ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โฮมสเตย์ (ภาพยนตร์)"
Yuttharin2544 (คุย | ส่วนร่วม) |
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 34: | บรรทัด 34: | ||
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวผลิตโดย[[จอกว้างฟิล์ม]] และจัดจำหน่ายโดย[[จีดีเอช ห้าห้าเก้า]] นำแสดงโดย [[ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ]] [[เฌอปราง อารีย์กุล]] และ [[นพชัย ชัยนาม]] และเข้าฉายอย่างเป็นทางการในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวผลิตโดย[[จอกว้างฟิล์ม]] และจัดจำหน่ายโดย[[จีดีเอช ห้าห้าเก้า]] นำแสดงโดย [[ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ]] [[เฌอปราง อารีย์กุล]] และ [[นพชัย ชัยนาม]] และเข้าฉายอย่างเป็นทางการในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
||
==เนื้อเรื่อง== |
==เนื้อเรื่องย่อ== |
||
{{เก็บกวาด-เรื่องย่อ}} |
|||
"มึงได้รางวัลนะ" |
|||
ในคืนที่เงียบสงัด เต็มไปด้วยสีดำ มีเสียงปริศนาเรียกร้องเหมือนชวนให้เข้าไปหา "มึงได้รางวัลนะ" นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่จะได้เห็นแสงไฟรำไรอยู่ตรงหน้า เขาได้ตื่นขึ้นมาในห้องดับจิตที่รอบข้างรายล้อมไปด้วยศพ ทันทีที่เขาเดินไปหาพยาบาล ร่างกายของเขาก็ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิต และล้างพิษฟอร์มาลีนออกจากร่างกายโดยเร็วที่สุด สองวันต่อมาเขาได้ฟื้นขึ้นและได้รู้ว่าเขาได้กลับมาอยู่ในร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาจำอะไรไม่ได้ทุกอย่างนอกจากชื่อ '''"มิน"''' ([[ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ]]) ซึ่งเป็นชื่อที่แม่ ([[สู่ขวัญ บูลกุล]]) เรียกตลอดเวลาที่เขาโดนพาเข้าห้องผ่าตัด เขาตกใจมากที่ตัวเองได้กลับมามีชีวิต จึงเตลิดเปิดเปิงไปทั่วทั้งชั้น พริบตาที่เขาเดินชนคนที่ถูกชนก็ทักเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน "รางวัลอะไร" "นี่เรื่องจริงใช่ไหม" นี่คือสองอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขา พริบตาที่เขาปีนออกนอกหน้าต่างและกำลังจะตกตึกลงไป โลกทั้งหมดก็บิดเบี้ยว ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่เป็นพนักงานเช็ดกระจก ([[นพชัย ชัยนาม]]) ก็เดินเข้ามาหาเขาแบบสบาย ๆ ราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป |
|||
ผู้ชายท่าทางลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรีๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า "มินตายเพราะใคร" ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล |
|||
เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะอินกับการอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ซักเท่าไหร่ การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ ก็ไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงเท่าการได้มีความรักครั้งใหม่ ผมได้รู้จักกับ พาย (เฌอปราง อารีย์กุล) พี่รหัสของมิน ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ตลอดไป แต่เวลา ชีวิต และความรัก เป็นเหมือนรางวัลที่สวรรค์ให้ผมมาแค่ชั่วคราว ผมจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตอบคำถามผู้คุมให้ได้ว่า “มินตายเพราะใคร” ก่อนที่เวลาชีวิตในร่างโฮมสเตย์ของผมจะหมดลง.... |
|||
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก และอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นแทนสรรพนามตัวเองว่า '''"ผู้คุม"''' เค้ามีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือคุมทุกการกระทำของเขา จับตา และดูอย่าให้เขาฆ่าตัวตายอีกเป็นครั้งที่สอง เขาตกใจมากที่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ผู้คุมก็ไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ แต่ให้เขาได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในห้องผู้ป่วยตามปกติ แต่ไม่ทันจะได้พักผู้คุมได้กลับมาอีกครั้งในร่างนางพยาบาลสาวสวย ([[เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์]]) แต่มาคราวนี้ผู้คุมกลับมาบอกเรื่องราวทั้งหมดแบบละเอียด สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาได้กลับมาอยู่ในร่างของมินในฐานะ '''"โฮมสเตย์"''' แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการกลับมาแบบถาวร เพราะเขามีเวลาแค่ 100 วันที่จะได้ใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง ถ้าเขาอยากอยู่ต่อ เขาต้องหาคำตอบให้ได้ว่า '''เจ้าของร่างที่ชื่อมิน ตายเพราะใคร?''' ถ้าตอบไม่ได้ เขาก็จะตายและวิญญาณเขาก็จะตายไปพร้อมกันและจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่อีกเลย พร้อมกับให้นาฬิกาชีวิตกับเขาไว้ เขารู้ทันทีว่าเรื่องนี้เริ่มไม่ชอบมาพากลแปลก ๆ เขาจึงตัดสินใจที่จะออกสืบว่า มินตายเพราะใคร ด้วยเวลาที่เหลือเพียง 98 วัน และข้อแม้ว่าห้ามไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเขาไม่ใช่มิน |
|||
เบาะแสแรกที่เขาสามารถหาได้ คือบ้านของมินเอง เพราะนั่นคือสถานที่ที่มินต้องใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อเขากลับมา สภาพบ้านที่เห็นคือทุกรูปที่เกี่ยวกับมินนั้นหายไปหมด รวมถึง '''เม่น''' ([[ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์]]) ก็ไม่ค่อยจะพอใจที่มินกลับมาบ้าน เขาเริ่มค้นหาว่าอะไรพอที่จะชี้ทางไปหาสาเหตุการตายของมินได้บ้าง แต่ทุกอย่างกลับเป็นศูนย์ เพราะข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของมินหายไปทั้งหมด แม้แต่ในห้องของมินเอง สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงอย่างเดียว คือต้องปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด นั่นคือทางเดียวที่จะเอาชนะเกมบ้า ๆ นี้ได้ เขาเริ่มกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน และได้พบกับ '''ลี้''' (ศรุดา เกียรติวราวุธ) คนที่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของมิน ลี้อธิบายว่ามินหายไปนานมากและไม่ได้สอบปิดภาคเรียนแรก แต่โชคดีที่ทางบ้านมาบอกว่ามินเข้าโรงพยาบาล ทางโรงเรียนจึงอนุโลมให้มินเข้าสอบย้อนหลังได้ ทันใดนั้นเองชมรมเชียร์ของโรงเรียนก็ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อวางแผนการประชุมเชียร์และแปรอักษร เขาได้รู้ทันทีว่ามินเป็น[[โรคซึมเศร้า]]จากรูปวาดที่มีความเกลียดชังต่อสังคม รวมถึงรูปวาดที่จงใจจะทำร้ายร่างกายและชีวิต ทางชมรมให้โอกาสสุดท้ายกับมินที่จะต้องวาดภาพเพื่อนำขึ้นแปรอักษร แต่คราวนี้ขอภาพที่มีความสร้างสรรค์และสื่อถึงความสุขออกมาให้ได้มากที่สุด เย็นวันนั้นเองเขาได้รับจดหมายจากผู้ที่อ้างว่าเป็นพี่รหัส เมื่อไปถึงเขาได้พบกับ '''พาย''' ([[เฌอปราง อารีย์กุล]]) หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความน่ารัก แถมยังเรียนเก่ง และเขารู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าทำไม เขากับพายถึงเข้ากันได้ดีมากกว่าความเป็นพี่รหัส เขาเริ่มมีความสุขที่ได้รับรางวัลนี้ และเพื่อไม่ให้พายต้องเสียใจ เขาจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ เต็มไปด้วยความสดใส และสนุกกับชีวิตใหม่อย่างจริงจัง ไปพร้อมกับคนข้าง ๆ อย่างพาย |
|||
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลือไม่ถึง 70 วัน ผู้คุมปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในร่างของอาจารย์หมอ ([[ธเนศ วรากุลนุเคราะห์]]) มาคราวนี้ผู้คุมบอกกติกาเพิ่มเติมว่า เพราะรางวัลนี้เป็นรางวัลใหญ่ เขามีสิทธิ์ตอบคำถามนี้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าตอบถูก นาฬิกาชีวิตจะหยุดลง แต่ถ้าตอบผิด ร่างกายจะเกิดการต่อต้าน และเมื่อหมด 100 วัน เขาก็จะตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นจึงทำให้เขาต้องเริ่มลงมือค้นหาอย่างจริงจังว่ามินตายเพราะใคร โดยเบาะแสเริ่มต้นคือที่ชมรม |
|||
ที่ชมรมเขาได้พังล็อกเกอร์ของมินเพื่อที่จะหาว่าอะไรอยู่ข้างใน แต่ลี้กลับมาบอกว่าทุกอย่างมินฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ของตัวเองทั้งหมด รวมถึงคอมที่มินสั่งให้ลี้เอาไปให้ที่บ้านในวันที่ 23 ตุลาคม และคนที่เอาคอมไปคือเม่น เขาจึงนึกได้ทันทีว่าในวันที่สองที่เขากลับมาบ้าน เม่นขอไปนอนห้องเพื่อนและหยิบคอมสีเทาติดไปด้วย เขาจึงบุกเข้าหอพักของเม่นเพื่อที่จะได้เอาคอมคืน เขาเปิดคอมทุกเครื่องจนได้พบกับคอมของมินที่หน้าจอมีไฟล์ไฟล์หนึ่งวางอยู่บนเดสก์ทอป เพียงแค่เปิดไฟล์และได้อ่านบรรทัดแรกจึงรู้ทันทีว่านี่คือจดหมายลาตายของมิน แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ่านเนื้อความทั้งหมด เม่นก็กลับเข้ามาก่อนและบอกว่าจะไม่มีใครได้ใช้คอมเครื่องนี้อีก และโยนคอมทิ้งลงข้างล่างทันที เขารีบวิ่งไปรับคอมเครื่องนั้น แต่ว่าผู้คุมในร่างคุณยาย ([[สุดา ชื่นบาน]]) กลับมาช่วยเซฟเวลาเอาไว้แถมบอกว่าวิธีนี้มันขี้โกงเกินไป รับไม่ได้กับรางวัลที่ได้รับ ผู้คุมจึงพังคอมเครื่องนี้ทิ้ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ นำคอมเครื่องนั้นกลับไปเปิดใช้อีกครั้ง จนได้อ่านจดหมายลาตายทั้งหมดของมิน |
|||
มินตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะฆ่าตัวตาย และได้วางแผนเอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ครอบครัวของมินเป็นครอบครัวที่แย่และน่าขยะแขยงมากที่สุดในชีวิตที่มินต้องเจอ พ่อ ([[วิโรจน์ ควันธรรม]]) เดิมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีฐานะที่มั่นคง แต่เพราะความโลภอยากเป็นเจ้าของกิจการ จึงลาออกมาขายวิตามินเสริมเต็มตัว แต่เพราะขายได้ไม่ดี เขาจึงเริ่มขโมยของในบ้านไปขายทีละชิ้นสองชิ้น ส่วน เม่น เขาน้อยใจมากที่เกิดมาเป็นน้องของเม่น เพราะสายตาที่ถูกเม่นมองมามีแต่ความอิจฉา แถมเม่นยังโกรธมากที่มินเป็นต้นเหตุที่ทำให้เม่นไม่ได้ทุนไปเรียนต่อที่เยอรมนี แถมยังต้องเลิกกับแฟนเพียงคนเดียว เม่นคงดีใจมากถ้ามินตายไป ไม่เป็นก้างขวางคอชีวิตของเม่นอีก ในบ้านนี้มินไว้ใจแม่มากที่สุด แต่แม่ก็คือคนที่หักหลังมินมากที่สุดเช่นกัน แม่คงดีใจถ้ามินไม่ตามไปอยู่ที่ระยองด้วย และสุดท้าย พาย มินสับสนกับพายมากว่าควรทำอย่างไร มินต้องฆ่าพายใช่หรือไม่? ถ้ามินไม่ฆ่า คนที่จะตายก็คือมิน... |
|||
ทันทีที่เขาอ่านจดหมายลาตายของมินจบ เขาจึงเริ่มไปเคลียร์ใจก้บคนรอบข้างทีละเรื่อง เริ่มจากคนใกล้ชิดมากที่สุดอย่างพาย ทันทีที่มินไปถึงเขาได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว พายถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือระบายความใคร่ของครูประจำห้องโอลิมปิก เขาทนไม่ได้เลยพาลไปชกหน้าครูเพื่อพาตัวพายออกมาจากห้องที่โสโครกแห่งนั้น เขาระบายความรู้สึกทุกอย่างออกมาทั้งหมดว่าเขาขยะแขยงพายมากที่พายเลือกเอาอนาคตทั้งหมดไปทิ้งไว้กับผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น และเขาไม่กลัวที่จะตาย เพราะคนที่ต้องลงไปตายนั่นก็คือพาย เย็นวันนั้นเขาโดนโรงเรียนเรียกผู้ปกครองมาทำทัณฑ์บนข้อหาที่ทำร้ายร่างกายครูห้องโอลิมปิก พ่อมินโกรธมากที่มินมีนิสัยก้าวร้าวแบบนั้น เขาจึงโกรธพ่อมากและหาว่าพ่อเป็นคนที่โสโครกไม่แพ้คนอื่น ๆ และเตลิดเปิดเปิงไประยองทันที เมื่อเขาไปถึง เขาได้รู้ความจริงว่า แม่มีแฟนใหม่ที่ระยอง และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน เขาตามไปดูอย่างผิดหวังจนแม่เห็นว่ามินตามมา เขาโกรธแม่มากและหนีกลับกรุงเทพฯ โดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขายืนทำใจอยู่บนสะพานนานมากจนผู้คุมในร่างเด็กผู้หญิง (ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล) เข้ามาทักอีกครั้ง คราวนี้เขาตัดสินใจตอบคำถามว่ามินตายเพราะทุกคน วินาทีที่เขาพูดออกไป เขาหยิบนาฬิกาชีวิตขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่นาฬิกากลับไม่หยุดเดิน ผู้คุมจึงบอกว่าสายไปเสียแล้ว เขาตอบผิด ก่อนที่จะอวยพรให้เขามีความสุขกับเวลาที่เหลือแค่ '''สามวัน''' |
|||
สามวันสุดท้ายเขาโกรธทุกคนมาก เริ่มทำตัวเก็บกด และค่อย ๆ ระบายทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง เขาพูดไม่ดีกับลี้ที่มาเพราะเป็นห่วง เขาชวนพ่อออกไปกินข้าวกับแม่ที่เพิ่งกลับมาจากระยองเพื่อที่จะให้พ่อได้รู้ความจริงว่าแม่มีอีกบ้าน แม่ขอคุยกับมินเป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะอธิบายว่าแม่ได้เลิกกับบ้านนั้นแล้ว และจะกลับมาอยู่กับมินด้วยกันที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ทันไรรถที่แม่และเขานั่งมาถูกรถสิบล้อชน เขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่แม่บาดเจ็บสาหัสล้มลงกลางถนน เขาตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งและรีบไปดูอาการแม่ เม่นมาบอกว่าจริง ๆ แล้วแม่รักมินมาก ทุกอย่างที่แม่ทำ แม่ทำเพื่อมิน รวมถึงเรื่องที่ไม่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เม่นก็เป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไม่ไป ไม่ได้เกี่ยวกับมิน เขาจึงเริ่มรู้สึกผิดและกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ที่ผิดพลาดทั้งหมดให้เข้ารูปเข้ารอยก่อนที่เวลาชีวิตในโฮมสเตย์นี้จะหมดลง |
|||
เขาขอให้พายบอกความจริงเรื่องครูห้องโอลิมปิกกับผู้อำนวยการ เขากลับไปวาดรูปที่ค้างไว้ให้สำเร็จ และมอบให้เป็นของขวัญชิ้นเดียวกับพาย เขาแก้ไขทุกอย่างจนเรียบร้อยก่อนวันสุดท้ายมาถึง เขาได้เข้าไปดูการซ้อมเชียร์และแปรอักษร ลี้บอกว่ารอบนี้มีรูปของมินเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย เขาตกใจมากว่ารูปที่ถูกเลือก คือรูปเดียวกันกับรูปที่เขาวาดให้พาย แต่รูปนี้ไม่เหมือนกันตรงที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ คือแสงสว่างที่คอยฉุดใครบางคนออกมาจากความมืด พริบตานั้นเขาจึงเริ่มจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมด เวลาชีวิตเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่นาทีสุดท้าย ร่างกายเริ่มต่อต้านอย่างหนักจนเขาล้มลงและได้เข้าไปในภาพของห้องมินที่เรียบร้อย นาทีนั้นเขาได้พบกับผู้คุมอีกครั้งในร่างของมิน เขาบอกกับผู้คุมว่าเขาพร้อมแล้วที่จะรับโทษ เพราะเขามารู้เอาในวินาทีสุดท้ายว่า มินตายเพราะตัวเอง และเขาก็จำทุกอย่างได้ว่าตัวเขาคือ ... '''มิน''' ... วิญญาณที่ได้รับรางวัลให้กลับมาอยู่ในร่างที่ตายแล้วของตัวเอง วินาทีที่พูดเสร็จ นาฬิกาชีวิตของมินก็หยุดลง ผู้คุมกล่าวคำยินดีว่ามินเอาชนะเกมนี้ได้แล้ว และรางวัลที่ได้รับ คือมินจะได้ใช้ชีวิตต่อไป จนกว่าร่างกายจะหมดอายุขัย |
|||
มินฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในวันที่เรื่องราวทุกอย่างจบลง วันนี้มินไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นโฮมสเตย์ของมินอีกต่อไป แต่นี่คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สวรรค์มอบให้ แม้จะเพียงแค่ชั่วคราว แต่ก็ทำให้มินได้มีความสุขมากที่สุด ที่เขาจะได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง กับคนที่เขารัก ทุก ๆ คน |
|||
==นักแสดงและตัวละคร== |
==นักแสดงและตัวละคร== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:12, 31 ตุลาคม 2561
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
โฮมสเตย์ | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ |
เขียนบท | ทศพล ทิพย์ทินกร จิรัศยา วงษ์สุทิน อภิโชค จันทรเสน เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ |
สร้างจาก | เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) โดย เอโตะ โมริ |
อำนวยการสร้าง | ฝ่ายงานสร้าง จิระ มะลิกุล วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ ฝ่ายบริหาร จินา โอสถศิลป์ บุษบา ดาวเรือง ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม |
นักแสดงนำ | ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ เฌอปราง อารีย์กุล ศรุดา เกียรติวราวุธ สู่ขวัญ บูลกุล วิโรจน์ ควันธรรม ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล นพชัย ชัยนาม |
กำกับภาพ | นฤพล โชคคณาพิทักษ์ |
ตัดต่อ | ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต |
ดนตรีประกอบ | ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | จีดีเอช ห้าห้าเก้า |
วันฉาย | 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 |
ความยาว | 131 นาที |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย |
ทำเงิน | 43.89 ล้านบาท (กรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่) 77.5 ล้านบาท (ทั่วประเทศ)[1] |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
โฮมสเตย์ (อังกฤษ: Homestay) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า-แฟนตาซี-ระทึกขวัญ ร่วมเขียนบทและกำกับโดย ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ซึ่งบทได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม (Colorful) โดย เอโตะ โมริ[2] ว่าด้วยเรื่องราวของวิญญาณที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย และต้องสืบหาสาเหตุการตายของร่างตัวเองก่อนที่จะต้องตายอย่างถาวร
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และจัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า นำแสดงโดย ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ เฌอปราง อารีย์กุล และ นพชัย ชัยนาม และเข้าฉายอย่างเป็นทางการในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561
เนื้อเรื่องย่อ
"มึงได้รางวัลนะ" ผู้ชายท่าทางลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรีๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า "มินตายเพราะใคร" ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล
เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่คิดว่าจะอินกับการอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ซักเท่าไหร่ การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ ก็ไม่ทำให้หัวใจเต้นแรงเท่าการได้มีความรักครั้งใหม่ ผมได้รู้จักกับ พาย (เฌอปราง อารีย์กุล) พี่รหัสของมิน ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากอยู่ในร่างโฮมสเตย์นี้ตลอดไป แต่เวลา ชีวิต และความรัก เป็นเหมือนรางวัลที่สวรรค์ให้ผมมาแค่ชั่วคราว ผมจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตอบคำถามผู้คุมให้ได้ว่า “มินตายเพราะใคร” ก่อนที่เวลาชีวิตในร่างโฮมสเตย์ของผมจะหมดลง....
นักแสดงและตัวละคร
ตัวละครหลัก
- ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ รับบท ธราดล จันทรเสน (มิน) เด็กหนุ่มชั้น ม.ปลาย ที่ได้กลับมามีชีวิตหลังถูกวิญญาณเร่ร่อนเข้าสิงร่าง และต้องปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ที่เขาได้รับ โดยตัวเขานั้นจะไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนตายได้เลย ซึ่งธีรดนย์นั้นได้มาแคสต์จากการแนะนำของโปรดิวเซอร์ ซึ่งภาคภูมิก็ไม่ค่อยชอบเขาในตอนแรก แต่หลังจากที่ได้เห็นความสามารถจากการแสดงในเรื่อง โปรเจกต์ เอส เดอะซีรีส์ ตอน SOS Skate ซึม ซ่าส์ ทำให้เขาได้บทไปหลังจากมาแคสต์ไปถึงสามครั้ง นอกจากนั้นธีรดนย์ยังต้องเล่นเองเจ็บเองในการถ่ายทำฉากเปิดภาพยนตร์อีกด้วย
- เฌอปราง อารีย์กุล รับบท พริมา วงษ์สุทิน (พาย) พี่รหัสของมิน นักเรียนทุนจากสงขลาที่เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ เป็นผู้ที่คอยติวหนังสือให้มิน จริงจัง ตั้งใจ เรียนเก่ง และเป็นคนที่ทำให้มินอยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เธอก็เป็นหนึ่งในสาเหตุการตายของมินเช่นกัน ซึ่งเฌอปรางได้บทจากการเรียกมาแคสต์หลังจากที่ภาคภูมิเห็นภาพเธอจากสื่อโซเชียลมีเดียโดยที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นสมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตอีกด้วย
- สู่ขวัญ บูลกุล รับบท ฤดี จันทรเสน แม่ของมินที่รักและห่วงใยครอบครัวอยู่เสมอ แต่ด้วยการกระทำบางอย่างของเธอกลับกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายของมินด้วย สู่ขวัญเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวในเรื่องที่ภาคภูมิตั้งใจเลือกมาเล่นในช่วงเขียนบท และเธอได้ปฏิเสธบทนี้ไปหลายครั้งเพราะไม่อยากเล่นบทที่ลูกตาย แต่เธอก็เปลี่ยนใจและรับเล่นในภายหลัง
- ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ รับบท ทรงพล จันทรเสน (เม่น) พี่ชายของมินที่มองว่ามินเป็นตัวปัญหาของครอบครัว เรียนดี ฉลาด และไม่พอใจในการกลับมาของมิน
- วิโรจน์ ควันธรรม รับบท พ่อของมิน เข้มงวด เจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยใส่ใจครอบครัวเพราะมุ่งมั่นและทุ่มเทชีวิตให้แก่งานของตัวเองมากเกินไป
- ศรุดา เกียรติวราวุธ รับบท อมราพร แผ่นดินทอง (ลี้) เด็กสาวชั้น ม.ปลาย เพื่อนร่วมชั้นและชมรมที่สนิทกับมิน
- ผู้คุม ผู้ทำหน้าที่ควบคุมวิญญาณจากสวรรค์ให้มาอยู่ใน ร่างชั่วคราว เนื่องจากตัวละครนี้มีความสามารถที่จะเข้าสิงร่างใครก็ได้ จึงมีนักแสดงหลายคนที่มารับบทนี้ได้แก่
- นพชัย ชัยนาม รับบท ผู้คุมในร่างพนักงานเช็ดกระจก
- เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท ผู้คุมในร่างพยาบาลสาว
- ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ รับบท ผู้คุมในร่างจิตแพทย์ชื่อ รศ. นพ.ทศพล ทิพย์เทพนคร
- สุดา ชื่นบาน รับบท ผู้คุมในร่างหญิงชราที่หอพักเพื่อนเม่น
- ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล รับบท ผู้คุมในร่างของเด็กหญิงถือร่มสีแดง
- ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ รับบท ผู้คุมในร่างมิน
ตัวละครอื่นๆ
- อะตอม สัมพันธภาพ รับบท ครูพัฒน์ คุณครูประจำห้องปทุมเพชรของพาย
- ศิวัช จำลองกุล รับบท พี่ในชมรมปลอกแขนสีน้ำเงิน
- กมนธิดา โรจน์ทวีนิธิ รับบท นักเรียนหญิง
งานสร้าง
เดิมนั้น โครงการภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยาย Colorful มีมาตั้งแต่สมัยบริษัทจีทีเอช โดยวางแผนไว้ว่าจะให้ ยงยุทธ ทองกองทุน เป็นผู้กำกับ และให้ นิธิศ ณพิชยสุทิน เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สุดท้ายโครงการกลับถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด[3] เนื่องมาจากความล่าช้าของการซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับมาสร้าง[4] และการขัดแย้งภายในบริษัท ประกอบกับบริษัทประกาศยุติการดำเนินกิจการเมื่อปลายปี พ.ศ. 2558
ต่อมาใน พ.ศ. 2559 หลังบริษัทจีดีเอช ห้าห้าเก้าเปิดตัว บริษัทแจ้งว่าจะผลิตภาพยนตร์สองเรื่องต่อจากโครงการเดิม คือ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว และเรื่องนี้ในปีเดียวกัน โดยวางแผนไว้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเริ่มงานสร้างในเดือนพฤษภาคมและเข้าฉายในช่วงธันวาคม แต่ด้วยการที่บริษัทต้องการถ่ายทอดพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้บริษัทเปลี่ยนแผนการดำเนินงานด้วยการสร้างและฉายภาพยนตร์เรื่อง พรจากฟ้า แทน ซึ่งส่งผลให้แผนการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนดอีกครั้ง และทำให้ทีมงานได้ใช้เวลาที่เสียไปในการพัฒนาบทให้ดีขึ้นกว่าเดิม จนมาถึงปีพ.ศ. 2560 ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้เริ่มงานสร้างอย่างเป็นทางการ
บทภาพยนตร์
สำหรับในการเขียนบทนั้น ทศพล จิรัศยา และอภิโชค ได้ร่วมกันเขียนบทหลังจากบริษัทได้ลิขสิทธิ์การสร้างมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาได้พัฒนาบทเป็นระยะเวลา 1 ปี ก่อนภาคภูมิและเอกสิทธิ์ได้มาร่วมเขียนบททีหลัง ในที่สุด บทก็เสร็จสมบูรณ์หลังจากที่พวกเขาพัฒนากันต่ออีก 1 ปี 7 เดือน[5]
การถ่ายทำ
สำหรับการถ่ายทำ ทีมงานได้ถ่ายทำภาพยนตร์ในช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 และได้ สีบาน-นฤพล โชคคณาพิทักษ์ มากำกับภาพให้ และสำหรับการถ่ายทำฉากเปิด ทีมงานได้สร้างเซตในสตูดิโอขนาดใหญ่และใช้เวลาในการถ่ายทำฉากดังกล่าวไปถึง 22 ชั่วโมง
การตัดต่อ
สำหรับการตัดต่อ ทีมงานได้ให้ อาร์ม-ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต ที่เคยมีผลงานในการตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง มาตัดต่อให้ และได้ใช้เวลาในการตัดต่อไปถึง 6 เดือน นอกจากนั้น สำหรับฉากที่ใช้กรีนสครีน ทีมงานได้ให้บริษัท Yggdrazill ที่มีผลงานเกม Home Sweet Home มาร่วมทำคอมพิวเตอร์กราฟิกและเทคนิคพิเศษให้กับภาพยนตร์อีกด้วย[6]
เพลงประกอบภาพยนตร์
สำหรับเพลงประกอบ ทีมงานได้ ป้อ-ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ มาร่วมทำเพลงประกอบให้กับจอกว้างฟิล์มอีกครั้งในรอบ 4 ปี หลังจากมีผลงานทำเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่อง ฝากไว้..ในกายเธอ นอกจากนั้นยังทำให้ชาติชายมีผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเดือนตุลาคมถึง 2 เรื่อง ซึ่งอีกเรื่องคือ นาคี 2[7]
การประชาสัมพันธ์
ในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 จีดีเอชได้เปิดการถ่ายทอดสดบนเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าจะเปิดให้รับชมภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง แบบออนไลน์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก่อนสร้างสถานการณ์ว่าเว็บไซต์ถูกแฮกเพื่อปล่อยวีดีโอไวรัลปริศนาขึ้นมา และปิดข้อความทิ้งท้ายว่า K1189B54N หลังจากการถ่ายทอดสดจบลง ได้มีการโพสต์คลิปดังกล่าวลงในสื่อออนไลน์ ก่อนเปิดตัวนักแสดงนำในวันต่อมา[8] และทางค่ายก็ไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมมานับแต่นั้น
ต่อมา ทีมงานจากจีดีเอชได้ทำการถ่ายทอดสดลงเฟซบุ๊กอีกครั้ง และได้เปิดเผยแนวภาพยนตร์และวันเข้าฉายอย่างเป็นทางการคือ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 จนในวันที่ 19 กันยายน ปีเดียวกัน ทางค่ายได้เปิดเผยชื่อเรื่องภาพยนตร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก[9] และได้เปิดเผยชื่อตัวละครและนักแสดงนำเพิ่มอีกหนึ่งคนคือ นพชัย ชัยนาม ซึ่งเคยแสดงนำในหนังของภาคภูมิมาแล้วกับภาพยนตร์เรื่อง คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ ตอน ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง
ไม่นานหลังจากทางค่ายเปิดเผยชื่อเรื่องภาพยนตร์ ค่ายได้ทำการประชาสัมพันธ์และปล่อยใบปิดภาพยนตร์ในแบบต่างๆลงสื่อโซเชียลเพิ่มเติม ด้วยการสร้างเหตุการณ์สมมติให้หนึ่งในตัวละครในเรื่องคือ ผู้คุม เข้าทำการควบคุมเพจต่างๆโดยเรียกวิธีการควบคุมนี้ว่า สิง[10] โดยมีเพจชื่อดังที่โดนควบคุมไปแล้ว 3 เพจคือ หมอแล็บแพนด้า Drama-addict และเพจทางการของเฌอปรางเอง[11] รวมถึงได้มีการปล่อยใบปิดฉบับสุดท้าย ประชาสัมพันธ์ และปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แบบทางการในเพจ ฉลาดเกมส์โกง แทนการสร้างเพจใหม่ขึ้นมา เพื่อให้ภาพยนตร์เป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ระยะหนึ่ง[12] ก่อนที่จะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ณ ลานกิจกรรมอีเดน 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
นอกจากการประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์แล้ว จีดีเอชยังได้ร่วมมือกับสวัสดีทวีสุขเพื่อผลิตรายการพิเศษ HOMESTAY SPECIAL เจาะเบื้องหลังความมหัศจรรย์ ที่รวบรวมทุกความมหัศจรรย์จากการถ่ายทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ออกอากาศเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.30 น. ทางช่องวัน เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์อีกช่องทางหนึ่ง
การออกฉายและรายได้
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีกำหนดฉายรอบสื่อมวลชนในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ณ พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และมีกำหนดเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 เดือนและปีเดียวกัน ภาพยนตร์เปิดตัวด้วยรายได้ 8.88 ล้านบาทเมื่อนับเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวภาพยนตร์ที่น้อยที่สุดของค่ายจีดีเอช และยังน้อยกว่า น้อง.พี่.ที่รัก ที่ออกฉายเมื่อช่วงกลางปี
อ้างอิง
- ↑ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2086459824709208&id=1362014477153750
- ↑ http://www.amarintv.com/entertainment-update/movie-46/261114/
- ↑ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=337199923515374&id=195340537701314[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
- ↑ https://www.sanook.com/movie/81353/
- ↑ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156149110828003&id=728668002
- ↑ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1925568547478619&id=100000764764780
- ↑ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2408452345861708&id=205816526125312
- ↑ http://www.majorcineplex.com/news/cherprang-in-gdh
- ↑ https://www.mangozero.com/cherprang-in-homestay-movie/
- ↑ https://www.gmlive.com/HOMESTAY-GDH-REAL-TIME-MARKETING-MODEL-STRATEGY
- ↑ https://otazap.com/2018/09/23/กูคือผู้คุม-เฌอปราง-bnk48/
- ↑ https://www.mangozero.com/first-look-homestay-movie/>