ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขของ 1.47.203.192 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย 183.89.214.50
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เพิ่มข้อความไม่เป็นวิกิขนาดใหญ่ ผู้ใช้ใหม่เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บอื่น แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 44: บรรทัด 44:
โฟรเซนเปิดรอบปฐมทัศน์ที่[[โรงภาพยนตร์เอลแคปิตัน]]เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556<ref>{{Cite news|last=Liu|first=Meng|title=Disney's "Frozen" Premiere Turns L.A. Into a Winter Wonderland|url=http://www.hollywoodreporter.com/news/disneys-frozen-premiere-turns-la-658133|accessdate=November 20, 2013|newspaper=The Hollywood Reporter|date=November 19, 2013}}</ref> และออกฉายเป็นการทั่วไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม นักวิจารณ์บางคนเห็นว่าโฟรเซนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์เพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่[[ยุคฟื้นฟูของดิสนีย์]]<ref>{{Cite news|last=Barnes|first=Brooks|title=Boys Don't Run Away From These Princesses|url=http://www.nytimes.com/2013/12/02/movies/frozen-disneys-new-fairy-tale-is-no-2-at-box-office.html?_r=0|accessdate=December 2, 2013|newspaper=The New York Times|date=December 1, 2013}}</ref><ref name="zuckerman1">{{Cite news|last=Zuckerman|first=Esther|title=Is "Frozen" a New, Bona Fide Disney Classic?|url=http://www.theatlanticwire.com/entertainment/2013/11/frozen-new-bona-fide-disney-classic/71243/|accessdate=November 4, 2013|newspaper=The Atlantic Wire|date=November 4, 2013}}</ref> ภาพยนตร์ยังทำรายได้อย่างล้นหลาม ได้รับรายได้กว่า $1.2 พันล้านทั่วโลก โดยเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา $400 ล้าน และอีก $247 ล้านในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็น[[รายชื่อภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุด|ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล]], [[รายชื่อภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุด|ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล]]ลำดับห้า, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2556 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดการลำดับสามในญี่ปุ่น โฟรเซนได้รับ[[รางวัลออสการ์]] ในสาขา[[รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม|ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม]] และในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง[[เล็ทอิทโก]])<ref name="oscar86" />, รางวัล[[ลูกโลกทองคำ]]สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม<ref name="goldenglobe">{{Cite news|title=Golden Globes 2014: And the winners are...|url=http://www.usatoday.com/story/life/people/2014/01/12/golden-globes-winners/4424169/|accessdate=January 16, 2014|newspaper=USA Today|date=January 12, 2014}}</ref> [[รางวัลบาฟต้า]]สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม<ref name="bafta" />[[รางวัลแอนนี]]ห้ารางวัล (รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม) และรางวัลนักวิจารณ์คัดสรรในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง[[เล็ทอิทโก]])<ref name="bfca" />
โฟรเซนเปิดรอบปฐมทัศน์ที่[[โรงภาพยนตร์เอลแคปิตัน]]เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556<ref>{{Cite news|last=Liu|first=Meng|title=Disney's "Frozen" Premiere Turns L.A. Into a Winter Wonderland|url=http://www.hollywoodreporter.com/news/disneys-frozen-premiere-turns-la-658133|accessdate=November 20, 2013|newspaper=The Hollywood Reporter|date=November 19, 2013}}</ref> และออกฉายเป็นการทั่วไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม นักวิจารณ์บางคนเห็นว่าโฟรเซนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์เพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่[[ยุคฟื้นฟูของดิสนีย์]]<ref>{{Cite news|last=Barnes|first=Brooks|title=Boys Don't Run Away From These Princesses|url=http://www.nytimes.com/2013/12/02/movies/frozen-disneys-new-fairy-tale-is-no-2-at-box-office.html?_r=0|accessdate=December 2, 2013|newspaper=The New York Times|date=December 1, 2013}}</ref><ref name="zuckerman1">{{Cite news|last=Zuckerman|first=Esther|title=Is "Frozen" a New, Bona Fide Disney Classic?|url=http://www.theatlanticwire.com/entertainment/2013/11/frozen-new-bona-fide-disney-classic/71243/|accessdate=November 4, 2013|newspaper=The Atlantic Wire|date=November 4, 2013}}</ref> ภาพยนตร์ยังทำรายได้อย่างล้นหลาม ได้รับรายได้กว่า $1.2 พันล้านทั่วโลก โดยเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา $400 ล้าน และอีก $247 ล้านในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็น[[รายชื่อภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุด|ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล]], [[รายชื่อภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุด|ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล]]ลำดับห้า, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2556 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดการลำดับสามในญี่ปุ่น โฟรเซนได้รับ[[รางวัลออสการ์]] ในสาขา[[รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม|ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม]] และในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง[[เล็ทอิทโก]])<ref name="oscar86" />, รางวัล[[ลูกโลกทองคำ]]สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม<ref name="goldenglobe">{{Cite news|title=Golden Globes 2014: And the winners are...|url=http://www.usatoday.com/story/life/people/2014/01/12/golden-globes-winners/4424169/|accessdate=January 16, 2014|newspaper=USA Today|date=January 12, 2014}}</ref> [[รางวัลบาฟต้า]]สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม<ref name="bafta" />[[รางวัลแอนนี]]ห้ารางวัล (รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม) และรางวัลนักวิจารณ์คัดสรรในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง[[เล็ทอิทโก]])<ref name="bfca" />


โดเรม่อน อังอัง
== เนื้อเรื่อง ==
ในอาณาจักรแห่งเอเรนเดลล์ พระราชาและพระราชินีมีพระธิดาสองคน เจ้าหญิงเอลซ่า พระธิดาองค์โต และเจ้าหญิงแอนนา พระธิดาองค์เล็ก จากเจ้าหญิงทั้งสองคน เอลซ่าเกิดมาพร้อมความวิเศษในการเสกน้ำแข็งออกมาได้ดังใจสั่ง คืนหนึ่ง อันนาปลุกเอลซ่าให้มาเล่นด้วยกัน ขณะที่เอลซ่าและอันนากำลังเล่นกำลังเล่นสนุกสนานกับพลังวิเศษนี้ พลังหิมะของเอลซ่าถูกเสกเข้าที่หัวของอันนาด้วยความไม่ตั้งใจ อันนาหมดสติ และเส้นผมส่วนหนึ่งของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว พระราชาและพระราชินีรีบพาเจ้าหญิงทั้งสองไปยังหุบเขาอันเป็นที่อยู่ของเผ่าโทรลล์ผู้วิเศษเพื่อขอความช่วยเหลือ ในขณะที่อันนายังหมดสติอยู่นั้น ปู่แพ็บบี้ โทรลล์เฒ่าผู้นำเผ่า กล่าวว่าโชคดีที่เธอถูกพลังแค่ที่หัว แต่หากเป็นหัวใจแล้วจะต้องแย่แน่ๆ แพบบี้ได้ลบความทรงจำของอันนาเกี่ยวกับพลังของเอลซ่าออก เหลือทิ้งไว้แต่ความสนุกสนานของทั้งสองพี่น้อง และเตือนเอลซ่าว่าพลังของเธอจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องหัดที่จะควบคุมพลังนี้ให้ได้


ค้นหา
เมื่อกลับสู่พระราชวัง เพื่อซ่อนเรื่องนี้เป็นความลับ พระราชาทรงสั่งให้มีการปิดประตูวัง ไม่ให้บุคคลทั้งภายนอกและภายในเข้าออก สองพี่น้องต้องถูกเลี้ยงดูแยกจากกัน การควบคุมพลังของเอลซ่านับวันมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ พระราชาต้องมอบถุงมือพิเศษให้เอลซ่า เพื่อให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ง่ายขึ้น ในขณะที่อันนาแม้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดา แต่ก็ต้องอยู่กับโดดเดี่ยวตลอดหลายปี จากการที่เอลซ่าไม่ยอมพูดคุยกับเธอ แม้เธอจะยังจดจำความสนุกสนานที่เคยมีด้วยกันตอนเด็กๆได้ จนกระทั่งจุดพลิกผันมาถึงชีวิตของทั้งสองเมื่อพระราชาและพระราชินีทรงสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหันขณะเดินทางออกทะเล
JAN
14
ประวัติอย่างละเอียดของโดเรม่อน
ประวัติอย่างละเอียด
Doraemon : โดเรม่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525
ของวิเศษที่โดเรม่อนใช้บ่อยๆ
คอปเตอร์ไม้ไผ่
คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.
ประตูสารพัดสถานที่
หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ
ไฟฉายย่อส่วน
รูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดเรม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย
ไทม์แมชชีน
เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ
ตอนจบ โดเรมอนว่ากันว่ามีสองแบบ
วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป โนบิตะกลับมาจาก โรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอน และพบโดเรมอนกำลังนอน หลับอยู่เหมือนปกติ นี่ ! โดเรมอน ตื่นมาเล่นกันเถอะ แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดเรมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปเล่นกับ ชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดเรมอนแต่ก็ไม่ปฎิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดเรมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่างแต่โดเรมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮแต่โดเรมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ 1 อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดเรมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า แบตเตอร์รี่หมดโนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นและถามโดเรมีเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า
แบตเตอรี่หมดหรือ ? อย่างงั้นโดเรมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหม? ถ้างั้น ช่วยเปลี่ยยแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อยทำให้โดเรมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่าฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ โนบิตะจึงถามกลับว่า ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น โดเรมีจึงตอบ ว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดเรมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี เธอหมายความว่าไงน่ะ ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดเรมอนจะสูญเสียความจงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิตะตลอดกาล แล้วฉันควรจะเปลี่ยนหรือ อะไรนะ โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้วโดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มโดเรมอนไปไว้บนชั้น
---- หลายปีผ่านไป------------
ในปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก และเขาอยู่โดยไม่มีโดเรมอนโนบิตะบอกชิซูกะ และ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดเรมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมา พบเพื่อน ๆ ทั้งหลายได้อีกแล้วชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกัน โนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลอง และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะ เข้ามายังห้องทดลอง และแล้ววันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะเข้ามายังห้องของสามีของเธอในขณะที่เธอเข้ามายังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเธอเห็นโดเรมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วยกัน ในตอนที่ยังเป็นเด็กโดเรมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะโนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดเรมอน โดเรมอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเป็นเป็นช่วงที่ ทำให้เข้าใจได้ว่าใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดเรมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดเรมอนเพื่อนรักของเขา ที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป
โนบิตะเป็นผู้หนื่งที่ได้สร้างโดเรมอนขึ้นมาเขาคิดค้นโปรแกรม และโครงสร้างทั้งหลาย สำหรับหุ่นยนต์โดเรมอน โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดเรมอนก็ลืมตาขี้น และก็พูดว่า โนบิตะนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ มันเหมือนกับมี ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม อยู่บนท้องฟ้าช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกัน
ตอนจบของโดเรม่อน แบบที่ 2
ตอนจบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็น ตอนจบจริงๆของ โดเรมอนไม่ใช่ โดเรมอน กลับอนาคตหรอก... จริงๆแล้วของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่จะอ.จากไป วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่า โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้วเนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรมอน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่ พ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป......
ตอนนี้เป็นเพียงตอนที่ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด เพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้
ประวัติผู้แต่งประวัติย่อของ อ. ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วม ของ อ. ทั้งสองท่านที่เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ คือ
อ. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด 1 ธันวาคม 2476 ณ เมือง ทาคาโอกะ โทยามะ
อ. อาบิโกะ โมโตโอะ เกิด 10 มีนาคม 2477 ณ เมือง ไฮโอมิ โทยามะ
อาจารย์ทั้งสอง รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทั้งสองมีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนมาก และได้เขียนการ์ตูนในงานส่งอาจารย์ร่วมกัน จึงกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษา
ในปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ"
ในปีพ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น 2 ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะ' หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่'
ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริ, ปาแมน, ยูเมโบชิ เดงกะ, มาทาโระกาคูรุ, ศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน
ประมาณสิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio
ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิต ในปีพ.ศ.2531
ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539
เนื้อเพลง โดเรมอนนะ
(เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น)
คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ
อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด
มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ
ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...
(เนื้อเพลงแปลเป็นภาษาไทย)
เรื่องอย่างนี้ดีจังเลย ถ้าทำได้ละก็ยอดไปเลยนะ
ความฝันเหล่านี้ เหล่านั้น มีตั้งเยอะตั้งแยะแน่ะ
ทุกคนก็เป็นคนดี มาเติมฝันเหล่านั้นให้เต็ม
ด้วยกระเป๋าวิเศษนี้ มาช่วยเติมฝัน
อยากบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าจังเลยนะ
ไฮ้ { นี่ไง ( เสียงของโดเรม่อน ) } คอปเตอร์ไม้ไผ่
อัง อัง อัง ชอบมากๆ เลยล่ะ โดราเอม่อน
โดเรามอนชุดพิเศษ
>> ไดโนเสาร์ของโนบิตะ
>> บุกดินแดนมหัศจรรย์
>> ตะลุยปราสาทใต้สมุทร
>> ตะลุยแดนปีศาจ
>> สงครามอวกาศ
>> ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก
>> เผชิญอัศวินไดโนเสาร์
>> ตะลุยดาวต่างมิติ
เหตุที่โดเรมอนกลัวหนู
โดเรม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2112 ที่โรงงานหุ่นยนต์ มีตัวสีเหลืองแต่แล้ว วันหนึ่งก็ถูกหนูกัดหู ก็เปลี่ยนสีอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดราเอมอนก็กลัวหนูตั้งแต่นั้นมา
ต้นคิด โดเรมอน
วันหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ต้องเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ ดังนั้นท่านจึง ได้ไปปรึกษากับ อาจารย์โมโตโอะ อาบิโกะ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอกลับบ้าน อาจารย์ฟูจิโมโตะ ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเขียนการ์ตูนอะไรดี ตอนนั้น...เนื่องจากใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ท่านง่วงและเผลอหลับไป
เช้าวันต่อมา...อาจารย์ฟูจิโมโตะถูกปลุกด้วยแมวที่บ้านและนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดการ์ตูนเรื่องใหม่ อาจารย์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง แต่ก็สะดุดอะไรบ้างอย่าง อาจารย์ฟูจิโมโตะสะดุดตุ๊กตาของลูกสาวของเขานั่นเอง และนั่นทำให้อาจารย์เกิดไอเดีย โดยนำแมว และ ตุ๊กตา มาผสมกัน
ในที่สุด อาจารย์ฟูจิโมโตะก็คิดออกว่า การ์ตูนเรื่องใหม่ที่จะเขียนเป็น เรื่องอะไร จากนั้นไอเดียเริ่มพุ่งกระฉูด โนบิตะและตัวการ์ตูนอื่นๆก็เริ่มตามมา ในที่สุดโดเรม่อนก็กลายเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆ


สามปีหลังจากกการสิ้นพระชนม์ของพระราชาและพระราชินี เอลซ่าก็มีมีอายุครบกำหนดที่จะเข้าพิธีราชาภิเษก<!-- คำว่า ราชินีภิเษก ไม่มีในพจนานุกรม, ใช้ ราชาภิเษกแทนได้ --> ในวันพิธีนั้น ประตูวังจึงได้เปิดออกหลังจากปิดมานานหลายปี อันนาซึ่งใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมานานจึงออกจากวังเพื่อไปสำรวจบ้านเมือง ก่อนจะได้เจอกับเจ้าชายฮานส์ บุตรชายคนที่สิบสามของพระราชาแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ และด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้อันนาตกหลุมรักฮานส์อย่างรวดเร็ว ส่วนเอลซ่าเธอเกรงว่าเธอจะปล่อยพลังของเธอออกมาในงานราชาภิเษก และเธอพยายามควบคุมมันไว้จนได้


ที่งานเลี้ยงหลังพิธี อันนาและเอลซ่าได้พูดคุยต่อหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น ทว่าเพียงครู่ต่อมาเมื่ออันนาได้พาฮานส์มาพบเอลซ่า เพื่อขออนุญาตจากเอลซ่าให้ทั้งสองแต่งงานกัน เอลซ่าไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่าอันนาจะแต่งงานกับชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวไม่ได้ และสองพี่น้องเริ่มทะเลาะกัน อันนาดึงถุงมือของเอลซ่าออก ด้วยความกดดัน เอลซ่าไม่สามารถควบคุมพลังวิเศษของเธอได้ และเสกน้ำแข็งออกมาต่อหน้าผู้คนทั้งอาณาจักร ดยุคแห่งวีเซิลตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในแขกต่างเมืองที่มาร่วมงาน ตะโกนใส่เอลซ่าว่าเธอคือปีศาจ เธอจึงหวาดกลัวและวิ่งหนีออกไปจากเมือง และซ่อนตัวบนภูเขาอันห่างไกลจากอาณาจักร ณ ที่นั้น เธอรู้สึกปลดปล่อยจากความกดดันที่เธอพบมาเนิ่นนาน และได้ใช้พลังของเธอสร้างพระราชวังน้ำแข็งอันสวยงามขึ้นมา โดยที่ตลอดเวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าพลังความกลัวของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในสภาพฤดูหนาวชั่วนิรันดร์ที่โหดร้าย


Doraemon : โดเรม่อน
ทางด้านของอันนา ซึ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ของตนหนีไป จึงรีบออกตามหาเอลซ่าด้วยตนเอง และมอบหมายให้เจ้าชายฮานส์เป็นผู้ดูแลอาณาจักรชั่วคราวแทน ในระหว่างทาง อันนาได้พบกับคริสตอฟฟ์ และสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจของเขา เพื่อให้เขาช่วยนำทางในการตามหาเอลซ่า ทว่าเพียงไม่นานหลังจากทั้งกลุ่มออกเดินทางด้วยกัน ก็ถูกฝูงหมาป่าออกมาไล่ล่า ระหว่างที่ทุกคนหนีเอาตัวรอด คริสตอฟฟ์ต้องเสียเลื่อนหิมะราคาแพงของเขา ด้วยความรู้สึกผิด อันนาจึงขอออกเดินทางต่อด้วยตัวเอง และจะชดใช้ค่าเสียหายให้เขาเมื่อเธอตามหาเอลซ่าพบ คริสตอฟฟ์ แม้จะไม่อยากจะช่วยอันนาในการเดินทางต่อ แต่สเวนก็โน้มน้าวให้คริสตอฟฟ์เปลี่ยนใจและช่วยอันนาตามหาพี่สาวของเธอต่อ ทั้งกลุ่มเดินทางมาพบกับโอลาฟ ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่าสร้างขึ้นระหว่างที่เธอกำลังหัดใช้พลังของเธอในการสร้างพระราชวังน้ำแข็ง โดยที่เอลซ่าเองไม่รู้ว่าโอลาฟนั้นได้มีชีวิตขึ้นมา โอลาฟอาสานำกลุ่มไปพบกับเอลซ่า
โดเรม่อน หรือโดราเอม่อน เป็นแมวหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ยุคศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 มีน้ำหนัก 129.5 กก. ความสูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ลักษณะตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูกิน ไม่มีนิ้วมือ มีกระดิ่งห้อยคอสีเหลือง มีหนวดหกเส้น มีกระเป๋าหน้าสำหรับเก็บของวิเศษ สารพัดอย่างที่สุดยอด อาหารที่ชอบที่สุดคือ แป้งทอด (โดรายากิ) สิ่งที่กลัวที่สุดคือ หนู
Nobita : โนบิตะ
โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัวละครที่แย่มากๆ โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
Shizuka : ชิซูกะ
ชิซูกะ เป็นนางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นที่หมายปองของเด็กทั่วไป รวมทั้งโนบิตะด้วย ซึ่งเขาหวังจะแต่งงานด้วยในอนาคต ชิซูกะเป็นคนที่ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีมาก ชอบดนตรี และสิ่งที่ชอบมากที่สุดการได้อาบน้ำ ในอนาคตชิซูกะได้แต่งงานกับโนบิตะจริงๆ แต่โนบิตะในอนาคต เป็นโนบิตะที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ และเป็นคนดีจริงๆ สำหรับชิซูกะ
Zuneo : ซูเนโอะ
ซูเนโอะ เป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอนท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวย สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง มักมีของแพงๆ มาอวดเพื่อนๆ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างฐานะดี มีชื่อเสียง มักจะหาเรื่องแกล้งโนบิตะบ่อยๆ เนื่องจากเขาเองก็หลงรักชิซูกะด้วยเหมือนกัน
Dekizugi : เดคิซูกิ ไจแอน
เดคิซูกิ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงกันข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง รูปหล่อ เรียนเก่ง ขยัน อุปนิสัยดี เป็นที่หมายปองของเด็กหญิงทั่วไป เดคิซูกิ ชอบมาติวหนังสือให้กับชิซูกะเสมอ ทำให้โนบิตะต้องอิจฉา นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาและเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย แต่บทบาทของเขาจะน้อยกว่าโนบิตะมาก
Dorami : โดเรมี
โดเรมี หุ่นยนต์น้องสาวของโดเรม่อน โดเรมีถูกสร้างขึ้นมาทีหลังโดเรม่อน ถือว่าเป็นรุ่นใหม่กว่า ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าโดเรม่อน โดเรมี จะมีตัวสีเหลือ หูสีแดง มีกระเป๋าเก็บของวิเศษเหมือนโดเรม่อน แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดเรมีจะอยู่ในโลกอนาคตมากกว่า ไม่ค่อยปรากฏในโลกปัจจุบัน ยกเว้นในกรณีเหตุการณ์คับขัน ที่โดเรม่อนไม่สามารถแก้ไขได้ โดเรมีก็จะมาคอยช่วยเหลือเสมอๆ


เมื่อทั้งพวกเขามาเจอกับเอลซ่าที่พระราชวังน้ำแข็ง อันนาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เอลซ่ากลับไปช่วยอาณาจักรให้คืนสู่ฤดูร้อน แต่เอลซ่ากลับยิ่งกลัวที่พลังของเธอรุนแรงขนาดนี้ ทั้งยังเผลอระเบิดพลังความหวาดกลัวของเธอเข้าใส่เข้าหัวใจของอันนา และปฏิเสธที่จะกลับไปยังเอเรนเดลล์ เอลซ่าเสกมนุษย์หิมะขนาดยักษ์ขึ้นมาเพื่อนำพวกเขาออกไปจากวัง ผมของอันนาเริ่มกลายเป็นสีขาว ทำให้อันนาเริ่มกังวล คริสตอฟฟ์อาสาพาอันนาไปหาพวกโทรลล์ ที่ซึ่งเขานับถือเป็นครอบครัว และเพราะเขาเองก็เคยเห็นพ่อแม่ของอันนามาขอความช่วยเหลือจึงรีบออกเดินทางกลับไปยังเอเรนเดลล์ เพื่อให้อันนาได้พบกับฮานส์ที่คิดว่าคือรักแท้ของอันนา


ขณะเดียวกัน ด้วยความกังวล ฮานส์ได้ออกไปตามหาอันนา โดยมีทหารสองนายของดยุคแห่งวีเซิลตันซึ่งไดรับการกำชับให้สังหารเอลซ่า อาสาร่วมเดินทางไปกับฮานส์ด้วย เมื่อไปถึงพระราชวังน้ำแข็ง ขณะที่ฮานส์ต่อสูกับมนุษย์หิมะยักษ์ที่เอลซ่าสร้าง ทหารของดยุคได้มุ่งหน้าเข้าภายไปในวังเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่า เอลซ่าพยายามใช้พลังของเธอต่อสู้กลับพวดเขาและเกือบฆ่าทหารทั้งสอง แต่ฮานส์เข้ามาถึงในเหตุการณ์และขอร้องเอลซ่าให้หยุด ขณะที่
เอลซ่าตั้งสติได้ ทหารของดยุคได้ยกหน้าไม้ขึ้นเตรียมฆ่าเธอ ฮานส์เข้าไปปัดหน้าไม้ขึ้นยิงใส่โคมน้ำแข็งเหนือเอลซ่า เอลซ่าวิ่งหลบแต่ล้มและหมดสติไป ก่อนจะฟื้นในห้องขังที่เอเรนเดลล์ ฮานส์ขอร้องให้เอลซ่าหยุดหิมะนี้ แต่เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพียงไม่นาน คริสตอฟฟ์พาอันนากลับมาถึงเอเรนเดลล์ อันนาเล่าเรื่องการกระทำแห่งรักแท้ให้ฮานส์ แต่ก่อนที่ฮานส์จะจุมพิตอันนา ฮานส์ก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมาว่าเรื่องที่เขารักอันนาเป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้น การที่เขามีพี่ชายถึงสิบสองคน ทำให้เขาไม่มีทางจะมีอำนาจได้เลย เขาจึงคิดจะแต่งงานกับอันนา ก็เพื่อเตรียมจะยึดตำแหน่งราชาแห่งเอเรนเดลล์ได้หากเขาวางแผนฆ่าเอลซ่าอย่างลับๆได้สำเร็จ


ฮานส์ขังอันนาทิ้งไว้ในห้องให้เธอทนกับความหนาวเย็นจนกว่าจะตาย และหลอกให้เหล่าขุนนางเชื่อว่าเขาได้ให้ปฏิญาณแต่งงานกับอันนาก่อนเธอตาย ทำให้เขาเป็นผู้มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ และประกาศให้เอลซ่าเป็นกบฏและสั่งประหารชีวิต แต่เอลซ่านั้นใช้พลังของเธอช่วยหนีออกไปจากที่คุมขังได้เสียก่อน ทว่าความหวาดกลัวของเธอทำให้เกิดพายุหิมะอย่างรุนแรงรอบเอเรนเดลล์ คริสตอฟฟ์และสเวนมุ่งหน้าฝ่าพายุหิมะเพื่อพยายามกลับเข้าไปในวัง ในขณะที่โอลาฟเข้ามาช่วยอันนาเอาไว้ได้และพาเธอหนีออกจากวังเพื่อไปหาคริสตอฟฟ์ ฮานส์ตามหาเอลซ่าในพายุหิมะจนเจอ และหลอกเธอว่าอันนาตายแล้ว เธอล้มลง ด้วยความเสียใจพายุหิมะหยุดนิ่ง อันนาซึ่งกำลังเดินไปหาคริสตอฟฟ์ เห็นฮานส์ที่กำลังคว้าดาบขึ้นมาเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่าอยู่ใกล้ๆ จึงได้วิ่งเอาตัวของเธอเข้าไปขวาง ก่อนที่ร่างของเธอจะกลายเป็นน้ำแข็งในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ดาบของฮานส์ระเบิดออกและกระแทกเขาจนหมดสติ เอลซ่าหันมาเห็นร่างของอันนาและกอดเธอไว้อย่างเสียใจ ทว่าการกระทำของเอลซ่านั้นเป็นการกระทำแห่งรักแท้ ร่างน้ำแข็งของเธอค่อยๆละลายและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เอลซ่าจึงเข้าใจแล้วว่า ความรักนี่เองที่ทำให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ ก่อนที่เธอจะใช้พลังของเธอค่อยๆละลายหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักร


อันดับเรื่องเบ็ดเตล็ดของ Doraemon
ฮานส์ถูกส่งตัวกลับไปยังอาณาจักรของเขาเพื่อรับโทษ เอลซ่าประกาศตัดขาดทางการค้ากับเมืองวีเซิลตันท่ามกลางคำคัดค้านที่ไร้ผลของดยุค อันนาซื้อรถเลื่อนคันใหม่ให้คริสตอฟฟ์ชดใช้คันที่เสียไป ก่อนที่คริสตอฟฟ์จะจูบเธอด้วยความดีใจ เอลซ่าใช้พลังของเธอเปลี่ยนพื้นที่ในวังเป็นให้เป็นลานน้ำแข็งให้ชาวเมืองได้เพลิดเพลินกันอย่างมีความสุข และบอกอันนาว่าพวกเธอจะไม่มีวันปิดประตูวังอีกต่อไป



1.โดเรมอนมีกระเป๋าที่หน้าท้องที่ใส่ของที่มีรวมๆกันอยู่ 10000-100000 ตัน เป็นอย่างน้อย


2.โดเรมอนเคยเกือบตายตายอยู่ 1 ครั้งในเล่มสุดท้ายของภาคที่ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ(ฟุจิโกะ F ฟูจิโอะ) เขียน และตายในภาคมูฟวี่ ในภาคตลุยอาณาจักรเมฆ



3.โดเรมอนมีของวิเศษอยู่เกือบ 600 ชิ้น
แต่ใช้จริงๆและมากที่สุด 6 ชิ้น
1)คอปเตอร์ไม้ไผ่
2)ประตู ทุกหนทุกแห่ง
3)ไทม์แมชชีน
4)ปืนลม
5)อุโมงกัลลิเวอร์
6)ไฟฉาย ขยายส่วน

4.โดเรมอนชื่ออเมริกาว่า ดิ๊ง-ด่อง สมัยก่อนบางครั้งไทยเรียกโดเรมอนว่าแมวน้อยจอมยุ่ง หรือแมวจอมกวน

5.เรื่องนี้ถ้าไม่มีโนบิตะ ก็จะไม่มีโดเรมอน

6. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ตายในปี 1997 เวลาตีสอง ตั้งใจเขียนตอนจบให้ตายเหมือนกับเขา โดยให้โนบิตะเป็นมะเร็งตายในเล่ม 47(แต่ไม่เคยถูกตีพิมพ์)แต่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันไม่สอดคล้องกับบ่วงโซ่เวลาที่ดูยังไงก็ไม่สอดคล้องกับกา่รที่โนบิตะจะส่งตัวของโดเรมอนมา ก็เลยไม่ถูกตีพิมพ์

7.ภาคพิเศษมักจะเกิดจากความซุ่มซ่าม ความปากมาก ความซุกซน และความไม่รู้จักพอของโนบิตะ


8.ภาคพิเศษของโดเรมอนที่มีตัวละครจากซีรีมากที่สุดคือ ตอนตลุยอาณาจักรเมฆ โดยเฉพาะคีโบจากตอน ลาก่อนคีโบ เล่มที่ 33


9.โดเรมอนส่งโดยโนบิตะก็จริง แต่คนที่ส่งจริงๆแล้วคือเซวาชิ


10.ตอนที่ยาวที่สุดในหนังสือการ์ตูนซีรีย์คือตอน ผู้ที่มาจากดาวการาป้าความยาว 50-52 หน้า

11.แต่ตอนตลุยอาณาจักรเวทมนต์เป็นเรื่องบังเอิญที่อยู่ดีๆทุกคนก็ใช้เวทมนต์

12.เพลงเปิดตัวของโดเรมอนได้รับการนำมาแปลและขับร้องในไทย 3 ครั้ง



198X
199X

200Xไม่มีขอโทษด้วยครับ

13.ตัวละครที่ปรากฏมาตัวแรกสุดคือโนบิตะ




14.ฉันทนา ธาราจันทร์ (น้าติ๋ม) ที่พากษ์เสียงโดเรมอนในปัจจุบันเป็นคนที่ภาคเสียงตั้งแต่สมัยที่โดเรมอนมาไทย ว่ากันว่าหากขาดตัวเขา เช่นน้าติ้มเป็นไข้ โดเรมอนก็จะเป็นไข้ตาม หากน้าติ้มลากิจ โดเรมอนก็ลากิจตามเลยทีเดียว



15. ประตูทุกหนทุกแห่ีงไม่สามารถไปนรกกับสวรรค์ได้
แต่อาณาจักรเมฆเป็นภาคที่ไม่เกี่ยวกับการเดินทางไปของประตูทุกหนทุกแห่ีงเพราะว่าทหารประจำสวรรค์บังเิอิญเจออาณาจักรเถื่อนของพวกโดเรมอนสร้่างขึ้น

16.ภาคตลุยอาณาจักรป่าดงดิบ เป็นภาคที่มีโนบิตะ 2 คนโดยที่ไม่ต้องใช้ของวิเศษของโดเรมอนจำแลงขึ้นมา

17.โนบิตะและผองเพื่อนมักจะเดินทางไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แต่ประวัติศาสตร์ไม่ยักกะเปลี่ยน


18.โนบิตะตั้งใจจะส่งโดเรมอนมาเพื่อให้ตัวเองในอดีตสบาย ดีขึ้น และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ให้ตัวเองแต่งงานกับชิซูกะ




19.ไจโกะน้องสาวไจแอนมีชื่อจริงที่เด่นกว่านางเอกซะอีกชื่อ
คริสตินา โกดะ

20.ซูเนโอะมีโคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่มากตั้งแต่สมัยฟิวดัล(สมัยยุคซามูไรเรืองอำนาจ)

21.โนบิตะคือคนที่ทำให้โคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่ของซูเนโอะมีตัวตนจนถึงทุกวันนี้(ไม่งั้นตระกูลฮาเนกาวะก็ถูกตัดหัวไปตั้งแต่สมัยนั้นแล้วถ้าโนบิตะไม่ช่วย)

22.โดเรมอนและผองเพื่อนมักจะใช้ปืนลมเป็นปืนหลักในการต่อสู้เหล่าร้ายในภาคเดอะมูฟวี่



23.ปืนลมในเรื่องโดเรมอน คือ วิวัฒนาการจากเทคโนโลยีที่มีอยู่จริงอาวุธประหลาดของนาซี เยอรมัน

24.โดเรมี เป็นตัวละคร ที่ผลุบๆโผล่ๆเหมือนขอมดำดิน



25.ชิซูกะมีนิสัยแย่ๆอยู่จุดหนึ่งคือสี ไวโอลินได้ห่วยมาก


26.โนบิตะมักจะกลัวชิซูกะไปรักเดคิสึกิมากที่สุด



27.ซึเนโอะได้รับบทเป็นตัวร้ายอย่างเด่นที่สุด และเท่ที่สุด คือรับบทเป็นซูเนนด้า(ซึ่งถูกอูเนนด้าสิงร่าง)ได้ในภาคของ ตอนตลุยอาณาจักรลม

28.โนบิตะรักยายมากที่สุด



29.พ่อแม่ของโนบิตะรักกันเพราะโนบิตะจัดฉากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน



30.ไจแอนกลัวแม่มากที่สุดในโลก(ถึงอ้ายทาเคชิจะเกเรมากก็เถอะ)



31.ไจแอนเป็นตัวอะครเอกที่ปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายในบรรดา(ในบรรดา 5 คนในเรื่องนี้)

32.โนบิตะไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เลย(ยกเว้นเฉพาะ The movie)


33.ต่อจากข้อ
ในไทยมีชื่อเรียกโดราเอมอนอยู่ 3 ชื่อ 1)โดรามอน 2)โดเรมอน 3)โดราเอมอน



34. โดเรมอนมักจะซ่อนกระเป๋าสำรองใว้ที่ไต้เตียง


35. อาจารย์เป็นคนเดียวที่ไม่มีชื่อเรียกนอกจาก "อาจารย์หรือคุณครู"








36.โดเรมอนเป็นหุ่นยนต์แมวเพียงตัวเดียวที่มีความคิดไกล้เคียงกับมนุษย์และไม่มีระเบียบสุดๆ(ออกแนวไม่มีประสิทธิภาพ{แล้วส่งมาดูแลโนบิตะทำไมอ้ายเซวาชิ})


37.โนบิตะชอบการยิงปืนสไตล์คาวบอยแต่บังเอิญเสียงปืนดังไปหน่อยล่อโนบิตะลงไปนอนฟุบ


38.โดเรมอนหนักถึง 1.3 ตันเป็นอย่างน้อยแต่โนบิตะก็ยังอุ้มไหว

น้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม


39.โดเรมอนวิ่งเร็วถึง 129.3 กม./ชม.ก็จริง แต่ไจแอนมักจะจับได้ทันตลอด

โดเรมอน สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

40.โนบิตะมักจะใช้ของดีไปแก้แค้นและก็นำไปใช้ในทางที่เลวตลอด

41. เชื่อหรือไม่ว่าคุณโนบิ(พ่อของโนบิตะ)สูบบุหรี่มาตั้งแต่ ค.ศ.1974-ปัจจุบันแต่ไม่เป็นถุงลมโป่งพอง


42.ตอนที่สั้นที่สุดคือตอนที่แข่งขึ้นไปบนฟ้าและโดดร่มลงมา จำนวน 6-7หน้า

43.โดเรมอนมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง


44.ตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้ยังเป็นปริศนาอยู่ และยังถกเถียงกันในวงการนี้ว่าจะให้จบยังไงซึ่งจนถึงทุกวันนี้แล้วมันก็ร่วมหลายสิบปีแล้วว่าตอนจบจะจบยังไง


45.โนบิตะปลอมเป็นผู้หญิง 2 ครั้งในซีรี่ทั้งหมด โดยที่ครั้งที่ ๑
ปลอมเป็นผู้หญิงแล้วไปหาพ่อในสมัยที่พ่อเป็นเด็ก ครั้งที่ ๒ ตอนตลุยอาณาจักรดินแดนสุริยัน


46.ของวิเศษของโดราเอมอนมีอยู่หลายร้อยชิ้น เผลอๆเกือบ 600 ชิ้น
แต่เกือบทั้งหมดมันดูเหลวไหลในเชิงวิทยาศาสตร์


47.ชุดพากษ์ญี่ปุ่นเปลี่ยนในช่วงปี 200X ในขณะที่เมืองไทยยังไม่ได้ เปลี่ยนทั้งหมด


48.ไฟฉาย ย่อ-ขยายส่วน สามารถฉายให้กลับมาไซส์เดิมเป๊ะๆ(จริงแล้วๆต่อให้เป็นหุ่นยนต์มันยังยิงให้สัดส่วนผิดกันสักเซ็นติเมตรเลย)


49.บ้านเมืองไม่เจริญตามกาลเวลา


50.พวกเขาไม่เคยโต


ที่มาhttp://cmfile.blogspot.com
โพสต์เมื่อ 14th January 2013 โดย ปาลิตา ศิริบุตร
1 ดูความคิดเห็น

serble3 มกราคม 2559 07:12
มั่วหลายอันเลย

ตอบกลับ

กำลังโหลด


== ตัวละคร ==
== ตัวละคร ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:31, 2 กันยายน 2559

ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ
ไฟล์:Frozen (2013 film) poster.jpg
โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์
กำกับ
บทภาพยนตร์เจนนิเฟอร์ ลี
เนื้อเรื่อง
  • คริส บัก
  • เจนนิเฟอร์ ลี
  • เชน มอริส
สร้างจากราชินีหิมะ
โดย ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน
อำนวยการสร้างปีเตอร์ เดล เวโค
นักแสดงนำ
ตัดต่อเจฟ ดราไฮม์
ดนตรีประกอบคริสโตฟ เบค
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิคเจอร์ส
วันฉาย
  • 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 (2013-11-19) (El Capitan Theatre)
  • 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 (2013-11-27) (United States)
  • 5 ธันวาคม ค.ศ. 2013 (2013-12-05) (Thailand)
ความยาว102 นาที[1]
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง$150 ล้าน[2][3]
ทำเงิน$1,274,219,009[3]
ข้อมูลจากสยามโซน

ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ หรือ โฟรเซน (อังกฤษ: Frozen เป็นภาพยนตร์เพลงแนวแฟนตาซี-คอเมดีประเภทคอมพิวเตอร์แอนิเมชันสามมิติในปี พ.ศ. 2556 อำนวจการสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส.[4] ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าเรื่องราชินีหิมะของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่ห้าสิบสามของภาพยนตร์ในชุดแอนิเมชันคลาสสิกของวอร์ตดิสนีย์ โดยเล่าเรื่องราชินีผู้กล้าที่ผจญภัยไปกับมนุษย์น้ำแข็ง กวางเรนเดียร์ และมนุษย์หิมะผู้อับโชคเพื่อค้นหาพี่สาวที่ห่างเหินซึ่งมีพลังน้ำแข็งที่ทำให้อาณาจักรตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวชั่วนิรันดร์โดยไม่ได้ตั้งใจ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านช่วงการเรียบเรียงร่างบทภาพยนตร์มาหลายปีก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้เดินหน้าต่อใน พ.ศ. 2554 โดยมีเจนนิเฟอร์ ลี เป็นผู้เขียนบท และลีกับคริส บัก เป็นผู้กำกับ นอกจากนี้ยังได้ คริสเตน เบลล์, ไอดินา แมนเซล, โจนาธาน กรอฟฟ์, จอร์ช แกด และซานติโน่ ฟอนทาน่า มาเป็นผู้พากษ์เสียงตัวละคร คริสโตฟ เบค ผู้ร่วมงานกับดิสนีย์ในภาพยนตร์สั้น Paperman เป็นผู้เรียบเรียงทำนองออร์เคสตรา และโรเบิร์ต โลเปซ กับคริสเตน แอนเดอร์สัน-โลเปซ คู่สามีภรรยานักแต่งเพลงเป็นผู้แต่งเพลงประกอบเรื่อง

โฟรเซนเปิดรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์เอลแคปิตันเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556[5] และออกฉายเป็นการทั่วไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม นักวิจารณ์บางคนเห็นว่าโฟรเซนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์เพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่ยุคฟื้นฟูของดิสนีย์[6][7] ภาพยนตร์ยังทำรายได้อย่างล้นหลาม ได้รับรายได้กว่า $1.2 พันล้านทั่วโลก โดยเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา $400 ล้าน และอีก $247 ล้านในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับห้า, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2556 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดการลำดับสามในญี่ปุ่น โฟรเซนได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)[8], รางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[9] รางวัลบาฟต้าสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[10]รางวัลแอนนีห้ารางวัล (รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม) และรางวัลนักวิจารณ์คัดสรรในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)[11]

โดเรม่อน อังอัง

ค้นหา JAN 14 ประวัติอย่างละเอียดของโดเรม่อน ประวัติอย่างละเอียด Doraemon : โดเรม่อน วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525 ของวิเศษที่โดเรม่อนใช้บ่อยๆ คอปเตอร์ไม้ไผ่ คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม. ประตูสารพัดสถานที่ หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ ไฟฉายย่อส่วน รูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดเรม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย ไทม์แมชชีน เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ ตอนจบ โดเรมอนว่ากันว่ามีสองแบบ วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป โนบิตะกลับมาจาก โรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอน และพบโดเรมอนกำลังนอน หลับอยู่เหมือนปกติ นี่ ! โดเรมอน ตื่นมาเล่นกันเถอะ แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดเรมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปเล่นกับ ชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดเรมอนแต่ก็ไม่ปฎิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดเรมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่างแต่โดเรมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮแต่โดเรมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ 1 อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดเรมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า แบตเตอร์รี่หมดโนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นและถามโดเรมีเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า แบตเตอรี่หมดหรือ ? อย่างงั้นโดเรมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหม? ถ้างั้น ช่วยเปลี่ยยแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อยทำให้โดเรมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่าฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ โนบิตะจึงถามกลับว่า ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น โดเรมีจึงตอบ ว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดเรมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี เธอหมายความว่าไงน่ะ ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดเรมอนจะสูญเสียความจงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิตะตลอดกาล แล้วฉันควรจะเปลี่ยนหรือ อะไรนะ โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้วโดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มโดเรมอนไปไว้บนชั้น


หลายปีผ่านไป------------

ในปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก และเขาอยู่โดยไม่มีโดเรมอนโนบิตะบอกชิซูกะ และ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดเรมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมา พบเพื่อน ๆ ทั้งหลายได้อีกแล้วชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกัน โนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลอง และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะ เข้ามายังห้องทดลอง และแล้ววันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะเข้ามายังห้องของสามีของเธอในขณะที่เธอเข้ามายังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเธอเห็นโดเรมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วยกัน ในตอนที่ยังเป็นเด็กโดเรมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะโนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดเรมอน โดเรมอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเป็นเป็นช่วงที่ ทำให้เข้าใจได้ว่าใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดเรมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดเรมอนเพื่อนรักของเขา ที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป โนบิตะเป็นผู้หนื่งที่ได้สร้างโดเรมอนขึ้นมาเขาคิดค้นโปรแกรม และโครงสร้างทั้งหลาย สำหรับหุ่นยนต์โดเรมอน โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดเรมอนก็ลืมตาขี้น และก็พูดว่า โนบิตะนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ มันเหมือนกับมี ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม อยู่บนท้องฟ้าช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกัน ตอนจบของโดเรม่อน แบบที่ 2 ตอนจบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็น ตอนจบจริงๆของ โดเรมอนไม่ใช่ โดเรมอน กลับอนาคตหรอก... จริงๆแล้วของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่จะอ.จากไป วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่า โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้วเนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรมอน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่ พ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป...... ตอนนี้เป็นเพียงตอนที่ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด เพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้ ประวัติผู้แต่งประวัติย่อของ อ. ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วม ของ อ. ทั้งสองท่านที่เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ คือ อ. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด 1 ธันวาคม 2476 ณ เมือง ทาคาโอกะ โทยามะ อ. อาบิโกะ โมโตโอะ เกิด 10 มีนาคม 2477 ณ เมือง ไฮโอมิ โทยามะ อาจารย์ทั้งสอง รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทั้งสองมีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนมาก และได้เขียนการ์ตูนในงานส่งอาจารย์ร่วมกัน จึงกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษา ในปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ในปีพ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น 2 ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะ' หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่' ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริ, ปาแมน, ยูเมโบชิ เดงกะ, มาทาโระกาคูรุ, ศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน ประมาณสิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิต ในปีพ.ศ.2531 ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539 เนื้อเพลง โดเรมอนนะ (เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น) คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ ฮาอิ ทาเคะคอปต้า อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน... (เนื้อเพลงแปลเป็นภาษาไทย) เรื่องอย่างนี้ดีจังเลย ถ้าทำได้ละก็ยอดไปเลยนะ ความฝันเหล่านี้ เหล่านั้น มีตั้งเยอะตั้งแยะแน่ะ ทุกคนก็เป็นคนดี มาเติมฝันเหล่านั้นให้เต็ม ด้วยกระเป๋าวิเศษนี้ มาช่วยเติมฝัน อยากบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าจังเลยนะ ไฮ้ { นี่ไง ( เสียงของโดเรม่อน ) } คอปเตอร์ไม้ไผ่ อัง อัง อัง ชอบมากๆ เลยล่ะ โดราเอม่อน โดเรามอนชุดพิเศษ >> ไดโนเสาร์ของโนบิตะ >> บุกดินแดนมหัศจรรย์ >> ตะลุยปราสาทใต้สมุทร >> ตะลุยแดนปีศาจ >> สงครามอวกาศ >> ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก >> เผชิญอัศวินไดโนเสาร์ >> ตะลุยดาวต่างมิติ เหตุที่โดเรมอนกลัวหนู โดเรม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2112 ที่โรงงานหุ่นยนต์ มีตัวสีเหลืองแต่แล้ว วันหนึ่งก็ถูกหนูกัดหู ก็เปลี่ยนสีอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดราเอมอนก็กลัวหนูตั้งแต่นั้นมา ต้นคิด โดเรมอน วันหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ต้องเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ ดังนั้นท่านจึง ได้ไปปรึกษากับ อาจารย์โมโตโอะ อาบิโกะ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอกลับบ้าน อาจารย์ฟูจิโมโตะ ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเขียนการ์ตูนอะไรดี ตอนนั้น...เนื่องจากใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ท่านง่วงและเผลอหลับไป เช้าวันต่อมา...อาจารย์ฟูจิโมโตะถูกปลุกด้วยแมวที่บ้านและนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดการ์ตูนเรื่องใหม่ อาจารย์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง แต่ก็สะดุดอะไรบ้างอย่าง อาจารย์ฟูจิโมโตะสะดุดตุ๊กตาของลูกสาวของเขานั่นเอง และนั่นทำให้อาจารย์เกิดไอเดีย โดยนำแมว และ ตุ๊กตา มาผสมกัน ในที่สุด อาจารย์ฟูจิโมโตะก็คิดออกว่า การ์ตูนเรื่องใหม่ที่จะเขียนเป็น เรื่องอะไร จากนั้นไอเดียเริ่มพุ่งกระฉูด โนบิตะและตัวการ์ตูนอื่นๆก็เริ่มตามมา ในที่สุดโดเรม่อนก็กลายเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆ


Doraemon : โดเรม่อน โดเรม่อน หรือโดราเอม่อน เป็นแมวหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ยุคศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 มีน้ำหนัก 129.5 กก. ความสูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ลักษณะตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูกิน ไม่มีนิ้วมือ มีกระดิ่งห้อยคอสีเหลือง มีหนวดหกเส้น มีกระเป๋าหน้าสำหรับเก็บของวิเศษ สารพัดอย่างที่สุดยอด อาหารที่ชอบที่สุดคือ แป้งทอด (โดรายากิ) สิ่งที่กลัวที่สุดคือ หนู Nobita : โนบิตะ โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัวละครที่แย่มากๆ โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น Shizuka : ชิซูกะ ชิซูกะ เป็นนางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นที่หมายปองของเด็กทั่วไป รวมทั้งโนบิตะด้วย ซึ่งเขาหวังจะแต่งงานด้วยในอนาคต ชิซูกะเป็นคนที่ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีมาก ชอบดนตรี และสิ่งที่ชอบมากที่สุดการได้อาบน้ำ ในอนาคตชิซูกะได้แต่งงานกับโนบิตะจริงๆ แต่โนบิตะในอนาคต เป็นโนบิตะที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ และเป็นคนดีจริงๆ สำหรับชิซูกะ Zuneo : ซูเนโอะ ซูเนโอะ เป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอนท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวย สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง มักมีของแพงๆ มาอวดเพื่อนๆ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างฐานะดี มีชื่อเสียง มักจะหาเรื่องแกล้งโนบิตะบ่อยๆ เนื่องจากเขาเองก็หลงรักชิซูกะด้วยเหมือนกัน Dekizugi : เดคิซูกิ ไจแอน เดคิซูกิ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงกันข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง รูปหล่อ เรียนเก่ง ขยัน อุปนิสัยดี เป็นที่หมายปองของเด็กหญิงทั่วไป เดคิซูกิ ชอบมาติวหนังสือให้กับชิซูกะเสมอ ทำให้โนบิตะต้องอิจฉา นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาและเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย แต่บทบาทของเขาจะน้อยกว่าโนบิตะมาก Dorami : โดเรมี โดเรมี หุ่นยนต์น้องสาวของโดเรม่อน โดเรมีถูกสร้างขึ้นมาทีหลังโดเรม่อน ถือว่าเป็นรุ่นใหม่กว่า ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าโดเรม่อน โดเรมี จะมีตัวสีเหลือ หูสีแดง มีกระเป๋าเก็บของวิเศษเหมือนโดเรม่อน แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดเรมีจะอยู่ในโลกอนาคตมากกว่า ไม่ค่อยปรากฏในโลกปัจจุบัน ยกเว้นในกรณีเหตุการณ์คับขัน ที่โดเรม่อนไม่สามารถแก้ไขได้ โดเรมีก็จะมาคอยช่วยเหลือเสมอๆ



อันดับเรื่องเบ็ดเตล็ดของ Doraemon


1.โดเรมอนมีกระเป๋าที่หน้าท้องที่ใส่ของที่มีรวมๆกันอยู่ 10000-100000 ตัน เป็นอย่างน้อย


2.โดเรมอนเคยเกือบตายตายอยู่ 1 ครั้งในเล่มสุดท้ายของภาคที่ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ(ฟุจิโกะ F ฟูจิโอะ) เขียน และตายในภาคมูฟวี่ ในภาคตลุยอาณาจักรเมฆ


3.โดเรมอนมีของวิเศษอยู่เกือบ 600 ชิ้น แต่ใช้จริงๆและมากที่สุด 6 ชิ้น 1)คอปเตอร์ไม้ไผ่ 2)ประตู ทุกหนทุกแห่ง 3)ไทม์แมชชีน 4)ปืนลม 5)อุโมงกัลลิเวอร์ 6)ไฟฉาย ขยายส่วน

4.โดเรมอนชื่ออเมริกาว่า ดิ๊ง-ด่อง สมัยก่อนบางครั้งไทยเรียกโดเรมอนว่าแมวน้อยจอมยุ่ง หรือแมวจอมกวน

5.เรื่องนี้ถ้าไม่มีโนบิตะ ก็จะไม่มีโดเรมอน

6. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ตายในปี 1997 เวลาตีสอง ตั้งใจเขียนตอนจบให้ตายเหมือนกับเขา โดยให้โนบิตะเป็นมะเร็งตายในเล่ม 47(แต่ไม่เคยถูกตีพิมพ์)แต่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันไม่สอดคล้องกับบ่วงโซ่เวลาที่ดูยังไงก็ไม่สอดคล้องกับกา่รที่โนบิตะจะส่งตัวของโดเรมอนมา ก็เลยไม่ถูกตีพิมพ์

7.ภาคพิเศษมักจะเกิดจากความซุ่มซ่าม ความปากมาก ความซุกซน และความไม่รู้จักพอของโนบิตะ


8.ภาคพิเศษของโดเรมอนที่มีตัวละครจากซีรีมากที่สุดคือ ตอนตลุยอาณาจักรเมฆ โดยเฉพาะคีโบจากตอน ลาก่อนคีโบ เล่มที่ 33


9.โดเรมอนส่งโดยโนบิตะก็จริง แต่คนที่ส่งจริงๆแล้วคือเซวาชิ


10.ตอนที่ยาวที่สุดในหนังสือการ์ตูนซีรีย์คือตอน ผู้ที่มาจากดาวการาป้าความยาว 50-52 หน้า

11.แต่ตอนตลุยอาณาจักรเวทมนต์เป็นเรื่องบังเอิญที่อยู่ดีๆทุกคนก็ใช้เวทมนต์

12.เพลงเปิดตัวของโดเรมอนได้รับการนำมาแปลและขับร้องในไทย 3 ครั้ง


198X

199X

200Xไม่มีขอโทษด้วยครับ

13.ตัวละครที่ปรากฏมาตัวแรกสุดคือโนบิตะ



14.ฉันทนา ธาราจันทร์ (น้าติ๋ม) ที่พากษ์เสียงโดเรมอนในปัจจุบันเป็นคนที่ภาคเสียงตั้งแต่สมัยที่โดเรมอนมาไทย ว่ากันว่าหากขาดตัวเขา เช่นน้าติ้มเป็นไข้ โดเรมอนก็จะเป็นไข้ตาม หากน้าติ้มลากิจ โดเรมอนก็ลากิจตามเลยทีเดียว


15. ประตูทุกหนทุกแห่ีงไม่สามารถไปนรกกับสวรรค์ได้

    แต่อาณาจักรเมฆเป็นภาคที่ไม่เกี่ยวกับการเดินทางไปของประตูทุกหนทุกแห่ีงเพราะว่าทหารประจำสวรรค์บังเิอิญเจออาณาจักรเถื่อนของพวกโดเรมอนสร้่างขึ้น

16.ภาคตลุยอาณาจักรป่าดงดิบ เป็นภาคที่มีโนบิตะ 2 คนโดยที่ไม่ต้องใช้ของวิเศษของโดเรมอนจำแลงขึ้นมา

17.โนบิตะและผองเพื่อนมักจะเดินทางไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แต่ประวัติศาสตร์ไม่ยักกะเปลี่ยน


18.โนบิตะตั้งใจจะส่งโดเรมอนมาเพื่อให้ตัวเองในอดีตสบาย ดีขึ้น และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ให้ตัวเองแต่งงานกับชิซูกะ



19.ไจโกะน้องสาวไจแอนมีชื่อจริงที่เด่นกว่านางเอกซะอีกชื่อ คริสตินา โกดะ

20.ซูเนโอะมีโคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่มากตั้งแต่สมัยฟิวดัล(สมัยยุคซามูไรเรืองอำนาจ)

21.โนบิตะคือคนที่ทำให้โคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่ของซูเนโอะมีตัวตนจนถึงทุกวันนี้(ไม่งั้นตระกูลฮาเนกาวะก็ถูกตัดหัวไปตั้งแต่สมัยนั้นแล้วถ้าโนบิตะไม่ช่วย)

22.โดเรมอนและผองเพื่อนมักจะใช้ปืนลมเป็นปืนหลักในการต่อสู้เหล่าร้ายในภาคเดอะมูฟวี่


23.ปืนลมในเรื่องโดเรมอน คือ วิวัฒนาการจากเทคโนโลยีที่มีอยู่จริงอาวุธประหลาดของนาซี เยอรมัน

24.โดเรมี เป็นตัวละคร ที่ผลุบๆโผล่ๆเหมือนขอมดำดิน


25.ชิซูกะมีนิสัยแย่ๆอยู่จุดหนึ่งคือสี ไวโอลินได้ห่วยมาก


26.โนบิตะมักจะกลัวชิซูกะไปรักเดคิสึกิมากที่สุด


27.ซึเนโอะได้รับบทเป็นตัวร้ายอย่างเด่นที่สุด และเท่ที่สุด คือรับบทเป็นซูเนนด้า(ซึ่งถูกอูเนนด้าสิงร่าง)ได้ในภาคของ ตอนตลุยอาณาจักรลม

28.โนบิตะรักยายมากที่สุด


29.พ่อแม่ของโนบิตะรักกันเพราะโนบิตะจัดฉากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน


30.ไจแอนกลัวแม่มากที่สุดในโลก(ถึงอ้ายทาเคชิจะเกเรมากก็เถอะ)


31.ไจแอนเป็นตัวอะครเอกที่ปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายในบรรดา(ในบรรดา 5 คนในเรื่องนี้)

32.โนบิตะไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เลย(ยกเว้นเฉพาะ The movie)


33.ต่อจากข้อ ในไทยมีชื่อเรียกโดราเอมอนอยู่ 3 ชื่อ 1)โดรามอน 2)โดเรมอน 3)โดราเอมอน


34. โดเรมอนมักจะซ่อนกระเป๋าสำรองใว้ที่ไต้เตียง


35. อาจารย์เป็นคนเดียวที่ไม่มีชื่อเรียกนอกจาก "อาจารย์หรือคุณครู"





36.โดเรมอนเป็นหุ่นยนต์แมวเพียงตัวเดียวที่มีความคิดไกล้เคียงกับมนุษย์และไม่มีระเบียบสุดๆ(ออกแนวไม่มีประสิทธิภาพ{แล้วส่งมาดูแลโนบิตะทำไมอ้ายเซวาชิ})


37.โนบิตะชอบการยิงปืนสไตล์คาวบอยแต่บังเอิญเสียงปืนดังไปหน่อยล่อโนบิตะลงไปนอนฟุบ


38.โดเรมอนหนักถึง 1.3 ตันเป็นอย่างน้อยแต่โนบิตะก็ยังอุ้มไหว

น้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม


39.โดเรมอนวิ่งเร็วถึง 129.3 กม./ชม.ก็จริง แต่ไจแอนมักจะจับได้ทันตลอด

โดเรมอน สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

40.โนบิตะมักจะใช้ของดีไปแก้แค้นและก็นำไปใช้ในทางที่เลวตลอด

41. เชื่อหรือไม่ว่าคุณโนบิ(พ่อของโนบิตะ)สูบบุหรี่มาตั้งแต่ ค.ศ.1974-ปัจจุบันแต่ไม่เป็นถุงลมโป่งพอง


42.ตอนที่สั้นที่สุดคือตอนที่แข่งขึ้นไปบนฟ้าและโดดร่มลงมา จำนวน 6-7หน้า

43.โดเรมอนมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง


44.ตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้ยังเป็นปริศนาอยู่ และยังถกเถียงกันในวงการนี้ว่าจะให้จบยังไงซึ่งจนถึงทุกวันนี้แล้วมันก็ร่วมหลายสิบปีแล้วว่าตอนจบจะจบยังไง


45.โนบิตะปลอมเป็นผู้หญิง 2 ครั้งในซีรี่ทั้งหมด โดยที่ครั้งที่ ๑ ปลอมเป็นผู้หญิงแล้วไปหาพ่อในสมัยที่พ่อเป็นเด็ก ครั้งที่ ๒ ตอนตลุยอาณาจักรดินแดนสุริยัน


46.ของวิเศษของโดราเอมอนมีอยู่หลายร้อยชิ้น เผลอๆเกือบ 600 ชิ้น แต่เกือบทั้งหมดมันดูเหลวไหลในเชิงวิทยาศาสตร์


47.ชุดพากษ์ญี่ปุ่นเปลี่ยนในช่วงปี 200X ในขณะที่เมืองไทยยังไม่ได้ เปลี่ยนทั้งหมด


48.ไฟฉาย ย่อ-ขยายส่วน สามารถฉายให้กลับมาไซส์เดิมเป๊ะๆ(จริงแล้วๆต่อให้เป็นหุ่นยนต์มันยังยิงให้สัดส่วนผิดกันสักเซ็นติเมตรเลย)


49.บ้านเมืองไม่เจริญตามกาลเวลา


50.พวกเขาไม่เคยโต


                                                 ที่มาhttp://cmfile.blogspot.com

โพสต์เมื่อ 14th January 2013 โดย ปาลิตา ศิริบุตร

1 ดูความคิดเห็น

serble3 มกราคม 2559 07:12 มั่วหลายอันเลย

ตอบกลับ

กำลังโหลด

ตัวละคร

  • เอลซ่า (Elsa) ราชินีผู้มีพลังน้ำแข็งมาตั้งแต่กำเนิด ยิ่งเอลซ่าโตขึ้นพลังวิเศษของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน จนทำให้เธอต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกมาพบปะกับผู้คน จนกระทั่งเธอได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อของเธอ ทำให้เอลซ่าต้องออกมาเผชิญกับผู้คนภายนอก แล้วเธอก็เริ่มหวาดกลัวกับพลังวิเศษที่ไม่สามารถควบคุมได้ เธอจึงต้องหนีออกจากอาณาจักร และพลังของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในฤดูหนาวตลอดกาลโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • อันนา (Anna) เจ้าหญิงน้อยผู้เป็นน้องสาวของเอลซ่า เธอเป็นเด็กที่ร่าเริง ช่างเพ้อฝันว่าสักวันจะได้พบกับรักแท้ เมื่อเอลซ่าหนีออกจากอาณาจักร เธอก็ต้องออกเดินทางไปตามหาเอลซ่าเพื่อกล่อมให้กลับอาณาจักร แต่เธอกลับโดนคำสาปน้ำแข็งของเอลซ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้อันนาต้องคำสาป และต้องหาทางแก้
  • คริสตอฟฟ์ (Kristoff) หนุ่มภูเขาทำงานรับส่งก้อนน้ำแข็ง มีสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก และร่วมผจญภัยไปกับอันนาเพื่อลบล้างคำสาปของเอลซ่า
  • โอลาฟ (Olaf) ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่ากับอันนาเคยปั้นด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่เอลซ่าได้สาปให้ทั้งเมืองตกอยู่ในฤดูหิมะแล้วหนีออกจากอาณาจักร พลังวิเศษของเธอก็ทำให้โอลาฟมีชีวิตขึ้นมา โอลาฟก็ได้พบกับอันนา คริสตอฟฟ์ และสเวนระหว่างทางจึงร่วมเดินทางผจญภัยด้วย
  • เจ้าชายฮานส์ (Hans) เชื้อพระวงศ์รูปงามจากอาณาจักรข้างเคียงที่เดินทางมายังเอเรนเดลล์เพื่อพิธีขึ้นครองราชย์ของเอลซ่า ด้วยความที่ฮานส์มีพี่ชายมากถึง 12 คน ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมองข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่อันนารู้สึกเช่นเดียวกัน ฮานส์เป็นคนฉลาด ช่างสังเกต และให้เกียรติผู้หญิง ฮานส์สัญญาว่าจะไม่ทิ้งอันนาไป ซึ่งเขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เธอรอคอยมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เหมือนเอลซ่า แต่สุดท้ายก็หักหลังอันนาโดยทิ้งไว้ในห้องให้เธอทรมานจนกว่าจะตาย และคิดจะกำจัดเอลซ่าเพื่อที่จะได้ครอบครองอาณาจักรเอเรนเดลล์มาเป็นของตน
  • สเวน (Sven) กวางเรนเดียร์ที่มาพร้อมกับหัวใจแบบสุนัข เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของคริสตอฟฟ์ ผู้คอยทำหน้าที่ลากเลื่อนและเตือนสติคริสตอฟฟ์ สเวนจะคอยดูแลเสมอว่าเจ้านายชาวภูเขาของเขาจะเป็นชายหนุ่มที่ยืนหยัดต่อสถานการณ์ได้อย่างที่เขารู้จักและรัก โดยไม่ต้องคอยพูดออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เสียงพ่นลมของสเวนก็มักจะสื่อความหมายที่ต้องการบอกได้อย่างดี

นักพากย์

ชื่อ พากย์
อังกฤษ ไทย
อันนา (Anna) คริสเตน เบลล์ (Kristen Bell) หนึ่งธิดา โสภณ[12]
เอลซ่า (Elsa) ไอดินา แมนเซล (Idina Menzel) วิชญาณี เปียกลิ่น[12]
คริสตอฟฟ์ (Kristoff) โจนาธาน กรอฟฟ์ (Jonathan Groff) อภินันท์ ธีระนันทกุล พากย์
พิชญากร แช่มช้อย ร้อง [13]
โอลาฟ (Olaf) จอร์ช แกด (Josh Gad) คมสันชัย สุขพิพัฒน์มงคล พากย์
กรกันต์ สุทธิโกเศศ (อาร์ม) ร้อง [13]
เจ้าชายฮานส์ (Hans) ซานติโน่ ฟอนทาน่า (Santino Fontana) สุวีระ บุญรอด[12]
ดยุคแห่งวีเซิลตัน (Duke of Weselton) Alan Tudyk ศุภสรณ์ มุมแดง[13]
ผู้เฒ่าแพ็บบี้ (Grand Pabbie the Troll King) Ciarán Hinds กฤษณะ ศฤงคารนนท์[13]
โอคเค่น (Oaken) Chris Williams รัตนชัย เหลืองวงศ์งาม[13]
พระราชา (The King of Arendelle) Maurice LaMarche กริน อักษรดี[13]

เพลงประกอบภาพยนตร์

ลำดับชื่อเพลงร้อง/บรรเลงยาว
1."Frozen Heart"Cast of Frozen1:45
2."Do You Want to Build a Snowman? (ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย?)"อังกฤษ: คริสเตน เบลล์, Agatha Lee Monn และ Katie Lopez
ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ
3:27
3."For the First Time in Forever (เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน)"อังกฤษ: เบลล์, ไอดินา แมนเซล
ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, วิชญาณี เปียกลิ่น
3:45
4."Love is an Open Door (เปิดประตูสู่รักใหม่)"อังกฤษ: คริสเตน เบลล์, ซานติโน่ ฟอนทาน่า
ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, สุวีระ บุญรอด
2:07
5."Let It Go (ปล่อยมันไป)"อังกฤษ: แมนเซล
ไทย: วิชญาณี เปียกลิ่น
3:44
6."Reindeer(s) are Better Than People (กวางช่างแสนดีกว่าผู้คน)"อังกฤษ: โจนาธาน กรอฟฟ์
ไทย: พิชญากร แช่มช้อย
0:50
7."In Summer (ในหน้าร้อน)"อังกฤษ: จอร์ช แกด
ไทย: กรกันต์ สุทธิโกเศศ
1:54
8."For the First Time in Forever (Reprise) (เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน รีไพรส์)"อังกฤษ: เบลล์, แมนเซล
ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, วิชญาณี เปียกลิ่น
2:30
9."Fixer Upper (ต้องเอาไปซ่อมต่อ)" (featuring Maia Wilson)Cast of Frozen3:02
10."Let It Go"เดมี โลวาโต3:47
11."Vuelie" (featuring Cantus)คริสโตฟ เบค1:36
12."Elsa and Anna"คริสโตฟ เบค2:43
13."The Trolls"คริสโตฟ เบค1:48
14."Coronation Day"คริสโตฟ เบค1:14
15."Heimr Arnadlr"คริสโตฟ เบค1:25
16."Winter's Waltz"คริสโตฟ เบค1:00
17."Sorcery"คริสโตฟ เบค3:17
18."Royal Pursuit"คริสโตฟ เบค1:02
19."Onward and Upward"คริสโตฟ เบค1:54
20."Wolves"คริสโตฟ เบค1:44
21."The North Mountain"คริสโตฟ เบค1:34
22."We Were So Close"คริสโตฟ เบค1:53
23."Marshmallow Attack!"คริสโตฟ เบค1:43
24."Conceal, Don't Feel"คริสโตฟ เบค1:07
25."Only an Act of True Love"คริสโตฟ เบค1:07
26."Summit Siege"คริสโตฟ เบค2:32
27."Return to Arendelle"คริสโตฟ เบค1:38
28."Treason"คริสโตฟ เบค1:36
29."Some People Are Worth Melting For"คริสโตฟ เบค2:06
30."Whiteout"คริสโตฟ เบค4:17
31."The Great Thaw (Vuelie Reprise)
" (featuring Frode Fjellheim)
คริสโตฟ เบค2:29
32."Epilogue"คริสโตฟ เบค3:04

การผลิต

การฉาย

สำหรับในประเทศไทย เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556
ในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ นำกลับมาฉายซ้ำ[14]ในเดือนมกราคม 2557 ในบางสาขาพร้อมกับเรื่อง Gravity

อ้างอิง

  1. "Frozen". Ontario Film Review Board. November 12, 2013. สืบค้นเมื่อ January 15, 2014.
  2. Smith, Grady (November 27, 2013). "Box office preview: "Frozen" ready to storm the chart, but it won't beat "Catching Fire"". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ November 29, 2013.
  3. 3.0 3.1 "Frozen (2013)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ August 10, 2014.
  4. "Disneyland Resort Debuts "World of Color – Winter Dreams," a Merry New Spectacular for 2013 Holiday Season". PR Newswire. July 27, 2013. สืบค้นเมื่อ July 27, 2013. from the upcoming Walt Disney Pictures animated feature "Frozen"
  5. Liu, Meng (November 19, 2013). "Disney's "Frozen" Premiere Turns L.A. Into a Winter Wonderland". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ November 20, 2013.
  6. Barnes, Brooks (December 1, 2013). "Boys Don't Run Away From These Princesses". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 2, 2013.
  7. Zuckerman, Esther (November 4, 2013). "Is "Frozen" a New, Bona Fide Disney Classic?". The Atlantic Wire. สืบค้นเมื่อ November 4, 2013.
  8. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ oscar86
  9. "Golden Globes 2014: And the winners are..." USA Today. January 12, 2014. สืบค้นเมื่อ January 16, 2014.
  10. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ bafta
  11. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ bfca
  12. 12.0 12.1 12.2 "แก้ม พากย์เสียงไทยใน Frozen ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ". Siam Zone. 2013-12-05. สืบค้นเมื่อ 2014-03-30.
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 13.5 "iTunes - Movies - Frozen". 2014-02-26. สืบค้นเมื่อ 2014-04-20.
  14. https://twitter.com/MajorGroup/status/424039317070036993 . @MajorGroup . สืบค้นเมื่อ 2014-02-01

แหล่งข้อมูลอื่น