สกอร์เปี้ยน มิโร
สกอร์เปี้ยน มิโร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สกอร์เปี้ยน มิโร่ (ญี่ปุ่น: 蠍座(スコーピオン)のミロ; โรมาจิ: Sukōpion no Miro) ตัวละครจากการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่า เป็นโกลด์เซนต์ประจำราศีพิจิก ผู้ดูแลปราสาทแมงป่องสวรรค์ 1 ใน 12 ปราสาทแห่งแซงทัวรี่ และเป็นเพื่อนสนิทของอควอเรียส คามิว โกลด์เซนต์ประจำราศีกุมภ์ [1]
บทบาท
[แก้]การปรากฏตัวครั้งแรก
[แก้]มิโร่ปรากฏตัวครั้งแรก ณ แซงทัวรี่ เนื่องจากได้รับคำสั่งของเคียวโกเพื่อไปกำจัดพวกเซย่าพร้อมกับเลโอ ไอโอเลีย โกลด์เซนต์แห่งราศีสิงห์ ซึ่งมิโร่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งในครั้งนี้ของเคียวโก เนื่องจากการที่จะส่งโกลด์เซนต์เพื่อไปกำจัดบรอนต์เซนต์นั้น เปรียบเสมือนเอาราชสีห์ไปกำจัดมด ซึ่งถือเป็นการเสื่อมเสียเกียรติ์แห่งโกลด์เซนต์ อย่างไรก็ตาม มิโร่ไม่ได้รับภารกิจชิ้นนี้ เนื่องจากไอโอเลียขอจัดการกับเหล่าบรอนเซนต์เพียงผู้เดียว เพราะการส่งโกลด์เซนต์ถึง 2 คนเพื่อไปกำจัดบรอนเซนต์นั้นจะทำให้เป็นที่ขบขันของเหล่าเซนต์ได้ โดยการเข้าพบเคียวโกในครั้งนี้ มิโร่เริ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวเคียวโกทีละน้อย ๆ [2]
ผู้ดูแลปราสาทแมงป่องสวรรค์
[แก้]หลังจากนั้น มิโร่ได้ปรากฏตัวในฐานะผู้ดูแลปราสาทแมงป่องสวรรค์ เมื่อคราวที่พวกเซย่าบุกเข้าปราสาททั้ง 12 แห่งเพื่อช่วยเหลือคิโดะ ซาโอริที่ถูกลูกศรทองคำปักที่หัวใจ ซึ่งผู้ที่มาถึงยังปราสาทแมงป่องสวรรค์นั้น ได้แก่ เพกาซัส เซย่า ดราก้อน ชิริว ซิกนัส เฮียวกะ และอันโดรเมด้า ชุน เมื่อเซย่าและชิริวเดินทางมาถึงปราสาทแมงป่องสวรรค์ก็โดนท่ารีสตริกชั่นและเข็มพิษสีเลือดทันที ในขณะนั้นเองเฮียวกะก็ปรากฏตัวพร้อมชุนซึ่งหมดสติอยู่ มิโร่ได้ใช้ท่ารีสตริกชั่นกับเฮียวกะ แต่ไม่ได้ผลและกลับโดนเฮียวกะโจมตีโดยใช้วงแหวนน้ำแข็ง คิริทโซ่ เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมิโร่ ดังนั้น เซย่า ชิริว และชุน จึงสามารถผ่านปราสาทแมงป่องสวรรค์ไปได้
มิโร่โจมตีเฮียวกะด้วยท่าเข็มพิษสีเลือดถึง 14 จุด โดยเฮียวกะไม่สามารถทำร้ายมิโร่ได้ ในขณะที่มิโร่ใช้ท่าเข็มพิษสีเลือดที่จุดแอนทาเรสซึ่งเป็นจุดสุดท้ายโจมตีใส่เฮียวกะนั้น เฮียวกะก็โจมตีมิโร่ด้วยท่าไดมอนด์ดัสต์เช่นกัน ซึ่งสามารถจี้จุดทั้ง 15 ซึ่งเป็นตำแหน่งดาวประจำตัวของมิโร่ได้ ในที่สุด มิโร่ได้ช่วยจี้จุดเพื่อสกัดเลือดให้เฮียวกะ เนื่องจากเห็นความพยายามของเฮียวกะที่จะช่วยเหลือคิโดะ ซาโอริและต้องการดูว่าพวกเซย่าจะสามารถผ่านไปถึงปราสาทไหน [3] [4]
สงครามศักดิ์สิทธิ์-เทพเจ้าฮาเดส
[แก้]ในภาคฮาเดส มิโร่ได้ทำการพิสูจน์ว่าเจมินี่ คาน่อนได้สำนึกในความผิดของตนที่ผ่านมา และลบล้างบาปให้คาน่อนโดยใช้ท่าเข็มพิษสีเลือดโจมตีใส่คาน่อนถึง 14 เข็ม แต่เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ คาน่อนจึงไม่ตอบโต้แต่อย่างใด ในที่สุดมิโร่จึงตัดสินใจโจมตีครั้งที่ 15 แต่แทนที่จะโจมตีที่จุดแอนทาเรส (Antares) มิโร่กลับจี้จุดห้ามเลือดให้คาน่อนและยอมรับคาน่อนในฐานะโกลด์เซนต์ เจมินี่ คาน่อน แห่งราศีเมถุน [5]
เมื่อพวกซากะ คามิว และชูร่าสังหารเวอร์โก้ ชากะที่ปราสาทสาวพรหมจรรย์ มิโร่ก็ได้ออกจากปราสาทแมงป่องสวรรค์มายังปราสาทหญิงพรหมจรรย์ เมื่อมาถึงมิโร่ได้โจมตีพวกซากะด้วยท่าเข็มพิษสีเลือดถึง 14 ตำแหน่ง ในขณะที่ มิโร่กำลังจะโจมตีในตำแหน่งสุดท้ายนั้น ซากะได้โจมตีมิโร่ด้วยท่ากาแล็คเซี่ยนเอกซ์โพลชั่น ซึ่งทำให้มิโร่รู้สึกแปลกใจอย่างมากที่ซากะยังคงมีพลังเหลืออยู่ทั้ง ๆ ที่โดนเท็นมาโคฟุคุ ของ ชากะ ไลนิ่งพลาสมา ของไอโอเลีย รวมทั้ง เข็มพิษสีเลือดไปถึง 14 เข็ม
หลังจากนั้น พวกซากะตัดสินใจใช้อาเทน่าเอกซ์คลาเมชั่น (Athena Exclamation) อีกครั้งเพื่อจะสังหารพวกมิโร่ ดังนั้น มิโร่ มู และไอโอเลียจึงตัดสินใจใช้ท่าอาเทน่าเอกซ์คลาเมชั่นสู้กับพวกชากะ ภายหลังที่ชิริวทำให้พลังอาเทน่าเอกซ์คลาเมชั่นสลายไปแล้วนั้น พวกมิโร่ได้รับคำสั่งจากอาเทน่าให้นำพวกซากะไปยังวิหารอาเทน่า [6]
มิโร่ มู และไอโอเลีย เดินทางมายังปราสาทฮาเดส และได้ต่อสู้กับราดาแมนทีส แต่ไม่สามารถสู้ได้เนื่องจากผู้ที่เข้ามาในปราสาทฮาเดสนั้นจะเหลือพลังเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น ดังนั้น มิโร่ มู และไอโอเลีย จึงถูกราดาแมนทีสส่งไปยังยมโลกในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
ในยมโลกนั้น มิโร่ได้สละชีพพร้อมกับเหล่าโกลด์เซนต์ทั้ง 11 คน ในการทำลายกำแพงวิปโยค เพื่อให้พวกเซย่าเดินทางไปช่วยอาเทน่า ณ เอลิเชี่ยน [7]
บทบาทในภาค Soul Of Gold
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มิโร่ตื่นขึ้นที่แอสการ์ดเหมือกับโกลด์เซนต์คนอื่นๆ แต่ว่าต้องสู้กับ อควาเรียส คามิวและก็อดวอริเออร์อีกสองคนคือ ซิกมุน และ เซิร์ท เพื่อนเก่าของคามิว แต่ได้ซากะช่วยไว้ หลังจากนั้นจึงได้ไปที่ต้นอิกดราชิล เพื่อหยุดการดูดคอสโม่ แต่ต้องเจอกับฤดูหนาวฟิมบุน และเจอภาพมายา ซิกนัส เฮียวกะ เมื่อกำจัดสำเร็จ ฤดูหนาวฟิมบุนจึงหายไป และต้องทำลายเกร็ดรูท หรือเสาค้ำจุนต้นอิกดราชิล จึงได้เร่งคอสโม่สูงสุดจนทำให้ สกอร์เปี้ยนคลอธเปลี่ยนสภาพเป็นก็อดคลอธ และทำลาย เกร็ดรูท แต่ต้องแลกชีวิตของมิโร่ ในตอนท้ายโกลด์เซนต์ทั้ง12ได้เข้าต่อสู้กับโลกิ หรือ อันเดรียส จนเอาชนะได้แล้วโกลด์เซนต์ทั้ง12คนจึงกลับสู่ความตายอีกครั้ง
ท่าไม้ตาย
[แก้]ท่าไม้ตายของมิโร่ ได้แก่ เข็มพิษสีเลือด (Scarlet needle) เป็นท่าที่ปล่อยจากปลายนิ้วชี้ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดให้กับศูนย์รวมประสาทของคนที่ถูกท่านี้ ท่าเข็มพิษสีเลือดนี้ถือได้ว่าเป็นการให้โอกาสแก่ศัตรูค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องใช้ถึง 15 ครั้ง ตามตำแหน่งกลุ่มดาวแมงป่องทั้ง 15 ดวง เพื่อให้ศัตรูได้สำนึกผิด อ้อนวอน หรือขอยอมแพ้ ตำแหน่งสุดท้ายของท่านี้ คือ แอนทาเรส (Antares) เป็นตำแหน่งดาวดวงใหญ่สีแดงของกลุ่มดาวแมงป่องซึ่งตรงกับตำแหน่งหัวใจของแมงป่องพอดี โดยผู้ที่โดนท่าเข็มพิษสีเลือด ณ ตำแหน่งแอนทาเรสนั้น มีเพียงคนเดียว ได้แก่ เฮียวกะ นอกจากนี้ ยังมีท่ารีสตริกชั่น (Restriction) ซึ่งเป็นท่าที่ใช้หยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู [3]
หมายเหตุ
[แก้]- ในตอนแรก มาซามิ คุรุมาดะ ตั้งใจจะกำหนดให้มิโร่เป็นอาจารย์ของเฮียวกะ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นคามิว เพราะน้ำกับน้ำแข็งน่าจะดูเข้ากันมากกว่า [8][9]
- แท้จริงแล้ว ชื่อราศีพิจิกนี้จะต้องออกเสียงว่า สกอร์เปี้ยส (Scorpius) แต่ มาซามิ คุรุมาดะ ได้ใช้คำว่า สกอร์เปี้ยน (Scorpion) ที่หมายถึง แมงป่อง โดยตรง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ เซนต์เซย่า Color Album Vol.2, สำนักพิมพ์หมึกจีน, 2532, หน้า 74
- ↑ มะซะมิ คุรุมะดะ, เซนต์เซย่า เล่มที่ 7, สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ, 2544, หน้า 63-75
- ↑ 3.0 3.1 มะซะมิ คุรุมะดะ, เซนต์เซย่า เล่มที่ 10, สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ, 2545, หน้า 124-69
- ↑ มะซะมิ คุรุมะดะ, เซนต์เซย่า เล่มที่ 11, สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ, 2545, หน้า 6-31
- ↑ มะซะมิ คุรุมะดะ, เซนต์เซย่า เล่มที่ 19, สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ, 2548, หน้า 160-82
- ↑ มะซะมิ คุรุมะดะ, เซนต์เซย่า เล่มที่ 21, สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ, 2548, หน้า 161-71
- ↑ มะซะมิ คุรุมะดะ, เซนต์เซย่า เล่มที่ 26 , สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ, 2549, หน้า 108-13
- ↑ เซนต์เซย่า Color Album Vol.4, สำนักพิมพ์หมึกจีน, 2532, หน้า 24
- ↑ จัมป์โกลด์ซีเลคชัน เซนต์เซย่า อนิเมะสเปเชียล 3, สำนักพิมพ์ชูเอฉะ, 2531, หน้า 32