ปลาเทพา
ปลาเทพา | |
---|---|
ปลาเทพาแบบปกติ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอตา Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | ปลาที่มีก้านครีบ |
อันดับ: | อันดับปลาหนัง |
วงศ์: | Pangasiidae |
สกุล: | ปลาสังกะวาด Smith, 1931 |
สปีชีส์: | Pangasius sanitwongsei |
ชื่อทวินาม | |
Pangasius sanitwongsei Smith, 1931 | |
ชื่อพ้อง[1] | |
|
ปลาเทพา หรือที่ในภาษาอีสานเรียกว่า ปลาเลิม เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pangasius sanitwongsei อยู่ในวงศ์ปลาสวาย (Pangasiidae) ชื่อวิทยาศาสตร์ของปลาชนิดนี้ตั้งโดย ดร.ฮิว แมคคอร์มิค สมิธ อธิบดีกรมประมงคนแรก เพื่อเป็นเกียรติแด่หม่อมราชวงศ์สุวพันธุ์ สนิทวงศ์ ในฐานะที่เป็นผู้ผลักดันและบุกเบิกให้มีหน่วยงานทางด้านการศึกษาและจัดการสัตว์น้ำในประเทศ ซึ่งก็คือกรมประมงในปัจจุบัน
ถิ่นที่อยู่
[แก้]ปลาเทพาพบเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำโขงเท่านั้น แต่ปัจจุบันหาได้ยากมากในแหล่งน้ำธรรมชาติเนื่องจากการทำประมงเกินขนาดและมลพิษทางน้ำ อย่างไรก็ตาม กรมประมงสามารถเพาะขยายพันธุ์ปลาชนิดนี้ได้แล้วด้วยวิธีผสมเทียม
ลักษณะ
[แก้]ปลาเทพามีส่วนหัวและปากกว้างกว่าปลาชนิดอื่นในสกุลเดียวกัน มีหนวดยาวพอประมาณใต้ปากล่าง 1 คู่ มุมปาก 1 คู่ ใช้หาอาหาร มีฟันแหลมคม รูปร่างป้อม ลำตัวแบนข้างเล็กน้อย ไม่มีเกล็ด ส่วนหลังยกสูง รูปร่างคล้ายปลาสวายเว้นแต่มีปลายก้านครีบอันแรกของครีบหลัง ครีบอก และครีบท้องยื่นเป็นเส้นยาว ครีบไขมันมีขนาดเล็ก ครีบหางเว้าลึก มีแถบสีจางตามแนวยาวทั้ง 2 แฉก ปลาวัยอ่อนมีสีเทาคล้ำ ข้างลำตัวมีแถบสีคล้ำแนวเฉียง ท้องสีจาง ครีบมีแต้มสีดำ ส่วนปลาตัวเต็มวัยมีลำตัวสีเทาคล้ำ ท้องสีจาง ครีบสีคล้ำ ครีบก้นตอนหน้ามีแถบสีคล้ำตามแนวยาว
ปลาเทพาได้รับฉายาว่า "เจ้าแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา" เนื่องจากเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลุ่มแม่น้ำสายนี้ โดยเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดลำตัวยาวประมาณ 1–1.25 เมตร ขนาดใหญ่สุดพบยาวกว่า 3 เมตร[2] และมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ทั้งยังมีลักษณะโดดเด่นตรงที่มีก้านครีบขนาดใหญ่และปลายครีบเป็นเส้นยาว เวลาว่ายน้ำจะตั้งชันเหมือนครีบปลาฉลาม ทำให้ปลาชนิดนี้ดูสง่างามกว่าปลาชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน
พฤติกรรม
[แก้]ปลาวัยอ่อนกินปลาเล็กเป็นอาหาร ปลาวัยโตกินซากสัตว์อื่นและปลาเล็ก
ความสัมพันธ์กับมนุษย์
[แก้]เนื้อปลาเทพามักถูกนำมาขายแทนเนื้อปลาบึก (Pangasinodon gigas) ซึ่งหายากและมีราคาแพงกว่า นอกจากนี้แล้วยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นปลาพิการที่ลำตัวสั้นกว่าปกติจะมีราคาสูงมาก
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Jenkins, A.; Kullander, F.F. & Tan, H.H. (2009). "Pangasius sanitwongsei". The IUCN Red List of Threatened Species. IUCN. 2009: e.T15945A5324983. doi:10.2305/IUCN.UK.2009-2.RLTS.T15945A5324983.en.
- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2556, หน้า 581.