ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน"

พิกัด: 17°39′09″N 100°08′29″E / 17.652572°N 100.141491°E / 17.652572; 100.141491
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tmd (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Tmd (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 33: บรรทัด 33:
== ประวัติการก่อสร้าง ==
== ประวัติการก่อสร้าง ==


การก่อสร้างอนุสาวรีย์คู่บารมี ณ หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนและผู้เคารพศรัทธาในความกล้าหาญของท่านมาช้านาน ต่อมาได้มีการจัดตั้งมูลนิธิ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/D/044/49.PDF ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดอุตรดิตถ์ เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ "มูลนิธิ ๒๕๐ ปี วัดคุ้งตะเภา"], เล่ม ๑๓๓ ตอน ๔๔ ง, ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙, หน้า ๔๙-๕๐</ref> เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้าง[[อนุสาวรีย์]] โดยมีนายภีมเดช อมรสุคนธ์ และคณะผู้ศรัทธาจากจังหวัดระยอง เป็นประธานที่ปรึกษา และในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ได้พร้อมใจกันจัดพิธีเชิญดวงวิญญาณ[[พระยาพิชัยดาบหัก]] (แทนอัฐิ) ตามโบราณประเพณี และมีพิธีวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์ฯ โดยมี ฯพณฯ [[ศาสตราจารย์]] นพ.[[เกษม วัฒนชัย]] [[องคมนตรี]] เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ซึ่งประชาชนได้นำไม้โบราณมาแกะสลักเป็นอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักจากไม้ตะเคียนองค์แรกขนาดเท่าครึ่ง เพื่อประดิษฐานในบริเวณดังกล่าวให้ประชาชนผู้เคารพศรัทธาได้ระลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญเสียสละของท่าน ในปี พ.ศ. 2561 เป็นเบื้องต้น<ref> ข่าวสดออนไลน์. (2563). '''เหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดิน พระเจ้าตาก-พระยาพิชัยดาบหัก'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_4830891</ref> ต่อมาได้มีการระดมทุนจากการบริจาคจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และมีการก่อสร้างฐานอนุสาวรีย์สำเร็จมาโดยลำดับ
การก่อสร้างอนุสาวรีย์คู่บารมี ณ หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนและผู้เคารพศรัทธาในพระเกียรติคุณและความกล้าหาญของพระองค์ท่านมาช้านาน ต่อมาได้มีการจัดตั้งมูลนิธิ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/D/044/49.PDF ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดอุตรดิตถ์ เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ "มูลนิธิ ๒๕๐ ปี วัดคุ้งตะเภา"], เล่ม ๑๓๓ ตอน ๔๔ ง, ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙, หน้า ๔๙-๕๐</ref> เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้าง[[อนุสาวรีย์]] โดยมีนายภีมเดช อมรสุคนธ์ และคณะผู้ศรัทธาจากจังหวัดระยอง เป็นประธานที่ปรึกษา และในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ได้พร้อมใจกันจัดพิธีเชิญดวงวิญญาณ[[พระยาพิชัยดาบหัก]] (แทนอัฐิ) ตามโบราณประเพณี และมีพิธีวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์ฯ โดยมี ฯพณฯ [[ศาสตราจารย์]] นพ.[[เกษม วัฒนชัย]] [[องคมนตรี]] เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ซึ่งประชาชนได้นำไม้โบราณมาแกะสลักเป็นอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักจากไม้ตะเคียนองค์แรกขนาดเท่าครึ่ง เพื่อประดิษฐานในบริเวณดังกล่าวให้ประชาชนผู้เคารพศรัทธาได้ระลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญเสียสละของท่าน ในปี พ.ศ. 2561 เป็นเบื้องต้น<ref> ข่าวสดออนไลน์. (2563). '''เหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดิน พระเจ้าตาก-พระยาพิชัยดาบหัก'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_4830891</ref> ต่อมาได้มีการระดมทุนจากการบริจาคจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และมีการก่อสร้างฐานอนุสาวรีย์สำเร็จมาโดยลำดับ


[[ไฟล์:Monument of King Taksin in Wat Kungtapao 2559 3.jpg|thumb|150px|left|ภาพ ฯพณฯ ศาสตราจารย์ นพ.[[เกษม วัฒนชัย]] [[องคมนตรี]] ขณะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน]]
[[ไฟล์:Monument of King Taksin in Wat Kungtapao 2559 3.jpg|thumb|150px|left|ภาพ ฯพณฯ ศาสตราจารย์ นพ.[[เกษม วัฒนชัย]] [[องคมนตรี]] ขณะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน]]


ใน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นวาระครบ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา และครบรอบ 250 ปี การสำเร็จศึกปราบ[[ชุมนุมเจ้าพระฝาง]] สิ้นสุด[[สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] และครบรอบ 250 ปี ทรงสถาปนายศ[[พระยาพิชัยดาบหัก]] ประชาชนชาวอุตรดิตถ์จึงได้พร้อมใจกันจัดสร้าง[[พระบรมราชานุสาวรีย์]]หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดเท่าครึ่ง สูง 3.10 เมตร และ 2.70 เมตร ใช้เวลา 6 เดือนในการออกแบบและทำการปั้นโดย อาจารย์ยุทธกิจ ประสมผล หล่อโดย อาจารย์สงกรานต์ กุณารบ นายช่างศิลปกรรม[[กรมศิลปากร]] โดยคณะสงฆ์จังหวัดอุตรดิตถ์ นำโดยพระปัญญากรโมลี เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ พระเทพสิทธาคม เจ้าคณะจังหวัดตาก พระสุขวโรทัย ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย และพระเกจิคณาจารย์จากจังหวัดหัวเมืองฝ่ายเหนือที่เกี่ยวข้องกับการพระราชสงครามในคราว[[สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] ได้พร้อมใจประกอบพิธีเสกจัดสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563<ref>สำนักข่าวเนชั่นทีวี. (2563). '''อุตรดิตถ์-สร้างเหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดินเทิดทูนพระเจ้าตากสิน-พระยาพิชัยดาบหัก'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.nationtv.tv/main/content/378791308</ref> และมีพิธีเททองหล่อ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 โดยมีนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการ[[จังหวัดน่าน]] นาย[[พีระศักดิ์ พอจิต]] สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี ณ สถานที่จัดสร้างอนุสาวรีย์หน้าวัดคุ้งตะเภา<ref>สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. (2563). '''พิธีเททองหล่อรูปเหมือนองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และรูปเหมือนพระยาพิชัยดาบหัก'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.m-culture.go.th/uttaradit/ewt_news.php?nid=2913</ref>
ใน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นวาระครบ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา และครบรอบ 250 ปี การสำเร็จศึกปราบ[[ชุมนุมเจ้าพระฝาง]] สิ้นสุด[[สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] และครบรอบ 250 ปี ทรงสถาปนายศ[[พระยาพิชัยดาบหัก]] ประชาชนชาวอุตรดิตถ์จึงได้พร้อมใจกันจัดสร้าง[[พระบรมราชานุสาวรีย์]]หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดเท่าครึ่ง สูง 3.10 เมตร และ 2.70 เมตร ใช้เวลา 6 เดือนในการออกแบบและทำการปั้นโดย อาจารย์ยุทธกิจ ประสมผล หล่อโดย อาจารย์สงกรานต์ กุณารบ นายช่างศิลปกรรม[[กรมศิลปากร]] โดยคณะสงฆ์จังหวัดอุตรดิตถ์ นำโดยพระปัญญากรโมลี เจ้าคณะ[[จังหวัดอุตรดิตถ์]] พระเทพสิทธาคม เจ้าคณะ[[จังหวัดตาก]] พระสุขวโรทัย ที่ปรึกษาเจ้าคณะ[[จังหวัดสุโขทัย]] [[พระสมุห์สมชาย จีรปุญฺโญ|หลวงพ่อหลาม จีรปุญฺโญ]] เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา และพระเกจิคณาจารย์จากจังหวัดหัวเมืองฝ่ายเหนือ 9 จังหวัด ที่เกี่ยวข้องกับการพระราชสงครามในคราว[[สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] รวมถึงตัวแทนผู้สืบเชื้อสายราชตระกูลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตัวแทนผู้สืบเชื้อสายสกุลวิชัยขัทคะพระยาพิชัยดาบหัก และตัวแทนผู้สืบสายตระกูลมวยครูเมฆท่าเสา-เลี้ยงประเสริฐ ได้พร้อมใจประกอบพิธีเสกจัดสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563<ref>สำนักข่าวเนชั่นทีวี. (2563). '''อุตรดิตถ์-สร้างเหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดินเทิดทูนพระเจ้าตากสิน-พระยาพิชัยดาบหัก'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.nationtv.tv/main/content/378791308</ref><ref> ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2563). '''พระแท่นศิลาอาสน์ ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหัวเมืองฝ่ายเหนือ : วัฒนคุณาธรานุสรณ์พระครูธรรมธรเทวประภาส'''. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-687-8</ref>


[[ไฟล์:King Taksin & Phraya Pichai Dabhak Monument in Wat Kungtapao 000.jpg|thumb|150px|อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดินในวันอัญเชิญฯประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์]]
[[ไฟล์:King Taksin & Phraya Pichai Dabhak Monument in Wat Kungtapao 000.jpg|thumb|150px|อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดินในวันอัญเชิญฯประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์]]

อนุสาวรีย์ดังกล่าว ได้มีพิธีเททองหล่อพระบรมรูปและรูปเหมือนโดยนายช่างกรมศิลปากร ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ณ สถานที่จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ มีการประกอบพิธีอัญเชิญดวงพระวิญญาณ ณ ท้องพระโรง[[พระราชวังเดิม|พระราชวังกรุงธนบุรี]] (กองบัญชาการ[[กองทัพเรือ]] กรุงเทพมหานคร ) พระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิ [[วัดอินทารามวรวิหาร]] ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 และพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ณ พระปรางค์บรรจุอัฐิ[[พระยาพิชัยดาบหัก]] [[วัดราชคฤห์]] [[เขตธนบุรี]] กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 รวมถึงมีนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการ[[จังหวัดน่าน]] นาย[[พีระศักดิ์ พอจิต]] สมาชิก[[วุฒิสภา]] และอดีตรองประธาน[[สภานิติบัญญัติแห่งชาติ]] เป็นประธานในพิธีเททองหล่ออีกด้วย<ref>สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. (2563). '''พิธีเททองหล่อรูปเหมือนองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และรูปเหมือนพระยาพิชัยดาบหัก'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.m-culture.go.th/uttaradit/ewt_news.php?nid=2913</ref>


จากนั้นจึงได้มีการอัญเชิญ[[พระบรมราชานุสาวรีย์]][[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]] และ[[อนุสาวรีย์]][[พระยาพิชัยดาบหัก]] ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ และแท่นอนุสาวรีย์ ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.09 น. (ราชาฤกษ์วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) อนุสาวรีย์ประกอบด้วย พระบรมรูป[[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]]ประทับด้านซ้ายเป็นประธาน พระหัตถ์ทรงกุมเตรียมเก็บพระแสงดาบ [[พระยาพิชัยดาบหัก]]อยู่เบื้องขวา ยืนคู่พระบารมีในฐานะขุนศึกคู่พระทัย เพื่อระลึกถึงวีรกรรมและความกล้าหาญของท่าน ที่ได้เคยร่วมรบเคียงคู่พระวรกายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในการกอบกู้คืนอิสรภาพและความเป็นปึกแผ่นของไทยจนสำเร็จสมบูรณ์ได้ในปี พ.ศ. 2313 ณ [[เมืองสวางคบุรี]] ทั้งนี้ตัวฐานอนุสาวรีย์มีความสูงกว่า 8 เมตร เป็น[[พระบรมราชานุสาวรีย์]][[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]]ที่สูงที่สุดในภาคเหนือ และเป็น[[อนุสาวรีย์]][[พระยาพิชัยดาบหัก]]ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
จากนั้นจึงได้มีการอัญเชิญ[[พระบรมราชานุสาวรีย์]][[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]] และ[[อนุสาวรีย์]][[พระยาพิชัยดาบหัก]] ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ และแท่นอนุสาวรีย์ ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.09 น. (ราชาฤกษ์วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) อนุสาวรีย์ประกอบด้วย พระบรมรูป[[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]]ประทับด้านซ้ายเป็นประธาน พระหัตถ์ทรงกุมเตรียมเก็บพระแสงดาบ [[พระยาพิชัยดาบหัก]]อยู่เบื้องขวา ยืนคู่พระบารมีในฐานะขุนศึกคู่พระทัย เพื่อระลึกถึงวีรกรรมและความกล้าหาญของท่าน ที่ได้เคยร่วมรบเคียงคู่พระวรกายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในการกอบกู้คืนอิสรภาพและความเป็นปึกแผ่นของไทยจนสำเร็จสมบูรณ์ได้ในปี พ.ศ. 2313 ณ [[เมืองสวางคบุรี]] ทั้งนี้ตัวฐานอนุสาวรีย์มีความสูงกว่า 8 เมตร เป็น[[พระบรมราชานุสาวรีย์]][[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]]ที่สูงที่สุดในภาคเหนือ และเป็น[[อนุสาวรีย์]][[พระยาพิชัยดาบหัก]]ที่สูงที่สุดในประเทศไทย

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:34, 30 ธันวาคม 2563

อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน
แผนที่
พิกัด17°39′09″N 100°08′29″E / 17.652572°N 100.141491°E / 17.652572; 100.141491
ที่ตั้งหัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี หน้าวัดคุ้งตะเภา จังหวัดอุตรดิตถ์
ผู้ออกแบบอ.ยุทธกิจ ประสมผล, อ.สงกรานต์ กุณารบ นายช่างศิลปกรรมกรมศิลปากร
ประเภทพระบรมราชานุสาวรีย์ และอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญ
วัสดุทองเหลืองและทองแดงรมดำ
ความสูง3.10
เริ่มก่อสร้างพ.ศ. 2558
สร้างเสร็จพ.ศ. 2563
อุทิศแด่

อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน หรือที่มักเรียกกันว่า อนุสาวรีย์คู่บารมี เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รำลึกถึงเหตุการณ์สิ้นสุดสภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ในการรวบรวมแผ่นดินไทยได้สำเร็จ หลังสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพปราบชุมนุมเจ้าพระฝางเมืองสวางคบุรีได้เป็นชุมนุมสุดท้าย ในปี พ.ศ. 2313 ตั้งอยู่ที่หน้าวัดคุ้งตะเภา จังหวัดอุตรดิตถ์ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2563

อนุสาวรีย์คู่บารมี ตั้งอยู่ใจกลางตำบลคุ้งตะเภา หรือชื่อเดิมเมืองฝางสวางคบุรี บริเวณหน้าวัดคุ้งตะเภา อดีตวัดที่สถิตย์ของเจ้าคณะใหญ่เมืองฝางหรือตำแหน่งสังฆราชาเมืองฝางในสมัยอยุธยา[1] ด้านหน้าติดกับถนนพิษณุโลก-เด่นชัย บริเวณนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเข้าปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง หน้าอนุสาวรีย์มีลานกว้างขนาดใหญ่ ด้านตรงข้ามของอนุสาวรีย์เป็นทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี สถานที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกระทำศึกรวบรวมแผ่นดินไทยได้สำเร็จตามพระราชพงศาวดาร[2]

สถานที่

สถานที่จัดสร้างอนุสาวรีย์อยู่ในที่ตั้งของวัดคุ้งตะเภาโดยได้รับสนับสนุนการดูแลพื้นที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเทศบาลตำบลคุ้งตะเภา ภายในบริเวณอนุสาวรีย์มีพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติการพระราชสงครามฯ สำนักงาน ลานกิจกรรม สวนสาธารณะ และประติมากรรมต่าง ๆ ด้านหน้าอนุสาวรีย์เป็นแยกคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นสี่แยกไฟแดงสุดท้ายบนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) ก่อนขึ้นสู่จังหวัดแพร่ และเป็นต้นทางเข้าสู่วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ และโบราณสถานอื่นๆ ของเมืองสวางคบุรีบนฝั่งซ้ายแม่น้ำน่านในจังหวัดอุตรดิตถ์

ด้านหน้าอนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน

อนุสาวรีย์ดังกล่าว ประดิษฐานบริเวณหน้าวัดคุ้งตะเภาหันหน้าสู่ทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี เพื่อรำลึกถึงอดีตเมืองสวางคบุรีในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายซึ่งเคยเป็นพื้นที่ ๆ พระยาพิชัยดาบหักได้มาฝึกมวยกับครูเมฆแห่งบ้านท่าเสา-คุ้งตะเภา ในวัยเด็ก และเป็นพื้นที่เกิดวีรกรรมการปรามชุมนุมเจ้าพระฝางแห่งเมืองสวางคบุรี สิ้นสุดสภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นชุมนุมสุดท้ายในสมัยธนบุรี รวมถึงยังเป็นสถานที่พระยาสีหราชเดโชได้รับเลื่อนยศเป็นพระยาพิชัยผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัย รับพระราชทานเครื่องยศเสมอเจ้าพระยาสุรสีห์ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในพระราชพงศาวดาร[3]

ประวัติการก่อสร้าง

การก่อสร้างอนุสาวรีย์คู่บารมี ณ หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนและผู้เคารพศรัทธาในพระเกียรติคุณและความกล้าหาญของพระองค์ท่านมาช้านาน ต่อมาได้มีการจัดตั้งมูลนิธิ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา[4] เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้างอนุสาวรีย์ โดยมีนายภีมเดช อมรสุคนธ์ และคณะผู้ศรัทธาจากจังหวัดระยอง เป็นประธานที่ปรึกษา และในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ได้พร้อมใจกันจัดพิธีเชิญดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก (แทนอัฐิ) ตามโบราณประเพณี และมีพิธีวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์ฯ โดยมี ฯพณฯ ศาสตราจารย์ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ซึ่งประชาชนได้นำไม้โบราณมาแกะสลักเป็นอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักจากไม้ตะเคียนองค์แรกขนาดเท่าครึ่ง เพื่อประดิษฐานในบริเวณดังกล่าวให้ประชาชนผู้เคารพศรัทธาได้ระลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญเสียสละของท่าน ในปี พ.ศ. 2561 เป็นเบื้องต้น[5] ต่อมาได้มีการระดมทุนจากการบริจาคจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และมีการก่อสร้างฐานอนุสาวรีย์สำเร็จมาโดยลำดับ

ภาพ ฯพณฯ ศาสตราจารย์ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ขณะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดิน

ใน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นวาระครบ 250 ปี วัดคุ้งตะเภา และครบรอบ 250 ปี การสำเร็จศึกปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง สิ้นสุดสภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง และครบรอบ 250 ปี ทรงสถาปนายศพระยาพิชัยดาบหัก ประชาชนชาวอุตรดิตถ์จึงได้พร้อมใจกันจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดเท่าครึ่ง สูง 3.10 เมตร และ 2.70 เมตร ใช้เวลา 6 เดือนในการออกแบบและทำการปั้นโดย อาจารย์ยุทธกิจ ประสมผล หล่อโดย อาจารย์สงกรานต์ กุณารบ นายช่างศิลปกรรมกรมศิลปากร โดยคณะสงฆ์จังหวัดอุตรดิตถ์ นำโดยพระปัญญากรโมลี เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ พระเทพสิทธาคม เจ้าคณะจังหวัดตาก พระสุขวโรทัย ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย หลวงพ่อหลาม จีรปุญฺโญ เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา และพระเกจิคณาจารย์จากจังหวัดหัวเมืองฝ่ายเหนือ 9 จังหวัด ที่เกี่ยวข้องกับการพระราชสงครามในคราวสภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง รวมถึงตัวแทนผู้สืบเชื้อสายราชตระกูลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตัวแทนผู้สืบเชื้อสายสกุลวิชัยขัทคะพระยาพิชัยดาบหัก และตัวแทนผู้สืบสายตระกูลมวยครูเมฆท่าเสา-เลี้ยงประเสริฐ ได้พร้อมใจประกอบพิธีเสกจัดสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563[6][7]

อนุสาวรีย์คู่บารมีกู้แผ่นดินในวันอัญเชิญฯประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์

อนุสาวรีย์ดังกล่าว ได้มีพิธีเททองหล่อพระบรมรูปและรูปเหมือนโดยนายช่างกรมศิลปากร ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ณ สถานที่จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ มีการประกอบพิธีอัญเชิญดวงพระวิญญาณ ณ ท้องพระโรงพระราชวังกรุงธนบุรี (กองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ) พระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิ วัดอินทารามวรวิหาร ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 และพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ณ พระปรางค์บรรจุอัฐิพระยาพิชัยดาบหัก วัดราชคฤห์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 รวมถึงมีนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกวุฒิสภา และอดีตรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเททองหล่ออีกด้วย[8]

จากนั้นจึงได้มีการอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ และแท่นอนุสาวรีย์ ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 11.09 น. (ราชาฤกษ์วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) อนุสาวรีย์ประกอบด้วย พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชประทับด้านซ้ายเป็นประธาน พระหัตถ์ทรงกุมเตรียมเก็บพระแสงดาบ พระยาพิชัยดาบหักอยู่เบื้องขวา ยืนคู่พระบารมีในฐานะขุนศึกคู่พระทัย เพื่อระลึกถึงวีรกรรมและความกล้าหาญของท่าน ที่ได้เคยร่วมรบเคียงคู่พระวรกายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในการกอบกู้คืนอิสรภาพและความเป็นปึกแผ่นของไทยจนสำเร็จสมบูรณ์ได้ในปี พ.ศ. 2313 ณ เมืองสวางคบุรี ทั้งนี้ตัวฐานอนุสาวรีย์มีความสูงกว่า 8 เมตร เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่สูงที่สุดในภาคเหนือ และเป็นอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักที่สูงที่สุดในประเทศไทย [9]

ระเบียงภาพ

อ้างอิง

  1. ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม ๕ ตอน ๑๗, ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑, หน้า ๑๓๘
  2. สำนักข่าวเนชั่นทีวี. (2563). อุตรดิตถ์-สร้างเหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดินเทิดทูนพระเจ้าตากสิน-พระยาพิชัยดาบหัก. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.nationtv.tv/main/content/378791308
  3. ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ ๒๔๕ ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-334-1
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดอุตรดิตถ์ เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ "มูลนิธิ ๒๕๐ ปี วัดคุ้งตะเภา", เล่ม ๑๓๓ ตอน ๔๔ ง, ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙, หน้า ๔๙-๕๐
  5. ข่าวสดออนไลน์. (2563). เหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดิน พระเจ้าตาก-พระยาพิชัยดาบหัก. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_4830891
  6. สำนักข่าวเนชั่นทีวี. (2563). อุตรดิตถ์-สร้างเหรียญคู่บารมีกู้แผ่นดินเทิดทูนพระเจ้าตากสิน-พระยาพิชัยดาบหัก. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.nationtv.tv/main/content/378791308
  7. ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2563). พระแท่นศิลาอาสน์ ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหัวเมืองฝ่ายเหนือ : วัฒนคุณาธรานุสรณ์พระครูธรรมธรเทวประภาส. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-687-8
  8. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. (2563). พิธีเททองหล่อรูปเหมือนองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และรูปเหมือนพระยาพิชัยดาบหัก. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.m-culture.go.th/uttaradit/ewt_news.php?nid=2913
  9. เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวัดคุ้งตะเภา จ.อุตรดิตถ์. (2563). พิธีประดิษฐานองค์คู่บารมีกู้แผ่นดิน สมโภช ๒๕๐ ปี วัดคุ้งตะเภา (๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๓). [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/watkungtaphao/news/phithipradisthanxngkhkhubarmikuphaendinsmphoch250piwadkhungtaphea28thanwakhm2563

ดูเพิ่ม

หนังสืออ่านเพิ่มเติม

  • ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ ๒๔๕ ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-334-1
  • ศิริวรรณ คุ้มโห้. "พระยาพิชัยดาบหัก." บุคคลสำคัญของชาติ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : เดอะบุ๊คส์, [ม.ป.ป.]. หน้า 43-46. ISBN 978-974-394-229-7
  • มณเฑียร ดีแท้. "ประวัติวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถและเจ้าพระฝางหัวหน้าก๊กเจ้าพระฝาง เมืองอุตรดิตถ์". อุตรดิตถ์ : วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์, 2519.

แหล่งข้อมูลอื่น

17°39′09″N 100°08′29″E / 17.652572°N 100.141491°E / 17.652572; 100.141491