ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โสดาบัน"
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
== ประเภท == |
== ประเภท == |
||
*1. '''เอกพีชี''' ผู้มีพืชคืออัตตภาพอันเดียว คือ เกิดอีกครั้งเดียว ก็จักบรรลุเป็น[[พระอรหันต์]] |
|||
*2. '''โกลังโกละ''' ผู้ไปจากสกุลสู่สกุล คือ เกิดในตระกูลสูงอีก 2-3 ครั้ง หรือเกิดในสุคติอีก 2-3 ภพ ก็จักบรรลุอรหัต |
|||
ดังที่กล่าวมาแล้วพระโสดาบันสามารถละสังโยชน์ 3 ประการ ตัดขาดออกจากใจได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษนั้น แม้ว่าจะตัดสังโยชน์ได้เพียง 3 ประการก็ตาม แต่ก็สามารถตัดเส้นทางในการเวียนว่ายตายเกิดให้สั้นลงได้อีกด้วย เพราะผู้เป็นโสดาบันบุคคลมีกฎตายตัวว่า ย่อมเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของพระโสดาบันได้เป็น 3 ประเภท3) ดังนี้ |
|||
*3. '''สัตตักขัตตุงปรมะ''' ผู้มีเจ็ดครั้งเป็นอย่างยิ่ง คือ เวียนเกิดในสุคติภพอีกอย่างมากเพียง 7 ครั้ง ก็จักบรรลุอรหันต์ |
|||
ประเภทที่ 1 เอกพีชีโสดาบัน จะเกิดเพียงชาติเดียว เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการเสวยวิมุตติสุขในอายตนนิพพานมากที่สุด เพราะเมื่อมาเกิดแล้ว ลงมือปฏิบัติธรรมก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา |
|||
ประเภทที่ 2 โกลังโกลโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลที่มีความพิเศษรองลงมา คือ จะมาเกิดอีกเพียง 2-3 ชาติเท่านั้น แล้วจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ |
|||
ประเภทที่ 3 สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือ เป็นพระอริยบุคคล ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป |
|||
การที่พระโสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังที่กล่าวมา เพราะว่าการสั่งสมบุญบารมี อีกทั้งอินทรีย์ 5 ที่อบรมมาแตกต่างกัน เช่น ผู้ที่สร้างบารมีมาอย่างแก่กล้า เกิดในภพชาตินี้ เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ถึงความแก่รอบสม่ำเสมอ ก็สามารถบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว พระโสดาบันประเภทนี้ คือ ประเภทเอกพีชีดังกล่าว |
|||
== ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุโสดาบันในพุทธกาล หรือบรรลุธรรมจักษุ == |
== ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุโสดาบันในพุทธกาล หรือบรรลุธรรมจักษุ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:11, 7 เมษายน 2558
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
โสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสธรรม ผู้แรกถึงกระแสธรรม
การละสังโยชน์
โสดาบัน เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลประเภทแรกใน ๔ ประเภท คือ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วด้วยการละ สังโยชน์ เบื้องต่ำ ๓ ประการได้คือ
1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นเวทนาเป็นตน
2. วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยในพระรัตนตรัย และในกุศลธรรมทั้งหลาย
3. สีลัพพตปรามาส คือ ความยึดมั่นในข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ที่เข้าใจว่าเป็นข้อปฏิบัติที่บริสุทธิ์หลุดพ้น เช่น การประพฤติวัตรอย่างโค การนอนบนหนามของพวกโยคี เป็นต้น
ความเป็นพระโสดาบันนี้ก็เช่นเดียวกับความเป็นพระอริยบุคคลประเภทอื่น ๆ ที่มิได้จำกัดอยู่เฉพาะเพศบรรพชิต(นักบวช) เท่านั้น แม้ คฤหัสถ์ คือชายหรือหญิงผู้ครองเรือน ก็สามารถเป็นพระโสดาบันได้ เช่น ในสมัยพุทธกาลคฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันที่มีชื่อเสียงก็มีจำนวนมากได้แก่ นางวิสาขามหาอุบาสิกา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร เป็นต้น
การเข้าถึงกระแสธรรมของพระโสดาบันนั้น เป็นการยกระดับจิตใจของท่านอย่างถาวร ทำให้ท่านไม่สามารถกลับมาเป็นปุถุชนได้อีก เป็นผู้ที่จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ (เช่น นรก หรือ เดียรฉาน) ทั้งยังเป็นผู้ที่จะบรรลุพระนิพพานในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน
ประเภท
ดังที่กล่าวมาแล้วพระโสดาบันสามารถละสังโยชน์ 3 ประการ ตัดขาดออกจากใจได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษนั้น แม้ว่าจะตัดสังโยชน์ได้เพียง 3 ประการก็ตาม แต่ก็สามารถตัดเส้นทางในการเวียนว่ายตายเกิดให้สั้นลงได้อีกด้วย เพราะผู้เป็นโสดาบันบุคคลมีกฎตายตัวว่า ย่อมเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของพระโสดาบันได้เป็น 3 ประเภท3) ดังนี้
ประเภทที่ 1 เอกพีชีโสดาบัน จะเกิดเพียงชาติเดียว เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการเสวยวิมุตติสุขในอายตนนิพพานมากที่สุด เพราะเมื่อมาเกิดแล้ว ลงมือปฏิบัติธรรมก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา
ประเภทที่ 2 โกลังโกลโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลที่มีความพิเศษรองลงมา คือ จะมาเกิดอีกเพียง 2-3 ชาติเท่านั้น แล้วจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
ประเภทที่ 3 สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือ เป็นพระอริยบุคคล ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
การที่พระโสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังที่กล่าวมา เพราะว่าการสั่งสมบุญบารมี อีกทั้งอินทรีย์ 5 ที่อบรมมาแตกต่างกัน เช่น ผู้ที่สร้างบารมีมาอย่างแก่กล้า เกิดในภพชาตินี้ เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ถึงความแก่รอบสม่ำเสมอ ก็สามารถบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว พระโสดาบันประเภทนี้ คือ ประเภทเอกพีชีดังกล่าว
ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุโสดาบันในพุทธกาล หรือบรรลุธรรมจักษุ
- 1.พระนางวิสาขามหาอุบาสิกาฝ่าย ทายิกา
- 2.ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมหาอุบาสก ฝ่ายทายก
- 3.นางสิริมา หญิงโสเภณี
- 4.พระนางสามาวดี มหาอุบาสิกาฝ่ายเมตตาวิหารี
เป็นต้น ฯลฯ
อ้างอิง
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุดคำวัด วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548