กระเบื้อง
กระเบื้องคือวัตถุที่บางและมักมีรูปร่างจตุรัสหรือสี่เหลี่ยม กระเบื้องผลิตขึ้นจากวัสดุซึ่งสึกกร่อนยากเช่น เซรามิก หิน โลหะ ดินเผา หรือแม้แต่แก้ว และโดยทั่วไปไว้ใช้มุงหลังคา ปูพื้น บุผนัง หรือใช้บนวัตถุอื่น ๆ เช่นโต๊ะ ในบางกรณีคำว่ากระเบื้องสามารถหมายถึงวัตถุอีกแบบที่คล้ายกันแต่ผลิตมาจากวัสดุน้ำหนักเบาอย่างเช่นเพอร์ไลต์ ไม้ และใยแร่ (mineral wool) ซึ่งไว้ใช้สำหรับผนังและเพดาน
กระเบื้องสามารถมีรูปร่างที่ซับซ้อนได้เช่นกระเบื้องโมเสก กระเบื้องส่วนใหญ่ทำจากเซรามิกซึ่งเคลือบเงาสำหรับใช้ภายในและไม่เคลือบสำหรับใช้มุงหลังคา แต่วัสดุอื่นก็มีใช้ด้วยเช่น แก้ว ไม้ก๊อก คอนกรีต วัสดุเชิงประกอบอื่น ๆ และหิน กระเบื้องหินมักทำจากหินอ่อน โอนิกซ์ หินแกรนิตหรือหินชนวน
อิฐสีและงานกระเบื้องตกแต่ง
[แก้]งานกระเบื้องตกแต่งหรือศิลปะกระเบื้อง (tile art) แตกต่างจากงานโมเสกซึ่งประกอบขึ้นจากกระเบื้องเทสเซรา (tessera) ชิ้นเล็ก ๆ แต่ละสีที่ทำจากแก้ว เซรามิก หรือหินที่ถูกจัดตำแหน่งอย่างไม่สม่ำเสมอ รูปแบบการปูกระเบื้องมีหลายรูปแบบเช่น แบบก้างปลา (Herringbone pattern) แบบก่ออิฐ แบบออฟเซ็ต แบบตาราง แบบกังหัน แบบตะกร้าสาน แบบทแยงมุม แบบเชฟรอน และแบบปาร์เกต์ (Parquetry) โดยสามารถมีขนาด รูปร่าง ความหนา และสีที่ต่างกันไป[1]
ประวัติศาสตร์
[แก้]มุมมองและกรณีตัวอย่างในบทความนี้อาจไม่ได้แสดงถึงมุมมองที่เป็นสากลของเรื่อง (เมษายน 2022) |
ตะวันออกกลาง
[แก้]หลักฐานของอิฐเคลือบที่เก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่งเป็นอิฐเคลือบซึ่งถูกค้นพบในวิหารอีลาไมท์ที่ โชกา ซานบิล (Chogha Zanbil) โดยมีอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอลาไมท์ยุคกลาง (1500 - 1100 ปีก่อนคริสตกาล)[2] อิฐเคลือบและอิฐสีถูกใช้เพื่อสร้างประติมากรรมแบบนูนต่ำในเมโสโปเตเมียโบราณ ที่โด่งดังเช่นประตูอิชตาร์แห่งบาบิโลน (ราวปี 575 ก่อนคริสตกาล) ซึ่งปัจจุบันบางส่วนถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในกรุงเบอร์ลิน[3] และส่วนอื่น ๆ ในที่อื่น[4]
อิฐตากแห้งหรืออิฐดินดิบ (Adobe) เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างอาคารในเมโสโปเตเมีย[5] ซึ่งเป็นที่ซึ่งอุดมไปด้วยดินเหนียวแม่น้ำตามแนวแม่น้ำไทกริสและยูเฟรตีส การขาดแคลนหินในบริเวณนี้อาจเป็นสิ่งจูงใจให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอิฐเตาเผาขึ้นมาใช้แทน[6][7] อิฐเผาถูกนำมาใช้เป็นชั้นป้องกันด้านนอกกำแพงซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากอิฐตากแห้งของอาคารสำคัญต่าง ๆ เช่นวิหาร ซิกกุรัต และวัง อิฐดินเหนียวเผาเป็นวัสดุที่คงทนมากที่สุดชนิดหนึ่ง การผลิตอิฐเผาคือการนำก้อนดินเหนียวมาเผาในเตาเผาอิฐ โดยใช้แม่พิมพ์ไม้ในการผลิตเหมือนอิฐตากแห้ง[6]
อิหร่านโบราณ
[แก้]อาคารในสมัยของจักรวรรดิอะคีเมนิดถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องอิฐเคลือบอย่างเช่นในพระราชวังของดาไรอัสมหาราชที่ซูซา (Susa) และอาคารต่าง ๆ ในเปอร์เซเปอลิส[8]
ต่อมาในจักรวรรดิซาเซเนียน ได้มีการนำกระเบื้องลวดลายเชิงเรขาคณิต, ดอกไม้, ต้นไม้, สัตว์ปีก และผู้คน ที่ถูกเคลือบหนาถึงหนึ่งเซนติเมตรมาใช้[8]
อิสลาม
[แก้]กระเบื้องโมเสกแบบอิสลามช่วงแรก ๆ ส่วนใหญ่ในประเทศอิหร่านทำขึ้นจากอิฐเคลือบและเป็นเครื่องตกแต่งลวดลายเรขาคณิตข้างในมัสยิดและมอโซเลียม (mausoleum) กระเบื้องเทอร์คอยส์ได้รับความนิยมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ถึง 11 และถูกนำมาใช้บนกำแพงมัสยิดสำหรับคำจารึกกูฟีย์ (Kufic) ตัวอย่างที่ดีได้แก่มัสยิดซีเยดในเอสแฟฮอน (Seyyed Mosque (Isfahan)) (ค.ศ. 1122), โดมแห่งแมรอเฆฮ์ (Dome of Maraqeh) (ต.ศ. 1147) และมัสยิดใหญ่แห่งโกนอบอด (Jameh Mosque of Gonabad) (ค.ศ. 1212)[8]
ยุคทองของงานกระเบื้องเปอร์เซียเริ่มต้นในสมัยจักรวรรดิตีมูร์ เทคนิคโมแรฆ (moraq) เป็นเทคนิคการปูกระเบื้องโมเสก โดยเป็นการวางกระเบื้องสีต่าง ๆ ที่ถูกตัดออกเป็นรูปร่างเรขาคณิตชิ้นเล็ก ๆ และเทปูนปลาสเตอร์เหลวลงระหว่างแต่ชิ้นเพื่อประกอบเข้ากัน หลังจากที่แข็งตัวแล้ว กระเบื้องแต่ละแผ่นจะถูกนำไปประกอบบนผนังของอาคารต่าง ๆ กระเบื้องโมเสกแบบนี้ไม่ได้ถูกจำกัดไว้เฉพาะบนพื้นผิวเรียบเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปปูทั้งด้านนอกและด้านในของโดมด้วย ตัวอย่างของการใช้เทคนิคนี้ในจักรวรรดิตีมูร์ที่โดดเด่น เช่น มัสยิดใหญ่แห่งแยซด์ (Jame mosque of Yazd) (ค.ศ. 1324–1365), มัสยิดโกแฮร์ชอด (Goharshad Mosque) (ค.ศ. 1418), มัดเราะซะฮ์ข่านในชีรอซ (Madrassa of Khan in Shiraz) (ค.ศ. 1615) และมัสยิดเมาลานา (Molana Mosque) (ค.ศ. 1444)[8]
กระเบื้องอีกรูปแบบหนึ่งที่สำคัญในยุคสมัยนี้คือกระเบื้องกิริฮ์ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือสายทาบหรือกิริฮ์สีขาว มิหร็อบ (Mihrab) ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของมัสยิดมักเป็นตำแหน่งที่มีงานกระเบื้องซึ่งประณีตและซับซ้อนที่สุด มิหร็อบยุคคริสต์ศตวรรษที่ 14 ที่มัดเราะซะฮ์ Imami ในแอสแฟฮอนเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการผสมผสานทางสุนทรียภาพระหว่างศิลปะอักษรวิจิตรอิสลาม (Islamic calligraphy) และลายวิจิตรนามธรรม โค้งแหลม (Ogive) ซึ่งวางกรอบของช่องเว้าของมิหร็อบมีจารึกในอักษรกูฟีย์ซึ่งถูกใช้ในอัลกุรอานสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9[9]
มัสยิดชาห์ในเอสแฟฮอนเป็นหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกในอิหร่านจากสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดมของมัสยิดนี้เป็นตัวอย่างของงานกระเบื้องโมเสกที่สำคัญ และห้องภาวนาฤดูหนาวในมัสยิดมีกระเบื้องกูเอร์ดา เซกา (cuerda seca) ที่มีความวิจิตรมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก กระเบื้องหลากหลายรูปแบบถูกผลิตขึ้นมาเพื่อปูโถงรูปแบบซับซ้อนรูปแบบต่าง ๆ เป็นลวดลายโมเสก ผลลัพธ์เป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีและสิ่งประดับที่น่าอัศจรรย์ใจ[9]
ในสมัยซาฟาวิด เทคนิค แฮฟต์แรงก์ (haft rang แปลว่า 'เจ็ดสี' ในภาษาเปอร์เซีย) มักถูกใช้ในการประดับแทนกระเบื้องโมเสก โดยเป็นการทาสีลงบนกระเบื้องสี่เหลี่ยมธรรมดา เคลือบ และเผา นอกเหนือจากเหตุผลทางเศรษฐกิจแล้ว เทคนิคแฮฟต์แรงก์ยังทำให้ศิลปินสามารถแสดงออกได้อย่างอิสระมากขึ้นในเวลาที่น้อยลง มันยังคงเป็นที่นิยมจนถึงสมัยกอญัรเมื่อตัวเลือกสีมีมากขึ้นด้วยสีเหลืองและสีส้ม[8] สีเจ็ดสีที่ถูกใช้ในกระเบื้องแฮฟต์แรงก์ได้แก่สีดำ, สีขาว, สีน้ำเงิน, สีเทอร์คอยส์ (Turquoise (color)), สีแดง, สีเหลือง และสีฟอว์น (Fawn (colour))[10]
ประเพณีอิทธิพลเปอร์เซียเหล่านี้ (Persianate) ได้กระจายต่อเนื่องไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของโลกอิสลาม ที่น่าจดจำเช่นเครื่องปั้นดินเผาอิซนิค (İznik pottery) จากประเทศตุรกีภายใต้จักรวรรดิออตโตมันในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17[11]
อาคารอิสลามในบุคอรอ (Bukhara) ในเอเชียกลาง (คริสต์ศตวรรษที่ 16-17) มีเครื่องประดับลวดลายดอกไม้ที่ซับซ้อนเช่นเดียวกัน[12] ในเอเชียใต้ การตกแต่งด้วยงานกระเบื้องกอชอนี (Qashani) จากเปอร์เซียได้ถูกรับมาใช้ในมุลตานและสินธ์ในประเทศปากีสถาน[13] มัสยิดวะซีร์ ข่าน ในลาฮอร์เป็นหนึ่งในตัวอย่างของงานกระเบื้องที่ได้รับอิทธิพลจากกระเบื้องกอชอนีหรือ kashi-kari จากสมัยจักรวรรดิโมกุล[14]
วัฒนธรรมกระเบื้องซัลลีจญ์ (zellige) ของประเทศโมร็อกโกเป็นกระเบื้องพื้นเมืองที่ยังคงมีการผลิตอยู่ในปัจจุบัน เป็นการนำกระเบื้องสีชิ้นเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างที่หลากหลายเพื่อสร้างลวดลายเรขาคณิตคล้ายกับกระเบื้องโมเสก[15][16]
อนุทวีปอินเดีย
[แก้]ห้องที่มีพื้นกระเบื้องที่ทำมาจากดินเหนียวซึ่งมีการตกแต่งด้วยลวดลายวงกลมเชิงเรขาคณิตถูกค้นพบในโบราณสถานที่กาลีพังคาน (Kalibangan), โกต บาลา (Kot Bala) และอัลลอฮ์ดิโน (Allahdino) [17][18]
กระเบื้องถูกนำมาใช้ในศรีลังกาโบราณในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในรูปของหินเรียบและหินขัดบนพื้นและในสระน้ำ กระเบื้องจากช่วงเวลานี้สามารถพบได้ในกุฏฏัมปกกุณะ (Kuttam Pokuna) ในเมืองอนุราธปุระ และที่อื่น ๆ[19]
เอเชียตะวันออก
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ตัวอย่างของกระเบื้องเซรามิกหรืออิฐเคลือบที่ใช้ในการตกแต่งในเอเชียตะวันออกเช่นเจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิงซึ่งถูกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 15[20] ถูกทำลายลงไปในคริสต์ศตวรรษที่ 19[21] และถูกสร้างขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 2015[22]
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ไทย
[แก้]ตัวอย่างของการใช้กระเบื้องในการตกแต่งที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เช่นพระปรางค์วัดอรุณฯซึ่งถูกตกแต่งด้วยลวดลายที่ทำจากงานกระเบื้องที่มีรูปร่างและสีต่าง ๆ กว่า 120 ลวดลาย[23]
การใช้งานกระเบื้องในรูปแบบต่าง ๆ มีในประเทศไทยมาแต่อดีต โดยเฉพาะสิ่งปลูกสร้างในวัด ในงานศึกษาเกี่ยวกับกระเบื้องยุคสุโขทัย มักพบเศษกระเบื้องกระจัดกระจายอยู่ตามบริเวณรอบโบสถ์วิหาร[24] ตัวอย่างเช่น ซี่ลูกกรงของพนังกำแพงแก้วของวัดมังกรในเมืองเก่าสุโขทัยซึ่งยังหลงเหลืออยู่เป็นสังคโลก[25] ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนต้น ยังมีการผลิตเครื่องกระเบื้องสังคโลกจนเมื่อทำสงครามกับพม่า คนในเมืองสุโขทัยถูกกวาดต้อนและเทคโนโลยีการผลิตเครื่องกระเบื้องก็ถูกทิ้งไป วัดส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนมาใช้กระเบื้องดินเผาไม่เคลือบ ซึ่งหยาบ มีสีดิน สีอิฐ[24] กระเบื้องเคลือบกลายเป็นของหายากและมีราคาสูง วัดที่ใช้กระเบื้องเคลือบก็จะถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก[24] เช่นวัดบรมพุทธารามซึ่งถูกเรียกอีกชื่อว่าวัดกระเบื้องเคลือบ[26]
ในสมัยรัตนโกสินทร์ การติดต่อค้าขายกับจีนทำให้ได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมทั้งวัสดุก่อสร้างและเครื่องตกแต่งจากประเทศจีนมาใช้[27] ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกระเบื้องในรูปแบบต่าง ๆ เช่นกระเบื้องดินเผา กระเบื้องเคลือบ ภาชนะอย่างเครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องถ้วยจีน เครื่องถ้วยลายครามน้ำเงินขาว ทั้งเป็นภาชนะทั้งใบหรือเป็นเศษกระเบื้อง หรือที่เป็นลวดลายดอกไม้ ใบไม้ วงกลมอยู่แล้วประกอบในลวดลายปูนปั้น[28] ในช่วงรัชกาลที่ 2-3 จึงนำมาตกแต่งวัด เช่น วัดเทพธิดา[29] วัดเฉลิมพระเกียรติ[30] วัดราชโอรสาราม[28][31] และวัดกัลยาณมิตร[28][32] มีการตั้งโรงเผากระเบื้องเคลือบใช้เองที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร[28] จนในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการใช้กระเบื้องที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ ซึ่งมีลวดลายทั้งในแบบไทย จีน และตะวันตก และมีการนำกระเบื้องสีเบญจรงค์แบบไทยมาตกแต่งโบสถ์ วิหาร และพระเจดีย์ของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม[33] แต่เป็นกระเบื้องสั่งทำจากจากประเทศจีน[34][24]
ตะวันตก
[แก้]กระเบื้องเขียนลายถูกใช้เป็นจำนวนมากในยุโรปยุคกลาง บางส่วนมีรูปแบบที่ซับซ้อนมาก ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่ เรื่องราวทางศาสนาและฆราวาสถูกวาดบนกระเบื้อง เช่นกระเบื้องปูพื้นจินตภาพในจิตกรรมสีน้ำมันชื่อ แม่พระรับสาร ที่ วอชิงตัน ดี.ซี. (Annunciation (van Eyck, Washington)) ของ ยัน ฟัน ไอก์ ใน ค.ศ. 1434 ซึ่งแสดงฉากในพันธสัญญาเดิม "กระเบื้องทริง" จากโบสถ์ในเมืองทริง (Tring) ที่พิพิธภัณฑ์บริติชซึ่งแสดงภาพฉากสมัยเด็กจากชีวิตของพระเยซู อาจถูกใช้ปูผนังแทนพื้น[35] ในขณะที่ "กระเบื้องเชิร์ตซี" ซึ่งมาจากแอบบีย์ในเมืองเชิร์ตซี (Chertsey) จากคริสต์ศตวรรษที่ 13 แสดงภาพฉากการต่อสู้ระหว่างริชาร์ดใจสิงห์กับเศาะลาฮุดดีน[36] กระเบื้องตัวอักษรยุคกลาง (Medieval letter tiles) ถูกใช้ปูพื้นของโบสถ์เพื่อจารึกข้อความต่าง ๆ ในศาสนาคริสต์[37]
เครื่องกระเบื้องเดลฟท์ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีลายภาพวาดสีขาวน้ำเงินซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศเนเธอร์แลนด์[38] ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 กระเบื้องเดลฟท์ได้รับอิทธิพลจากกระเบื้องจีน[39] และถูกส่งออกไปทั่วทั้งทวีปยุโรปจนเริ่มหมดความนิยมในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18[40][41] ราชวังสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 หลายแห่งมีห้องที่ผนังทั้งหมดถูกปูด้วยกระเบื้องเคลือบ ตัวอย่างที่ยังหลงเหลืออยู่เช่นที่ พิพิธภัณฑ์กาโปดิมอนเต (Museo di Capodimonte) ที่เมืองนาโปลี พระราชวังมาดริด (Royal Palace of Madrid) และพระราชวังอารังฆูเอซ (Royal Palace of Aranjuez)[42]
กระเบื้องอาซูเลโฆหากอ่านตามภาษาสเปน หรืออาซูเลฌูตามภาษาโปรตุเกส (Azulejo) มาจากกระเบื้องซัลลีจญ์ทั้งตัวกระเบื้องเองและชื่อของมัน[43][44] กระเบื้องอาซูเลโฆเป็นเอกรงค์สีขาวน้ำเงินและมีลวดลายเป็นรูปภาพ หรืออาจมีสีอื่น สิ่งก่อสร้างแนวบารอกมีการใช้กระเบื้องอาซูเลโฆ กระเบื้องอาซูเลโฆยังถูกนำมาใช้ในสถาปัตยกรรมละตินอเมริกัน[45][46][47]
ประเทศโปรตุเกสและเมืองเซาลูอีสยังคงธรรมเนียมการใช้กระเบื้องอาซูเลโฆมาถึงปัจจุบัน โดยถูกใช้ตกแต่งอาคาร เรือ[48] และแม้แต่ก้อนหินเองก็ตาม
งานกระเบื้องถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้งในสมัยวิกตอเรีย เนื่องจากสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอทิกและการเคลื่อนไหวทางศิลปหัตถกรรม (Arts and Crafts movement) กระเบื้องลายหรือกระเบื้องที่ปูเป็นลวดลายถูกผลิตแบบมวลรวมด้วยเครื่องจักรเรียบพอสำหรับการปูพื้นและราคาถูกลง และถูกนำมาปูพื้นและผนังเช่นในโบสถ์ โรงเรียน และอาคารสาธารณะ รวมไปถึงโถงทางเดินและห้องน้ำภายในบ้าน
การใช้งาน
[แก้]กระเบื้องมุงหลังคา
[แก้]กระเบื้องมุงหลังคาถูกออกแบบสำหรับใช้กันฝนและความร้อน กระเบื้องทำขึ้นจากวัสดุตามดั้งเดิมที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น ดินเหนียว ดินเผา หินแกรนิต หรือหินชนวน หรือวัสดุสมัยใหม่ เช่น คอนกรีต แก้ว[49] และพลาสติก กระเบื้องมุงหลังคามีรูปทรงที่หลากหลาย
กระเบื้องปูพื้น
[แก้]กระเบื้องปูพื้นมีทั้งเซรามิก หิน ยาง พลาสติก หรือแม้แต่แก้ว ซึ่งอาจถูกทาสีหรือเคลือบ หรือเป็นกระเบื้องโมเสกซึ่งถูกปูเป็นลวดลาย กระเบื้องปูพื้นถูกปูลงบนปูนซึ่งประกอบด้วยทราย ซีเมนต์ และสารเติมแต่งน้ำยาง ช่องว่างระหว่างกระเบื้องแต่ละแผ่นจะถูกเติมด้วยยาแนว (grout) ที่อาจถูกขัดหรือไม่ด้วยกระดาษทราย แต่โดยดั้งเดิมแล้วจะใช้ปูน
ในการผลิตกระเบื้องหินแกรนิตและหินอ่อน หินจะถูกนำมาตัดก่อนนำมาขัดถูผิวด้านบน[50] ในขณะที่กระเบื้องหินธรรมชาติชนิดอื่นเช่นหินชนวนใช้วิธีการกะเทาะด้านบนหินให้แยกออกจากกัน[51]
กระเบื้องฝ้าเพดาน
[แก้]กระเบื้องฝ้าเพดานหรือแผ่นฝ้าเพดานเป็นแผ่นกระเบื้องซึ่งถูกนำมาใช้กับเพดานของอาคาร เพดานเหล่านี้มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่นเพดานแขวน ซึ่งอยู่ต่ำลงมาจากเพดานโครงสร้าง สำหรับการถอดประกอบที่สะดวก เพดานซับเสียงเพื่อทำให้คุณสมบัติทางเสียงของห้องดีขึ้น หรือเพดานขึงตึงซึ่งทำจากอะลูมิเนียมหรือพลาสติก PVC เพื่อปกปิดงานท่อ สายไฟต่าง ๆ[52]
กระเบื้องฝ้าเพดานอาจถูกทำมาจากวัสดุหลายอย่าง เช่นฝ้าเพดานแผ่นยิปซัม ฝ้าเพดานไฟเบอร์ซีเมนต์ ฝ้าเพดานไม้ ฝ้าเพดานไวนิล และฝ้าเพดานอะลูมิเนียม[53] ตัวอย่างของฝ้าเพดานที่ทำมาจากอิฐเช่นเพดานโค้งกาตาลัน (Catalan vault)
นอกจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นสิ่งกีดขวางการแพร่กระจายของเปลวไฟและควัน การทำลาย การเคลื่อนย้าย หรือการถอดกระเบื้องฝ้าเพดานออกจะทำให้เซนเซอร์ตรวจจับและหัวกระจายน้ำดับเพลิงทำงานได้ช้าลงและปล่อยให้ไฟลามได้เร็วขึ้น[54]
วัสดุและกระบวนการ
[แก้]เซรามิก
[แก้]กระเบื้องอาจทำจากวัสดุเซรามิกเช่นเครื่องดินเผา (earthenware) เครื่องหิน (stoneware) และเครื่องเคลือบดินเผา[55] ในขณะที่เทอราคอตตา (Terracotta) เป็นวัสดุซึ่งตามดั้งเดิมถูกนำมาใช้ทำกระเบื้องมุงหลังคา[56]
กระเบื้องพอร์ซเลน
[แก้]กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นกระเบื้องหรือแผ่นปูพื้นโมเสกเซรามิกซึ่งผลิตจากส่วนผสมของวัสดุต่าง ๆ ผ่านการขึ้นรูปด้วยการอัดแบบแห้ง (dry pressing) และได้ออกมาเป็นแผ่นกระเบื้องที่มีความหนาแน่น เนื้อละเอียด และเรียบ มีผิวหน้าที่คมชัดและมีเนื้อตัน กระเบื้องชนิดนี้มักมีสีที่สว่างและสดใส อิงตามมาตรฐานเอเอสทีเอ็ม C242[57]
หินอ่อน
[แก้]ชาวโรมันมักปูพื้นห้องชั้นล่างด้วยกระเบื้องโมเสกซึ่งทำจากหินอ่อนก้อนสี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ วางต่อกันเป็นรูปแบบที่มีสีสัน และใช้กระเบื้องหินอ่อนขนาดใหญ่รูปสีเหลี่ยมจตุรัส วงกลม ฯลฯ ในห้องที่รับรองคนจำนวนมาก เพราะกระเบื้องโมเสกไม่สามารถทนจำนวนคนได้เป็นเวลานาน และอิฐมีไว้ใช้กับทางเดินทั่วไปเท่านั้น[58]
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 หนังสือศัพทานุกรมสำหรับงานหินอ่อนให้นิยามกับกระเบื้องไว้ว่าเป็นแผ่นที่ทำมาจากหินหรือหินอ่อนซึ่งถูกตัดเป็นชิ้นส่วนรูปร่างต่าง ๆ เช่นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปแปดเหลี่ยม ฯลฯ[59]
หินกรวด
[แก้]คล้ายกับกระเบื้องโมเสกหรือลวดลายชนิดอื่น ๆ กระเบื้องหินกรวดเป็นกระเบื้องที่ทำจากหินกรวดก้อนเล็ก ๆ ที่ติดกับแผ่นรองอย่างหนึ่ง โดยมักออกแบบมาเป็นลวดลายที่ประสานเข้ากันเพื่อให้การติดตั้งในตอนสุดท้ายดูเข้ากันและไม่มีรอยต่อ
พิมพ์ลาย
[แก้]การพิมพ์กระเบื้องใช้เทคนิคการพิมพ์และการดัดแปลงศิลปะและภาพถ่ายดิจิทัล การพิมพ์ลงบนกระเบื้องได้หลากหลายชนิดด้วยคุณภาพเทียบเท่ากับภาพถ่ายเป็นไปได้ด้วยการพิมพ์สีระเหิด (Dye-sublimation printing) การพิมพ์แบบพ่นหมึก หมึกพิมพ์เซรามิก และโทนเนอร์เซรามิก[60] ภาพแรสเตอร์/บิตแมปถูกจัดเตรียมในซอฟต์แวร์แก้ไขรูปภาพ (Image editing) โดยการจับภาพดิจิทัลด้วยเครื่องกราดภาพหรือกล้องดิจิทัล เทคนิคการพิมพ์ลงบนกระเบื้องแบบพิเศษที่ใช้ความร้อนและความดันหรือเตาเผาที่อุณหภูมิสูงถูกใช้เพื่อถ่ายโอนภาพลงบนสารตั้งต้นบนกระเบื้อง เทคนิคการลงสีลงบนกระเบื้องมีเช่น การพิมพ์สกรีนแบบแบน การพิมพ์สกรีนแบบหมุนซึ่งมีสองรูปแบบคือการใช้ล้อหมุนซิลิโคนที่แกะลวดลายด้วยเลเซอร์ หรือล้อหมุนที่เอาลวดลายจากการสกรีนแบบแบนมาอยู่ในรูปวงล้อแทนเพื่อให้สามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่องและไม่ต้องหยุดทำทีละแผ่น และการพิมพ์กระเบื้องแบบพ่นหมึกโดยตรง (DCIJP)[61] กระเบื้องเหล่านี้ถูกใช้ปูผนังของห้องครัว ห้องน้ำ หรือใช้ทางพาณิชย์ในร้านอาหาร โรงแรม และห้องพักแขก เป็นเครื่องตกแต่ง
คณิตศาสตร์ของการปูกระเบื้อง
[แก้]กระเบื้องบางรูปร่างสามารถปูเรียงซ้ำกันให้คลุมพื้นผิวอันหนึ่งได้โดยไม่เหลือช่องว่าง ตัวอย่างเช่นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก รูปร่างเหล่านี้กล่าวได้ว่าสามารถเทสเซลเลต (จาก tessella ภาษาละตินแปลว่า 'กระเบื้อง') และการปูกระเบื้องในรูปแบบนี้เรียกว่าเทสเซลเลชัน ลวดลายการปูกระเบื้องหลากสีแบบอิสลาม (Islamic geometric pattern) บางรูปแบบมีความซับซ้อนและคล้ายกับการปูกระเบื้องแบบเพนโรส (Penrose tiling) เช่นกระเบื้องกิริฮ์ (Girih tiles)[62]
ดูเพิ่ม
[แก้]- เซลล์แสงอาทิตย์แบบบูรณาการกับอาคาร (Building integrated photovoltaics)
- หินประดับ (Dimension stone)
- เพดานแขวน (Dropped ceiling)
- กระเบื้องแก้ว (Glass tile)
- หินอ่อน
- กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain tile)
- ชิงเกิลมุงหลังคา (Roof shingle)
- จิตรกรรมฝาผนัง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Ceramic Tile History". Traditional Building. 15 กันยายน 2020. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2021.
- ↑ Razmjou, S. (2004). "Glazed bricks in the Achaemenid period.". ใน Stoellner, T.; Deutsches Bergbau-Museum Bochum (บ.ก.). Persiens Antike Pracht. Bergbau, Handwerk, Archäologie (PDF) (ภาษาอังกฤษ). Deutsches Bergbau-Museum. p. 383. ISBN 9783937203119. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2022.
During archaeological excavations at Dur-Untashi, modern Chogha Zanbil, some examples of glazed bricks from Middle Elamite period were found by R. Ghirshman (1966, 110-111). They are decorated and painted on one peripheral surface and being glazed and used on the walls.
- ↑ Maso, Felip (5 January 2018). "Inside the 30-Year Quest for Babylon's Ishtar Gate". National Geographic. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2018. สืบค้นเมื่อ 14 May 2018.
- ↑ Fletcher, Alexandra (19 ธันวาคม 2013). "A loan from Berlin: a lion from Babylon". The British Museum Blog. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 มกราคม 2014. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ Tunalı, Selma (2014). "ADOBE STRUCTURES AS OUR CULTURAL HERITAGE AND THEIR FEATURES". PROCEEDINGS 2nd MEDITERRANEAN INTERDISCIPLINARY FORUM ON SOCIAL SCIENCES AND HUMANITIES, MIFS 2014, 26-28 November, Almeria, Spain. 2nd MEDITERRANEAN INTERDISCIPLINARY FORUM ON SOCIAL SCIENCES AND HUMANITIES. อัลเมรีอา สเปน: European Scientific Institute. pp. 103–113. ISBN 9786084642312. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ 6.0 6.1 Hnaihen, K. H. (2020). "The Appearance of Bricks in Ancient Mesopotamia" (PDF). Athens Journal of History. 6 (1): 73–96. doi:10.30958/ajhis.6-1-4. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 ตุลาคม 2021 – โดยทาง Academia.
- ↑ Stone, E. C.; Lindsley, D. H.; Pigott, V.; Harbottle, G.; Ford, M. T. (1998). "From Shifting Silt to Solid Stone: The Manufacture of Synthetic Basalt in Ancient Mesopotamia". Science. 280 (5372): 2091–2093. doi:10.1126/science.280.5372.2091. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 8.4 "Iran: Visual Arts: history of Iranian Tile". Iran Chamber Society. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 ตุลาคม 2010.
- ↑ 9.0 9.1 Fred S. Kleiner (2008). Gardner's Art Through The Ages, A Global History. p. 357. ISBN 9780495410591.
- ↑ "Kashi Haft Rang (Seven-Colored Tiles) of Shiraz". Visit Iran. Ministry of Cultural Heritage, Tourism and Handicrafts. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 ตุลาคม 2020.
- ↑ "LACMA: Los Angeles County Museum of Art". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-05. สืบค้นเมื่อ 2007-10-11.
- ↑ Ebaid, S.; Ghaly, N. (2013). "Ceramic mihrabs in religious buildings in Bukhara during 16th C." (PDF). Mediterranean Archaeology and Archaeometry. กรีซ. 13 (2): 43–56. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 เมษายน 2018.
- ↑ Sajidullah; Shar, B. K.; Brohi, M. A. (2020). "A Walkthrough of Traditional Process of Kashikari In Sindh: A Case Study of Nasarpur" (PDF). Engineering science and technology international research journal. 4 (4): 36–42. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 18 มกราคม 2021.
- ↑ Salman, M., Documentation and conservation of Wazir Khan Mosque, Lahore, Pakistan (PDF), Aga Khan Cultural Service - Pakistan, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 7 มีนาคม 2022
- ↑ Pollock, S. (7 มิถุนายน 2018). "Crafting mosaic tile is an endangered tradition. Here are the folks keeping it alive". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ Martin, H. (6 มกราคม 2022). "The Moroccan Tile Trend Designers Can't Seem to Get Enough Of". Architectural Digest. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ Indian History (ภาษาอังกฤษ). ทาทา แมคกรอ-ฮิล เอดูเคชัน. 1926. ISBN 9781259063237.
kalibangan tiles.
- ↑ McIntosh, Jane (2008). The Ancient Indus Valley: New Perspectives (ภาษาอังกฤษ). ABC-CLIO. ISBN 9781576079072.
- ↑ Embuldeniya, P. (2018). "Art in the Ancient Water Management System of Sri Lanka" (PDF). Journal of the Centre for Heritage Studies. 1: 155–162. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ Dreyer, Edward L. (2007). Zheng He: China and the Oceans in the Early Ming Dynasty, 1405–1433. New York: Pearson Longman. p. 135-144. ISBN 9780321084439.
- ↑ Jonathan D. Spence. God's Chinese Son, New York 1996
- ↑ Yu, Elaine (2016-09-16). "Nanjing's Porcelain Tower: Ancient 'world wonder' brought back to life". CNN. สืบค้นเมื่อ 2017-02-28.
- ↑ 23.0 23.1 สงสกุล, พลวุฒิ (16 สิงหาคม 2017). "ส่องพระปรางค์ วัดอรุณฯ บูรณะตามหลักวิชา กรมศิลป์ไม่ห้ามหากวัดนำกระเบื้องทำวัตถุมงคล". เดอะสแตนดาร์ด. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 กันยายน 2017. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2022.
- ↑ 24.0 24.1 24.2 24.3 Thai Studies CU (29 กันยายน 2018). "กระเบื้องในศิลปะไทย". สถาบันไทยศึกษา จุฬาฯ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 ธันวาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2022.
- ↑ "วัดมังกร". www.muangkaosukhothai.go.th. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ "วัดบรมพุทธาราม (วัดกระเบื้องเคลือบ) และสะพานบ้านดินสอ". www.museumthailand.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ สุขพลับพลา, ปิยมาศ (2006). "การศึกษาเปรียบเทียบสถาปัตยกรรมพระอารามหลวงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว". NAJUA: History of Architecture and Thai Architecture. 4: 120–137. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 มกราคม 2022 – โดยทาง ThaiJO.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 28.3 พันธุภากร, ภรดี (2007). "เครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบดินเผาในงานประดับตกแต่งสถาปัตยกรรม" (PDF). วารสารเซรามิกส์ (26): 49–54. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2022.
- ↑ พิทักษ์บ้านโจด, ศุภกิจ (23 มีนาคม 2019). "วัดเทพธิดารามฯ พระอารามหลวงในสมัย ร.3 ที่งดงามในแบบจีน". becommon.co. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 ธันวาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ "วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร". thailandtourismdirectory.go.th. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 มีนาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ "'วัดราชโอรสฯ ต้นแบบวัดไทยสไตล์จีน". MGR Online. 5 พฤษภาคม 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ "รักษ์วัดรักษ์ไทย : หลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ สถิต ณ วัดกัลยาณมิตร". MGR Online. 5 มกราคม 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ สุภากร, วลัญช์ (1 มีนาคม 2020). "วัดราชบพิธฯ วิจิตรศิลปกรรมกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์-งานประดับมุก". กรุงเทพธุรกิจ. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ เรือนอินทร์, พรรณราย (29 มกราคม 2020). "150 ปีแห่งความงดงาม สมโภชวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ศุภมงคลสมัยในรัตนโกสินทรศก 238". มติชนออนไลน์. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 มีนาคม 2022.
- ↑ "The Tring Tiles". พิพิธภัณฑ์บริติช. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 ตุลาคม 2015.
- ↑ "Chertsey tiles: Richard and Saladin". พิพิธภัณฑ์บริติช. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 ตุลาคม 2015.
- ↑ Klamt, C. (2004). "Letters van baksteen in een cistercienzerklooster: het Ave Maria te Zinna". ใน Stuip, R. E. V. (บ.ก.). Meer dan muziek alleen: in memoriam Kees Vellekoop. Utrechtse bijdragen tot de mediëvistiek (ภาษาดัตช์). Vol. 20. Hilversum: Uitgeverij Verloren. pp. 195–210. ISBN 9065507760.
- ↑ Caiger-Smith (1973), pp. 127, 131.
- ↑ Caiger-Smith (1973), p. 129.
- ↑ Caiger-Smith (1973), p. 140.
- ↑ Jörg, C. J. A. (1999–2000). "Oriental Export Porcelain and Delftware in the Groningen Museum". ใน Groninger Museum; Kyushu Ceramic Museum; Japan Airlines (บ.ก.). Ceramics Crossed Overseas: Jingdezhen, Imari and Delft from the collection of the Groningen Museum. pp. 10–11.
{{cite book}}
: CS1 maint: date format (ลิงก์) - ↑ Battie, D. (1990). Sotheby's concise encyclopedia of porcelain. ลอนดอน: Conran Octopus. pp. 104–105. ISBN 9781850292517 – โดยทาง Archive.org.
- ↑ "azulejo – definition of azulejo in Spanish". Oxford Living Dictionaries. Oxford University Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2020.
- ↑ "Azulejos: gallery and history of handmade Portuguese and Spanish tiles". www.azulejos.fr. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2020.
- ↑ Geraldes, C. F. M.; Pais, A. N.; Mimosol, J. M. (2017). "The integration of azulejos in the modernist architecture of portugal as a unique case in europe". ใน Menezes, M.; Costa, D. R.; Rodrigues, J. D. (บ.ก.). IMaTTe2017- Intangibility Matters – International conference on the values of tangible heritage, Lisbon, LNEC, May 29-30, 2017. Proceedings (PDF). Intangibility Matters – International conference on the values of tangible heritage – IMaTTe 2017. ลิสบอน. pp. 139–147. ISBN 9789724922959 – โดยทาง ResearchGate.
With the increasing international appreciation of Portuguese azulejos, spurred not only by the acknowledgement of their integration in Baroque architecture as a unique heritage, [...] in Portugal as cultural heritage and the raison d'être of their integration, not only in Portuguese, but also in Brazilian architecture [...]
{{cite conference}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Toussaint, M. (1 มกราคม 1962). Arte colonial en México [Colonial art in Mexico]. Imprenta Universitaria.
- ↑ Toussaint, M.; Murillo, G. (1924). Iglesias de México. Vol. IV. Tipos poblanos. เม็กซิโก: Publications of the Secretariat of Finance. pp. 79, 81, 83, 85.
- ↑ "Archived copy". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มกราคม 2017. สืบค้นเมื่อ 18 สิงหาคม 2016.
{{cite web}}
: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์) - ↑ Yoneda, Y. (20 มกราคม 2014). "SolTech's Beautiful Glass Roof Tiles Heat Your Home With Solar Energy". Inhabitat. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 มีนาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2022.
- ↑ Mezadre, S. D. B. B.; Bianco, M. D. F. (2014). "Polishing Knowledge: A Study of Marble and Granite Processing". BAR-Brazilian Administration Review [online]. 11 (3): 310. doi:10.1590/1807-7692bar2014365. ISSN 1807-7692. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2022.
The main processing activities include block cutting, resin coating(3), honing(4) (only in the BA unit) and polishing(5).
- ↑ "The manufacturing of slate". National Slate Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 เมษายน 2021. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2022.
- ↑ Dirisu, J. O.; Fayomi, O. S. I.; Oyedepo, S. O. (2019). "Thermal Emission and heat transfer characteristics of ceiling materials: a necessity". Energy Procedia. 157: 331–342. doi:10.1016/j.egypro.2018.11.198. ISSN 1876-6102.
- ↑ "ฝ้าเพดานบ้านมีกี่ประเภท ควรเลือกแบบไหนดี". www.jorakay.co.th. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2022.
- ↑ United States Congress Office of Compliance (2008), Missing Ceiling Tiles., วอชิงตัน ดี.ซี., เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 เมษายน 2021
- ↑ "What are ceramics?". Science Learning Hub. 27 เมษายน 2010. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2021.
- ↑ Maldonado, Eduardo (19 พฤศจิกายน 2014). Environmentally Friendly Cities: Proceedings of Plea 1998, Passive and Low Energy Architecture, 1998, Lisbon, Portugal, June 1998 (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 9781134256228. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 พฤษภาคม 2018.
- ↑ Dodd, A. E. (1994). "Porcelain Tile" (PDF). ใน Murfin, D. (บ.ก.). Dictionary of Ceramics (ภาษาอังกฤษ) (3rd ed.). Institute of Materials/Pergamon Press. p. 239. ISBN 9781591249627. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 6 ธันวาคม 2021.
Porcelain Tile. US term defined (ASTM - C242) as a ceramic mosaic tile or PAVER (q.v.) that is generally made by dust-pressing and of a composition yielding a tile that is dense, finegrained, and smooth, with sharplyformed face, usually impervious. The colours of such tiles are generally clear and bright.
- ↑ Viollet-le-Duc, Eugène (1856). "Carrelage". Dictionnaire raisonné de l’architecture française du xie au xvie siècle (ภาษาฝรั่งเศส). Vol. 3.
- ↑ Morisot, J. M. R. (1814). "Vocabulaire de la marbrerie". Tableaux détaillés des prix de tous les ouvrages du bâtiment. Vocabulaire des arts et métiers en ce qui concerne les constructions (ภาษาฝรั่งเศส). Vol. 5 (2 ed.). ปารีส: Nouzou. p. 3. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 ธันวาคม 2021.
Carreau. Ce sont des tranches de pierre ou de marbre taillées en morceaux de diverses grandeurs, de forme carrée, octogone ou losange [...]
- ↑ "Inkjet Decoration of Ceramic Tiles". digitalfire.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 มิถุนายน 2010. สืบค้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2010.
- ↑ เลิศพรม, วิรัช (2009). "เทคโนโลยีการพิมพ์ลายบนกระเบื้องเซรามิก" (PDF). วารสารเซรามิกส์ (32): 81–86. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 19 สิงหาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2021.
- ↑ Lu, P. J.; Steinhardt, P. J. (2007). "Decagonal and Quasi-Crystalline Tilings in Medieval Islamic Architecture". ไซเอินซ์. 315 (5815): 1106–1110. Bibcode:2007Sci...315.1106L. doi:10.1126/science.1135491. PMID 17322056. S2CID 10374218.
บรรณานุกรม
[แก้]- Caiger-Smith, A. (1973). Tin-Glaze Pottery in Europe and the Islamic World: The Tradition of 1000 Years in Maiolica, Faience and Delftware. Faber and Faber. ISBN 0571093493.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Carboni, S.; Masuya, T. (1993). Persian tiles. นิวยอร์ก: พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน.
- Marilyn Y. Goldberg, "Greek Temples and Chinese Roofs," American Journal of Archaeology, ปีที่ 87, ฉบับที่ 3. (ก.ค. 1983), หน้า 305–310
- Örjan Wikander, "Archaic Roof Tiles the First Generations," Hesperia, ปีที่ 59, ฉบับที่ 1. (ม.ค.–มี.ค. 1990), หน้า 285–290
- William Rostoker; Elizabeth Gebhard, "The Reproduction of Rooftiles for the Archaic Temple of Poseidon at Isthmia, Greece," Journal of Field Archaeology, ปีที่ 8, ฉบับที่ 2. (ฤดูร้อน 1981), หน้า 211–227
- Michel Kornmann และ CTTB, "Clay bricks and roof tiles, manufacturing and properties", Soc. Industrie Minerale, ปารีส (2007) ISBN 2-9517765-6-X
- หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ. 1910