ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เวด บาร์เร็ตต์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 23: บรรทัด 23:


ใน [[FCW]] เวด บาร์เร็ตต์ เป็นคู่แทคทีมกับ [[ดรูว์ แมคอินไตย์]] ในนามของ '''The Empire''' และสามารถเอาชนะ [[เอ็ดดี้ โคลอน|พรีโม่]] และ [[เอริค เอสโคบาร์]] จนได้เป็นแชมป์ [[ฟลอริดาแชมเปี้ยนชิพเรสต์ลิง|ฟลอริดาแทคทีมแชมเปี้ยนชิพ]] ไปในที่สุด และใน [[OVW]] เวด บาร์เร็ตต์ ได้จับคู่แทคทีมกับ [[พอล เบอร์ชิลล์]] และยังสามารถคว้าแชมป์ [[OVW Southern Tag Team Championship]] มาได้ในที่สุด ใน WWE เวด บาร์เร็ตต์ เป็นผู้ชนะในรายการ WWE NXT ซีซั่นที่ 1 และเป็นหัวหน้ากลุ่ม [[The Nexus]]
ใน [[FCW]] เวด บาร์เร็ตต์ เป็นคู่แทคทีมกับ [[ดรูว์ แมคอินไตย์]] ในนามของ '''The Empire''' และสามารถเอาชนะ [[เอ็ดดี้ โคลอน|พรีโม่]] และ [[เอริค เอสโคบาร์]] จนได้เป็นแชมป์ [[ฟลอริดาแชมเปี้ยนชิพเรสต์ลิง|ฟลอริดาแทคทีมแชมเปี้ยนชิพ]] ไปในที่สุด และใน [[OVW]] เวด บาร์เร็ตต์ ได้จับคู่แทคทีมกับ [[พอล เบอร์ชิลล์]] และยังสามารถคว้าแชมป์ [[OVW Southern Tag Team Championship]] มาได้ในที่สุด ใน WWE เวด บาร์เร็ตต์ เป็นผู้ชนะในรายการ WWE NXT ซีซั่นที่ 1 และเป็นหัวหน้ากลุ่ม [[The Nexus]]

===เวิล์ดเรสต์ลิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (2007 - ปัจจุบัน) ===


=====ปี 2010=====
=====ปี 2010=====

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:51, 5 เมษายน 2554

เวด บาร์เร็ตต์
เกิด (1980-08-10) 10 สิงหาคม ค.ศ. 1980 (43 ปี)
Preston, England
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ
ชื่อบนสังเวียนLawrence Knight
Stu Bennett
Stu Sanders
Wade Barrett
ส่วนสูง6 ft 5 in (1.96 m)
น้ำหนัก265 lb (120 kg)
มาจากManchester, England
ฝึกหัดโดยJon Richie
Al Snow
เปิดตัวมิถุนายน ค.ศ. 2004
เวด บาร์เร็ตต์ กับ กลุ่มเดอะเน็กซัส

สจวร์ท "สตู" อเล็กซานเดอร์ เบนเนตต์ (อังกฤษ: Stuart "Stu" Alexander Bennett)[1][2] (born 10 August 1980)[1] เกิดวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1980 ที่ Preston, England มาจาก Manchester, England อายุ 30 ปี เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอังกฤษ ได้รับการฝึกหัดมาจาก Jon Richie ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามสังเวียนมวยปล้ำมีชื่อว่า เวด บาร์เร็ตต์ (อังกฤษ: Wade Barrett) ในปัจจุบันเขาได้เซ็นสัญญาปล้ำให้กับสมาคม เวิลด์เรสต์ลิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หรือ (WWE) ในค่ายสังกัด SmackDown และเป็นผู้ชนะในรายการ WWE NXT รูกี้ ซีซั่น 1

ประวัติในวงการมวยปล้ำ

ใน FCW เวด บาร์เร็ตต์ เป็นคู่แทคทีมกับ ดรูว์ แมคอินไตย์ ในนามของ The Empire และสามารถเอาชนะ พรีโม่ และ เอริค เอสโคบาร์ จนได้เป็นแชมป์ ฟลอริดาแทคทีมแชมเปี้ยนชิพ ไปในที่สุด และใน OVW เวด บาร์เร็ตต์ ได้จับคู่แทคทีมกับ พอล เบอร์ชิลล์ และยังสามารถคว้าแชมป์ OVW Southern Tag Team Championship มาได้ในที่สุด ใน WWE เวด บาร์เร็ตต์ เป็นผู้ชนะในรายการ WWE NXT ซีซั่นที่ 1 และเป็นหัวหน้ากลุ่ม The Nexus

เวิล์ดเรสต์ลิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (2007 - ปัจจุบัน)

ปี 2010

เวด บาร์เร็ตต์ ได้นำกลุ่ม The Nexus เปิดตัวครั้งแรก ในศึก RAW และรุมเล่นงาน จอห์น ซีนา จนได้รับบาดเจ็บ แถมยังทำลายข้าวของในศึก RAW จนพังยับเยิน ต่อมาในศึก Money in the Bank (2010) กลุ่ม The Nexus ก็ได้ไปรบกวนกาปล้ำของ จอห์น ซีนา ในการชิง แชมป์โลก WWE กับ เชมัส ในกรงเหล็ก ทำให้ จอห์น ซีนา แพ้ให้กับ เชมัส ในที่สุด ต่อมา ในศึก ซัมเมอร์สแลม (2010) กลุ่ม The Nexus จะต้องปล้ำแทคทีม 7 ต่อ 7 ในแมตช์การปล้ำ Elimination Match โดยสมาชิกในกลุ่มของ เวด บาร์เร็ตต์ มี ดาร์เรน ยัง, เดวิด โอทังก้า, ฮีท สเลเตอร์, จัสติน เกเบรียล, ไมเคิล ทาร์เวอร์ และ สกิพ เชฟฟิลด์ เจอกับ Team WWE มี จอห์น ซีนา, เบรต ฮาร์ต, คริส เจอริโค, เอดจ์, จอห์น มอร์ริสัน, อาร์ ทรูต และ เดอะ เกรท คาลี โดยก่อนที่จะถึงศึก ซัมเมอร์สแลม นั้น The Nexus ได้มาลอบทำร้าย เดอะ เกรท คาลี จนทำให้ไม่สามารถร่วมปล้ำในครั้งนี้ได้ แต่ จอห์น ซีนา ได้นำ แดเนียล ไบรอัน อดีตกลุ่ม The Nexus มาร่วม Team WWE แทน เดอะ เกรท คาลี และสุดท้ายทีม The Nexus ก็เป็นฝ่ายแพ้ให้กับ Team WWE โดย เวด บาร์เร็ตต์ ถูก จอห์น ซีนา เล่นงาน ด้วยท่า STF จนต้องตบพื้นยอมแพ้ไปในที่สุด ต่อมา ในศึก Night of Champions (2010) เวด บาร์เร็ตต์ จะต้องเจอกับ แรนดี ออร์ตัน, จอห์น ซีนา, เชมัส, เอดจ์, คริส เจอริโค ในแมตช์การปล้ำ Elimination Champions เพื่อชิงแชมป์โลก WWE แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้.[3] และในศึก เฮลล์อินเอเซลล์ (2010) เวด บาร์เร็ตต์ จะต้องเจอกับ จอห์น ซีนา โดยถ้า จอห์น ซีนา ชนะ The Nexus ต้องแตกทีมกันไปแต่ถ้า เวด บาร์เร็ตต์ ชนะ จอห์น ซีนา จะต้องเข้ากลุ่ม The Nexus ในระหว่างการปล้ำ ก็ถูก ไมเคิล แมคกิลลิคัตตี้ และ ฮัสกี้ แฮร์ริส จากรายการ WWE NXT รูกี้ ซีซั่น 2 เข้ามาก่อกวนการปล้ำ และเล่นงาน จอห์น ซีนา ทำให้ เวด บาร์เร็ตต์ เป็นฝ่ายเอาชนะ จอห์น ซีนา มาได้ และทำให้ จอห์น ซีนา ต้องเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม The Nexus ในที่สุด.[4] ต่อมา ในศึก แบรกกิ้ง ไรท์ส (2010) เวด บาร์เร็ตต์ จะต้องเจอกับ แรนดี ออร์ตัน ในแมตช์การปล้ำชิงแชมป์โลก WWE โดยมี จอห์น ซีนา ยืนอยู่ข้างเวที โดย เวด บาร์เร็ตต์ ถูก จอห์น ซีนา ใส่ Attitude Adjustment ทำให้ เวด บาร์เร็ตต์ ชนะฟาล์ว แต่สุดท้าย แรนดี ออร์ตัน ก็ยังเป็นแชมป์ต่อไป.[5] และในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ (2010) เวด บาร์เร็ตต์ ได้ขอท้าชิงแชมป์โลก WWE กับ แรนดี ออร์ตัน อีกครั้ง และมี จอห์น ซีนา เป็นกรรมการพิเศษ โดยถ้า เวด บาร์เร็ตต์ เป็นฝ่ายชนะก็จะได้เป็น แชมป์โลก WWE และ จอห์น ซีนา ก็จะได้ออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่ม The Nexus อย่างถาวรแต่ถ้า เวด บาร์เร็ตต์ แพ้ จอห์น ซีนา ก็ต้องออกจาก WWE และสุดท้าย เวด บาร์เร็ตต์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทำให้ จอห์น ซีนา ก็ต้องออกจาก WWE ไปในที่สุด[6].[7] และในศึก RAW ต่อมา เวด บาร์เร็ตต์ ได้ขอท้าชิงแชมป์โลก WWE กับ แรนดี ออร์ตัน อีกครั้ง โดยก่อนปล้ำ เวด บาร์เร็ตต์ ให้กลุ่ม The Nexus มาเล่นงาน แรนดี ออร์ตัน ทำให้ เวด บาร์เร็ตต์ ได้เปรียบมากเพราะ แรนดี ออร์ตัน เจ็บหัวเข่า แต่สุดท้าย เวด บาร์เร็ตต์ ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์โลก WWE มาได้ เพราะ จอห์น ซีนา ได้มาก่อกวนการปล้ำของ เวด บาร์เร็ตต์ ทำให้ เวด บาร์เร็ตต์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ แรนดี ออร์ตัน ไปในที่สุด.[8] ต่อมา เวด บาร์เร็ตต์ จึงต้องเรียก จอห์น ซีนา กลับมา WWE อีกครั้ง และในศึก TLC: Tables, Ladders & Chairs (2010) เวด บาร์เร็ตต์ จะต้องเจอกับ จอห์น ซีนา ในรูปแบบการปล้ำ Chairs Match แต่สุดท้าย เวด บาร์เร็ตต์ ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ จอห์น ซีนา ไปในที่สุด [9] ต่อมา ซีเอ็ม พังค์ ได้มาเป็นหัวหน้ากลุ่ม The Nexus แทน เวด บาร์เร็ตต์

ปี 2011

ในศึก RAW ต่อมา เวด บาร์เร็ตต์ จะต้องเจอกับ เชมัส และ แรนดี ออร์ตัน ในการปล้ำ 3 เส้า โดยถ้าใครชนะก็จะได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์โลก WWE กับ เดอะ มิซ ในศึก รอยัลรัมเบิล (2011) สุดท้ายกลายเป็น แรนดี ออร์ตัน ที่เป็นฝ่ายชนะ เพราะ ซีเอ็ม พังค์ หัวหน้ากลุ่ม The Nexus คนใหม่ ได้มาก่อกวนการปล้ำของ เวด บาร์เร็ตต์ และดึงปลอกแขนสมาชิกของกลุ่ม The Nexus ออก ทำให้ เวด บาร์เร็ตต์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับ แรนดี ออร์ตัน และออกจากการเป็นสมาชิก The Nexus ไปในที่สุด.[10]ต่อมา เวด บาร์เร็ตต์ ได้ย้ายไปอยู่ค่าย SmackDown และได้มาก่อกวนการปล้ำของ บิ๊กโชว์ ทำให้ บิ๊กโชว์ แค้นมาก จึงไปขอท้าเจอกับ เวด บาร์เร็ตต์ ในศึก SmackDown ต่อมา ผลสรุป คือ แมตช์จบลงโดยไม่มีผลการตัดสิน เพราะ ฮีท สเลเตอร์ กับ จัสติน เกเบรียล ออกมาช่วย เวด บาร์เร็ตต์ รุมเล่นงาน บิ๊กโชว์ และยังมี อีเซเคียล แจ็คสัน ออกมาช่วยรุมเล่นงาน บิ๊กโชว์ อีกคน จนทำให้ บิ๊กโชว์ หมดสภาพ[11] และต่อมา เวด บาร์เร็ตต์ ได้ตั้งชื่อกลุ่มว่า The Corre โดย เวด บาร์เร็ตต์ เป็นหัวหน้ากลุ่ม และสมาชิกมี อีเซเคียล แจ็คสัน, ฮีท สเลเตอร์ และ จัสติน เกเบรียล[12] ต่อมาในศึก รอยัลรัมเบิล (2011) เวด บาร์เร็ตต์ ได้เข้าร่วมในแมตช์การปล้ำ รอยัลรัมเบิล โดยออกมาเป็นคนที่ 30 แต่สุดท้าย เวด บาร์เร็ตต์ ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะ ต่อมาในศึก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011) เวด บาร์เร็ตต์ จะต้องเจอกับ เอดจ์, เคน, เรย์ มิสเตริโอ, ดรูว์ แมคอินไตย์ และ บิ๊กโชว์ ในแมตช์การปล้ำ Elimination Chamber เพื่อชิง แชมป์โลกเฮฟวี่เวท แต่สุดท้ายกลายเป็น เอดจ์ เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ที่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้สำเร็จ[13] ล่าสุด ในศึก SmackDown เวด บาร์เร็ตต์ สามารถเอาชนะ โคฟี่ คิงส์ตัน และคว้า แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล มาได้สำเร็จ[14] ต่อมา ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 กลุ่ม The Corre จะต้องปล้ำแทคทีม 8 คน โดยสมาชิกในกลุ่มของ เวด บาร์เร็ตต์ มี อีเซเคียล แจ็คสัน, ฮีท สเลเตอร์ และ จัสติน เกเบรียล เจอกับ บิ๊กโชว์, เคน, ซานติโน่ มาเรลล่า และ โคฟี่ คิงส์ตัน และสุดท้ายกลุ่ม The Corre ก็เป็นฝ่ายแพ้ให้กับทีมของ บิ๊กโชว์ ไปในที่สุด

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "Wade Barrett profile". Online World of Wrestling. สืบค้นเมื่อ 8 June 2008.
  2. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ arrest record
  3. Tylwalk, Nick (20 September 2010). "Few gimmicks, more title changes at Night of Champions". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 25 September 2010.
  4. Hillhouse, Dave (4 October 2010). "Hell in a Cell: Betrayal, fan interference, and flying shoes". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 4 October 2010.
  5. Sokol, Bryan (25 October 2010). "Cena central to Bragging Rights; Smackdown wins again". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 25 October 2010.
  6. Sokol, Bryan (26 October 2010). "Raw: All the fallout from Bragging Rights". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 22 November 2010.
  7. Plummer, Dale (22 November 2010). "The fate of Cena is finally decided at so-so Survivor Series". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 22 November 2010. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |coauthors= ถูกละเว้น แนะนำ (|author=) (help)
  8. Plummer, Dale (22 November 2010). "RAW: The Miz cashes in as Nexus costs Orton WWE title". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 23 November 2010.
  9. Sokol, Bryan (20 December 2010). "TLC delivers highs, lows and a new champ". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 20 December 2010.
  10. Plummer (3 January 2011). "RAW: Nexus under new management". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 4 January 2011. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |fiest= ถูกละเว้น (help)
  11. Caldwell, James (5 January 2011). "WWE News: Smackdown Spoilers – four big developments at Tuesday's TV taping for Friday's first episode of 2011". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 5 January 2011.
  12. Richmond, Adam (19 January 2011). "WWE News: spoilers – second detailed Smackdown TV taping report – match results, key angles, overall review of TV taping experience". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 20 January 2011.
  13. Burdick, Michael (20 February 2011). "Results: Steel survivor". World Wrestling Entrtainment. สืบค้นเมื่อ 20 January 2011.
  14. Tucker, Benjamin (22 March 2011). "WWE News: Smackdown spoilers 3/25 - Quick Smackdown results for Friday's show including a significant development". Pro Wrestling Torch. สืบค้นเมื่อ 23 March 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น

แม่แบบ:WWE NXT winners แม่แบบ:Nexus (professional wrestling) แม่แบบ:The Corre