขลา เอฟซี ของนายนิพนธ์ บุญญามณี ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น จะไม่มีการส่งทีมเข้าแข่งขันรายการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีกต่อไป [15]

ในฤดูกาล 2555 บุรีรัมย์จบอันดับ 4 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 ด้วยการชนะอาร์มี่ ยูไนเต็ด ไป 2–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 รอบคัดเลือก[16] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 4–1[17] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย

ฆาบิเอร์ ปาติญโญ เป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับที่ 2 ของสโมสรในฤดูกาล 2556 โดยเป็นรองเพียงการ์เมโล กอนซาเลซ

ในฤดูกาล 2556 บุรีรัมย์จบอันดับ 1ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2556 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2556ด้วยการชนะ สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส ไป 3–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม[18] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2556สมัยที่3 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 2–1[19] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม

ในฤดูกาล 2557 บุรีรัมย์คว้าแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. และ แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2557 พร้อมกับจบที่อันดับ 1 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2557

ฤดูกาล 2558: คว้าแชมป์ห้ารายการ

สนามศุภชลาศัยเป็นสนามแข่งขันที่บุรีรัมย์คว้าแชมป์ถึง 4 รายการ (ถ้วย ก., ลีกคัพ, แม่โขง และเอฟเอคัพ) ในปี 2558

ถือเป็นปีทองของทัพ ปราสาทสายฟ้า เมื่อสามารถคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์ได้ถึง 5 รายการ แม้ว่าจะตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกก็ตาม ซึ่งก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มต้น ปราสาทสายฟ้า เสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กรวิทย์ นามวิเศษ, นฤพล อารมณ์สวะ, โก ซุล-กิ, กิลแบร์โต มาเชนา, ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ซึ่งถือว่าเป็นขุมกำลังของทีมในฤดูกาล 2558

เปิดฉากความยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์แรก ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก. ด้วยการเอาชนะ กระต่ายแก้ว บางกอกกล๊าส เอฟซี ไป 1-0 จากประตูชัยของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 56[21]

เดินหน้าต่อกับแชมป์ที่ 2 โตโยต้า ลีกคัพ สมัย 4 สามารถเอาชนะ กูปรีอันตราย ศรีสะเกษ เอฟซี ที่เพิ่งเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรก ไป 1-0 จากประตูชัยของ โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 18[22]

สานต่อความสำเร็จในปีนี้ ด้วยแชมป์ที่ 3 ไทยพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย โดยไม่แพ้ใครตลอด 34 นัด ชนะ 25 นัด และเสมอไป 9 นัด ทำประตูได้ถึง 98 ลูก มากที่สุดในลีก และเสียไปเพียง 24 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในลีก แถมจบซีซั่นด้วยการมีแต้มมากกว่า กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ถึง 13 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันของ ปราสาทสายฟ้า นอกจากนี้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง หลังโชว์ฟอร์มสุดโหดเหี้ยม ซัดไป 33 ประตูอีกด้วย ส่วนคู่หู่ในแนวรุกของเขาอย่าง กิลแบร์โต มาเชนา ก็ยิงไป 21 ประตู ได้อันดับ 3 ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทย ก็ทำแอสซิสต์ ไป 19 ครั้ง ซึ่งสูงสุดในลีกปีนี้

ตามมาติด ๆ กับแชมป์ที่ 4 แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ปราสาทสายฟ้า ในฐานะแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ พบกับ สิงห์ร้ายแห่งนครวัด เบิงเกต อังกอร์ ทีมชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลลีกกัมพูชา ในศึกฟุตบอลแห่งศักดิ์ศรีเพื่อชิงความเป็นเจ้าสโมสรแห่งภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเอาชนะไปได้ 1-0 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 67 ช่วยให้ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง[23]

และปิดท้ายปี พ.ศ. 2558 อย่างสมบูรณ์แบบ กับแชมป์ที่ 5 ช้าง เอฟเอคัพ โดยการเอาชนะ กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่ปรับเก่าสมัยไทยพรีเมียร์ลีกไป 3-1 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 45, โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 51 และ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาทีที่ 70 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 4[24] และเป็นถ้วยแชมป์ที่ 5 ในปีนี้ รวมทั้งกลายเป็นสโมสรแรกจากทวีปเอเชีย ที่คว้าถ้วยรางวัล 5 ใบได้สำเร็จในฤดูกาลเดียวอีกด้วย[25]

ฤดูกาล 2559: ตกอับและเสียผู้เล่นตัวหลัก

หลังฤดูกาลที่แล้วสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการ ปราสาทสายฟ้า ก็ได้มีการเสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมเพิ่มอีกหลายรายเพื่อป้องกันทั้ง 5 แชมป์ในฤดูกาล 2559 และคว้าแชมป์ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น อดุล หละโสะ, อังเดร ฟรานซิสโก้ โมริตซ์, ดานิโล ซิลิโน่ เดอ โอลิเวียร่า, สถาพร แดงสี, อนันต์ บัวแสง, เอมิเลียโน่ อัลฟาโร่ และได้จัดการแข่งขันรายการ ช้าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอเชียนทัวร์ 2016 ขึ้นในวันที่ 22 - 31 มกราคม โดยรายได้มอบให้กับการกุศล โดยนัดแรกไปเยือน กัมพูชา ออลสตาร์ ในวันที่ 22 มกราคม จบ 90 นาทีเสมอกันที่ 2-2 โดยฝั่ง ปราสาทสายฟ้า ได้ประตูจาก สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีมในนาทีที่ 45 และ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองในภายหลังในนาทีที่ 83 ส่งผลให้ต้องดวลจุดโทษกันและเป็น กัมพูชา ออลสตาร์ ที่ชนะไป 4-3 รวมผลสกอร์ 6-5[26] แต่หลังจากนันก็มาพลิกล็อกใน 2 นัดสุดท้าย ซึ่งชนะทั้งหมด โดยเปิดบ้านชนะ โปฮัง สตีลเลอส์ ยอดทีมจาก เคลีก ในประเทศเกาหลีใต้ ไป 2-1 จาก อังเดร ฟรานซิสโก้ โมริทซ์ ในนาทีที่ 9 และ ดานิโล ซิลิโน่ เดอ โอลิเวียร่า ในนาทีที่ 33[27] และบุกไปชนะ ออลสตาร์ ลาว ไป 3-1 จาก อังเดร ฟรานซิสโก้ โมริทซ์ ในนาทีที่ 2 และ 30 และจุดโทษโดย อันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 24[28] หลังจากนั้น ดานิโล ซิลิโน่ เดอ โอลิเวียร่า ย้ายทีมแต่ก็ได้กองหน้าคนใหม่ คือ ไคโอะ ฟิลิปเป้ กอนซาเวซ รวมทั้ง คิม ซึง ยอง และ เวสลีย์ เฟย์โตซ่า

หลังจากเตรียมทีมมา 1 เดือน ปราสาทสายฟ้า ก็สามารถคว้าแชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 2015 เป็นแชมป์แรกได้สำเร็จ โดยเอาชนะ อัลบิเร็กซ์ นีงะตะ จากเจลีกไปได้ 2-1 จากลูกเตะมุมของ ธีราทร บุญมาทัน เปิดให้กับ โก ซุล-กิ โหม่งในนาทีที่ 50 และ 79[29] ต่อมาอีกหนึ่งสัปดาห์ ปราสาทสายฟ้า ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก. ได้อีกสมัย โดยสามารถเอาชนะคู่ปรับที่ยังไม่เคยชนะ ปราสาทสายฟ้า ได้เลย คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปได้ถึง 3-1 จาก ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 14, จุดโทษของอันเดรส ตุญเญซ ในนาทีที่ 66 และ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาทีที่ 83[30]

กลางฤดูกาล 2559 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปล่อยตัวธีราทร บุญมาทันให้แก่เมืองทอง ยูไนเต็ด สโมสรคู่ปรับตลอดกาล

ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ปราสาทสายฟ้า ซึ่งถูกจับอยู่ในกลุ่มเอฟร่วมกับ เอฟซี โซล, ซานตงลู่เนิ่งไท่ชาน และซานเฟรซ ฮิโรชิมะ ปรากฏว่าทำผลงานได้ย่ำแย่มาก ไม่ชนะใครเลย เสมอ 1 และแพ้ 5 ตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยเป็นทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม และเป็นทีมที่สถิติที่แย่ที่สุดของเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในปีนี้อีกด้วย[31] และเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 แฟนเพจอย่างเป็นทางการของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด [32] เปิดเผยแถลงข่าวการขาย ธีราทร บุญมาทัน ให้กับทีมร่วมลีกอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข้อเสนอซื้อจากหลายทีม

หลังจบฤดูกาล 2559 ที่ไม่ค่อยสวยงาม ในไทยลีก ปราสาทสายฟ้า แข่งทั้งหมด 30 นัด มี 55 คะแนน ชนะ 15 เสมอ 10 แพ้ 5 อยู่อันดับที่ 4 ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[33] ส่วนในการแข่งขันฟุตบอล ในโตโยต้า ลีกคัพ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์ร่วมกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดย ปราสาทสายฟ้า เลือกลงแข่งขันแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ส่วนในช้าง เอฟเอคัพ ปราสาทสายฟ้า ยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังบุกไปแพ้คู่ปรับตลอดกาลอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-1[34] และเมื่อเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แพ้ชลบุรี เอฟซี 3-0 จึงทำให้ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[35]

2560–2561: ทวงคืนแชมป์ลีกและสร้างสถิติใหม่สองปีซ้อน

สนามไอ-โมบาย

ในเดือนมกราคม 2560 เนวิน ชิดชอบได้เปิดตัวสโมสรด้วยสโลแกน "สไตรค์แบ็ค" หรือทวงคืนทุกแชมป์[36] สโมสรประเดิมฤดูกาล 2560 ในรายการแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ แม้ว่าในเลกแรกจะบุกไปแพ้ล้านช้าง ยูไนเต็ดที่ประเทศลาว 1–0[37] แต่ในเลกที่สอง บุรีรัมย์กลับมาเอาชนะไปได้ 2–0 นับผลประตูรวม 2–1 ทำให้ทีมป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ[38] ต่อมาในการแข่งขันรายการหลักอย่างไทยลีก บุรีรัมย์ประเดิมสนามได้ไม่ดีนัก พวกเขาต้องเปิดบ้านไล่ตามตีเสมอชลบุรี 2–2 หลังจากที่โดนนำ 0–2 ในครึ่งแรก แต่หลังจากนั้น ทีมไม่แพ้ใครใน 11 นัดแรก โดยหนึ่งในนั้นมีเกมที่บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างเอสซีจี เมืองทองด้วยผล 2–0 จากประตูของฌาฌาและสุเชาว์ นุชนุ่ม[39] ทีมเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่องจนสามารถทำคะแนนเทียบเท่าเมืองทองหลังจบเลกแรก โดยเป็นรองเพียงแค่ผลต่างประตูได้-เสีย อย่างไรก็ตาม รันกอ ปอปอวิช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน[40] โดยมีโบซีดาร์ บันโดวิช เข้ามาคุมทีมต่อ[41] ในเลกที่สอง บุรีรัมย์ชนะถึง 16 นัดและเสมอเพียงนัดเดียวในการพบกับเมืองทอง พวกเขาคว้าแชมป์ไทยลีกอย่างเป็นทางการในเกมนัดที่ 32 ที่เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโร 4–0 และยังสามารถทำสถิติเก็บคะแนนในลีกมากที่สุดที่ 86 คะแนน หลังจากบุกไปชนะชลบุรี 2–1 ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล[42] อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย บุรีรัมย์ตกรอบก่อนรองชนะเลิศของทั้งโตโยต้า ลีกคัพ (แพ้เมืองทอง 0–2)[43] และช้าง เอฟเอคัพ (แพ้เชียงราย ยูไนเต็ด 1–0)

บุรีรัมย์ประเดิมฤดูกาล 2561 ด้วยการแข่งขันไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ เป็นการพบกันระหว่างแชมป์ไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และแชมป์เอฟเอคัพ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ผลการแข่งขันในเวลาจบลงด้วยผลเสมอ 2–2 ก่อนที่บุรีรัมย์จะพ่ายจุดโทษ 7–8[44] ต่อมาในการแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก บุรีรัมย์อยู่ในกลุ่มจี ร่วมกับกว่างโจวเอเวอร์แกรนด์, เซเรซโซ โอซากะ และเชจูยูไนเต็ด ซึ่งบุรีรัมย์สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จหลังจากที่บุกไปเอาชนะเชจูยูไนเต็ด 1–0 ทำให้บุรีรัมย์เป็นสโมสรแรกจากไทยที่สามารถบุกไปเอาชนะสโมสรเกาหลีใต้ได้อีกด้วย[45] ต่อมาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย บุรีรัมย์เปิดบ้านเอาชนะช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์จากเกาหลีใต้ในเลกแรกไปได้ 3–2[46] ก่อนที่จะบุกไปแพ้ในเลกที่สอง 0–2[47] ทำให้บุรีรัมย์แพ้ด้วยผลประตูรวม 3–4 สิ้นสุดเส้นทางในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนในการแข่งขันไทยลีก บุรีรัมย์ประเดิมสนามด้วยการเอาชนะราชบุรี มิตรผลไปได้ 2–1[48] ทีมคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 6 ในเกมนัดที่ 31 ที่เปิดบ้านเอาชนะโปลิศ เทโรไปได้ 2–0[49] และในนัดสุดท้ายที่บุกไปชนะราชบุรี มิตรผล 1–0 นั้น บุรีรัมย์เก็บคะแนนในลีกมากที่สุดที่ 87 คะแนน ทำลายสถิติเดิมของตนเองเมื่อฤดูกาลที่แล้ว[2] แต่ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วย บุรีรัมย์ตกรอบรองชนะเลิศของโตโยต้า ลีกคัพด้วยการพ่ายแพ้ต่อบางกอกกล๊าส 1–2 ที่สนามบุณยะจินดา[50] ส่วนในช้าง เอฟเอคัพ บุรีรัมย์ได้เข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อสิงห์เชียงราย 2–3

2562–ปัจจุบัน: ไร้ความสำเร็จและสร้างทีมใหม่

ป้ายโฆษณาชุดแข่งขันของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดประจำฤดูกาล 2562 ที่ช้างอารีนา

ในฤดูกาล 2562 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิมแชมป์ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพสมัยแรก ด้วยการล้างตาเอาชนะสิงห์เชียงราย 3–1[51] อย่างไรก็ตาม สโมสรทำผลงานในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกได้ไม่ดีนัก โดยเก็บได้เพียง 4 คะแนนจากการแข่ง 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกได้[52] เช่นเดียวกันกับในไทยลีกที่สโมสรก็ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเช่นกัน พวกเขาต้องลุ้นแย่งแชมป์กับสิงห์เชียงราย และการท่าเรือจนถึงช่วงสุดท้ายของฤดูกาล และในเกมลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล บุรีรัมย์บุกไปเยือนเชียงใหม่ โดยในนัดนี้ ถ้าบุรีรัมย์ชนะ หรือ บุรีรัมย์ เสมอหรือแพ้ แล้วสิงห์เชียงรายไม่ชนะ บุรีรัมย์จะคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 7 ทันที แต่สุดท้าย บุรีรัมย์ทำได้เพียงเสมอเชียงใหม่ 1–1 ส่วน สิงห์เชียงราย บุกไปเอาชนะ สุพรรณบุรี 5–2 ทำให้ทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากัน แต่สิงห์ เชียงราย มีสถิติการพบกันตัวต่อตัว (เฮด-ทู-เฮด) เหนือกว่าบุรีรัมย์ ทำให้บุรีรัมย์พลาดการคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยที่ 7[53] ส่วนในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยในประเทศ บุรีรัมย์ตกรอบ ช้าง เอฟเอคัพ ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ราชบุรี มิตรผล ในรอบรองชนะเลิศ[54] และในโตโยต้า ลีกคัพ บุรีรัมย์เข้าชิงชนะเลิศกับ พีที ประจวบ ที่สนามกลางอย่างเอสซีจีสเตเดียม แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ในการยิงลูกโทษ[55] ทำให้ในฤดูกาลนั้น ถ้าไม่นับไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพแล้ว บุรีรัมย์ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลยแม้แต่รายการเดียว[56]

ในฤดูกาล 2563 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประเดิมการแข่งขันในรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือกรอบสอง โดยพวกเขาสามารถเปิดบ้านเอาชนะนครโฮจิมินห์ไปได้ 2–1[57] แต่ในรอบเพลย์ออฟ พวกเขาบุกไปพ่ายเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 0–3 ทำให้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้[58] ส่วนในลีก บุรีรัมย์ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเช่นกัน พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 11 จาก 16 ทีม มีเพียง 4 คะแนนจากการลงเล่น 4 นัดก่อนพักลีกเนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 อีกทั้งในช่วงพักลีก สโมสรได้ยกเลิกสัญญาผู้เล่นต่างชาติแทบทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอันเดรส ตุญเญซ ผู้เล่นแนวรับที่ลงเล่นให้กับสโมสรมาตั้งแต่ฤดูกาล 2557[59] และเมื่อลีกกลับมาแข่งขันอีกได้ไม่กี่นัด โบซีดาร์ บันโดวิช ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนหลังจากที่คุมทีมเปิดบ้านแพ้นครราชสีมา มาสด้า 1–2 และอาเลชังดรี กามา ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรในช่วงปี 2557–2559 ได้กลับเข้ามาคุมทีมต่อ ทำให้บุรีรัมย์กลับมามีผลงานในลีกที่ดีขึ้น จากที่เคยอยู่อันดับที่ 12 ก็สามารถขึ้นมาจบอันดับที่ 2 หลังจบฤดูกาลได้ อย่างไรก็ตาม สโมสรตกรอบฟุตบอลถ้วยรายการสำคัญอย่างช้าง เอฟเอคัพด้วยการพ่ายแพ้ต่อชลบุรี 2–1 ในรอบรองชนะเลิศ[60] ทำให้บุรีรัมย์ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการหลักได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน

ในฤดูกาล 2564–65 แม้ว่าสโมสรจะเริ่มต้นด้วยการทำผลงานในไทยลีกได้ดี โดยมีช่วงที่ชนะติดต่อกันถึง 6 นัด แต่พวกเขาก็มีสถิติที่ไม่ดีในการออกไปเยือนทีมใหญ่ด้วยกันเอง โดยในนัดที่ออกไปเยือนทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และชลบุรี ซึ่งเป็นคู่แข่งหัวตารางโดยตรง พวกเขาแพ้ทั้งสามนัดและยิงประตูไม่ได้เลย ทำให้สโมสรตัดสินใจแยกทางกับกามาหลังจบการแข่งขันนัดสุดท้ายของเลกแรกที่ทีมบุกไปเอาชนะลีโอ เชียงราย[61] โดยมีมาซาตาดะ อิชิอิ ผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งแยกทางกับสมุทรปราการ ซิตี้ เข้ามาคุมทีมต่อ[62] นอกจากนี้ ยังได้ธีราทร บุญมาทัน ผู้เล่นชาวไทยคนแรกที่ชนะเลิศลีกสูงสุดของญี่ปุ่นกับโยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส กลับมาเล่นให้แก่สโมสรในรอบ 5 ปี[63]

สนาม

เขากระโดง สเตเดียม (2553–2554)

เขากระโดง สเตเดียม เป็นสนามเหย้าเดิมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความจุทั้งหมด 15,000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 32,600 คน คือ สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ปัจจุบันก็ได้โอนสนามนี้ให้เป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศูนย์ราชการศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่

ช้างอารีนา (2554–ปัจจุบัน)

ช้างอารีนา หรือชื่อที่ใช้ในการแข่งขันระดับทวีปว่า บุรีรัมย์ สเตเดียม (อังกฤษ: Chang ARENA, Buriram Stadium) ตั้งอยู่ที่ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ 35,000 ที่นั่ง โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบาย และบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ และยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่า และยังได้บันทึกลงกินเนสบุค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน[64]

ภาพพาโนรามาของช้างอารีนา

สโมสรคู่ปรับ

เมืองทอง ยูไนเต็ด

ภายหลังจากที่เนวิน ชิดชอบซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บุรีรัมย์ได้กลายเป็นทีมชั้นนำและเป็นคู่แข่งในการแย่งแชมป์ไทยลีกกับเมืองทอง ยูไนเต็ดตั้งแต่ฤดูกาล 2553 ถึง 2560 โดยมีนัดการแข่งขันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญอยู่หลายนัด และการพบกันของทั้งคู่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลเป็นอย่างมาก

ก่อนฤดูกาล 2559 บุรีรัมย์มีสถิติที่ดีในการพบกับเมืองทองโดยพวกเขาไม่เคยแพ้เลย รวมถึงยังมีสถิติที่ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าคนสำคัญของเมืองทอง ไม่เคยยิงประตูใส่บุรีรัมย์ได้ จนมีวลีที่กล่าวว่า "แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้เมืองทอง" แต่ในการแข่งขันไทยลีก ฤดูกาล 2559 เลกแรก บุรีรัมย์ก็เสียสถิติไร้พ่ายนี้ เมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ดสามารถบุกไปเอาชนะได้ 3-0 ซึ่งได้ 2 ประตูจากเคลย์ตง ซิลวา และอีก 1 ประตูจากอดิศักดิ์ ไกรษร ซึ่งเป็นอดีตผู้เล่นของบุรีรัมย์[65] หลังจากนั้นในฤดูกาลเดียวกัน บุรีรัมย์ก็แพ้ให้กับเมืองทองอีกสองนัด ได้แก่ เกมลีกเลกที่สองที่บุรีรัมย์บุกไปแพ้ 3–2 ซึ่งในนัดนั้นก็มีจังหวะจุดโทษที่เป็นปัญหาระหว่างจีโอกูและธีราทร บุญมาทัน และอีกนัดคือนัดที่บุรีรัมย์บุกแพ้ 3–1 ในการแข่งขันช้าง เอฟเอคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้บุรีรัมย์พลาดโอกาสคว้าแชมป์ในรายการนี้ นอกจากนี้ ทั้งสองทีมยังได้เข้าชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ 2559 แต่การแข่งขันถูกยกเลิกเพื่อไว้อาลัยแด่การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของโตโยต้า ลีกคัพ 2560 และเป็นเมืองทองที่เป็นฝ่ายบุกชนะ 2–0 ซึ่งธีราทรสามารถยิงประตูใส่ทีมเก่าได้ ส่วนในไทยลีกฤดูกาลเดียวกันนั้น บุรีรัมย์ไม่แพ้ในการเจอกับเมืองทอง โดยในเลกแรก พวกเขาเป็นฝ่ายเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2–0 ยุติสถิติชนะรวด 15 นัดของเมืองทอง ส่วนในเลกที่สอง ก็เสมอกันที่ธันเดอร์โดมสเตเดียม 1–1

สถิติ

ผลงานแบ่งตามฤดูกาล

ฤดูกาล ลีก[66] เอฟเอคัพ ลีกคัพ โตโยต้าพรีเมียร์คัพ ควีนสคัพ ถ้วย ก/แชมเปียนส์คัพ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก เอเอฟซีคัพ อาเซียนคลับ แม่โขงคลับ ผู้ทำประตูสูงสุด
ดิวิชัน P W D L F A Pts Pos ชื่อ ประตู
2547/48 TPL 18 9 5 4 23 19 32 2  –  –  –  –  –  –  – GR  – ศุภกิจ จินะใจ 10
2549 TPL 22 6 4 12 23 32 22 10  –  –  –  –  – DQ  –  –  – ศุภกิจ จินะใจ 7
2550 TPL 30 13 3 14 35 40 42 8  –  –  –  –  –  –  –  –  – ธนา ชะนะบุตร 7
2551 TPL 30 18 7 5 38 15 61 1  –  –  –  –  –  –  –  –  – รณชัย รังสิโย 16
2552 TPL 30 9 9 12 37 41 36 9 R4  –  – รอบน็อคเอ้าท์ RU QR1 GR  –  – สุริยา ดอมไธสง 9
2553 TPL 30 17 12 1 51 19 63 2 R4 RU  – ไม่ได้เข้าร่วม  –  –  –  –  – สุเชาว์ นุชนุ่ม 11
2554 TPL 34 26 7 1 64 15 85 1 W W  –  –  –  –  –  –  – แฟรงค์ โอฮานด์ซา 19
2555 TPL 34 14 12 8 60 40 54 4 W W W  – RU GR  –  –  – แฟรงค์ โอโปคู 12
2556 TPL 32 23 9 0 73 23 78 1 W W RU  – W QF  –  –  – การ์เมโล กอนซาเลซ 23
2557 TPL 38 23 10 5 69 26 79 1 R4 RU W  – W GR  –  –  – คาเบียร์ ปาตีโญ 21
2558 TPL 34 25 9 0 98 24 84 1 W W W  – W GR  –  – W ดิโอโก 33
2559 TL 30 15 10 5 55 38 55 4 R4 W W  – W GR  –  – W อันเดรส ตุญเญซ 9
2560 T1 34 27 5 2 85 22 86 1 QF QF  –  –  –  –  –  –  – ฌาฌา 34
2561 T1 34 28 3 3 76 25 51 1 RU SF  –  – RU R16  –  –  – จีโอกู 34
2562 T1 30 16 10 4 51 25 58 2 SF RU  –  – W GS  –  –  – สุภโชค สารชาติ 9
2563–64 T1 30 20 3 7 63 26 63 2 SF ยกเลิกการแข่งขัน  –  –  – PO  –  –  – สุภโชค สารชาติ 10
แชมเปียนส์ รองชนะเลิศ อันดับที่ 3 เลื่อนชั้น ตกชั้น กำลังแข่งขัน

ผลงานระดับทวีป

ฤดูกาล การแข่งขัน รอบ คู่แข่ง เหย้า เยือน รวม
2552 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ สิงคโปร์ กองทัพสิงคโปร์ 1–4
(ต่อเวลา)
เอเอฟซีคัพ กลุ่ม เอช เวียดนาม บิ่ญเซือง 1–3 1–1 อันดับที่ 3
สิงคโปร์ โฮม ยูไนเต็ด 2–1 1–3
มัลดีฟส์ วาเลนเซีย 4–1 3–1
2555 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม เอช ญี่ปุ่น คาชิวะ เรย์โซล 3–2 0–1 อันดับที่ 4
จีน กว่างโจว 1–2 2–1
เกาหลีใต้ ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 0–2 2–3
2556 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ ออสเตรเลีย บริสเบนรอร์ 0–0
(ต่อเวลา)
(3–0 ลูกโทษ)
กลุ่ม อี ญี่ปุ่น เวกัลตะ เซ็นได 1–1 1–1 อันดับที่ 2
เกาหลีใต้ เอฟซีโซล 0–0 2–2
จีน เจียงซู 2–0 0–2
รอบ 16 ทีมสุดท้าย อุซเบกิสถาน บุนยอดกอร์ 2–1 0–0 2–1
รอบก่อนรองชนะเลิศ อิหร่าน Esteghlal 1–2 0–1 1–3
2557 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม อี จีน ชานตงไท่ชาน 1–0 1–1 อันดับที่ 3
เกาหลีใต้ โปฮัง สตีลเลอร์ส 1–2 0–0
ญี่ปุ่น เซเรโซ โอซะกะ 2–2 0–4
2558 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม เอฟ เกาหลีใต้ ซ็องนัม 2–1 1–2 อันดับที่ 3
จีน กว่างโจวซิตี 5–0 2–1
ญี่ปุ่น กัมบะ โอซากะ 1–2 1–1
แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ รอบชิงชนะเลิศ กัมพูชา เบืองเกตอังกอร์ 1–0
2559 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม เอฟ เกาหลีใต้ เอฟซีโซล 0–6 1–2 อันดับที่ 4
จีน ชานตงไท่ชาน 0–0 0–3
ญี่ปุ่น ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ 0–2 0–3
แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ รอบชิงชนะเลิศ ลาว ล้านช้าง ยูไนเต็ด 2–0 0–1 2–1
2561 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม จี เกาหลีใต้ เชจูยูไนเต็ด 0–2 1–0 อันดับที่ 2
จีน กว่างโจว 1–1 1–1
ญี่ปุ่น เซเรซโซ โอซากะ 2–0 2–2
รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกาหลีใต้ ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 3–2 0–2 3–4
2562 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม จี ญี่ปุ่น อูราวะ เรดไดมอนส์ 1–2 0–3 อันดับที่ 4
เกาหลีใต้ ช็อนบุกฮุนไดมอเตอส์ 1–0 0–0
จีน เป่ย์จิงกั๋วอัน 1–3 0–2
2563 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือกรอบ 2 เวียดนาม โฮจิมินห์ซิตี 2–1
รอบเพลย์ออฟ จีน เซี่ยงไฮ้พอร์ต 0–3
2565 เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ เกาหลีใต้ แทกู

ผู้เล่น

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
1 GK ไทย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
2 MF ไทย ศศลักษณ์ ไหประโคน
3 DF ไทย พรรษา เหมวิบูลย์
4 DF ไทย ปิยพล ผานิชกุล
5 MF ไทย พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี
7 FW บราซิล ไมกง มาร์กิส
8 MF ไทย รัตนากร ใหม่คามิ
9 FW ไทย ศุภชัย ใจเด็ด
10 MF ไทย จักรพันธ์ แก้วพรม (รองกัปตันทีม)
11 MF ไทย ชุติพนธ์ ทองแท้
14 DF ไทย ชิติพัทธ์ แทนกลาง
15 DF ไทย นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (กัปตันทีม)
17 MF ไทย จักรกฤษ ลาภตระกูล
18 DF ไทย อภิวัฒน์ งั่วลำหิน
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
19 MF ไทย สุภโชค สารชาติ
22 DF อิรัก รีบีน ซูลากอ
26 DF บราซิล จีเกา
40 FW เคนยา อายุบ มาซิกา
54 FW ไทย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
55 DF ไทย ธีราทร บุญมาทัน
59 GK ไทย นพพล ละครพล
62 MF ไทย อิรฟาน ดอเลาะ
77 FW ประเทศพม่า อองตู
88 DF ไทย นิรันดร์ ฮานส์สัน
99 FW สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โจนาธาน โบลิงกี

ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
6 DF ไทย ทินกร อสุรินทร์ (ไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล)
16 DF ไทย ชินวัฒน์ วงศ์ไชย (ไป พีที ประจวบ จนจบฤดูกาล)
29 GK ไทย ยศพล เทียงดาห์ (ไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด จนจบฤดูกาล)
42 DF ไทย แมกซ์ ปีเตอร์ เครวีย์ (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
50 DF ไทย กฤษณะ ดาวกระจาย (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
53 DF ไทย ศราวุธ มั่นจิตร (ไป อ่างทอง จนจบฤดูกาล)
58 FW ไทย ภัทร สร้อยมาลัย (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
64 MF ไทย ธีรภักดิ์ เปรื่องนา (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
67 MF ไทย ธนดล ขาวสะอาด (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
76 FW ไทย กฤตภาส วิชัยดิษฐ (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
78 GK ไทย รณชาติ ภูชุม (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
82 DF ไทย ธนิศร ไพบูลย์กิจเจริญ (ไป ขอนแก่น จนจบฤดูกาล)
91 FW บราซิล ซามูแวล รอซา กงซัลวิส (ไป สมุทรปราการ ซิตี้ จนจบฤดูกาล)
FW ไทย อภิเดช จันทร์งาม (ไป อ่างทอง จนจบฤดูกาล)
MF ไทย ปัญญวัฒน์ นิสังรัมย์ (ไป บางกอก จนจบฤดูกาล)

บุคลากร

ผู้บริหาร

เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรคนปัจจุบัน
ตำแหน่ง ชื่อ
ประธานสโมสร ไทย เนวิน ชิดชอบ
รองประธานสโมสร ไทย กรุณา ชิดชอบ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ไทย กนกศักดิ์ ปิ่นแสง
ผู้จัดการทีม ไทย บริพัทธ์ สูนรอด
ผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน ไทย อุสา สุวรรณชาตรี
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ ไทย ประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ไทย ศศิรดา สุทธิลักษณ์
ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าที่ระลึก ไทย ชิดชนก ชิดชอบ
ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเยาวชน ไทย ชนม์ชนก ชิดชอบ
แพทย์ประจำสโมสร ไทย ผศ.ดร.นพ.ประวีร์ สิริเธียรทรรศน์

ทีมงานผู้ฝึกสอน

ตำแหน่ง ชื่อ
หัวหน้าศูนย์พัฒนาเยาวชน ญี่ปุ่น มาซายูกิ มิอูระ
หัวหน้าผู้ฝึกสอน ญี่ปุ่น มาซาตาดะ อิชิอิ
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ญี่ปุ่น จุน ฟูกูดะ
ผู้ฝึกสอนการรักษาประตู เซอร์เบีย โซรัน มิจาโนวิช
ผู้ฝึกสอนฟิตเนส ญี่ปุ่น กากุยะ ทัตสึตะ
ทีมกายภาพ ญี่ปุ่น โยเฮ ชิรากิ
บราซิล โจเซ เลรา
หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุด U-19 ไทย สุริยา ดอมไธสง

ทำเนียบผู้ฝึกสอน

รายชื่อผู้ฝึกสอน (2550 - ปัจจุบัน)

อรรถพล บุษปาคม หนึ่งในผู้ฝึกสอนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับสโมสร
ชื่อ สัญชาติ ระยะเวลา ความสำเร็จ
โชเซ อัลเวส เบอร์วิส บราซิล 2550 – 2550
ประพล พงษ์พาณิชย์ ไทย 2551 – พฤษภาคม 2552 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551
ทองสุข สัมปหังสิต ไทย พฤษภาคม 2552 – ตุลาคม 2552
ธนเดช ฟูประเสริฐ ไทย พฤศจิกายน 2552 – พฤษภาคม 2553
อรรถพล บุษปาคม ไทย 2 พฤษภาคม 2553 – 2 พฤษภาคม 2556 รองแชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553
รองแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2553
แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2554
แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2554
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2554
แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 2555
รองแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2555
แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2556
สกอตต์ คูเปอร์ อังกฤษ 2 พฤษภาคม 2556 – 10 กันยายน 2556
อาเลคันโดร เมเนนเดส การ์ซีอา สเปน 10 กันยายน 2556 – 11 เมษายน 2557 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2556
แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2556
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2556
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2557
แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2557
โบซีดาร์ บันโดวิช มอนเตเนโกร 11 เมษายน 2557 – 8 มิถุนายน 2557
อาเลชังดรี กามา บราซิล 8 มิถุนายน 2557 – 22 พฤษภาคม 2559 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2557
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2558
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2558
แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2558
แชมป์ แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ 2558
แชมป์ ช้าง เอฟเอคัพ 2558
แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2558
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2559
อัฟชิน ก็อตบี อิหร่าน 24 พฤษภาคม 2559 – 20 สิงหาคม 2559
รันกอ ปอปอวิช เซอร์เบีย 25 สิงหาคม 2559 – 13 มิถุนายน 2560 แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2559
แชมป์ แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ 2559
โบซีดาร์ บันโดวิช มอนเตเนโกร 13 มิถุนายน 2560 – 19 ตุลาคม 2563 แชมป์ ไทยลีก 2560
แชมป์ ไทยลีก 2561
แชมป์ ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 2562
รองแชมป์ ไทยลีก 2562
รองแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2562
อาเลชังดรี กามา บราซิล 22 ตุลาคม 2563 – 28 พฤศจิกายน 2564 รองแชมป์ ไทยลีก 2563–64
มาซาตาดะ อิชิอิ ญี่ปุ่น 1 ธันวาคม 2564 –

เกียรติประวัติ

รายการ ชนะเลิศ รองชนะเลิศ ปีชนะเลิศ ปีรองชนะเลิศ ปีที่เข้ารอบสูงสุด รอบ
เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 0 0 - - 2008, 2009, 2012 , 2013 , 2014 , 2015 รอบก่อนรองชนะเลิศ
เอเอฟซีคัพ 0 0 - - 2004 รอบเพลย์ออฟ
ไทยลีก 7 4 2551, 2554, 2556, 2557, 2558, 2560, 2561 2547/48, 2553, 2562, 2563–64 - -
ไทยเอฟเอคัพ 4 1 2554, 2555, 2556, 2558 2561 2554, 2555, 2556, 2543, 2561 รอบชิงชนะเลิศ
ไทยลีกคัพ 5 3 2554, 2555, 2556, 2558, 2559 2553, 2557, 2562 2553, 2554, 2555, 2556, 2557, 2558, 2559,2562 รอบชิงชนะเลิศ
ถ้วยพระราชทาน ก 4 2 2556, 2557, 2558, 2559 2552, 2555 2552, 2555, 2556, 2557, 2558, 2559 รอบชิงชนะเลิศ
ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ 1 1 2562 2561 2561, 2562 รอบชิงชนะเลิศ
ไทยลีกดิวิชั่น 1 0 1 - 2546 - -
แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ 2 0 2015, 2016 - - รอบชิงชนะเลิศ

ผู้สนับสนุน

สโมสรพันธมิตร

พันธมิตรในประเทศ

พันธมิตรต่างประเทศ

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 เนวินจะได้แต่ทีมการไฟฟ้าฯ แต่ไม่ได้นักเตะไปบุรีรัมย์
  2. 2.0 2.1 "87 คะแนน! บุรีรัมย์ทุบราชันมังกร 1-0 ทำลายสถิติแต้มสูงสุดไทยลีก". MThai. 7 ตุลาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. "เมื่อ "CHANG ARENA" คือชื่อใหม่ของ "I-mobile stadium" เหตุใดไอโมบายฯถึงไม่ได้ไปต่อ". บุรีรัมย์เวิลด์. 4 ธันวาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. "สโมสรไทยลีกฤดูกาล 2017 มีสนามเป็นของตัวเองแค่ 5 สโมสรเท่านั้น". BigHoyLive. 20 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. 5.0 5.1 ศึก AFC แชมเปียนส์ลีก สิทธิ์นี้ตกเป็นของใคร
  6. เนวินเบนเป้าเล็งดึงทัพบกเล่นบุรีรัมย์ สยามกีฬา, 5 พฤศจิกายน 2552
  7. 7.0 7.1 เนวิน ชิดชอบ จากไทยรัฐ
  8. บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์ ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ ลีก2011 Asian Thai NEWS Network, 17 ธันวาคม 2554
  9. 'วิชิต' ยัน 'บุรีรัมย์ พีอีเอ' ได้ถ้วยแชมป์นัดสุดท้าย ไทยรัฐ, 22 ธันวาคม 2554
  10. บุรีรัมย์เฮ 2-0 ซิว 3 แชมป์สมใจ จากผู้จัดการออนไลน์
  11. ′บุรีรัมย์′ อัด ′สิงห์เจ้าท่า′ คว้าถ้วย ′โตโยต้าลีกคัพ′ สร้างสถิติ "ทริปเปิ้ลแชมป์" สุดยิ่งใหญ่ จากมติชน
  12. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดดวลโทษคว่ำเซนไดซิวถ้วยที่4 จากสนุกดอตคอม
  13. "บุรีรัมย์พีอีเอ" เตรียมแถลงข่าวแยกตัวออกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ThaiPBS, 11 ธันวาคม 2554
  14. "บิ๊กเน" ยันสิทธิ์เตะ "แชมเปียนส์ลีก" เป็นของบุรีรัมย์
  15. ""เนวิน"ทุ่มซื้อสิทธิ์"พีอีเอ"ยุติปัญหาทั้งหมด". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-02-22. สืบค้นเมื่อ 2012-01-09.
  16. เยอร์โควิชเบิ้ล!บุรีรัมย์ป้องแชมป์ดับอาร์มี่2-1
  17. เยอร์โควิชซัดเบิ้ล!บุรีรัมย์รัวราชบุรี4-1ป้องแชมป์ลีกคัพ
  18. เยอร์โควิชเบิ้ล!บุรีรัมย์ป้องแชมป์ดับบางกอกกล็ส3-1
  19. เยอร์โควิชซัดเบิ้ล!บุรีรัมย์รัวราชบุรี2-1ป้องแชมป์ลีกคัพ
  20. "Report from Siamsport.co.th". Buriram United vs Muangthong United. Retrieved 26 December 2015.
  21. ซานโต้ยิงโทน! 'บุรีรัมย์' เฉือน 'บีจี' 1-0 คว้าแชมป์ถ้วย ก จาก ไทยรัฐ
  22. บุรีรัมย์เฉือนกูปรีคว้าแชมป์โตโยต้าลีกคัพ จาก โพสต์ทูเดย์
  23. "บุรีรัมย์" คว้าแชมป์แม่โขงคลับ จาก โพสต์ทูเดย์
  24. ปราสาทแกร่งจริง!ทุบกิเลน 3-1 ซิวแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ จาก สยามกีฬารายวัน
  25. ประวัติศาสตร์ต้องจารึก! “บุรีรัมย์” 5 แชมป์ ทีมแรกเอเชีย จาก สนุก.คอม
  26. พลิกล็อก! "บุรีรัมย์" พ่ายจุดโทษออลสตาร์เขมร "กิเลน" แพ้เหงียน จาก ผู้จัดการออนไลน์
  27. โมริตซ์-ดานิโลปลดล็อก! บุรีรัมย์อุ่นเชือดโปฮัง 2-1
  28. 'โมริตซ์' เบิ้ล! 'บุรีรัมย์' อัด 'ออลสตาร์ลีกลาว' 3-1 จาก ไทยรัฐ
  29. "โกซุลกิ" เหมา2ปราสาทแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์คัพ จาก เดลินิวส์
  30. ปราสาทผ่ากิเลน 3-1 ซิวถ้วย ก 4 สมัยติด
  31. เนวินขอบคุณGU12ยืนหยัดข้างบุรีรัมย์แม้จบACLด้วยสถิติแย่สุด
  32. แถลงการณ์จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
  33. ตารางคะแนนไทยลีก
  34. "เมืองทองฯ 3 - 1 บุรีรัมย์ : กิเลนฝังแค้นลึกลงใจปราสาท 10 คน". FourFourTwo. 3 สิงหาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  35. "ฝันสลาย!"บุรีรัมย์-บีจี"หมดลุ้น"ACL"หลังกิเลนร่วงช้างเอฟเอคัพ". Goal Thailand. 21 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 18 เมษายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  36. ""ปฏิบัติการทวงคืน-STRIKE BACK"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเปิดตัวยิ่งใหญ่สู้ศึกฤดูกาลใหม่". ข่าวสด.คอม. 13 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  37. "ล้านช้าง 1 - 0 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : ปราสาทเสียท่านัดแรกศึกชิงแม่โขง". โฟร์โฟร์ทู. 4 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  38. "บุรีรัมย์อัดล้านช้าง 2-0 พลิกซิวแชมป์แม่โขง 2 สมัยซ้อน". โกล.คอม. 8 ม.ค. 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  39. "บุรีรัมย์ 2-0 เมืองทอง : กิเลนแพ้นัดแรกร่วงจ่าฝูง". โฟร์โฟร์ทู. 3 เมษายน 2560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-21. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  40. รันกอ ปอปอวิช ลาออก
  41. บุรีรัมย์ตั้งโบซีดาร์ บันโดวิช คุมทีม
  42. "ชลบุรี 1-2 บุรีรัมย์ : ปราสาทขึ้นแท่นแชมป์เก็บแต้มมากสุด". โฟร์โฟร์ทู. 18 พฤศจิกายน 2560. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  43. "บุรีรัมย์ 0-2 เมืองทอง : ปราสาทตกรอบ 8 ทีมลีกคัพครั้งแรก". โฟร์โฟร์ทู. 11 ตุลาคม 2560. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-11. สืบค้นเมื่อ 25 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  44. "เชียงราย 2 (8) -2 (7) บุรีรัมย์ : กฎใหม่ใช้งานคุ้มกว่างฯแม่นโทษดับเซาะกราว". โฟร์โฟร์ทู. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  45. ""บุรีรัมย์" ทีมแรกจากไทยปักธงชัยที่เกาหลีใต้ACL". โกล.คอม. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  46. "บุรีรัมย์ 3-2 ชอนบุค : ปราสาทเปิดซิงทีมไทยชนะชอนบุค". โฟร์โฟร์ทู. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  47. "ชอนบุค 2 - 0 บุรีรัมย์ : ปราสาทต้านไม่อยู่ตกรอบ 16 ทีม ACL". โฟร์โฟร์ทู. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  48. "บุรีรัมย์ 2- 1 ราชบุรี : ปราสาทประเดิมชัยไทยลีก 2018". โฟร์โฟร์ทู. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  49. "บุรีรัมย์ฯ 2-0 โปลิศ เทโร : 'ปราสาทสายฟ้า' เข้าป้ายแชมป์ลีกหลังคว้าชัยเหนือมังกรโล่เงิน". โฟร์โฟร์ทู. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  50. "'บุรีรัมย์' พ่าย 'บางกอกกล๊าส เอฟซี' 1-2 ชวดเข้าชิงลีกคัพ". ไทยรัฐ. สืบค้นเมื่อ 26 กันยายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  51. "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถอนแค้นเชือด เชียงราย 3-1 เถลิงแชมป์ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2019". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  52. ""บุรีรัมย์" เปิดรังพ่าย "อูราวะ" 1-2 จอดป้ายรอบแบ่งกลุ่ม ACL". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  53. "บุรีรัมย์น้ำตาร่วงบุกเสมอเชียงใหม่1-1จบฤดูกาลมือเปล่า". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  54. "ราชบุรีน็อคบุรีรัมย์ 2-1 ผงาดชิงช้างเอฟเอคัพ". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  55. "'ประจวบ'ดวลเป้าโหด 9 คน ก่อนล้ม 'บุรีรัมย์' ซิวแชมป์ลีกคัพสมัยแรก". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  56. "ฉลอง10ปีจืด! 'บุรีรัมย์'วืดแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกใน9ปี". สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  57. "บุรีรัมย์ ไม่พลาด เฉือนโฮจิมินห์ 2-1 ลิ่วชนเซี่ยงไฮ้ ลุ้นตั๋วรอบแบ่งกลุ่ม ACL". สืบค้นเมื่อ 21 มกราคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  58. "ไฮไลท์ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี 3-0 บุรีรัมย์, โดนรัวครึ่งหลัง พังตกรอบ-ในศึก ACL 2020 รอบเพลย์ออฟ". สืบค้นเมื่อ 28 มกราคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  59. "บุรีรัมย์ แยกทาง "ตูเญซ" ปิดฉาก7ปี". สืบค้นเมื่อ December 2, 2021.
  60. ""ชลบุรี" เฉือน "บุรีรัมย์" 2-1 ทะลุชิง "ช้าง เอฟเอคัพ"". สืบค้นเมื่อ December 2, 2021.
  61. "กาม่ายืนยันแยกทางบุรีรัมย์แล้ว-เผยความรู้สึกทิ้งท้ายก่อนออกจากทีม". สืบค้นเมื่อ December 2, 2021.
  62. ""บุรีรัมย์" ประกาศดึง "อิชิอิ" เข้านั่งกุนซือล่าแชมป์ไทยลีกสมัย 8". สืบค้นเมื่อ December 2, 2021.
  63. "ตำนานคืนถิ่น! มารินอส แถลงปล่อย ธีราทร ซบ บุรีรัมย์". สืบค้นเมื่อ 18 December 2021.
  64. "ยลโฉมสนามไอ-โมบาย สเตเดียม อลังการมาตรฐานสุดจะบรรยาย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2012-10-02.
  65. "ปลดล็อก!คลีตันเบิ้ลนำกิเลนผยองบุกอัดบุรีรัมย์3-0". สยามกีฬา. 27 เมษายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  66. King, Ian; Schöggl, Hans; Stokkermans, Karel (20 มีนาคม 2014). "Thailand – List of Champions". RSSSF. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2014. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |lastauthoramp= ถูกละเว้น แนะนำ (|name-list-style=) (help) Select link to season required from chronological list.
  67. "ก้าวสำคัญ! บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จับมือ ดอร์ทมุนด์ สู่การเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพระดับโลก". Butitam United. สืบค้นเมื่อ 11 October 2018.
  68. "Borussia Dortmund partner up with Thai Champions Buriram United". 25 October 2018. สืบค้นเมื่อ 25 October 2018.
  69. "ระดับโลก! บุรีรัมย์จับมือดอร์ทมุนด์ร่วมพันธมิตรลูกหนัง".
  70. "BURIRAM UNITED FC LEICESTER CITY FC2 Football Clubs in Collaboration". kingpower.com.

แหล่งข้อมูลอื่น