ข้ามไปเนื้อหา

เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าหญิงชาร์ลีน
เจ้าหญิงพระชายาแห่งโมนาโก
ดำรงพระยศ1 กรกฎาคม 2011 – ปัจจุบัน
ก่อนหน้าเกรซ เคลลี
ประสูติ (1978-01-25) 25 มกราคม ค.ศ. 1978 (46 ปี)
บูลาวาโย ประเทศโรดิเซีย
ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก
พระสวามีเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 เจ้าผู้ครองโมนาโก (2011–ปัจจุบัน)
พระบุตร
พระบิดาไมเคิล เคนเนท วิตต์สท็อก
พระมารดาไลเนตต์ ฮัมเบอร์สโตน
ศาสนาโรมันคาทอลิก (เดิมโปรเตสแตนต์)
อาชีพนักว่ายน้ำ
ลายพระอภิไธย

เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก (พระนามเดิม ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก; 25 มกราคม ค.ศ. 1978) เป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติแอฟริกาใต้[1] และได้ดำรงอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงแห่งโมนาโก ในฐานะพระชายาในเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 เจ้าผู้ครองโมนาโก หลังจากที่ตำแหน่งดังกล่าวได้ว่างลงหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงเกรซ พระมารดาของสวามี[2]

พระประวัติ

[แก้]

เจ้าหญิงชาร์ลีนประสูติเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1978 ณ เมืองบูลาวาโย ประเทศโรดิเซีย (ปัจจุบันคือประเทศซิมบับเว)[3] เป็นธิดาของไมเคิล เคนเนต วิตต์สท็อก กับไลเนตต์ วิตต์สท็อก (สกุลเดิม ฮัมเบอร์สโตน) บิดาของเธอมีอาชีพเป็นพนักงานขาย[4] ส่วนมารดาเป็นอดีตผู้ฝึกสอนนักว่ายน้ำและนักดำน้ำ[5][6] ชาร์ลีนมีน้องชายด้วยกันสองคน ได้แก่ กาเรธ (เกิด ค.ศ. 1980) นักเทคนิคคอมพิวเตอร์ และฌอน (เกิด ค.ศ. 1983) ทำงานพนักงานขาย[5]

ครอบครัวของชาร์ลีนอพยพเข้าสู่ประเทศแอฟริกาใต้ใน ค.ศ. 1989 ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 11 ปี[3] และเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมทอมนิวบีในเมืองเบโนนี ใกล้กับเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ช่วงปี 2531- 2534[7]

บรรพบุรุษของพระองค์คือ มาร์ทิน ก็อตต์ลีบ วิตต์สท็อก และลุยเซอ วิตต์สท็อก ซึ่งมีพื้นเพเดิมมาจากหมู่บ้านแซร์เรินซิน แถบพอเมอเรเนีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเยอรมัน ได้อพยพเข้าสู่ประเทศแอฟริกาใต้ใน ค.ศ. 1861 เพื่อหลบหนีความยากลำบากเพื่อมาขุดเพชร แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ[8]

เฮนริก คาร์ล วิตต์สท็อก บุตรชายของมาร์ทิน ก็อตต์ลีบได้สมรสกับโอลีฟ ฟลอเรนซ์ คอล์ดเวลล์ สตรีเชื้อสายอังกฤษ และบุตรชายของพวกเขาคือ ดัดลีย์ เคนเน็ต วิตต์สท็อก (ปู่ของชาร์ลีน) ได้สมรสกับซิลเวีย ฟากัน นิโคลสัน ซึ่งมีเชื้อสายอังกฤษเช่นกัน[9]

นักกีฬาว่ายน้ำ

[แก้]

อภิเษกสมรส

[แก้]

ชาร์ลีนได้พบกับเจ้าชายอัลแบร์ครั้งแรกใน ค.ศ. 2000 ในการแข่งขันว่ายน้ำที่จัดขึ้นในโมนาโก[5][10] และทั้งสองได้ออกงานร่วมกันครั้งแรกในพิธีเปิดงานโอลิมปิกฤดูหนาวใน ค.ศ. 2006[3] ภายหลังชาร์ลีนได้เข้าไปอาศัยร่วมกันกับเจ้าชายอัลแบร์ในปีเดียวกันนั้นเอง[10] ชาร์ลีนและเจ้าชายอัลแบร์ได้ออกงานร่วมกันอีกในงานอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน ค.ศ. 2010 และงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ ในปี 2011

เจ้าชายอัลแบร์ทรงหมั้นกับชาร์ลีนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2011[11][12][13][14] เธอต้องละจากการนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ แล้วเปลี่ยนไปนับถือนิกายโรมันคาทอลิก ตามกฎมนเทียรบาลของโมนาโก[15] หลังจากนั้นว่าที่เจ้าหญิงแห่งโมนาโกจะต้องหัดรับสั่งภาษาฝรั่งเศส และภาษาโมนาโก

เดิมการอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นภายในวันที่ 8-9 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 แต่กลับถูกเลื่อนไปเนื่องจากงานอภิเษกสมรสอาจซ้อนกับงานประชุมของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ซึ่งงานประชุมดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 5-9 กรกฎาคม ทั้งสองได้เชิญสมาชิกของ IOC รวมไปถึงนายฌาคส์ รอคเคอ (Jacques Rogge) ประธาน IOC เพื่อมาร่วมงานอภิเษกสมรส[16] ทั้งสองวางแผนการประชุม IOC ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของเจ้าหญิงแห่งโมนาโกที่จะได้เสด็จไปยังบ้านเดิมของพระองค์เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ที่ประเทศแอฟริกาใต้[16]

เจ้าชายและเจ้าหญิงขณะเสด็จประพาสเมืองกรากูฟ

หนึ่งสัปดาห์ก่อนงานอภิเษก สำนักพระราชวังปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับชาร์ลีนว่าเธอไม่กล้าเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรส[3][17] มีรายงานจาก L'Express หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของฝรั่งเศส ได้รายงานข่าวว่า ชาร์ลีนได้พยายามหนีออกจากพระราชวังในวันที่ 28 มิถุนายน หลังจากข่าวลือว่าเจ้าชายอัลแบร์มีพระบุตรนอกสมรสคนที่สาม[18] ซึ่งรายงานดังกล่าวได้อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของโมนาโกได้พยายามขัดขวางชาร์ลีนในสนามบินนีซโกตดาซูร์ (Nice Côte d'Azur) และยึดหนังสือเดินทางของเธอ[19] มีการโน้มน้าวเธอจากเจ้าชายอัลแบร์และเจ้าหน้าที่ของพระราชวังให้เธอกลับไปยังที่พัก[20] ขณะเดียวกันสำนักพระราชวังของโมนาโกได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ข่าวลือที่ขี้เหร่" อันเกิดจากความริษยา[18]

วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ทั้งคู่ได้สมรสกันตามกฎหมายที่จัดภายในพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก[3] และพิธีสมรสทางศาสนาในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่จัดอย่างหรูหรา[3] หลังการฮันนีมูนของทั้งสองที่ประเทศแอฟริกาใต้ หนังสือพิมพ์ของสเปน, สหราชอาณาจักร และรายงานอื่นๆ ต่างลงข่าวว่าทั้งสองไม่ได้พักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน[21] แต่แท้จริงแล้วทั้งสองจองโรงแรมหลายแห่งที่ห่างกันหลายไมล์ ซึ่งรายงานดังกล่าวเปรียบเสมือนการกระตุ้นความไม่ลงรอยในชีวิตส่วนพระองค์ซึ่งมีตั้งแต่ก่อนการอภิเษกสมรสของทั้งสอง[22][23][24]

วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2014 พระองค์มีพระประสูติกาลพระโอรสและพระธิดาแฝดคล้ายร่วมกัน 2 พระองค์[25] คือ

  1. เจ้าหญิงกาเบรียลา เคาน์เตสแห่งการ์ลาแด็ส (ประสูติ: 10 ธันวาคม ค.ศ. 2014)
  2. เจ้าชายฌัก รัชทายาทแห่งโมนาโก (ประสูติ: 10 ธันวาคม ค.ศ. 2014)

พระเกียรติยศ

[แก้]

พระอิสริยยศ

[แก้]
  • ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก (25 มกราคม ค.ศ. 1978 - 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011)
  • เฮอร์เซอรีนไฮนิส เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก (1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 - ปัจจุบัน)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

พงศาวลี

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "องค์ประมุขโมนาโก เจ้าชายที่กลัวฝน". นสพ.เดลินิวส์. 9 มิถุนายน 2552. สืบค้นเมื่อ 2010-11-20.
  2. "Biography". Prince's Palace of Monaco. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-04. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 "Monaco's Prince Albert weds South African Charlene Wittstock". BBC News. 1 July 2011.
  4. "Biography - Prince's Palace of Monaco". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-04. สืบค้นเมื่อ 5 July 2011.
  5. 5.0 5.1 5.2 Centre de Presse de Monaco. "Biographical details for Ms. Charlene Wittstock". Princely Wedding Monaco 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-26. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  6. "After William and Kate's wedding, preparations for royal wedding of Prince Albert of Monaco begin". International Business Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-07. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  7. "Charlene Wittstock remembered at former primary school". Times LIVE. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  8. "Charlenes Wurzeln Vorfahren kommen aus Zerrenthin". n-tv (ภาษาเยอรมัน). 19 June 2011. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  9. 9.0 9.1 Wittstock (PDF), Ancestry 24
  10. 10.0 10.1 AP (23 June 2010). "Monaco's Prince Albert to marry Charlene Wittstock". Gmanews.tv. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  11. เจ้าชายอัลแบร์ได้พระราชทานสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสฉบับหนึ่งว่า งานอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2006.Fit for a princess: Prince Albert and Charlene guests of honour at Grace Kelly exhibit
  12. La Nueva España. "Baile de la Rosa con sabor marroquí". Lne.es. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  13. By the CNN Wire Staff. "Monaco's Prince Albert gets engaged". CNN. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  14. "Prince Albert of Monaco engaged to Charlene Wittstock". BBC News. 23 June 2010. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  15. "Marriage Princier 2011 Website, Frequently Asked Questions". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-23. สืบค้นเมื่อ 26 April 2011.
  16. 16.0 16.1 "Prince Albert and Charlene change wedding date". Hello!. 2 August 2010. สืบค้นเมื่อ 2 July 2011.
  17. "Monaco's three-day royal wedding kicks off". Nine News. 1 July 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-02. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  18. 18.0 18.1 AP (1 July 2011). "Prince Albert of Monaco weds Charlene Wittstock". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-04. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  19. "Prince Albert Reportedly Had Charlene Wittstock's Passport Confiscated: Monaco's Runaway Bride Going Nowhere Fast". [International Business Times. 30 June 2011. สืบค้นเมื่อ 30 June 2011.
  20. "Monaco prince marries South African swimmer". Reuters. 1 July 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-03. สืบค้นเมื่อ 1 July 2011.
  21. "มติชนออนไลน์ - เจ้าชายแห่งโมนาโก-พระชายา"ชาร์ลีน"แยกเตียงนอน ระหว่างฮันนีมูน ย้ำข่าวลือฝ่ายหญิงไม่เต็มใจแต่ง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2011-07-17.
  22. Alberto y Charlene: luna de miel en hoteles separados. http://www.elmundo.es/elmundo/2011/07/12/gentes/1310498303.html
  23. Los Príncipes de Mónaco pasan su luna de miel en hoteles separados. http://www.abc.es/20110712/estilo-gente/abci-charlene-alberto-monaco-luna-201107121439.html
  24. Princess Charlene of Monaco 'spent honeymoon sleeping 10 MILES away from husband Albert' in different hotel. http://www.dailymail.co.uk/news/article-2013453/Princess-Charlene-Monaco-spent-honeymoon-10-MILES-away-Prince-Albert.html
  25. "พสกนิกรโมนาโกสุด "ปลื้มปิติ" เจ้าหญิงชาร์ลีน ทรงพระประสูติกาล "พระทายาทแฝดหญิง-ชาย" วังยิงสลุตฉลอง". มติชนออนไลน์. 11 ธันวาคม 2557. สืบค้นเมื่อ 11 ธันวาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)[ลิงก์เสีย]
  26. Sovereign Ordonnance n° 4038 of 17 November 2012 เก็บถาวร 2013-01-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  27. "Photo of Charlene receiving the Order". 18 November 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-16. สืบค้นเมื่อ 2013-12-15.
  28. Nice Matin, 18 October 2012 "The Princely has arrived in Poland", mention of receiving the order of Merit without citing the grade

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
ก่อนหน้า เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก ถัดไป
เกรซ แพทริเซีย เคลลี เจ้าหญิงพระชายาแห่งโมนาโก
(1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 – ปัจจุบัน)
ปัจจุบัน