ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ชาวไทย (คุย | ส่วนร่วม)
เปลี่พระบรมสาทิสลักษณ์
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล บุคคลในพระพุทธประวัติ
{{กล่องข้อมูล บุคคลในพระพุทธประวัติ
| name = มหาปชาบดีโคตมีเถรี
| name = มหาปชาบดีโคตมีเถรี
| img = 096 Mahapajapati (9189329591).jpg
| img = Prince Siddhartha with his maternal aunt Queen Mahaprajapati Gotami.JPG
| img_size =
| img_size =
| img_capt = พระสาทิสลักษณ์พระนางมหาปชาบดีโคตมีและพระพุทธองค์ขณะทรงพระเยาว์ ภาพวาดประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 18-20
| img_capt = พระมหาปชาบดีโคตมีประทับอยู่บนอาสนะ
| พระนามเดิม = มหาปชาบดีโคตมี
| พระนามเดิม = มหาปชาบดีโคตมี
| พระนามอื่น =
| พระนามอื่น =
บรรทัด 29: บรรทัด 29:
}}
}}


'''พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี''' หรือพระนามเดิม '''พระนางมหาปชาบดีโคตมี''' เป็นพระราชธิดาใน[[พระเจ้าอัญชนาธิปราช]]แห่งกรุงเทวทหะ แคว้นโกลิยะ และเป็นพระขนิษฐภคินี(น้องสาว)ของ[[พระนางสิริมหามายา]] ผู้เป็นพระพุทธมารดา ดังนั้นพระนางมหาปชาบดีโคตมีจึงเป็นพระมาตุจฉาของ[[พระสมณโคดมพุทธเจ้า]] ทรงเป็น[[ภิกษุณี]]รูปแรกใน[[พระพุทธศาสนา]] และทรงได้เรียนกรรมฐานและทรงปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้บรรลุเป็น[[พระอรหันต์]] พระพุทธจ้าทรงยกย่องท่านว่าเป็น[[เอตทัคคะ]] คือเลิศกว่าผู้อื่นในทางรัตตัญญู (คือผู้มีรู้ราตรีนาน)
'''พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี''' หรือพระนามเดิม '''พระนางมหาปชาบดีโคตมี''' เป็นพระราชธิดาใน[[พระเจ้าอัญชนะ]]แห่งโกลิยะ เป็นพระมาตุจฉาของ[[พระสมณโคดมพุทธเจ้า]] เพราะเป็นพระขนิษฐภคินีของ[[พระนางสิริมหามายา]] พุทธมารดา และเป็น[[ภิกษุณี]]รูปแรกใน[[พระพุทธศาสนา]] ทรงได้เรียนกรรมฐานและทรงปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้บรรลุเป็น[[พระอรหันต์]] พระพุทธจ้าทรงยกย่องท่านว่าเป็น[[เอตทัคคะ]] คือเลิศกว่าผู้อื่นในทางรัตตัญญู (คือผู้มีรู้ราตรีนาน)


== พระประวัติ ==
[[ไฟล์:075 Marraige of Suddhodana and Mahapajapati (detail) (9192211688).jpg|200px|thumb|left|พระนางปชาบดีโคตมี (ซ้าย) ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระเจ้าสุทโธทนะ]]
[[ไฟล์:Bhikkhuni.jpg|200px|thumb|left|ภาพขณะพระนางปชาบดีโคตมีทูลขอบวชเป็นพระภิกษุณี วาดโดย[[เหม เวชกร]]]]
พระนางมหาปชาบดีโคตมีเป็นพระมาตุจฉาของพระพุทธเจ้า และเมื่อพระนางสิริมหามายาสวรรคตแล้ว หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน ในกาลต่อมา[[พระเจ้าสุทโธทนะ]]ได้ทรงตั้งพระนางมหาปชาบดีโคตมีไว้ในตำแหน่งพระอัครมเหสี ซึ่งพระนางได้ทรงถวายการอภิบาลเจ้าชายสิทธัตถะ เสมือนเป็นพระราชโอรสของพระองค์เอง พระนางมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งพระนามว่า [[พระนันทเถรศากยะ|เจ้าชายนันทะ]] และมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่งพระนามว่า [[พระนันทาเถรี|เจ้าหญิงรูปนันทา]]
พระนางมหาปชาบดีโคตมีเป็นพระมาตุจฉาของพระพุทธเจ้า และเมื่อพระนางสิริมหามายาสวรรคตแล้ว หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน ในกาลต่อมา[[พระเจ้าสุทโธทนะ]]ได้ทรงตั้งพระนางมหาปชาบดีโคตมีไว้ในตำแหน่งพระอัครมเหสี ซึ่งพระนางได้ทรงถวายการอภิบาลเจ้าชายสิทธัตถะ เสมือนเป็นพระราชโอรสของพระองค์เอง พระนางมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งพระนามว่า [[พระนันทเถรศากยะ|เจ้าชายนันทะ]] และมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่งพระนามว่า [[พระนันทาเถรี|เจ้าหญิงรูปนันทา]]


[[ไฟล์:Bhikkhuni.jpg|200px|thumb|left|ภาพขณะพระนางปชาบดีโคตมีทูลขอบวชเป็นพระภิกษุณี วาดโดย[[เหม เวชกร]]]]
พระนางได้ทรงแสดงความประสงค์จะบวชต่อพระพุทธเจ้าในคราวที่พระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติ ณ [[กรุงกบิลพัสดุ์]] แคว้นสักกะ แต่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงอนุญาตให้พระนางผนวช เนื่องจากยังไม่เคยทรงอนุญาตให้สตรีอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเมือง[[เวสาลี]]และประทับอยู่ที่ กูฏาคารศาลา[[ป่ามหาวัน]] พระนางปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยเหล่านางสากิยานีจำนวนมาก จึงได้ปลงพระเกศา ห่มผ้ากาสายะ เป็นการแสดงเจตนาที่จะบวชอย่างแรงกล้า โดยเสด็จไปยังกูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เมืองเวสาลี เพื่อทรงทูลขออุปสมบท โดยพระนางได้ทรงแจ้งพระประสงค์ต่อ[[พระอานนท์]]ให้นำความไปกราบทูลพระพุทธเจ้า ขอให้พระนางพร้อมทั้งเหล่านางสากิยานีได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระอานนท์ใช้ความพยายามอยู่หลายหน พระพุทธเจ้าจึงทรงออกหลัก ปฏิบัติเป็นพิเศษสำหรับสตรีผู้ที่จะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา คือ[[ครุธรรม 8]] ซึ่งพระนางมหาปชาบดีโคตมี ทรงยินดีปฏิบัติตามครุธรรม ทั้ง 8 ประการ จึงได้รับการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งเหล่านางสากิยานี
พระนางได้ทรงแสดงความประสงค์จะบวชต่อพระพุทธเจ้าในคราวที่พระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติ ณ [[กรุงกบิลพัสดุ์]] แคว้นสักกะ แต่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงอนุญาตให้พระนางผนวช เนื่องจากยังไม่เคยทรงอนุญาตให้สตรีอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเมือง[[เวสาลี]]และประทับอยู่ที่ กูฏาคารศาลา[[ป่ามหาวัน]] พระนางปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยเหล่านางสากิยานีจำนวนมาก จึงได้ปลงพระเกศา ห่มผ้ากาสายะ เป็นการแสดงเจตนาที่จะบวชอย่างแรงกล้า โดยเสด็จไปยังกูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เมืองเวสาลี เพื่อทรงทูลขออุปสมบท โดยพระนางได้ทรงแจ้งพระประสงค์ต่อ[[พระอานนท์]]ให้นำความไปกราบทูลพระพุทธเจ้า ขอให้พระนางพร้อมทั้งเหล่านางสากิยานีได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระอานนท์ใช้ความพยายามอยู่หลายหน พระพุทธเจ้าจึงทรงออกหลัก ปฏิบัติเป็นพิเศษสำหรับสตรีผู้ที่จะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา คือ[[ครุธรรม 8]] ซึ่งพระนางมหาปชาบดีโคตมี ทรงยินดีปฏิบัติตามครุธรรม ทั้ง 8 ประการ จึงได้รับการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งเหล่านางสากิยานี



รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:48, 21 กุมภาพันธ์ 2562

มหาปชาบดีโคตมีเถรี
พระมหาปชาบดีโคตมีประทับอยู่บนอาสนะ
พระมหาปชาบดีโคตมีประทับอยู่บนอาสนะ
ข้อมูลทั่วไป
พระนามเดิมมหาปชาบดีโคตมี
สถานที่ประสูติเทวทหะ แคว้นโกลิยะ
สถานที่บรรลุธรรมกูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน[1]
เอตทัคคะรัตตัญญู (ผู้รู้ราตรีนาน)[2][3]
อาจารย์พระโคตมพุทธเจ้า
สถานที่นิพพานภิกขุณูปัสสยาราม[1]
ฐานะเดิม
ชาวเมืองเทวทหะ
พระบิดาพระเจ้าอัญชนะ
พระมารดาพระนางยโสธรา[4]
วรรณะเดิมกษัตริย์
ราชวงศ์โกลิยะ[5]
พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี หรือพระนามเดิม พระนางมหาปชาบดีโคตมี เป็นพระราชธิดาในพระเจ้าอัญชนะแห่งโกลิยะ เป็นพระมาตุจฉาของพระสมณโคดมพุทธเจ้า เพราะเป็นพระขนิษฐภคินีของพระนางสิริมหามายา พุทธมารดา และเป็นภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนา ทรงได้เรียนกรรมฐานและทรงปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พระพุทธจ้าทรงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะ คือเลิศกว่าผู้อื่นในทางรัตตัญญู (คือผู้มีรู้ราตรีนาน)

พระประวัติ

พระนางปชาบดีโคตมี (ซ้าย) ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระเจ้าสุทโธทนะ
ภาพขณะพระนางปชาบดีโคตมีทูลขอบวชเป็นพระภิกษุณี วาดโดยเหม เวชกร

พระนางมหาปชาบดีโคตมีเป็นพระมาตุจฉาของพระพุทธเจ้า และเมื่อพระนางสิริมหามายาสวรรคตแล้ว หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน ในกาลต่อมาพระเจ้าสุทโธทนะได้ทรงตั้งพระนางมหาปชาบดีโคตมีไว้ในตำแหน่งพระอัครมเหสี ซึ่งพระนางได้ทรงถวายการอภิบาลเจ้าชายสิทธัตถะ เสมือนเป็นพระราชโอรสของพระองค์เอง พระนางมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งพระนามว่า เจ้าชายนันทะ และมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่งพระนามว่า เจ้าหญิงรูปนันทา

พระนางได้ทรงแสดงความประสงค์จะบวชต่อพระพุทธเจ้าในคราวที่พระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ แต่พระพุทธเจ้ามิได้ทรงอนุญาตให้พระนางผนวช เนื่องจากยังไม่เคยทรงอนุญาตให้สตรีอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเมืองเวสาลีและประทับอยู่ที่ กูฏาคารศาลาป่ามหาวัน พระนางปชาบดีโคตมีพร้อมด้วยเหล่านางสากิยานีจำนวนมาก จึงได้ปลงพระเกศา ห่มผ้ากาสายะ เป็นการแสดงเจตนาที่จะบวชอย่างแรงกล้า โดยเสด็จไปยังกูฏาคารศาลาป่ามหาวัน เมืองเวสาลี เพื่อทรงทูลขออุปสมบท โดยพระนางได้ทรงแจ้งพระประสงค์ต่อพระอานนท์ให้นำความไปกราบทูลพระพุทธเจ้า ขอให้พระนางพร้อมทั้งเหล่านางสากิยานีได้อุปสมบทเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระอานนท์ใช้ความพยายามอยู่หลายหน พระพุทธเจ้าจึงทรงออกหลัก ปฏิบัติเป็นพิเศษสำหรับสตรีผู้ที่จะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา คือครุธรรม 8 ซึ่งพระนางมหาปชาบดีโคตมี ทรงยินดีปฏิบัติตามครุธรรม ทั้ง 8 ประการ จึงได้รับการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งเหล่านางสากิยานี

หลังจากการอุปสมบท พระมหาปชาบดีโคตมีเถรีได้ทรงเรียนกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าทรงประทานและปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้บรรลุพระอรหันต์ แม้ภิกษุณีเหล่าสากิยานีที่อุปสมบทพร้อมกับท่านก็ได้บรรลุพระอรหันต์เหมือนกัน

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "พระปชาบดีโคตมีเถรี เอตทัคคะมหาเถรีผู้รู้ราตรีนาน (ต่อ)". ประตูสู่ธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. "พระมหาปชาบดีโคตรมีเถรี". ภิกษุณี เอตทัคคะ 84000. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. "พระปชาบดีโคตมีเถรี เอตทัคคะมหาเถรีผู้รู้ราตรีนาน". ประตูสู่ธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. "พระญาติฝ่ายพระพุทธบิดาและพระพุทธมารดา". พุทธะ. 2553. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ. "ศากยวงศ์". ประตูสู่ธรรม. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

แหล่งข้อมูลอื่น