2 ซามูเอล 9

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
2 ซามูเอล 9
หน้าของหนังสือซามูเอล (1 และ 2 ซามูเอล) ใน Leningrad Codex (ค.ศ. 1008)
หนังสือหนังสือซามูเอล ฉบับที่ 2
ภาคในคัมภีร์ฮีบรูเนวีอีม
ลำดับในภาคของคัมภีร์ฮีบรู3
หมวดหมู่ผู้เผยพระวจนะยุคต้น
ภาคในคัมภีร์ไบเบิลคริสต์พันธสัญญาเดิม
ลำดับในภาคของคัมภีร์ไบเบิลคริสต์10

2 ซามูเอล 9 (อังกฤษ: 2 Samuel 9) เป็นบทที่ 9 ของหนังสือซามูเอล ฉบับที่ 2 ในพันธสัญญาเดิมในคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์ หรือส่วนที่สองของหนังสือซามูเอลในคัมภีร์ฮีบรู[1] ตามธรรมเนียมของศาสนายูดาห์เชื่อว่าหนังสือซามูเอลเขึยนขึ้นโดยผู้เผยพระวจนะซามูเอลและเพิ่มเติมโดยผู้เผยพระวจนะกาดและนาธัน[2] แต่นักวิชาการยุคปัจจุบันมองว่าหนังสือซามูเอลประกอบขึ้นจากต้นฉบับที่แยกจากกันเป็นอิสระจำนวนหนึ่งของหลายช่วงเวลาตั้งแต่ราว 630–540 ปีก่อนคริสตกาล[3][4] บทที่ 9 ของ 2 ซามูเอลประกอบด้วยเรื่องราวรัชสมัยดาวิดในเยรูซาเล็ม[5][6] เป็นส่วนหนึ่งของตอนที่ประกอบด้วย 2 ซามูเอล 9–20 และต่อด้วย 1 พงศ์กษัตริย์ 1-2 ซึ่งเล่าถึงการแย่งชิงอำนาจระหว่างราชโอรสของดาวิดเพื่อช่วงชิงสิทธิ์ในการสืบทอดราชบัลลังก์ของดาวิด จนกระทั่ง 'ราชอาณาจักรก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน'[5]

ต้นฉบับ[แก้]

บทนี้เดิมเขียนด้วยภาษาฮีบรู แบ่งออกเป็น 13 วรรค

พยานต้นฉบับ[แก้]

บางต้นฉบับในยุคต้นที่มีข้อความของบทนี้เป็นภาษาฮีบรูเป็น Masoretic Text ได้แก่ Codex Cairensis (ค.ศ. 895), Aleppo Codex (ศตวรรษที่ 10) and Codex Leningradensis (ค.ศ. 1008)[7] ชิ้นส่วนที่มีข้อความบางส่วนของบทนี้ในภาษาฮีบรูถูกพบในม้วนหนังสือเดดซี ได้แก่ 4Q51 (4QSama; 100–50 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีวรรคที่หลงเหลือคือ 8–10[8][9][10][11]

ต้นฉบับโบราณที่หลงเหลืออยู่ของคำแปลเป็นภาษากรีกคอยนีที่รู้จักในชื่อเซปทัวจินต์ (ทำขึ้นในช่วงไม่กี่ศตวรรษสุดท้ายก่อนคริสตกาล) ได้แก่ Codex Vaticanus (B; B; ศตวรรษที่ 4) และ Codex Alexandrinus (A; A; ศตวรรษที่ 5)[12][a]

วิเคราะห์[แก้]

โครงสร้างของบทนี้เป็นดังต่อไปนี้:[14]

A. ความตั้งพระทัยของดาวิด (9:1)
B. ดาวิดตรัสกับศิบา (9:2–5)
C. เมฟีโบเชทย่อตัวลงคำนับ (9:6)
D. ดาวิดทรงทำให้พันธสัญญาที่ทำกับโยนาธานเป็นผลสำเร็จ (9:7)
C'. เมฟีโบเชทย่อตัวลงคำนับ (9:8)
B'. ดาวิดตรัสกับศิบา (9:9–11)
A'. ความตั้งพระทัยของดาวิดเป็นผลสำเร็จ (9:12–13)

บทนี้มีความเกี่ยงข้องกับเหตุการณ์เกี่ยวกับราชวงศ์ของซาอูล และการสิ้นพระชนม์ของอิชโบเชทใน 2 ซามูเอล 2-4 และเกี่ยวข้องไปอีกกับเรื่องราวการแก้แค้นของชาวกิเบโอนใน 2 ซามูเอล 21:1-14 ซึ่งควรจะเกิดขึ้นก่อนที่เมฟีโบเชทจะได้ร่วมโต๊ะเสวยของดาวิด[5]

ดาวิดตรัสถามเกี่ยวกับราชวงศ์ของซาอูล (9:1–4)[แก้]

ดาวิดกับเมฟีโบเชท (9:5–13)[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

  • ส่วนในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวข้อง: 1 ซามูเอล 20, 1 ซามูเอล 24, 2 ซามูเอล 16, 2 ซามูเอล 19
  • หมายเหตุ[แก้]

    1. หนังสือซามูเอล ฉบับที่ 1 ทั้งเล่มขาดหายไปจาก Codex Sinaiticus ที่หลงเหลืออยู่[13]

    อ้างอิง[แก้]

    1. Halley 1965, p. 184.
    2. Hirsch, Emil G. "SAMUEL, BOOKS OF". www.jewishencyclopedia.com.
    3. Knight 1995, p. 62.
    4. Jones 2007, p. 197.
    5. 5.0 5.1 5.2 Jones 2007, p. 220.
    6. Coogan 2007, p. 450 Hebrew Bible.
    7. Würthwein 1995, pp. 35–37.
    8. Ulrich 2010, p. 300.
    9. Dead sea scrolls - 2 Samuel
    10. Fitzmyer 2008, p. 35.
    11. 4Q51 at the Leon Levy Dead Sea Scrolls Digital Library
    12. Würthwein 1995, pp. 73–74.
    13. This article incorporates text from a publication now in the public domain: Herbermann, Charles, ed. (1913). "Codex Sinaiticus". Catholic Encyclopedia. New York: Robert Appleton Company.
    14. Morrison 2013, p. 120.

    บรรณานุกรม[แก้]

    คำอธิบายของหนังสือซามูเอล[แก้]

    ทั่วไป[แก้]

    แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]