ข้ามไปเนื้อหา

แอนน์ แบนครอฟต์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอนน์ แบนครอฟต์
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด17 กันยายน ค.ศ. 1931
แอนนา มาเรีย ลุยซา อิตาเลียโน
(Anna Maria Louisa Italiano) [1]
เดอะบรองซ์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เสียชีวิต6 มิถุนายน ค.ศ. 2005 (73 ปี)
แมนแฮตตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา [2]
คู่สมรสมาร์ติน เมย์ (1953-1957)
เมล บรูคส์ (1964)
บุตรแมกซ์ บรูคส์
อาชีพ
  • นักแสดง
  • นักร้อง
  • ผู้เขียนบท
  • ผู้กำกับภาพยนตร์
ปีที่แสดง1951 - 2005
รางวัล
ออสการ์Best Actress
- The Miracle Worker (1962)
เอมมีOutstanding Variety or Musical Program – Variety and Popular Music
- Annie: The Women in the Life of a Man (1970)
Outstanding Supporting Actress – Miniseries or a Movie
- Deep in My Heart (1999)
โทนีBest Performance by a Featured Actress in a Play
- Two for the Seesaw (1958)
Best Performance by a Leading Actress in a Play
- The Miracle Worker (1959)
ลูกโลกทองคำBest Actress in a Motion Picture
- The Pumpkin Eater (1964)
- The Graduate (1967)
แบฟตาBest Actress in a Leading Role
- The Miracle Worker (1962)
- The Pumpkin Eater (1964)
- 84 Charing Cross Road (1987)
ฐานข้อมูล
IMDb

แอนน์ แบนครอฟต์ (อังกฤษ: Anne Bancroft) นักแสดงหญิงชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน เธอมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ ละครเวที และละครโทรทัศน์ มีผลงานเด่นคือเรื่อง The Miracle Worker ละครเวทีในปี ค.ศ. 1959 ซึ่งเธอได้รับรางวัลโทนี จากนั้นได้มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1962 และเธอก็ได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทเดียวกัน [3] เธอยังเป็น 1 ในนักแสดงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรางวัลสามมงกุฎแห่งการแสดง (Triple Crown of Acting)

แบนครอฟต์ได้รับการยอมรับในความสามารถและความเก่งกาจทางการแสดง เธอใช้เทคนิคทางการแสดงที่เรียกว่า Method acting ซึ่งเป็นวิธีการแสดงแบบเข้าถึงตัวละครในทุกมิติ ด้วยการศึกษาสภาพจิตใจของตัวละครที่ต้องเล่นอย่างละเอียด อันทำให้เกิดความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์ที่แสดงอย่างครบถ้วนลึกซึ้ง เพื่อให้การแสดงมีความสมจริง เธอได้ร่ำเรียนเทคนิคดังกล่าวจาก ลี สตราสเบิร์ก ที่โรงเรียนการแสดง Actors Studio

แบนครอฟต์เริ่มต้นอาชีพการแสดงจากซีรีส์โทรทัศน์ หลังจากนั้นจึงมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง Don't Bother to Knock ร่วมกับ มาริลีน มอนโร ในปี 1952 และในระหว่าง 5 ปีถัดมา เธอได้แสดงภาพยนตร์ทั้งหมด 14 เรื่อง แต่บทบาทที่ได้รับนั้นล้วนแต่เป็นบทที่เธอไม่ได้พอใจกับมันมากนัก เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอแสดงความสามารถเท่าที่ควร ในปี 1958 เธอจึงพักจากวงการภาพยนตร์ และเริ่มแสดงละครเวทีเรื่องแรกคือ Two for the Seesaw เธอได้รับรางวัลโทนี[4]เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเธอได้รับบทเป็นแอนน์ ซัลลิแวนผู้เป็นทั้งคุณครูและเพื่อนของเฮเลน เคลเลอร์ ในละครเวทีที่สร้างมาจากเรื่องจริง คือเรื่อง The Miracle Worker ซึ่งเธอได้รับรางวัลโทนีอีกครั้งในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

หลังจากประสบความสำเร็จทางด้านละครเวทีแล้ว งานด้านภาพยนตร์ของแบนครอฟต์ก็ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอได้แสดงบทบาทเดิมในภาพยนตร์เรื่อง The Miracle Worker (1962) ซึ่งดัดแปลงมาจากละครเวที เธอได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แบนครอฟต์จึงเป็นนักแสดงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรางวัลโทนีและออสการ์จากบทบาทเดียวกัน หลังจากนั้น อาชีพนักแสดงของเธอก็ก้าวหน้าต่อไปอีกเรื่อย ๆ ด้วยการแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในเรื่อง The Pumpkin Eater (1964), The Graduate (1967), The Turning Point (1977) และ Agnes of God (1985)

ในปี ค.ศ. 1967 แบนครอฟต์ได้รับบทในภาพยนตร์ The Graduate (พิษรักแรงสวาท) เป็นคุณนายโรบินสัน สาวใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับเด็กรุ่นลูก คู่กับดัสติน ฮอฟแมน ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จที่สุดในรอบปี ตัวละครคุณนายโรบินสันโดดเด่นไม่แพ้พระเอกนางเอกของเรื่อง และจากการแสดงที่มีมิติน่าจดจำนั้นทำให้แบนครอฟต์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากทั้งรางวัลออสการ์ รางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัลบาฟตา โดยเธอได้รับหนึ่งรางวัลลูกโลกทองคำ [5] อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบทบาทคุณนายโรบินสันจะเป็นที่จดจำอย่างกว้างขวาง แต่แบนครอฟต์ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไรนัก โดยเธอได้กล่าวในการสัมภาษณ์หลายครั้งว่าบทบาทดังกล่าวนี้บดบังบทบาทอื่น ๆ ที่เธอก็ทุ่มเทกับการแสดงเป็นอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งยังทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอซึ่งตรงข้ามกับบทคุณนายโรบินสันอย่างสิ้นเชิงด้วย [6]

สำหรับงานด้านโทรทัศน์ แบนครอฟต์ได้แสดงในมินิซีรีส์และภาพยนตร์โทรทัศน์มากมาย โดยเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมีหกครั้ง รางวัลลูกโลกทองคำแปดครั้ง [7][8] และสองครั้งสำหรับรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์

แบนครอฟต์ได้ทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Fatso (1980) ซึ่งเธอถือเป็นผู้กำกับหญิงคนแรก ๆ ของภาพยนตร์ภายใต้ระบบสตูดิโอใหญ่ ทั้งนี้แบนครอฟต์ยังสนับสนุนแนวคิดแบบสตรีนิยมด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงจำนวนมากเข้ามาทำงานเบื้องหลังในกองถ่าย นอกจากนี้ยังได้วิพากษ์ปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างนักแสดงหญิงและชายไว้หลายครั้ง

ด้านชีวิตส่วนตัว แอนน์ แบนครอฟต์ สมรสกับ เมล บรูคส์ นักแสดงตลก ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และโปรดิวเซอร์ โดยทั้งสองได้ร่วมงานกันทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในผลงานภาพยนตร์มากมาย เช่น To Be or Not to Be (1983) หรือ The Elephant Man (มนุษย์ช้าง) (1980) ซึ่งอำนวยการสร้างโดยบรูคส์ และแบนครอฟต์นำแสดง แบนครอฟต์ปรากฎตัวบทหน้าจอครั้งสุดท้ายในซิทคอมเรื่อง Curb Your Enthusiasm ปี 2004 ร่วมกับบรูคส์ [9] ต่อมาในปี 2005 แบนครอฟต์เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมดลูกด้วยวัย 73 ปี

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Anne Bancroft". The Daily Telegraph. June 9, 2005. สืบค้นเมื่อ June 15, 2015.
  2. Staff writer. (June 8, 2005). "Graduate Star Anne Bancroft Dies – Oscar-Winning Actress Anne Bancroft, Who Starred Opposite Dustin Hoffman in Film Classic The Graduate, Has Died". BBC News. Retrieved August 29, 2010.
  3. "Graduate star Anne Bancroft dies.". BBC News. 8 June 2005.
  4. https://www.playbill.com/production/two-for-the-seesaw-booth-theatre-vault-0000001730
  5. http://www.imdb.com/name/nm0000843/awards
  6. "Why Anne Bancroft Was So Much More Than Mrs. Robinson". Best Movies by Farr (ภาษาอังกฤษ).
  7. "Anne Bancroft". Television Academy (ภาษาอังกฤษ).
  8. "Anne Bancroft". Golden Globes (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  9. "Curb Your Enthusiasm: Season 4, Episode 10 - Rotten Tomatoes". www.rottentomatoes.com (ภาษาอังกฤษ).

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]