สมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน

เลตีเซีย ออร์ติซ โรกาโซลาโน
สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน
ประสูติ15 กันยายน พ.ศ. 2515 (51 ปี)
โอเบียโด แคว้นอัสตูเรียส ประเทศสเปน
พระราชสวามีอาลอนโซ เกร์เรโร เปเรซ (พ.ศ. 2542-2543)
สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลีเปที่ 6 แห่งสเปน
(พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน)
พระราชบุตรเลโอนอร์ เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส
อินฟันตาโซฟีอาแห่งสเปน
สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน
ราชวงศ์บูร์บง (เสกสมรส)
พระราชบิดาเคซุส โคเซ ออร์ติซ อัลบาเรซ
พระราชมารดามารีอา เด ลา ปาโลมา โรกาโซลาโน โรดรีเกซ
ลายพระอภิไธย

สมเด็จพระราชินีเลตีเซีย (สเปน: la Reina Doña Letizia, ออกเสียง: [leˈti.θja]; 15 กันยายน พ.ศ. 2515) มีพระนามเดิมว่า เลตีเซีย ออร์ติซ โรกาโซลาโน (Letizia Ortiz Rocasolano) อดีตนักหนังสือพิมพ์และผู้ประกาศข่าว ที่ต่อมาได้เป็นพระราชินีในสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลีเปที่ 6 แห่งสเปน

พระองค์ได้เป็น เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส จากการอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเฟลิเปแห่งอัสตูเรียส รัชทายาทแห่งสเปน จนกระทั่งวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 ทรงประกาศที่จะสละราชบัลลังก์ และเห็นชอบที่เจ้าชายแห่งอัสตูเรียสจะขึ้นสืบราชสมบัติ จนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนปีนั้นได้มีประกาศว่าจะมีพิธีสืบราชบัลลังก์ของเจ้าชายแห่งอัสตูเรียสภายในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ด้วยเหตุนี้หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลีเปที่ 6 พระราชสวามี พระองค์จึงได้เป็น สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน ในเวลาต่อมา[1]

พระประวัติ

เลตีเซีย ออร์ติซ โรกาโซลาโน ประสูติที่เมืองโอเบียโด แคว้นอัสตูเรียส ประเทศสเปน เป็นบุตรคนโตของเคซุส โคเซ ออร์ติซ อัลบาเรซ (Jesús José Ortiz Álvarez; พ.ศ. 2492) นักหนังสือพิมพ์ กับภรรยาคนแรกที่ชื่อ มารีอา เด ลา ปาโลมา โรกาโซลาโน โรดรีเกซ (María de la Paloma Rocasolano Rodríguez; พ.ศ. 2495) พยาบาลวิชาชีพ และตัวแทนของสหภาพโรงพยาบาล[2] พระองค์มีพระขนิษฐาสองท่าน คือ

  1. เตลมา ออร์ติซ โรกาโซลาโน (Telma Ortiz Rocasolano; 25 ตุลาคม พ.ศ. 2516) นักเศรษฐศาสตร์ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบาร์เซโลนา มีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ อามันดา เกิดกับสามีที่มิได้จดทะเบียนสมรสชื่อ เอนรีเก มาร์ติน-ยอป (Enrique Martín-Llop)
  2. เอรีกา ออร์ติซ โรกาโซลาโน (Érika Ortiz Rocasolano; 16 เมษายน พ.ศ. 2518 – 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550)[3] สำเร็จการศึกษาด้านวิจิตรศิลป์ ทำงานเกี่ยวกับวรรณกรรม ภายหลังได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และเสียชีวิตเนื่องจากกินยาเกินขนาด[4]

ภายหลังบิดาและมารดาของพระองค์ได้หย่าร้างกันในปี พ.ศ. 2542 บิดาได้สมรสครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2544 และครั้งที่สามในปี พ.ศ. 2547 กับอานา โตโกเรส ที่เป็นนักหนังสือพิมพ์เช่นกัน[5]

พื้นฐานครอบครัว

พระอัยกาฝ่ายพระบิดา (ปู่) ของพระองค์คือ โคเซ ลุยส์ ออร์ติซ เบลัสโก (José Luis Ortiz Velasco; พ.ศ. 2466–2548) พนักงานเกษียณอายุที่โอลีเวตตี ปัจจุบันเสียชีวิตด้วยโรคปอด[6] กับภริยาคือพระอัยยิกา (ย่า) ของพระองค์ มารีอา เดล การ์เมน "เมนชู" อัลบาเรซ เดล บาเย (María del Carmen "Menchu" Álvarez del Valle; พ.ศ. 2471) ผู้ประกาศทางวิทยุที่มีชื่อเสียงในอัสตูเรียสกว่า 40 ปี ส่วนพระอัยกาฝ่ายพระมารดา (ตา) ฟรันซิสโก ฆูลิโอ โรกาซาลาโน กามาโช (Francisco Julio Rocasolano Camacho; พ.ศ. 2461) ช่างและเป็นคนขับแท็กซี่ในกรุงมาดริดกว่า 20 ปี[7] เขามีเชื้อสายฝรั่งเศสและอ็อกซิตัน[8] ส่วนภริยาชื่อ เอนรีเกตา โรดรีเกซ ฟีเกเรโด (Enriqueta Rodríguez Figueredo; พ.ศ. 2462–2551) นางมีบิดาเป็นชาวสเปนที่เกิดในประเทศฟิลิปปินส์[9]

ทั้งนี้พระองค์เป็นที่นิยมเพราะพระองค์มิได้สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสูง โดยเฉพาะฝ่ายพระมารดาที่มีพื้นฐานเป็นชนชั้นแรงงาน ทว่าหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายหนึ่งได้เปิดเผยข้อมูลบรรพบุรุษฝ่ายพระบิดาว่าสืบเชื้อสายมาจากขุนนางยุคกลางในอาณาจักรแคสตีล[10]

นอกจากนี้สมเด็จพระราชินีเลตีเซีย ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับบิกตอร์ เอลีอัส (Víctor Elías) นักแสดงชาวสเปน[11]

การศึกษาและการทำงาน

สมเด็จพระราชินีเลตีเซีย ทรงเข้ารับการศึกษาครั้งแรกที่โรงเรียนลาเคสตา (La Gesta) ที่เมืองโอเบียโดบ้านเกิดของพระองค์ ครั้นเมื่อครอบครัวย้ายไปตั้งถิ่นฐานในมาดริด พระองค์จึงย้ายเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมรามีโร เด มาเอซตู (Ramiro de Maeztu)[12] พระองค์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสารสนเทศ คณะสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกอมปลูเตนเซแห่งมาดริด และปริญญาโทสารสนเทศศาสตร์ภาพและเสียง จากสถาบันโสตสารสนเทศศาสตร์ (Institute for Studies in Audiovisual Journalism)[13]

ระหว่างที่ทรงศึกษานั้น พระองค์ได้ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์รายวันของอัสตูเรียสที่ชื่อ ลานวยบาเอสปัญญา (La Nueva España) ต่อมาได้ทำงานกับหนังสือพิมพ์เอบีซี (ABC) และสำนักข่าวเอเฟ (EFE)[12][13] หลังจากสำเร็จการศึกษาได้ทรงงานที่กวาดาลาฮาราในเม็กซิโก ให้หนังสือพิมพ์ "ศตวรรษที่ 21" (Siglo XXI) เมื่อพระองค์ได้กลับมายังประเทศสเปน ทรงทำงานให้กับช่องข่าวเศรษฐกิจบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ภาคภาษาสเปน ก่อนที่จะทำงานในสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นพลัส (CNN+) ในเวลาต่อมา[13]

ปี พ.ศ. 2543 พระองค์ได้ย้ายมาทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์เตอูเบเอ (TVE) โดยทำงานในรายการข่าว 24 ชั่วโมง (24 Horas) ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 พระองค์ได้เป็นผู้ประกาศข่าวรายสัปดาห์ในรายการ อินฟอร์เมเซมานัล (Informe Semanal) และเป็นผู้ประกาศข่าวตอนเช้าของรายการ เตเลเดียริโอมาตินัล (Telediario Matinal) ทางสถานีเตอูเบเอ ช่อง 1[12][13] เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2546 ก่อนการหมั้นกับเจ้าชายแห่งอัสตูเรียสไม่นาน พระองค์ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ประกาศข่าวตอนเย็นในรายการ เตเลเดียริโอโดส (Telediario 2) อันเป็นรายการข่าวที่มีผู้ชมมากที่สุดในสเปน

สมรสครั้งแรก

สมเด็จพระราชินีเลตีเซีย สมรสครั้งแรกกับอาลอนโซ เกร์เรโร เปเรซ (Alonso Guerrero Pérez; พ.ศ. 2505) บุตรของควน ฟรันซิสโก เกร์เรโร (Juan Francisco Guerrero) กับมารีอา เด โลส โดโลเรส เปเรซ ดีอัซ (María de los Dolores Pérez Díaz) อาลอนโซสำเร็จการศึกษาสาขาปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเอซเตรมาดูรา เป็นทั้งนักเขียนและครูสอนวิชาวรรณกรรมในโรงเรียนมัธยม อาลอนโซและสมเด็จพระราชินีเลติเซียได้จัดพิธีสมรสกันเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2542 ที่อัลเมนดราเลโค (Almendralejo) ในบาดาโคซ (Badajoz) หลังจากที่ทั้งสองคบหากันมา 10 ปี[14] แต่ชีวิตรักกลับไม่ราบรื่น ทั้งสองจึงหย่ากันในปีถัดมาและไม่มีบุตรด้วยกัน ภายหลังอาลอนโซได้สมรสใหม่กับมารีอา เดล การ์เมน อัสเตโร มาร์ติน (María del Carmen Astero Martín) ซึ่งมีอาชีพเป็นครูเช่นเขา[15]

อภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งอัสตูเรียส

เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียสในพระราชพิธีอภิเษกสมรสมกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน พ.ศ. 2553

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ทางสำนักพระราชวังประกาศว่า เฟลีเป เจ้าชายแห่งอัสตูเรียสจะทรงหมั้นกับเลตีเซีย ออร์ติซ อันสร้างความประหลาดใจแห่งพสกนิกร[13] หลังจากนั้นเลตีเซียได้ย้ายไปพำนักในพระราชวังซาร์ซวยลา (Zarzuela) จนกว่าจะถึงวันอภิเษกสมรส[16] ทั้งนี้เจ้าชายแห่งอัสตูเรียสทรงมอบแหวนเพชรสิบหกเหลี่ยมขลิบทองคำขาว[17]

งานอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้นวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ที่อาสนวิหารซานตา มารีอา ลา เรอัล เด ลา อัลมูเดนา (Santa María la Real de la Almudena) กรุงมาดริด เป็นงานอภิเษกสมรสครั้งแรกที่ในโบสถ์ที่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงอุทิศสร้างไว้เมื่อปี พ.ศ. 2536 และเป็นงานอภิเษกสมรสที่จัดขึ้นในมาดริดในรอบเกือบศตวรรษ เพราะพระบรมวงศานุวงศ์ในรัชกาลสมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 จัดงานอภิเษกสมรสนอกเมืองหลวงเสียหมด

ทั้งสองมีพระธิดาด้วยกันสองพระองค์ คือ เลโอนอร์ เจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียส (31 ตุลาคม พ.ศ. 2548) และอินฟันตาโซฟีอา (29 เมษายน พ.ศ. 2550) ครอบครัวของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งอัสตูเรียสทรงพำนักอยู่ในพระราชวังซาร์ซวยลา กรุงมาดริด

พงศาวลี

อ้างอิง

  1. "Coronation of Prince Felipe to take place on June 18". El Pais.
  2. "Paloma Rocasolano, enlace sindical" (ภาษาSpanish). ES: Diario de Navarra.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  3. El Mundo
  4. "Una muerte por ingestión de pastillas". El País (ภาษาSpanish) (impresa ed.). ES. 9 February 2007.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  5. "Jesús Ortiz, el discreto consuegro del Rey publisher=Diario de Navarra" (ภาษาSpanish). ES. {{cite web}}: ไม่มี pipe ใน: |title= (help)CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  6. "Jesús Ortiz: 'Como abuelo me siento emocionado'". El Periódico (ภาษาSpanish). Aragón, ES.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  7. "Birth date of her maternal grandfather". El Mundo (ภาษาSpanish). ES.{{cite news}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  8. "Ancestry of Letizia Ortiz Rocasolano". Wargs.
  9. "Birth date of her maternal grandmother". El Mundo (ภาษาSpanish). ES. 2008.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  10. "We're all princesses now: The rise of the middle-class monarchy". Daily mail. 18 March 2011. สืบค้นเมื่อ 16 October 2013.
  11. Entrevista a la actriz Amelia Álvarez del Valle
  12. 12.0 12.1 12.2 – El traslado de su familia a Madrid marcó la dirección de su vida
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 The Royal Household of His Majesty the King – Her Royal Highness the Princess of Asturias
  14. "Prefiere los pantalones a la falda". Diariode Navarra.
  15. Full name
  16. "Boda Real – Palacio de la Zarzuela". El Mundo.
  17. "Crown jewels: The fabulous rings which sealed the love of Europe's royal couples". HELLO! magazine. UK.

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า สมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปน ถัดไป
เจ้าหญิงโซเฟียแห่งกรีซและเดนมาร์ก
สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน
(ราชวงศ์บูร์บง)

(19 มิถุนายน พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน)
ปัจจุบัน