ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019"

แก้ไขลิงก์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรียกดูประวัติแบบโต้ตอบ
← การแก้ไขก่อนหน้าการแก้ไขถัดไป →
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
เห็นภาพข้อความวิกิ
Portalian (คุย | ส่วนร่วม)
ผู้ตรวจตรา
การแก้ไข 17,879 ครั้ง
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''โรคติ'''
{{ความหมายอื่น|ตัวโรค|เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรค|โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)|||การระบาด|การระบาดทั่วของโคโรนาไวรัส พ.ศ. 2562–2563}}
{{Infobox medical condition (new)
| name = {{PAGENAME}}
| synonyms = * COVID-19
* 2019-nCoV acute respiratory disease
* Novel coronavirus pneumonia<ref name=NHC2020Name/>
| image = Symptoms_of_coronavirus_disease_2019_2.0-th.svg
| alt =
| caption = อาการของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
| pronounce =
| specialty = [[โรคติดเชื้อ (การแพทย์เฉพาะทาง)]], วิทยาปอด, [[เวชศาสตร์ป้องกัน]]
| symptoms = มีไข้, ไอ, หายใจไม่สะดวก
| complications = [[ปอดบวม|ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส]], [[กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน]], [[ไตวายเฉียบพลัน]]
| onset =
| duration =
| types =
| causes = [[โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)|โคโรนาไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2]]
| risks =
| diagnosis = [[ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส|ตรวจด้วยวิธี พีซีอาร์]], ภาพทางการแพทย์
| differential =
| prevention =
| treatment = รักษาตามอาการ
| medication =
| prognosis =
| frequency =
| deaths =
}}
'''โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019''' ({{lang-en|coronavirus disease 2019}}) หรือ '''โรคไวรัสโคโรนา 19'''<ref>{{cite web
|url=https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/26459
|title=รายงานข่าวกรณีโรคไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
|last=
|first=
|date=12 กุมภาพันธ์ 2563
|website=thaigov.go.th
|publisher=รัฐบาลไทย
|access-date=12 กุมภาพันธ์ 2563
|quote=}}</ref>, '''COVID-19'''<ref>{{cite web|url=https://www.channelnewsasia.com/news/world/wuhan-virus-coronavirus-who-new-name-12424116|title=Novel coronavirus to be called COVID-19, says WHO|date=11 February 2020|accessdate=11 February 2020}}</ref><ref>{{Cite web|url=https://www.bbc.com/news/world-asia-china-51466362|title=Coronavirus disease named Covid-19|date=February 11, 2020|via=www.bbc.co.uk}}</ref><ref>{{cite report |url= https://www.who.int/docs/default-source/coronaviruse/situation-reports/20200130-sitrep-10-ncov.pdf |title=Novel Coronavirus (‎‎‎2019-nCoV)‎‎‎: situation report, 10|publisher=[[World Health Organization]] |vauthors=((World Health Organization))|year=2020}}</ref> เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อ[[โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่_(SARS-CoV-2)|โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2)]] ซึ่งเป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไวรัสที่ก่อ[[โรคซาร์ส]]<ref name="autogenerated2">{{Cite journal|last=Gorbalenya|first=Alexander E.|date=2020-02-11|title=Severe acute respiratory syndrome-related coronavirus – The species and its viruses, a statement of the Coronavirus Study Group|url=https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.02.07.937862v1|journal=bioRxiv|pages=2020.02.07.937862|doi=10.1101/2020.02.07.937862|access-date=11 February 2020|archive-url=https://web.archive.org/web/20200211175138/https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.02.07.937862v1|archive-date=11 February 2020}}</ref><ref>{{Cite news|url=https://www.bbc.com/news/world-asia-china-51466362|title=Coronavirus disease named Covid-19|date=2020-02-11|work=[[BBC News]]|access-date=2020-02-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20200211162411/https://www.bbc.com/news/world-asia-china-51466362|archive-date=11 February 2020}}</ref> โรคนี้ถูกค้นพบในช่วงเวลาและเป็นสาเหตุของ[[การระบาดทั่วของโคโรนาไวรัส พ.ศ. 2562–2563|การระบาดทั่วของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ.ศ. 2562–2563]]<ref name="Hui14Jan2020">{{vcite journal|authors=Hui DS, I Azhar E, Madani TA, Ntoumi F, Kock R, Dar O, Ippolito G, Mchugh TD, Memish ZA, Drosten C, Zumla A, Petersen E|title=The continuing 2019-nCoV epidemic threat of novel coronaviruses to global health – The latest 2019 novel coronavirus outbreak in Wuhan, China|journal=Int J Infect Dis|year=2020 Jan 14|volume=91|issue=|pages=264–266|pmid=31953166|doi=10.1016/j.ijid.2020.01.009}}</ref><ref>{{cite web|url=https://www.who.int/news-room/q-a-detail/q-a-coronaviruses|title=Q&A on coronaviruses|website=[[World Health Organization]] (WHO)|archive-url=https://web.archive.org/web/20200120174649/https://www.who.int/news-room/q-a-detail/q-a-coronaviruses|archive-date=20 January 2020|access-date=27 January 2020}}</ref> เคยเป็นที่รู้จักในชื่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน 2019-nCoV, โรคปอดบวมอู่ฮั่น (Wuhan pneumonia) รวมทั้งชื่ออื่น&nbsp;ๆ<ref name="NHC2020Name">{{Cite web|url=http://www.nhc.gov.cn/yzygj/s7653p/202002/18c1bb43965a4492907957875de02ae7.shtml|title=国家卫生健康委关于新型冠状病毒肺炎暂命名事宜的通知|last=|first=|date=7 February 2020|access-date=9 February 2020}}</ref>


) หรือ '''โรคไวรัสโคโรนา 19''', '''COVID-19''' เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไวรัสที่ก่อ โรคนี้ถูกค้นพบในช่วงเวลาและเป็นสาเหตุของ เคยเป็นที่รู้จักในชื่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน 2019-nCoV, โรคปอดบวมอู่ฮั่น (Wuhan pneumonia) รวมทั้งชื่ออื่น&nbsp;ๆ
วิธีการติดต่อโรคหลักในมนุษย์คือการติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดจากละอองสารคัดหลั่งจากระบบการหายใจของบุคคลที่ติดเชื้อ ซึ่งมี[[อาการไอ]] หรือ[[อาการจาม|จาม]]<ref name=":0">{{Cite web|url=https://www.ecdc.europa.eu/en/novel-coronavirus-china/questions-answers|title=Q & A on novel coronavirus|website=European Centre for Disease Prevention and Control|language=en|access-date=2020-02-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20200205054338/https://www.ecdc.europa.eu/en/novel-coronavirus-china/questions-answers|archive-date=5 February 2020}}</ref> มีระยะฟักตัวของโรคระหว่าง 2 ถึง 14 วัน<ref>{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/symptoms.html|title=Symptoms of Novel Coronavirus (2019-nCoV) {{!}} CDC|date=2020-02-10|website=www.cdc.gov|access-date=2020-02-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20200130202038/https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/symptoms.html|archive-date=30 January 2020}}</ref> การส่งผ่านเชื้อสามารถจำกัดด้วยการล้างมือ และสุขอนามัยที่ดี<ref name=autogenerated1>{{Cite web|url=https://www.moh.gov.sg/2019-ncov-wuhan|title=MOH {{!}} Updates on 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) Local Situation|website=www.moh.gov.sg|access-date=2020-02-11}}</ref><ref name=":1">{{Cite web|url=https://www.health.gov.au/health-topics/novel-coronavirus-2019-ncov|title=Novel coronavirus (2019-nCoV)|last=Health|first=Australian Government Department of|date=2020-01-21|website=Australian Government Department of Health|access-date=2020-02-11}}</ref>


วิธีการติดต่อโรคหลักในมนุษย์คือการติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดจากละอองสารคัดหลั่งจากระบบการหายใจของบุคคลที่ติดเชื้อ ซึ่งมี หรือ มีระยะฟักตัวของโรคระหว่าง 2 ถึง 14 วัน การส่งผ่านเชื้อสามารถจำกัดด้วยการล้างมือ และสุขอนามัยที่ดี
⚫
ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรค[[ไข้หวัดใหญ่]]<ref name=":0" /><ref name=":1" /> โรคนี้อาจเริ่มปรากฏจากไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย แล้วอาจพัฒนาเป็น[[มีไข้]], ไอ, [[หายใจลำบาก]], [[ปวดกล้ามเนื้อ]] และ[[อ่อนเพลีย]]<ref name="pmid32031570">{{cite journal|url=https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2761044|vauthors=Wang D, Hu B, Hu C, Zhu F, Liu X, Zhang J, Wang B, Xiang H, Cheng Z, Xiong Y, Zhao Y, Li Y, Wang X, Peng Z|date=February 2020|title=Clinical Characteristics of 138 Hospitalized Patients With 2019 Novel Coronavirus-Infected Pneumonia in Wuhan, China|journal=JAMA|doi=10.1001/jama.2020.1585}}</ref> ซึ่งการพัฒนาต่ออาจนำไปสู่อาการ[[ปอดอักเสบ]], [[กลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน]], [[ติดเชื้อในกระแสเลือด]], [[ช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด]] และเสียชีวิต ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วความพยายามจำกัดอยู่ที่การรักษาตามอาการ และการประคับประคองการทำงานของระบบอวัยวะ<ref name="cdc21Jan20202">{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html|title=Prevention and Treatment|date=9 August 2019|publisher=Centers for Disease Control and Prevention (CDC)|archive-url=https://web.archive.org/web/20191215193934/https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html|archive-date=15 December 2019|access-date=21 January 2020}}</ref>


⚫
ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรค โรคนี้อาจเริ่มปรากฏจากไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย แล้วอาจพัฒนาเป็น, ไอ, , และ ซึ่งการพัฒนาต่ออาจนำไปสู่อาการ, , , และเสียชีวิต ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วความพยายามจำกัดอยู่ที่การรักษาตามอาการ และการประคับประคองการทำงานของระบบอวัยวะ
⚫
เริ่มมีการระบุโรคในนคร[[อู่ฮั่น]]เมืองเอกของ[[มณฑลหูเป่ย์]] ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ต่อมามีรายงานการติดเชื้อทั่วโลก กรณีที่รายงานนอกประเทศจีนส่วนใหญ่อยู่ในคนที่เพิ่งเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อในท้องถิ่นเช่นกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายพันรายในจีนแผ่นดินใหญ่และในส่วนอื่น ๆ ของโลก<ref name="bno1">{{Cite web |url=https://bnonews.com/index.php/2020/01/the-latest-coronavirus-cases/ |title=Tracking coronavirus: Map, data and timeline |date=10 February 2020 |website=BNO News |access-date=10 February 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200128010639/https://bnonews.com/index.php/2020/01/the-latest-coronavirus-cases/ |archive-date=28 January 2020}}</ref> อย่างไรก็ตาม มีการสืบเสาะจนสามารถระบุตัวผู้ป่วยรายแรกได้ เป็นชายชาวอู่ฮั่นอายุ 55 ปี โดยถูกตรวจว่าติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562<ref>{{Cite web|url=https://www.thairath.co.th/news/foreign/1794936|title=เผยจีน สืบหาจนเจอ ‘ผู้ป่วยรายที่หนึ่ง’ ในหูเป่ย ติดโควิด-19 ได้แล้ว|date=2020-03-21|access-date=2020-03-21|website=ไทยรัฐ}}</ref>


⚫
เริ่มมีการระบุโรคในนครเมืองเอกของ ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ต่อมามีรายงานการติดเชื้อทั่วโลก กรณีที่รายงานนอกประเทศจีนส่วนใหญ่อยู่ในคนที่เพิ่งเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อในท้องถิ่นเช่นกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายพันรายในจีนแผ่นดินใหญ่และในส่วนอื่น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม มีการสืบเสาะจนสามารถระบุตัวผู้ป่วยรายแรกได้ เป็นชายชาวอู่ฮั่นอายุ 55 ปี โดยถูกตรวจว่าติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าพวกเขากำลังติดเชื้อไวรัสสวมหน้ากากป้องกันใบหน้า และขอคำแนะนำทางการแพทย์ด้วยการโทรศัพท์แทนที่จะไปที่คลินิกโดยตรงด้วยตนเอง<ref>{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/steps-when-sick.html|title=2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV)|last=CDC|date=2020-02-11|website=Centers for Disease Control and Prevention|access-date=2020-02-15}}</ref><ref>{{Cite web|url=https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public|title=Advice for public|website=www.who.int|access-date=2020-02-15}}</ref> องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ. ศ. 2562-2563 เป็น[[ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ]] (PHEIC)<ref>{{Cite web|url=https://www.who.int/news-room/detail/30-01-2020-statement-on-the-second-meeting-of-the-international-health-regulations-(2005)-emergency-committee-regarding-the-outbreak-of-novel-coronavirus-(2019-ncov)|title=Statement on the second meeting of the International Health Regulations (2005) Emergency Committee regarding the outbreak of novel coronavirus (2019-nCoV)|website=www.who.int|access-date=2020-02-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20200131005904/https://www.who.int/news-room/detail/30-01-2020-statement-on-the-second-meeting-of-the-international-health-regulations-(2005)-emergency-committee-regarding-the-outbreak-of-novel-coronavirus-(2019-ncov)|archive-date=31 January 2020}}</ref><ref>{{Cite web |url=http://www.washingtonpost.com/world/asia_pacific/coronavirus-china-live-updates/2020/02/05/114ced8a-479c-11ea-bc78-8a18f7afcee7_story.html |title=Hundreds of evacuees to be held on bases in California; Hong Kong and Taiwan restrict travel from mainland China |publisher=The Washington Post|editor1= Shibani Mahtani|editor2= Miriam Berger|editor3= Siobhán O'Grady|editor4= Marisa Iati|access-date=11 February 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200207134650/https://www.washingtonpost.com/world/asia_pacific/coronavirus-china-live-updates/2020/02/05/114ced8a-479c-11ea-bc78-8a18f7afcee7_story.html |archive-date=7 February 2020}}</ref> เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 มีเพียงจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ที่การแพร่กระจายของโรคในชุมชนยังคงดำเนินอยู่<ref>{{Cite web|url=https://www.ecdc.europa.eu/en/areas-presumed-ongoing-community-transmission-2019-ncov|title=Areas with presumed ongoing community transmission of 2019-nCoV|website=European Centre for Disease Prevention and Control|language=en|access-date=2020-02-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20200203195724/https://www.ecdc.europa.eu/en/areas-presumed-ongoing-community-transmission-2019-ncov|archive-date=3 February 2020}}</ref>

องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าพวกเขากำลังติดเชื้อไวรัสสวมหน้ากากป้องกันใบหน้า และขอคำแนะนำทางการแพทย์ด้วยการโทรศัพท์แทนที่จะไปที่คลินิกโดยตรงด้วยตนเอง องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ. ศ. 2562-2563 เป็น (PHEIC)_ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 มีเพียงจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ที่การแพร่กระจายของโรคในชุมชนยังคงดำเนินอยู่


== อาการและอาการแสดง ==
== อาการและอาการแสดง ==
ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเช่น มีไข้ ไอ หายใจถี่<ref>{{Cite journal|last=Chen|first=Nanshan|last2=Zhou|first2=Min|last3=Dong|first3=Xuan|last4=Qu|first4=Jieming|display-authors=3|date=2020-01-30|title=Epidemiological and clinical characteristics of 99 cases of 2019 novel coronavirus pneumonia in Wuhan, China: a descriptive study|url=https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(20)30211-7/abstract|journal=The Lancet|volume=0|issue=10223|pages=507–513|doi=10.1016/S0140-6736(20)30211-7|issn=0140-6736}}</ref><ref name="Hessen27Jan2020">{{Cite web |url=https://www.elsevier.com/connect/coronavirus-information-center |title=Novel Coronavirus Information Center: Expert guidance and commentary |last=Hessen |first=Margaret Trexler |date=27 January 2020 |website=Elsevier Connect |access-date=31 January 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200130171622/https://www.elsevier.com/connect/coronavirus-information-center |archive-date=30 January 2020 }}</ref><ref name="CDC2020Sym">{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/symptoms.html|title=Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Symptoms|date=10 February 2020|website=Centers for Disease Control and Prevention}}</ref> อาการ[[ท้องเสีย]] หรืออาการของระบบหายใจส่วนบน (เช่น จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ) ซึ่งพบไม่มากนัก<ref name="Huang24Jan2020">{{Cite journal|last=Huang|first=Chaolin|last2=Wang|first2=Yeming|last3=Li|first3=Xingwang|last4=Ren|first4=Lili|display-authors=3|date=24 January 2020|title=Clinical features of patients infected with 2019 novel coronavirus in Wuhan, China|journal=Lancet|volume=395|issue=10223|pages=497–506|doi=10.1016/S0140-6736(20)30183-5|issn=0140-6736|pmid=31986264}}</ref> ผู้ป่วยสามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดอักเสบรุนแรง ความล้มเหลวของหลายอวัยวะ และการเสียชีวิต<ref name="Hui14Jan2020"/><ref name="WHOQ&A27Jan202">{{Cite web|url=https://www.who.int/news-room/q-a-detail/q-a-coronaviruses|title=Q&A on coronaviruses|website=who.int|archive-url=https://web.archive.org/web/20200120174649/https://www.who.int/news-room/q-a-detail/q-a-coronaviruses|archive-date=20 January 2020|access-date=27 January 2020}}</ref>
ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเช่น มีไข้ ไอ หายใจถี่<ref>{{Cite journal|last=Chen|first=Nanshan|last2=Zhou|first2=Min|last3=Dong|first3=Xuan|last4=Qu|first4=Jieming|display-authors=3|date=2020-01-30|title=Epidemiological and clinical characteristics of 99 cases of 2019 novel coronavirus pneumonia in Wuhan, China: a descriptive study|url=https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(20)30211-7/abstract|journal=The Lancet|volume=0|issue=10223|pages=507–513|doi=10.1016/S0140-6736(20)30211-7|issn=0140-6736}}</ref><ref name="Hessen27Jan2020">{{Cite web |url=https://www.elsevier.com/connect/coronavirus-information-center |title=Novel Coronavirus Information Center: Expert guidance and commentary |last=Hessen |first=Margaret Trexler |date=27 January 2020 |website=Elsevier Connect |access-date=31 January 2020 |archive-url=https://web.archive.org/web/20200130171622/https://www.elsevier.com/connect/coronavirus-information-center |archive-date=30 January 2020 }}</ref><ref name="CDC2020Sym">{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/symptoms.html|title=Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Symptoms|date=10 February 2020|website=Centers for Disease Control and Prevention}}</ref> อาการ[[ท้องเสีย]] หรืออาการของระบบหายใจส่วนบน (เช่น จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ) ซึ่งพบไม่มากนัก<ref name="Huang24Jan2020">{{Cite journal|last=Huang|first=Chaolin|last2=Wang|first2=Yeming|last3=Li|first3=Xingwang|last4=Ren|first4=Lili|display-authors=3|date=24 January 2020|title=Clinical features of patients infected with 2019 novel coronavirus in Wuhan, China|journal=Lancet|volume=395|issue=10223|pages=497–506|doi=10.1016/S0140-6736(20)30183-5|issn=0140-6736|pmid=31986264}}</ref> ผู้ป่วยสามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดอักเสบรุนแรง ความล้มเหลวของหลายอวัยวะ และการเสียชีวิต<ref name="Hui14Jan2020">{{vcite journal|authors=Hui DS, I Azhar E, Madani TA, Ntoumi F, Kock R, Dar O, Ippolito G, Mchugh TD, Memish ZA, Drosten C, Zumla A, Petersen E|title=The continuing 2019-nCoV epidemic threat of novel coronaviruses to global health – The latest 2019 novel coronavirus outbreak in Wuhan, China|journal=Int J Infect Dis|year=2020 Jan 14|volume=91|issue=|pages=264–266|pmid=31953166|doi=10.1016/j.ijid.2020.01.009}}</ref><ref name="WHOQ&A27Jan202">{{Cite web|url=https://www.who.int/news-room/q-a-detail/q-a-coronaviruses|title=Q&A on coronaviruses|website=who.int|archive-url=https://web.archive.org/web/20200120174649/https://www.who.int/news-room/q-a-detail/q-a-coronaviruses|archive-date=20 January 2020|access-date=27 January 2020}}</ref>


ระยะเวลาการฟักตัวของโรค เวลาสำหรับการเริ่มแสดงอาการประมาณ 2 ถึง 10 วันระบุโดย[[องค์การอนามัยโลก]]<ref>{{cite report | vauthors=((World Health Organization)) | year=2020 |url= https://www.who.int/docs/default-source/coronaviruse/situation-reports/20200126-sitrep-6-2019--ncov.pdf | title=Novel Coronavirus (2019-nCoV): situation report, 6 | publisher=[[World Health Organization]] }}</ref> และ 2 ถึง 14 วันระบุโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)<ref name="CDC2020Sym" />
ระยะเวลาการฟักตัวของโรค เวลาสำหรับการเริ่มแสดงอาการประมาณ 2 ถึง 10 วันระบุโดย[[องค์การอนามัยโลก]]<ref>{{cite report | vauthors=((World Health Organization)) | year=2020 |url= https://www.who.int/docs/default-source/coronaviruse/situation-reports/20200126-sitrep-6-2019--ncov.pdf | title=Novel Coronavirus (2019-nCoV): situation report, 6 | publisher=[[World Health Organization]] }}</ref> และ 2 ถึง 14 วันระบุโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)<ref name="CDC2020Sym" />
บรรทัด 53: บรรทัด 19:
[[ไฟล์:SARS-CoV-2 (yellow).jpg|thumb|ภาพจาก[[กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราด]]แสดงเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (สีเหลือง)]]
[[ไฟล์:SARS-CoV-2 (yellow).jpg|thumb|ภาพจาก[[กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราด]]แสดงเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (สีเหลือง)]]
{{หลัก|โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)}}
{{หลัก|โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)}}
สาเหตุของโรคนี้คือไวรัสที่มีชื่อว่า severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) หรือที่เรียกว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV)<ref name="autogenerated2"/> เชื่อว่าเป็น[[โรครับจากสัตว์|โรคติดเชื้อไวรัสที่รับมาจากสัตว์]] (Zoonotic)<ref>{{cite journal |last1=Zhou |first1=Peng |last2=Yang |first2=Xing-Lou |last3=Wang |first3=Xian-Guang |last4=Hu |first4=Ben |display-authors=3 |title=Discovery of a novel coronavirus associated with the recent pneumonia outbreak in humans and its potential bat origin |journal=bioRxiv |date=23 January 2020 |pages=2020.01.22.914952 |doi=10.1101/2020.01.22.914952 |url=https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.01.22.914952v2 |accessdate=5 February 2020 |archiveurl=https://web.archive.org/web/20200124223105/https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.01.22.914952v2 |archivedate=24 January 2020}}</ref>
สาเหตุของโรคนี้คือไวรัสที่มีชื่อว่า severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) หรือที่เรียกว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV)<ref name="autogenerated2">{{Cite journal|last=Gorbalenya|first=Alexander E.|date=2020-02-11|title=Severe acute respiratory syndrome-related coronavirus – The species and its viruses, a statement of the Coronavirus Study Group|url=https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.02.07.937862v1|journal=bioRxiv|pages=2020.02.07.937862|doi=10.1101/2020.02.07.937862|access-date=11 February 2020|archive-url=https://web.archive.org/web/20200211175138/https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.02.07.937862v1|archive-date=11 February 2020}}</ref> เชื่อว่าเป็น[[โรครับจากสัตว์|โรคติดเชื้อไวรัสที่รับมาจากสัตว์]] (Zoonotic)<ref>{{cite journal |last1=Zhou |first1=Peng |last2=Yang |first2=Xing-Lou |last3=Wang |first3=Xian-Guang |last4=Hu |first4=Ben |display-authors=3 |title=Discovery of a novel coronavirus associated with the recent pneumonia outbreak in humans and its potential bat origin |journal=bioRxiv |date=23 January 2020 |pages=2020.01.22.914952 |doi=10.1101/2020.01.22.914952 |url=https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.01.22.914952v2 |accessdate=5 February 2020 |archiveurl=https://web.archive.org/web/20200124223105/https://www.biorxiv.org/content/10.1101/2020.01.22.914952v2 |archivedate=24 January 2020}}</ref>


รูปแบบการแพร่กระจายหลักของโรคคือผ่านละอองสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจจากบุคคลที่ติดเชื้อซึ่งได้ จาม หรือไอ หรือจากการหายใจออก<ref name=":0"/> เจ้าหน้าที่ในนคร[[เซี่ยงไฮ้]]ยืนยันรูปแบบการถ่ายทอดเชื้อหลายแบบรวมถึงการส่งผ่านโดยตรง, การส่งผ่านโดยการสัมผัส และผ่านละอองในอากาศ ซึ่งสองแบบหลังเกี่ยวโยงกับการส่งผ่านเมื่อ มีคนสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนด้วยละอองของสารคัดหลั่งจาก[[ระบบทางเดินหายใจ]] และการหายใจเอาอากาศที่มีการฟุ้งกระจายของละอองสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจเข้าไป<ref>{{Cite web|url=https://www.chinadaily.com.cn/a/202002/08/WS5e3e7d97a310128217275fc3.html|title=Shanghai officials reveal novel coronavirus transmission modes - Chinadaily.com.cn|last=江巍|website=www.chinadaily.com.cn|access-date=2020-02-13}}</ref>
รูปแบบการแพร่กระจายหลักของโรคคือผ่านละอองสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจจากบุคคลที่ติดเชื้อซึ่งได้ จาม หรือไอ หรือจากการหายใจออก<ref name=":0">{{Cite web|url=https://www.ecdc.europa.eu/en/novel-coronavirus-china/questions-answers|title=Q & A on novel coronavirus|website=European Centre for Disease Prevention and Control|language=en|access-date=2020-02-11|archive-url=https://web.archive.org/web/20200205054338/https://www.ecdc.europa.eu/en/novel-coronavirus-china/questions-answers|archive-date=5 February 2020}}</ref> เจ้าหน้าที่ในนคร[[เซี่ยงไฮ้]]ยืนยันรูปแบบการถ่ายทอดเชื้อหลายแบบรวมถึงการส่งผ่านโดยตรง, การส่งผ่านโดยการสัมผัส และผ่านละอองในอากาศ ซึ่งสองแบบหลังเกี่ยวโยงกับการส่งผ่านเมื่อ มีคนสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนด้วยละอองของสารคัดหลั่งจาก[[ระบบทางเดินหายใจ]] และการหายใจเอาอากาศที่มีการฟุ้งกระจายของละอองสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจเข้าไป<ref>{{Cite web|url=https://www.chinadaily.com.cn/a/202002/08/WS5e3e7d97a310128217275fc3.html|title=Shanghai officials reveal novel coronavirus transmission modes - Chinadaily.com.cn|last=江巍|website=www.chinadaily.com.cn|access-date=2020-02-13}}</ref>


== การวินิจฉัย ==
== การวินิจฉัย ==
บรรทัด 67: บรรทัด 33:
องค์กรด้านสุขภาพระดับโลก ได้เผยแพร่มาตรการป้องกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ คำแนะนำคล้ายกับที่เผยแพร่สำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสอื่น ๆ และรวมถึง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ ห้ามสัมผัสดวงตา, จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง และฝึกฝนสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจที่ดี<ref>{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html|title=Coronavirus {{!}} About {{!}} Prevention and Treatment {{!}} CDC|date=2020-02-03|website=www.cdc.gov|access-date=2020-02-10|archive-url=https://web.archive.org/web/20191215193934/https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html|archive-date=15 December 2019}}</ref><ref>{{Cite web|url=https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public|title=Advice for public|website=www.who.int|access-date=2020-02-10|archive-url=https://web.archive.org/web/20200126025750/https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public|archive-date=26 January 2020}}</ref>
องค์กรด้านสุขภาพระดับโลก ได้เผยแพร่มาตรการป้องกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ คำแนะนำคล้ายกับที่เผยแพร่สำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสอื่น ๆ และรวมถึง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ ห้ามสัมผัสดวงตา, จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง และฝึกฝนสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจที่ดี<ref>{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html|title=Coronavirus {{!}} About {{!}} Prevention and Treatment {{!}} CDC|date=2020-02-03|website=www.cdc.gov|access-date=2020-02-10|archive-url=https://web.archive.org/web/20191215193934/https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html|archive-date=15 December 2019}}</ref><ref>{{Cite web|url=https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public|title=Advice for public|website=www.who.int|access-date=2020-02-10|archive-url=https://web.archive.org/web/20200126025750/https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public|archive-date=26 January 2020}}</ref>


ไม่แนะนำให้ใช้[[ผ้าปิดจมูก|หน้ากากอนามัย]]โดยผู้ที่มีสุขภาพดีในสังคม<ref>{{Cite web|url=https://www.health.gov.au/health-topics/novel-coronavirus-2019-ncov|title=Coronavirus (COVID-19)|last=Health|first=Australian Government Department of|date=2020-01-21|website=Australian Government Department of Health|access-date=2020-02-15}}</ref><ref name=autogenerated1/><ref name=":1"/>
ไม่แนะนำให้ใช้[[ผ้าปิดจมูก|หน้ากากอนามัย]]โดยผู้ที่มีสุขภาพดีในสังคม<ref>{{Cite web|url=https://www.health.gov.au/health-topics/novel-coronavirus-2019-ncov|title=Coronavirus (COVID-19)|last=Health|first=Australian Government Department of|date=2020-01-21|website=Australian Government Department of Health|access-date=2020-02-15}}</ref><ref name="autogenerated1">{{Cite web|url=https://www.moh.gov.sg/2019-ncov-wuhan|title=MOH {{!}} Updates on 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) Local Situation|website=www.moh.gov.sg|access-date=2020-02-11}}</ref><ref name=":1">{{Cite web|url=https://www.health.gov.au/health-topics/novel-coronavirus-2019-ncov|title=Novel coronavirus (2019-nCoV)|last=Health|first=Australian Government Department of|date=2020-01-21|website=Australian Government Department of Health|access-date=2020-02-11}}</ref>


เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้าน ยกเว้นเดินทางเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ โดยโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าก่อนไปยังสถานที่ให้บริการดูแลสุขภาพ สวมหน้ากาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ), ปิดป้องการไอ และจามด้วยกระดาษชำระ, ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวภายในบ้านร่วมกัน<ref>{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/steps-when-sick.html|title=What to do if you are sick with 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV)|last=CDC|date=2020-02-11|website=Centers for Disease Control and Prevention|access-date=2020-02-13}}</ref>
เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้าน ยกเว้นเดินทางเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ โดยโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าก่อนไปยังสถานที่ให้บริการดูแลสุขภาพ สวมหน้ากาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ), ปิดป้องการไอ และจามด้วยกระดาษชำระ, ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวภายในบ้านร่วมกัน<ref>{{Cite web|url=https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/steps-when-sick.html|title=What to do if you are sick with 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV)|last=CDC|date=2020-02-11|website=Centers for Disease Control and Prevention|access-date=2020-02-13}}</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:05, 1 พฤษภาคม 2563

โรคติ

) หรือ โรคไวรัสโคโรนา 19, COVID-19 เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไวรัสที่ก่อ โรคนี้ถูกค้นพบในช่วงเวลาและเป็นสาเหตุของ เคยเป็นที่รู้จักในชื่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน 2019-nCoV, โรคปอดบวมอู่ฮั่น (Wuhan pneumonia) รวมทั้งชื่ออื่น ๆ

วิธีการติดต่อโรคหลักในมนุษย์คือการติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดจากละอองสารคัดหลั่งจากระบบการหายใจของบุคคลที่ติดเชื้อ ซึ่งมี หรือ มีระยะฟักตัวของโรคระหว่าง 2 ถึง 14 วัน การส่งผ่านเชื้อสามารถจำกัดด้วยการล้างมือ และสุขอนามัยที่ดี

ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรค โรคนี้อาจเริ่มปรากฏจากไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย แล้วอาจพัฒนาเป็น, ไอ, , และ ซึ่งการพัฒนาต่ออาจนำไปสู่อาการ, , , และเสียชีวิต ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วความพยายามจำกัดอยู่ที่การรักษาตามอาการ และการประคับประคองการทำงานของระบบอวัยวะ

เริ่มมีการระบุโรคในนครเมืองเอกของ ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ต่อมามีรายงานการติดเชื้อทั่วโลก กรณีที่รายงานนอกประเทศจีนส่วนใหญ่อยู่ในคนที่เพิ่งเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อในท้องถิ่นเช่นกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายพันรายในจีนแผ่นดินใหญ่และในส่วนอื่น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม มีการสืบเสาะจนสามารถระบุตัวผู้ป่วยรายแรกได้ เป็นชายชาวอู่ฮั่นอายุ 55 ปี โดยถูกตรวจว่าติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าพวกเขากำลังติดเชื้อไวรัสสวมหน้ากากป้องกันใบหน้า และขอคำแนะนำทางการแพทย์ด้วยการโทรศัพท์แทนที่จะไปที่คลินิกโดยตรงด้วยตนเอง องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ. ศ. 2562-2563 เป็น (PHEIC)_ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 มีเพียงจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ที่การแพร่กระจายของโรคในชุมชนยังคงดำเนินอยู่

อาการและอาการแสดง

ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเช่น มีไข้ ไอ หายใจถี่[1][2][3] อาการท้องเสีย หรืออาการของระบบหายใจส่วนบน (เช่น จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ) ซึ่งพบไม่มากนัก[4] ผู้ป่วยสามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดอักเสบรุนแรง ความล้มเหลวของหลายอวัยวะ และการเสียชีวิต[5][6]

ระยะเวลาการฟักตัวของโรค เวลาสำหรับการเริ่มแสดงอาการประมาณ 2 ถึง 10 วันระบุโดยองค์การอนามัยโลก[7] และ 2 ถึง 14 วันระบุโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)[3]

สาเหตุ

ภาพจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราดแสดงเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (สีเหลือง)
บทความหลัก: โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)

สาเหตุของโรคนี้คือไวรัสที่มีชื่อว่า severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) หรือที่เรียกว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV)[8] เชื่อว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่รับมาจากสัตว์ (Zoonotic)[9]

รูปแบบการแพร่กระจายหลักของโรคคือผ่านละอองสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจจากบุคคลที่ติดเชื้อซึ่งได้ จาม หรือไอ หรือจากการหายใจออก[10] เจ้าหน้าที่ในนครเซี่ยงไฮ้ยืนยันรูปแบบการถ่ายทอดเชื้อหลายแบบรวมถึงการส่งผ่านโดยตรง, การส่งผ่านโดยการสัมผัส และผ่านละอองในอากาศ ซึ่งสองแบบหลังเกี่ยวโยงกับการส่งผ่านเมื่อ มีคนสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนด้วยละอองของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ และการหายใจเอาอากาศที่มีการฟุ้งกระจายของละอองสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจเข้าไป[11]

การวินิจฉัย

บทความหลัก: การตรวจ COVID-19
ชุดทดสอบทางห้องปฏิบัติการสำหรับเชื้อไวรัส 2019-nCoV โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา[12]

องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่เกณฑ์วิธีหลายอย่างสำหรับการทดสอบโรคนี้[13][14] การทดสอบใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับแบบเวลาจริง (rRT-PCR)[15] ซึ่งสามารถทำได้กับตัวอย่างสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจหรือตัวอย่างเลือด[16] โดยทั่วไปแล้วจะทราบผลภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน[17][18] นักวิทยาศาสตร์จีนสามารถแยกสายพันธุ์ของโคโรนาไวรัส และเผยแพร่ลำดับพันธุกรรมของไวรัส เพื่อให้ห้องปฏิบัติการทั่วโลกสามารถพัฒนาชุดทดสอบพีซีอาร์ อย่างอิสระเพื่อตรวจหาการติดเชื้อโดยไวรัส[5][19][20][21][22]

แนวทางการวินิจฉัยที่ออกโดยโรงพยาบาลจงหนาน ของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นแนะนำวิธีการตรวจหาการติดเชื้อตามลักษณะทางคลินิก และความเสี่ยงทางระบาดวิทยา สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการระบุผู้ป่วยที่มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อยสองอาการ (นอกเหนือจากประวัติของการเดินทางไปอู่ฮั่น หรือการติดต่อกับผู้ป่วยที่ติดเชื้ออื่น ๆ) คือ มีไข้, มีผลภาพทางการแพทย์ที่มีโรคปอดอักเสบ, นับเม็ดเลือดขาวได้ปกติหรือลดลง หรือนับเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ได้ลดลง[23]

การป้องกัน

องค์กรด้านสุขภาพระดับโลก ได้เผยแพร่มาตรการป้องกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ คำแนะนำคล้ายกับที่เผยแพร่สำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสอื่น ๆ และรวมถึง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ ห้ามสัมผัสดวงตา, จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง และฝึกฝนสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจที่ดี[24][25]

ไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยโดยผู้ที่มีสุขภาพดีในสังคม[26][27][28]

เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้าน ยกเว้นเดินทางเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ โดยโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าก่อนไปยังสถานที่ให้บริการดูแลสุขภาพ สวมหน้ากาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ), ปิดป้องการไอ และจามด้วยกระดาษชำระ, ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวภายในบ้านร่วมกัน[29]

การจัดการ

ในขณะที่ไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะสำหรับโรคนี้ อาการทางคลินิกและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคอง[30] องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่คำแนะนำการรักษาอย่างละเอียด สำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARI) เมื่อสงสัยว่ามีการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[31] WHO ยังแนะนำให้อาสาสมัครมีส่วนร่วมในการทดลองที่มีการควบคุมแบบสุ่ม เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแนวทางการรักษาที่มีศักยภาพ[32]

การวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคที่มีศักยภาพได้เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 และวิธีการรักษาใหม่อาจใช้เวลาในการพัฒนาจนถึงปี พ.ศ. 2564[33] นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบตัวยับยั้งเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรส หรือยา เรมเดซิเวียร์ (Remdesivir)[34][35][36] และอินเตอร์เฟียรอนเบตา[36] ในปลายเดือนมกราคม 2563 นักวิจัยการแพทย์จีนแสดงเจตจำนงที่จะเริ่มการทดสอบทางคลินิกเกี่ยวกับยา เรมเดซิเวียร์, คลอโรควิน (Chloroquine) และ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ (Lopinavir/Ritonavir)[37] เนื่องจากพวกมันมีผลการต่อต้านกับโคโรนาไวรัสชนิดอื่น[38][39] และกลไกการออกฤทธิ์ที่บ่งชี้ว่ายาเหล่านี้อาจจะมีประสิทธิภาพ[40] โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เป็นเป้าหมายของการวิจัยและการวิเคราะห์ที่สำคัญ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนสาขาปักกิ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ โดยเแนะนำให้ใช้ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษา[41] ยาเหล่านี้สามารถเบิกจ่ายได้ทางระบบประกันสุขภาพในบางประเทศ[42]

การแพทย์ทางเลือก

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนแนะนำให้ใช้การแพทย์แผนจีน (TCM) เพื่อป้องกันหรือรักษาโรค เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้นำแพทย์แผนจีน เข้าสู่แผนวินิจฉัยและการรักษา COVID ฉบับที่สาม[43] วันที่ 2 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ของอู่ฮั่นสั่งให้ผู้ป่วยทุกคน ทำการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนจีนโดยเฉพาะ[44][45] เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อู่ฮั่นเปิดโรงพยาบาลชั่วคราวที่มุ่งเน้นการรักษาด้วยการแพทย์จีนแผนโบราณ.[46] ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวิธีนี้ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรักษาการติดเชื้อโคโรนาไวรัส[47][48]

จิตวิทยา

บุคคลที่ติดเชื้ออาจประสบปัญหาเป็นทุกข์จากการถูกกักกัน, ข้อจำกัดในการเดินทาง, ผลข้างเคียงของการรักษา หรือความกลัวในการติดเชื้อ เพื่อแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ได้ตีพิมพ์แนวปฏิบัติระดับชาติสำหรับการแทรกแซงภาวะวิกฤตทางสุขภาพจิต เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563[49][50]

การพยากรณ์โรค

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ป่วย 137 คนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในมณฑลหูเป่ย์ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 16 ราย (12%)[30] ในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตมีหลายคนที่มีอาการป่วยมาก่อน รวมถึงโรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ[51]

ในกรณีแรก ๆ ที่ทำให้เสียชีวิต พบว่าเวลาเฉลี่ยของการดำเนินโรคอยู่ที่ 14 วันโดยมีพิสัยทั้งหมดอยู่ระหว่าง 6 ถึง 41 วัน[52]

การติดเชื้อซ้ำ

ข้อมูลจนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าระบบภูมิคุ้มกันของผู้ที่หายจากการติดเชื้อมาแล้วจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวที่สามารถป้องกันโรคได้หรือไม่[53] ข้อมูลจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสชนิดอื่นๆ บ่งชี้ว่าร่างกายน่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นได้[54] แต่ก็ยังมีรายงานผู้ป่วยที่หายจาก COVID-19 แล้ว กลับมาตรวจพบมีผลบวกได้อีก[55][56][57][58] เชื่อกันว่าเป็นผลจากเชื้อเดิมในร่างกายที่กลับมาทำให้มีอาการขึ้นใหม่หรือยังหลงเหลืออยู่มากกว่าจะเป็นการติดเชื้อตัวใหม่มาจากภายนอก[58]

วิทยาการระบาด

บทความหลัก: การระบาดทั่วของโคโรนาไวรัส พ.ศ. 2562–2563

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก จากการวิเคราะห์กรณีผู้ป่วย 44,000 รายของโรคติดเชื้อ Covid-19 ในมณฑลหูเป่ย์พบว่าประมาณ 80% ของผู้ป่วยมีเพียงอาการที่ไม่รุนแรง, 14% เป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเช่นปอดอักเสบ, 5% มีอาการของโรคที่ร้ายแรง และ 2% ของผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต[59]

อัตราการเสียชีวิตและอัตราการเจ็บป่วยโดยรวมเนื่องจากการติดเชื้อ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ในขณะที่อัตราการตายของผู้ป่วยเปลี่ยนไปตามระยะเวลาในการระบาดของโรค ในปัจจุบันสัดส่วนของการติดเชื้อที่นำไปสู่การวินิจฉัยโรคได้ยังไม่ชัดเจน[60][61] อย่างไรก็ตามการวิจัยเบื้องต้นแสดงอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 2% ถึง 3%[62] และในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลก ให้ข้อสังเกตว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากโรคอยู่ที่ประมาณ 3%[63] และ 2% ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ในหูเป่ย์[59] รายงานการศึกษาฉบับร่างของอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ที่ยังไม่ผ่านพิชญพิจารณ์ ในบรรดาผู้เสียชีวิต 55 ราย ระบุว่าการประเมินต้นของอัตราการเสียชีวิตอาจสูงเกินไปเนื่องจากไม่ได้รวมกรณีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ พวกเขาประเมินค่าเฉลี่ยอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ (อัตราการเสียชีวิตระหว่างติดเชื้อ) ช่วงพิสัยอยู่ระหว่าง 0.8% เมื่อรวมผู้ที่เป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการจนถึง 18% เมื่อรวมเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการจากมณฑลหูเป่ย์เท่านั้น[64]

ศัพท์บัญญัติ

องค์การอนามัยโลกในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประกาศว่า "COVID-19" เป็นชื่อทางการของโรคนี้ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) แถลงว่า "co" มาจาก "corona", "vi" มาจาก "virus" และ "d" สำหรับ "disease" ในขณะที่ "19" เป็นปีที่มีการระบาดครั้งแรก ที่ถูกระบุในวันที่ 31ธันวาคม ค.ศ. 2019 เขาได้กล่าวว่า ชื่อดังกล่าวได้รับเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการอ้างอิงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์, สายพันธุ์สัตว์ หรือกลุ่มคน ที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของนานาชาติในการตั้งชื่อเพื่อป้องกันปัญหาการเลือกปฏิบัติ[65][66]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. ↑ Chen, Nanshan; Zhou, Min; Dong, Xuan; และคณะ (2020-01-30). "Epidemiological and clinical characteristics of 99 cases of 2019 novel coronavirus pneumonia in Wuhan, China: a descriptive study". The Lancet. 0 (10223): 507–513. doi:10.1016/S0140-6736(20)30211-7. ISSN 0140-6736.
  2. ↑ Hessen, Margaret Trexler (27 January 2020). "Novel Coronavirus Information Center: Expert guidance and commentary". Elsevier Connect. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 January 2020. สืบค้นเมื่อ 31 January 2020.
  3. ↑ 3.0 3.1 "Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) Symptoms". Centers for Disease Control and Prevention. 10 February 2020.
  4. ↑ Huang, Chaolin; Wang, Yeming; Li, Xingwang; และคณะ (24 January 2020). "Clinical features of patients infected with 2019 novel coronavirus in Wuhan, China". Lancet. 395 (10223): 497–506. doi:10.1016/S0140-6736(20)30183-5. ISSN 0140-6736. PMID 31986264.
  5. ↑ 5.0 5.1 The continuing 2019-nCoV epidemic threat of novel coronaviruses to global health – The latest 2019 novel coronavirus outbreak in Wuhan, China. Int J Infect Dis. 2020 Jan 14;91:264–266. doi:10.1016/j.ijid.2020.01.009. PMID 31953166.
  6. ↑ "Q&A on coronaviruses". who.int. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 27 January 2020.
  7. ↑ World Health Organization (2020). Novel Coronavirus (2019-nCoV): situation report, 6 (PDF) (Report). World Health Organization.
  8. ↑ Gorbalenya, Alexander E. (2020-02-11). "Severe acute respiratory syndrome-related coronavirus – The species and its viruses, a statement of the Coronavirus Study Group". bioRxiv: 2020.02.07.937862. doi:10.1101/2020.02.07.937862. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 February 2020. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
  9. ↑ Zhou, Peng; Yang, Xing-Lou; Wang, Xian-Guang; และคณะ (23 January 2020). "Discovery of a novel coronavirus associated with the recent pneumonia outbreak in humans and its potential bat origin". bioRxiv: 2020.01.22.914952. doi:10.1101/2020.01.22.914952. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 January 2020. สืบค้นเมื่อ 5 February 2020.
  10. ↑ "Q & A on novel coronavirus". European Centre for Disease Prevention and Control (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
  11. ↑ 江巍. "Shanghai officials reveal novel coronavirus transmission modes - Chinadaily.com.cn". www.chinadaily.com.cn. สืบค้นเมื่อ 2020-02-13.
  12. ↑ CDC (2020-02-05). "CDC Tests for 2019-nCoV". Centers for Disease Control and Prevention. สืบค้นเมื่อ 2020-02-12.
  13. ↑ Schirring, Lisa; 2020 (16 January 2020). "Japan has 1st novel coronavirus case; China reports another death". CIDRAP. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 16 January 2020.{{cite web}}: CS1 maint: numeric names: authors list (ลิงก์)
  14. ↑ "Laboratory testing for 2019 novel coronavirus (2019-nCoV) in suspected human cases: Interim guidance". World Health Organization. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2020. สืบค้นเมื่อ 28 January 2020.
  15. ↑ "2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) Situation Summary". Centers for Disease Control and Prevention. 30 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2020. สืบค้นเมื่อ 30 January 2020.
  16. ↑ "Real-Time RT-PCR Panel for Detection 2019-nCoV". Centers for Disease Control and Prevention. 29 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 January 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
  17. ↑ Brueck, Hilary (30 January 2020). "There's only one way to know if you have the coronavirus, and it involves machines full of spit and mucus". Business Insider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
  18. ↑ "Curetis Group Company Ares Genetics and BGI Group Collaborate to Offer Next-Generation Sequencing and PCR-based Coronavirus (2019-nCoV) Testing in Europe". GlobeNewswire News Room. 30 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
  19. ↑ "Undiagnosed pneumonia – China (HU) (01): wildlife sales, market closed, RFI Archive Number: 20200102.6866757". Pro-MED-mail. International Society for Infectious Diseases. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 January 2020. สืบค้นเมื่อ 13 January 2020.
  20. ↑ Cohen, Jon; Normile, Dennis (17 January 2020). "New SARS-like virus in China triggers alarm" (PDF). Science. 367 (6475): 234–235. doi:10.1126/science.367.6475.234. ISSN 0036-8075. PMID 31949058. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 February 2020. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
  21. ↑ Parry, Jane (January 2020). "China coronavirus: cases surge as official admits human to human transmission". British Medical Journal. 368: m236. doi:10.1136/bmj.m236. ISSN 1756-1833. PMID 31959587.
  22. ↑ Voytko, Lisette. "WHO Declares Coronavirus A Global Health Emergency, Praises China's 'Extraordinary Measures'". Forbes. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2020. สืบค้นเมื่อ 1 February 2020.
  23. ↑ Jin, Ying-Hui; Cai, Lin; Cheng, Zhen-Shun; และคณะ (2020-02-06). "A rapid advice guideline for the diagnosis and treatment of 2019 novel coronavirus (2019-nCoV) infected pneumonia (standard version)". Military Medical Research. 7 (1): 4. doi:10.1186/s40779-020-0233-6. ISSN 2054-9369.
  24. ↑ "Coronavirus | About | Prevention and Treatment | CDC". www.cdc.gov. 2020-02-03. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 December 2019. สืบค้นเมื่อ 2020-02-10.
  25. ↑ "Advice for public". www.who.int. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-10.
  26. ↑ Health, Australian Government Department of (2020-01-21). "Coronavirus (COVID-19)". Australian Government Department of Health. สืบค้นเมื่อ 2020-02-15.
  27. ↑ "MOH | Updates on 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV) Local Situation". www.moh.gov.sg. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
  28. ↑ Health, Australian Government Department of (2020-01-21). "Novel coronavirus (2019-nCoV)". Australian Government Department of Health. สืบค้นเมื่อ 2020-02-11.
  29. ↑ CDC (2020-02-11). "What to do if you are sick with 2019 Novel Coronavirus (2019-nCoV)". Centers for Disease Control and Prevention. สืบค้นเมื่อ 2020-02-13.
  30. ↑ 30.0 30.1 Kui, Liu; Fang, Yuan-Yuan; Deng, Yan; และคณะ (2020). "Clinical characteristics of novel coronavirus cases in tertiary hospitals in Hubei Province". Chinese Medical Journal: 1. doi:10.1097/CM9.0000000000000744. ISSN 0366-6999.
  31. ↑ "Clinical management of severe acute respiratory infection when novel coronavirus (nCoV) infection is suspected". www.who.int. สืบค้นเมื่อ 2020-02-13.
  32. ↑ Nebehay, Stephanie; Kelland, Kate; Liu, Roxanne (2020-02-05). "WHO: 'no known effective' treatments for new coronavirus". Thomson Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-05. สืบค้นเมื่อ 2020-02-05.
  33. ↑ Lu H. (28 January 2020). "Drug treatment options for the 2019-new coronavirus (2019-nCoV)". Biosci Trends. doi:10.5582/bst.2020.01020.
  34. ↑ Holshue, Michelle L.; DeBolt, Chas; Lindquist, Scott; และคณะ (2020-01-31). "First Case of 2019 Novel Coronavirus in the United States". New England Journal of Medicine: NEJMoa2001191. doi:10.1056/NEJMoa2001191. ISSN 0028-4793.
  35. ↑ Xu, Zhijian; Peng, Cheng; Shi, Yulong; และคณะ (28 January 2020). "Nelfinavir was predicted to be a potential inhibitor of 2019 nCov main protease by an integrative approach combining homology modelling, molecular docking and binding free energy calculation". bioRxiv: 2020.01.27.921627. doi:10.1101/2020.01.27.921627 – โดยทาง www.biorxiv.org.
  36. ↑ 36.0 36.1 Paules, Catharine I.; Marston, Hilary D.; Fauci, Anthony S. (23 January 2020). "Coronavirus Infections—More Than Just the Common Cold". JAMA. doi:10.1001/jama.2020.0757. PMID 31971553.
  37. ↑ Wang M; และคณะ (2020). "Remdesivir and chloroquine effectively inhibit the recently emerged novel coronavirus (2019-nCoV) in vitro". Cell Res. doi:10.1038/s41422-020-0282-0.
  38. ↑ Zumla, Alimuddin; Hui, David S.; Azhar, Esam I.; Memish, Ziad A.; Maeurer, Markus (2020-02-05). "Reducing mortality from 2019-nCoV: host-directed therapies should be an option". The Lancet. 0. doi:10.1016/S0140-6736(20)30305-6. ISSN 0140-6736.
  39. ↑ Yu, Fei; Du, Lanying; Ojcius, David M.; Pan, Chungen; Jiang, Shibo (2020-02-01). "Measures for diagnosing and treating infections by a novel coronavirus responsible for a pneumonia outbreak originating in Wuhan, China". Microbes and Infection. doi:10.1016/j.micinf.2020.01.003. ISSN 1286-4579.
  40. ↑ Lin, Shen; Shen, Runnan; Guo, Xushun (2020-02-03). "Molecular Modeling Evaluation of the Binding Abilities of Ritonavir and Lopinavir to Wuhan Pneumonia Coronavirus Proteases". bioRxiv: 2020.01.31.929695. doi:10.1101/2020.01.31.929695.
  41. ↑ "China names HIV drugs as part of treatment plan for Wuhan virus". The Japan Times Online. 2020-01-26. ISSN 0447-5763. สืบค้นเมื่อ 2020-02-14.
  42. ↑ "Interferon, Kaletra to get insurance benefit for new coronavirus treatment - Korea Biomedical Review". www.koreabiomed.com (ภาษาKorean). 2020-02-04. สืบค้นเมื่อ 2020-02-14.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  43. ↑ "新冠肺炎治疗：讲究实证的西医和自我定位的中药" [Treating the novel conoravirus: the empirical Western medicine and the self-positioning Chinese medicine]. BBC News (ภาษาChinese). 14 February 2020.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  44. ↑ "中医来了！8个防治"协定方" 辅助治疗新型冠状病毒感染肺炎" [Here comes Chinese medicine! 8 "agreed-on prescriptions" help prevent and treat the new coronavirus pneumonia]. CCTV News (ภาษาChinese). สืบค้นเมื่อ 15 February 2020.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  45. ↑ "武汉要求所有患者必须吃中药 网民质疑" [Wuhan wants all patients put on TCM; Netizens question]. Epoch Times (ภาษาChinese). 4 February 2020. สืบค้นเมื่อ 15 February 2020.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  46. ↑ "Virus-hit Wuhan opens first TCM-oriented temporary hospital". Xinhua.
  47. ↑ "Dispelling the myths around the new coronavirus outbreak". www.aljazeera.com. สืบค้นเมื่อ 8 February 2020.
  48. ↑ Wee, Sui-Lee (5 February 2020). "In Coronavirus, China Weighs Benefits of Buffalo Horn and Other Remedies". The New York Times.
  49. ↑ Xiang, Yu-Tao; Yang, Yuan; Li, Wen; และคณะ (4 February 2020). "Timely mental health care for the 2019 novel coronavirus outbreak is urgently needed". The Lancet Psychiatry (ภาษาอังกฤษ): S2215036620300468. doi:10.1016/S2215-0366(20)30046-8.
  50. ↑ Kang, Lijun; Li, Yi; Hu, Shaohua; และคณะ (5 February 2020). "The mental health of medical workers in Wuhan, China dealing with the 2019 novel coronavirus". The Lancet Psychiatry: S221503662030047X. doi:10.1016/S2215-0366(20)30047-X.
  51. ↑ "WHO Director-General's statement on the advice of the IHR Emergency Committee on Novel Coronavirus". who.int.
  52. ↑ Wang, Weier; Tang, Jianming; Wei, Fangqiang (2020). "Updated understanding of the outbreak of 2019 novel coronavirus (2019‐nCoV) in Wuhan, China". Journal of Medical Virology. doi:10.1002/jmv.25689. PMID 31994742.
  53. ↑ "BSI open letter to Government on SARS-CoV-2 outbreak response". immunology.org. British Society for Immunology. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 March 2020. สืบค้นเมื่อ 15 March 2020.
  54. ↑ "Can you get coronavirus twice or does it cause immunity?". The Independent. 13 March 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 March 2020. สืบค้นเมื่อ 15 March 2020.
  55. ↑ Politi, Daniel (11 April 2020). "WHO Investigating Reports of Coronavirus Patients Testing Positive Again After Recovery". Slate. สืบค้นเมื่อ 11 April 2020.
  56. ↑ "They survived the coronavirus. Then they tested positive again. Why?". Los Angeles Times. 13 March 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 March 2020. สืบค้นเมื่อ 15 March 2020.
  57. ↑ "14% of Recovered Covid-19 Patients in Guangdong Tested Positive Again". caixinglobal.com. Caixin Global. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2020. สืบค้นเมื่อ 15 March 2020.
  58. ↑ 58.0 58.1 Omer, SB; Malani, P; del Rio, C (6 April 2020). "The COVID-19 Pandemic in the US A Clinical Update". JAMA. doi:10.1001/jama.2020.5788. PMID 32250388.
  59. ↑ 59.0 59.1 Boseley, Sarah (17 February 2020). "Coronavirus causes mild disease in four in five patients, says WHO". The Guardian.
  60. ↑ "Limited data on coronavirus may be skewing assumptions about severity". STAT. 2020-01-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 February 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-01.
  61. ↑ Sparrow, Annie. "How China's Coronavirus Is Spreading—and How to Stop It". Foreign Policy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-02.
  62. ↑ "Wuhan Coronavirus Death Rate - Worldometer". www.worldometers.info (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2020. สืบค้นเมื่อ 2020-02-02.
  63. ↑ "WHOが"致死率３％程度" 専門家「今後 注意が必要」". NHK. 24 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2020. สืบค้นเมื่อ 3 February 2020.
  64. ↑ "Report 4: Severity of 2019-novel coronavirus (nCoV)" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 10 February 2020. สืบค้นเมื่อ 10 February 2020.
  65. ↑ "Novel coronavirus named 'Covid-19': WHO". TODAYonline. สืบค้นเมื่อ 11 February 2020.
  66. ↑ "The coronavirus spreads racism against—and among—ethnic Chinese". The Economist. 17 February 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น


การจำแนกโรค
Stub icon

บทความแพทยศาสตร์นี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล

เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา_2019&oldid=8829233"