ข้ามไปเนื้อหา

ผาแดงนางไอ่

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร แห่ขบวนท้าวภังคี ( ภาพในปี พ.ศ. 2548 )

ผาแดงนางไอ่ เป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่รู้จักกันแพร่หลายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคในบริเวณจังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น รวมถึงในประเทศลาวด้วย

ปรากฏหลักฐานการจารลงในใบลานทั้งตัวอักษรธรรมและอักษรไทยน้อยหลายสำนวน และมักไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้แต่งและแต่งไว้ตั้งแต่เมื่อใด สำนวนที่รู้จักกันแพร่หลายคือสำนวนที่ปรีชา พิณทอง ได้เลือกมาชำระใหม่เมื่อ พ.ศ. 2524 นอกจากสำนวนเก่ายังมีสำนวนที่แต่งขึ้นใหม่ เช่น สำนวนในหนังสือ รวมนิทานพื้นบ้านอีสาน ชุดที่ 5 ของเตชวโรภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) (พ.ศ. 2544) ยังมีวรรณกรรมอีสานสำหรับเยาวชน เช่น ผาแดงนางไอ่ เขียนโดย พิพัฒน์ ประเสริฐสังข์ (พ.ศ. 2555) ด้านเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผาแดงนางไอ่ เช่น "ไอ่คำรำพัน" (ขับร้องโดย นกน้อย อุไรพร) และ "วาสนาภังคี" (ขับร้องโดย วิเศษ เวณิกา) เป็นต้น[1]

เนื้อหา

[แก้]

ณ นครเอกชะทีตา (หรือเมืองสุวรรณโคมคำ) มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ พระยาขอมมีพระธิดานามว่า "นางไอ่คำ" หรือ "นางไอ่" ผู้มีความงดงามยิ่งนักซึ่งเป็นที่รักและหวงแหนมาก จึงสร้างปราสาท 7 ชั้นให้อยู่พร้อมเหล่าสนม นางกำนัลคอยดูแลอย่างดี จนเรื่องไปถึงหูของ "ท้าวผาแดง" ท้าวผาแดงจึงแอบมาหานางไอ่ที่วัง โดยผ่านทางคนใช้เป็นแม่สื่อ จนทั้งสองได้รักกันและสัญญาว่าจะมาสู่ขอตามประเพณี

ขณะที่เมืองบาดาล มีพญานาคชื่อ "สุทโธนาค" ครองเมือง มีลูกชายชื่อ "ท้าวภังคี" ชาติที่แล้วท้าวภังคีเกิดเป็นคู่กับนางไอ่ซึ่งเป็นใบ้ นางไอ่ในชาติก่อนได้อธิษฐานว่า ชาติต่อไปไอ้ใบ้ต้องตายด้วยมือของนางเอง

ตอนนั้นพญาขอมรู้แล้วว่าท้าวผาแดงจะมาสู่ขอนางไอ่ จึงตรัสว่า หากบั้งไฟของพญาขอมสูงกว่าจะไม่ยกนางไอ่ให้ แต่ถ้าของท้าวผาแดงสูงกว่าก็จะยกนางไอ่ให้ การประลองครั้งนี้ท้าวผาแดงพ่ายแพ้ไป

ด้านท้าวภังคี แปลงเป็นกระรอกขึ้นมาเที่ยวงาน แต่นายพรานจับได้จึงนำไปให้นางไอ่เอาไปแกง ท้าวภังคีจึงอธิษฐานว่า ขอให้เนื้อของตนอร่อยที่สุดและเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง ชาวบ้านจึงพากันแย่งกินแกงกระรอก บริวารของท้าวภังคีเห็นจึงนำเรื่องไปบอกท้าวสุทโธนา เหล่าพญานาคผุดขึ้นมานับหมื่นนับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3–4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตาย

ท้าวผาแดงเป็นห่วงนางไอ่จึงพานางควบม้าหนีอันตรายไป แต่ก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ทำให้แผ่นดินถล่มตามมาติด ๆ ในที่สุดก็กลืนพระธิดาไอ่คำได้จมหายไปใต้พื้นดิน ส่วนท้าวผาแดงปลอดภัยและกลับเมืองจึงอธิษฐานว่า จะขอตายเพื่อไปเอานางไอ่กลับมาแล้วก็กลั้นใจตายไปต่อสู้กับพญานาค สู้จนน้ำบาดาลขุ่น พระอินทร์จึงได้ลงมาระงับศึก ให้ผีกลับเมืองผีให้นาคากลับเมืองนาคา ส่วนนางไอ่ก็รอเนื้อคู่ของตนในเมืองบาดาลต่อไป จนกว่าจะมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่

ผลสืบเนื่อง

[แก้]

มีความเชื่อว่าการเกิดของหนองหานหลวง จังหวัดสกลนคร, หนองหานน้อยกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี และแอ่งน้ำทั่วไปในภาคอีสานมาจากตำนานเรื่องนี้ โดยมีการศึกษาเปรียบเทียบทางธรณีวิทยาและการเปลี่ยนแปลงของแร่เกลือหินในหมวดหินมหาสารคามที่พบอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งการเกิดแอ่งน้ำหรือหนองหาน ในทางวิทยาศาสตร์เมื่อเปลือกโลกมีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งการละลายของเกลือในชั้นดินจึงทำให้เกิดหลุมยุบจนขยายใหญ่เกิดเป็นหนองน้ำหรือทะเลสาบ[2][3]

นามเมืองที่ปรากฏในตำนานผาแดงนางไอ่ มีทั้งหมด 22 เมือง ดังต่อไปนี้ ได้แก่

1. เมืองเอกชะทีตา (เมืองของนางไอ่) ปัจจุบัน อยู่บริเวณหนองหานน้อย จังหวัดอุดรธานี

2. เมืองเซียงเหียน ปัจจุบัน อยู่เขตตำบลเขาวา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

3. เมืองสีแก้ว ปัจจุบัน อยู่เขตตำบลสีแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด

4. เมืองฟ้าแดด ปัจจุบัน อยู่ ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์

5. เมืองหงส์ ปัจจุบันอยู่ ตำบลเมืองหงส์ อำเภอจตุรพักรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด

6. เมืองผาโผง (เมืองของผาแดง) ปัจจุบันตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัด เลย

7. เมืองเพ็ง ปัจจุบัยอยู่ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม

8. เมืองเมืองสงยาง ปัจจุบันอยู่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธ์ุ

9. เมืองปรางค์กู่ อยู่ตำบลปรางค์กู่ อำเภอปรางกู่ จังหวัดศรีสะเกษ

10. เมืองสัตนาคนหุต ปัจจุบันอยู่เมืองเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว

11. เมืองที ปัจจบุันอยู่ตำบลเมืองที อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

12. เมืองสรวง ปัจจุบันอยู่ตำบลหนองผือ อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด

13. เมืองสิงห์ ปัจจุบันอยู่ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

14. เมืองพาน ปัจจุบันอยู่เมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

15. เมืองเสือฟ้าหย่อน ปัจจุบันอยู่ตำบลปะหลาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัด มหาสารคาม

16. เมืองแมด ปัจจุบันอยู่ตำบลสามพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

17. เมืองทอง ปัจจุบันอยู่นาโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด

18. เมืองไพร ปัจจุบันอยู่ตำบลเมืองไพร อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

19. เมืองไล ปัจจุบันอยู่แขวงเมืองเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

20. เมืองพงษ์ ปัจจุบันอยู่แขวงเมืองเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

21. เมืองซัว ปัจจุบันอยู่ตำบลเมืองเก่า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น

22. เมืองฮุง ปัจจุบันอยู่ตำบลเชียงใหม่ อำเภอโพธิชัย จังหวัดร้อยเอ็ด

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างสถานที่ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับตำนานผาแดงนางไอ่ที่เป็นหมู่บ้านและสถานที่ทางธรรมชาติ เช่น บ้านน้ำฆ้อง บ้านกงพาน บ้านเซียบ บ้านเซียงแหว ห้วยสามพาด ห้วยกลองศรี หนองแหวน ดอนแม่หม้าย ในจังหวัดอุดรธานี หรือ บ้านกระนวน บ้านหลุมเลา ในจังหวัดขอนแก่น เป็นต้น[4]

ประเพณีงานบุญบั้งไฟในเดือนหก ในการแห่ขบวนบั้งไฟมักปรากฏเรื่องราวของท้าวผาแดงกับนางไอ่ร่วมอยู่ในขบวนแห่ด้วยเสมอ[5]

ผาแดงนางไอ่ในสื่อต่าง ๆ

[แก้]

ละครโทรทัศน์

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. อิศเรศ ดลเพ็ญ. ""โลก-ธรรม" - "ทุกข์-สุข" และภูมิปัญญา ด้านภาษาในกาพย์เซิ้งบั้งไฟผาแดงนางไอ่". JOURNAL OF LANGUAGE, RELIGION AND CULTURE.
  2. ปกรณ์ สุวานิช. "ตำนานผาแดง-นางไอ่กับการอธิบายการเกิดหนองหานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยในทางธรณีวิทยา" (PDF).
  3. พงษ์เดช เหล่าสุนา. "การสร้างสรรค์เรื่องเล่าเกี่ยวกับหนองหานในบริบทสังคมไทยปัจจุบัน" (PDF).
  4. สมศักดิ์ เส็งสาย. (2534). ชื่อบ้านนามเมืองที่ปรากฏในวรรณกรรมผาแดงนางไอ่ [มหาวิทยาลัย มหาสารคาม].
  5. "ตำนานผาแดงนางไอ่!!! ปฐมเหตุแห่งประเพณีอันยิ่งใหญ่ "บุญบั้งไฟ" ที่ขึ้นชื่อลือชาของชาวอีสานมาแต่บรรพกาล". winnews.tv.