แอนน์ แบนครอฟต์
แอนน์ แบนครอฟต์ | |
---|---|
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 17 กันยายน ค.ศ. 1931 แอนนา มาเรีย ลุยซา อิตาเลียโน (Anna Maria Louisa Italiano) [1] เดอะบรองซ์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา |
เสียชีวิต | 6 มิถุนายน ค.ศ. 2005 (73 ปี) แมนแฮตตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา [2] |
คู่สมรส | มาร์ติน เมย์ (1953-1957) เมล บรูคส์ (1964) |
บุตร | แมกซ์ บรูคส์ |
อาชีพ |
|
ปีที่แสดง | 1951 - 2005 |
รางวัล | |
ออสการ์ | Best Actress - The Miracle Worker (1962) |
เอมมี | Outstanding Variety or Musical Program – Variety and Popular Music - Annie: The Women in the Life of a Man (1970) Outstanding Supporting Actress – Miniseries or a Movie - Deep in My Heart (1999) |
โทนี | Best Performance by a Featured Actress in a Play - Two for the Seesaw (1958) Best Performance by a Leading Actress in a Play - The Miracle Worker (1959) |
ลูกโลกทองคำ | Best Actress in a Motion Picture - The Pumpkin Eater (1964) - The Graduate (1967) |
แบฟตา | Best Actress in a Leading Role - The Miracle Worker (1962) - The Pumpkin Eater (1964) - 84 Charing Cross Road (1987) |
ฐานข้อมูล | |
IMDb |
แอนน์ แบนครอฟต์ (อังกฤษ: Anne Bancroft) นักแสดงหญิงชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน เธอมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ ละครเวที และละครโทรทัศน์ มีผลงานเด่นคือเรื่อง The Miracle Worker ละครเวทีในปี ค.ศ. 1959 ซึ่งเธอได้รับรางวัลโทนี จากนั้นได้มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1962 และเธอก็ได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทเดียวกัน [3] เธอยังเป็น 1 ในนักแสดงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรางวัลสามมงกุฎแห่งการแสดง (Triple Crown of Acting)
แบนครอฟต์ได้รับการยอมรับในความสามารถและความเก่งกาจทางการแสดง เธอใช้เทคนิคทางการแสดงที่เรียกว่า Method acting ซึ่งเป็นวิธีการแสดงแบบเข้าถึงตัวละครในทุกมิติ ด้วยการศึกษาสภาพจิตใจของตัวละครที่ต้องเล่นอย่างละเอียด อันทำให้เกิดความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์ที่แสดงอย่างครบถ้วนลึกซึ้ง เพื่อให้การแสดงมีความสมจริง เธอได้ร่ำเรียนเทคนิคดังกล่าวจาก ลี สตราสเบิร์ก ที่โรงเรียนการแสดง Actors Studio
แบนครอฟต์เริ่มต้นอาชีพการแสดงจากซีรีส์โทรทัศน์ หลังจากนั้นจึงมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง Don't Bother to Knock ร่วมกับ มาริลีน มอนโร ในปี 1952 และในระหว่าง 5 ปีถัดมา เธอได้แสดงภาพยนตร์ทั้งหมด 14 เรื่อง แต่บทบาทที่ได้รับนั้นล้วนแต่เป็นบทที่เธอไม่ได้พอใจกับมันมากนัก เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอแสดงความสามารถเท่าที่ควร ในปี 1958 เธอจึงพักจากวงการภาพยนตร์ และเริ่มแสดงละครเวทีเรื่องแรกคือ Two for the Seesaw เธอได้รับรางวัลโทนี[4]เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเธอได้รับบทเป็นแอนน์ ซัลลิแวนผู้เป็นทั้งคุณครูและเพื่อนของเฮเลน เคลเลอร์ ในละครเวทีที่สร้างมาจากเรื่องจริง คือเรื่อง The Miracle Worker ซึ่งเธอได้รับรางวัลโทนีอีกครั้งในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
หลังจากประสบความสำเร็จทางด้านละครเวทีแล้ว งานด้านภาพยนตร์ของแบนครอฟต์ก็ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอได้แสดงบทบาทเดิมในภาพยนตร์เรื่อง The Miracle Worker (1962) ซึ่งดัดแปลงมาจากละครเวที เธอได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แบนครอฟต์จึงเป็นนักแสดงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรางวัลโทนีและออสการ์จากบทบาทเดียวกัน หลังจากนั้น อาชีพนักแสดงของเธอก็ก้าวหน้าต่อไปอีกเรื่อย ๆ ด้วยการแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในเรื่อง The Pumpkin Eater (1964), The Graduate (1967), The Turning Point (1977) และ Agnes of God (1985)
ในปี ค.ศ. 1967 แบนครอฟต์ได้รับบทในภาพยนตร์ The Graduate (พิษรักแรงสวาท) เป็นคุณนายโรบินสัน สาวใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กับเด็กรุ่นลูก คู่กับดัสติน ฮอฟแมน ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จที่สุดในรอบปี ตัวละครคุณนายโรบินสันโดดเด่นไม่แพ้พระเอกนางเอกของเรื่อง และจากการแสดงที่มีมิติน่าจดจำนั้นทำให้แบนครอฟต์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากทั้งรางวัลออสการ์ รางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัลบาฟตา โดยเธอได้รับหนึ่งรางวัลลูกโลกทองคำ [5] อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบทบาทคุณนายโรบินสันจะเป็นที่จดจำอย่างกว้างขวาง แต่แบนครอฟต์ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไรนัก โดยเธอได้กล่าวในการสัมภาษณ์หลายครั้งว่าบทบาทดังกล่าวนี้บดบังบทบาทอื่น ๆ ที่เธอก็ทุ่มเทกับการแสดงเป็นอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งยังทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอซึ่งตรงข้ามกับบทคุณนายโรบินสันอย่างสิ้นเชิงด้วย [6]
สำหรับงานด้านโทรทัศน์ แบนครอฟต์ได้แสดงในมินิซีรีส์และภาพยนตร์โทรทัศน์มากมาย โดยเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมีหกครั้ง รางวัลลูกโลกทองคำแปดครั้ง [7][8] และสองครั้งสำหรับรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์
แบนครอฟต์ได้ทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Fatso (1980) ซึ่งเธอถือเป็นผู้กำกับหญิงคนแรก ๆ ของภาพยนตร์ภายใต้ระบบสตูดิโอใหญ่ ทั้งนี้แบนครอฟต์ยังสนับสนุนแนวคิดแบบสตรีนิยมด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงจำนวนมากเข้ามาทำงานเบื้องหลังในกองถ่าย นอกจากนี้ยังได้วิพากษ์ปัญหาความไม่เท่าเทียมระหว่างนักแสดงหญิงและชายไว้หลายครั้ง
ด้านชีวิตส่วนตัว แอนน์ แบนครอฟต์ สมรสกับ เมล บรูคส์ นักแสดงตลก ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และโปรดิวเซอร์ โดยทั้งสองได้ร่วมงานกันทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในผลงานภาพยนตร์มากมาย เช่น To Be or Not to Be (1983) หรือ The Elephant Man (มนุษย์ช้าง) (1980) ซึ่งอำนวยการสร้างโดยบรูคส์ และแบนครอฟต์นำแสดง แบนครอฟต์ปรากฎตัวบทหน้าจอครั้งสุดท้ายในซิทคอมเรื่อง Curb Your Enthusiasm ปี 2004 ร่วมกับบรูคส์ [9] ต่อมาในปี 2005 แบนครอฟต์เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมดลูกด้วยวัย 73 ปี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Anne Bancroft". The Daily Telegraph. June 9, 2005. สืบค้นเมื่อ June 15, 2015.
- ↑ Staff writer. (June 8, 2005). "Graduate Star Anne Bancroft Dies – Oscar-Winning Actress Anne Bancroft, Who Starred Opposite Dustin Hoffman in Film Classic The Graduate, Has Died". BBC News. Retrieved August 29, 2010.
- ↑ "Graduate star Anne Bancroft dies.". BBC News. 8 June 2005.
- ↑ https://www.playbill.com/production/two-for-the-seesaw-booth-theatre-vault-0000001730
- ↑ http://www.imdb.com/name/nm0000843/awards
- ↑ "Why Anne Bancroft Was So Much More Than Mrs. Robinson". Best Movies by Farr (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Anne Bancroft". Television Academy (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Anne Bancroft". Golden Globes (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "Curb Your Enthusiasm: Season 4, Episode 10 - Rotten Tomatoes". www.rottentomatoes.com (ภาษาอังกฤษ).