พระภัททิยกาฬิโคธาบุตร
พระภัททิยกาฬิโคธาบุตร | |
---|---|
ซากอาคารพระราชวัง เมืองกบิลพัสดุ์ | |
ข้อมูลทั่วไป | |
พระนามเดิม | ภัททิยกุมาร, พระเจ้าภัททิยะ |
สถานที่ประสูติ | พระราชวัง กรุงกบิลพัสดุ์ |
สถานที่บวช | อนุปิยอัมพวัน แคว้นมัลละ |
วิธีบวช | เอหิภิกขุอุปสัมปทา |
เอตทัคคะ | ผู้เกิดในสกุลสูง (เพราะทรงสละราชสมบัติออกผนวช) |
ฐานะเดิม | |
ชาวเมือง | เมืองกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ |
พระราชมารดา | พระนางกาฬิโคธาราชเทวี |
วรรณะเดิม | กษัตริยะ |
ราชวงศ์ | ศากยะ |
สถานที่รำลึก | |
สถานที่ | โบราณสถานพระราชวังเมืองกบิลพัสดุ์ |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
พระภัททิยกาฬิโคธาบุตร หรือ พระภัททิยะ เป็นพระภิกษุสาวกเอตทัคคะของพระพุทธเจ้า นับเนื่องในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์สำคัญในพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล พระภัททิยเถรศากยราชา เป็นพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า โดยเป็นพระมหากษัตริย์แห่งแคว้นสักกะก่อนทรงสละราชสมบัติออกผนวชจนบรรลุเป็นพระอรหันต์
พระภัททิยะ ออกผนวชโดยการชักชวนของเจ้าชายอนุรุทธกุมารผู้เป็นพระสหาย พระองค์ออกผนวชพร้อมกับเจ้าราชกุมารอีก 5 พระองค์ และนายอุบาลีภูษามาลา ณ อนุปิยนิคม เมื่อท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านมักอุทานเสมอว่า "สุขหนอ ๆ" พระพุทธเจ้ายกย่องท่านให้เป็นพระเอตทัคคะผู้เลิศทางผู้เกิดในสกุลสูง
พระราชประวัติ
[แก้]พระภัททิยะ เป็นพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า โดยท่านเป็นเจ้าชายนับเนื่องในพระศากยราชวงศ์ ไม่ปรากฏว่าพระราชบิดาของพระองค์ทรงพระนามใด แต่พระราชมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่าพระนางกาฬิโคธาราชเทวี พระองค์ได้เสวยราชสมบัติสืบต่อจากพระราชบิดาจวบจนเสด็จออกผนวช
สาเหตุที่ทรงออกผนวช
[แก้]พระภัททิยะ มีพระราชศรัทธาเสด็จออกผนวชในพระพุทธศาสนาพร้อมกับเจ้าราชกุมารทั้ง 5 คือ เจ้าชายอนุรุทธะ, เจ้าชายอานันทะ, เจ้าชายภัคคุ, เจ้าชายกิมพิละ และเจ้าชายเทวทัตต์ และนายช่างกัลบกนามว่านายอุบาลีภูษามาลาอีก 1 ท่าน รวมเป็น 7 ณ อนุปิยอัมพวัน ในอนุปิยนิคม โดยการชักชวนของเจ้าชายอนุรุทธะ โดยในวันผนวชนั้น เจ้าชายทั้ง 6 ได้ตกลงกันให้นายอุบาลีผู้เป็นช่างภูษามาลาออกบวชก่อนตน เพื่อจะได้ทำความเคารพเป็นการลดทิฐิและมานะแห่งความเป็นเชื้อสายกาษัตริย์ของตนลง โดยทั้งหมดได้อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาโดยตรงจากพระพุทธเจ้า
เมื่อผนวชแล้ว ได้ทรงตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมจนบรรลุพระอรหันต์ จนเมื่อบรรลุแล้วพระองค์มักเปล่งอุทานว่า "สุขหนอ ๆ" อยู่เสมอ ๆ จนพระสงฆ์เข้าใจผิดว่าท่านคำนึงเสียดายราชสมบัติที่ทรงสละมา พระสงฆ์เหล่านั้นจึงไปกราบบังคมทูลความนั้นแด่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงเรียกท่านมาสอบถาม ท่านกราบบังคมทูลพระพุทธเจ้าว่าที่ท่านชอบอุทานเช่นนั้นเป็นเพราะความสุขคือความสบายและปลอดภัยอันเกิดจากการสละราชสมบัติ เพราะเมื่อยังทรงครองราชสมบัตินั้น มีแต่ความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ต้องมีข้าราชบริพารและทหารรักษาพระองค์ล้อมรอบเพื่อถวายการอารักขา ทำให้เมื่อออกบวชแล้วจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องมานั่งมัวระแวงภัย อาศัยบิณฑบาตเลี้ยงชีพ มีใจดุจมฤคา คือคนผู้ไม่มีภาระท่องเที่ยวไป เมื่อกราบทูลเสร็จ พระพุทธองค์จึงตรัสชมเชยพระภัททิยเถรศากยะ
และด้วยความที่ท่านเกิดในตระกูลแห่งกษัตริย์ ดำรงพระราชสถานะเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ผู้เป็นประธานแห่งแคว้นสักกะ แต่มีใจพระราชศรัทธาออกผนวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา บำเพ็ญสมณธรรมจนบรรลุพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าจึงยกย่องท่านว่าเป็นผู้เลิศด้าน ผู้เกิดในตระกูลสูง
บุพกรรมในอดีตชาติ
[แก้]พระภัททิยกาฬิโคธาบุตร | |
---|---|
ภัททิยะ โคตมะ พระเจ้าภัททิยะ | |
พระมหากษัตริย์แห่งแคว้นสักกะ | |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้ามหานามะ |
รัชกาลถัดไป | ไม่ทราบ |
พระเจ้าภัททิยะ | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ศากยะ |
พระราชมารดา | พระนางกาฬิโคธาราชเทวี |
บั้นปลายพระชนม์ชีพ
[แก้]ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาไม่ระบุว่าท่านดับขันธปรินิพพานเมื่อใดและที่ใด แต่ท่านคงดำรงขันธ์อยู่พอสมควรแก่กาลจึงปรินิพพาน
อ้างอิง
[แก้]- สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส. (2525). ธรรมวิภาคปริเฉทที่ 2. พิมพ์ครั้งที่ 23. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการแผนกตำรา มหามกุฏราชวิทยาลัย.
ดูเพิ่ม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ 84000
- เว็บไชต ธรรมะ เกตเวย์ เก็บถาวร 2009-04-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน