ข้ามไปเนื้อหา

ดาวบริวารของดาวเสาร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ดวงจันทร์ของดาวเสาร์)
ระบบดาวเสาร์ (ภาพประกอบรวม)
วงแหวนดาวเสาร์ตัดผ่านฉากหลังที่มีดาวบริวารไททัน (รูปเสี้ยวขอบสีขาว) และดาวบริวารเอนเซลาดัส (ขวาล่างสีดำ) ปรากฏอยู่

ดาวบริวารของดาวเสาร์มีจำนวนมากและหลากหลายถึง 274 ดวง[1] ตั้งแต่ดวงขนาดเล็กที่มีความยาวเพียงสิบเมตร ไปจนถึงดาวบริวารไททันขนาดมหึมาที่ใหญ่กว่าดาวพุธ นอกจากจะมีวงแหวนที่กว้างและหนาแน่นแล้ว ระบบดาวเสาร์ยังเป็นระบบดาวเคราะห์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดภายในระบบสุริยะอีกด้วย

ปัจจุบัน ดาวเสาร์มีดาวบริวารซึ่งได้รับการยืนยันวงโคจรและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนทั้งสิ้น 83 ดวง[2] ในจำนวนนี้มีเพียง 13 ดวง ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 50 กิโลเมตร, เจ็ดดวงที่มีขนาดใหญ่พอที่สามารถคงสภาพตัวเองเป็นทรงกลม และสองดวง ได้แก่ ดาวไททันและรีอาที่มีสภาวะสมดุลอุทกสถิต (hydrostatic equilibrium) ดาวบริวารที่เด่นเป็นพิเศษในหมู่ดาวบริวาร คือ ไททัน ซึ่งเป็นดาวบริวารที่ใหญ่เป็นอันดับสองในระบบสุริยะ (รองจากแกนีมีดของดาวพฤหัสบดี) ที่มีชั้นบรรยากาศคล้ายโลกที่อุดมด้วยไนโตรเจนและภูมิประเทศที่มีเครือข่ายแม่น้ำและทะเลสาบไฮโดรคาร์บอน[3] เอนเซลาดัสซึ่งปล่อยไอพ่นของก๊าซและฝุ่นจากบริเวณขั้วโลกใต้[4] และไอแอพิตัสที่มีซีกโลกขาวดำตัดกัน

ดาวบริวาร 24 ดวง ของดาวเสาร์เป็นบริวารที่มีวงโคจรปกติ คือ มีวงโคจรไปในทางเดียวกับดาวดวงอื่น ๆ และเอียงทำมุมกับเส้นศูนย์สูตรของดาวเสาร์ไม่มากนัก นอกจากบริวาร 7 ดวง หลักแล้ว มี 4 ดวง เป็นดาวบริวารโทรจัน (หมายถึงกลุ่มดาวบริวารเล็ก ๆ ที่โคจรไปตามเส้นทางของดาวบริวารดวงใหญ่กว่าอีกดวงหนึ่ง) อีก 2 ดวง เป็นดาวบริวารร่วมวงโคจร และอีก 2 ดวงโคจรอยู่ภายในช่องว่างระหว่างวงแหวนดาวเสาร์ ดาวบริวารเหล่านี้ได้รับการตั้งชื่อตามธรรมเนียมเดิม คือ ตามชื่อของบรรดายักษ์ไททันหรือบุคคลอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทพแซตเทิร์นของชาวโรมัน (หรือเทพโครนัสของกรีก)

ส่วนดาวบริวารที่เหลืออีก 122 ดวง ทั้งหมดมีขนาดเล็กและมีวงโคจรผิดปกติ คือ มีวงโคจรอยู่ห่างจากดาวเสาร์มากกว่า เอียงมากกว่า โดยมีทั้งไปทางเดียวกันและสวนทางกับทิศทางการหมุนรอบตัวเองของดาวเสาร์ ดาวบริวารเหล่านี้อาจเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์ดึงมา หรืออาจเป็นเศษซากของวัตถุขนาดใหญ่ที่เข้าใกล้ดาวเสาร์มากเกินไปจนถูกแรงน้ำขึ้นน้ำลงของดาวเสาร์ฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ เราแบ่งกลุ่มของพวกมันตามลักษณะวงโคจรได้เป็นกลุ่มอินุอิต กลุ่มนอร์ส และกลุ่มแกลิก แต่ละดวงตั้งชื่อตามเทพปกรณัมที่สอดคล้องกับกลุ่มที่มันสังกัดอยู่

วงแหวนของดาวเสาร์ประกอบขึ้นจากก้อนน้ำแข็งที่มีขนาดตั้งแต่ 1 เซนติเมตรไปจนถึงหลายร้อยเมตร แต่ละก้อนโคจรรอบดาวเสาร์ไปตามเส้นทางของตนเอง ดังนั้น เราจึงไม่สามารถระบุจำนวนแน่นอนของดาวบริวารของดาวเสาร์ได้ เนื่องจากไม่มีเส้นแบ่งประเภทชัดเจนระหว่างวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากที่ประกอบขึ้นเป็นแถบวงแหวนกับวัตถุขนาดใหญ่ที่ได้รับการตั้งชื่อและถือเป็นดาวบริวารแล้ว แม้เราจะค้นพบ "ดาวบริวารเล็ก ๆ" (moonlets) อย่างน้อย 150 ดวงจากการรบกวนที่มันก่อขึ้นกับวัตถุอื่นที่อยู่ข้างเคียงภายในวงแหวน แต่นั่นเป็นตัวอย่างเพียงน้อยนิดของจำนวนประชากรทั้งหมดของวัตถุเหล่านั้นเท่านั้น

ดาวบริวารที่ได้รับการยืนยันแล้วจะได้รับการตั้งชื่อถาวรจากสหภาพดาราศาสตร์สากล ประกอบด้วยชื่อและลำดับที่เป็นตัวเลขโรมัน ดาวบริวาร 9 ดวงที่ถูกค้นพบก่อน ค.ศ. 1900 (ซึ่งฟีบีเป็นดวงเดียวที่มีวงโคจรแบบผิดปกติ) มีหมายเลขเรียงตามระยะห่างจากดาวเสาร์ออกมา ส่วนดาวบริวารดวงอื่น ๆ มีหมายเลขเรียงตามลำดับที่ได้รับการตั้งชื่อถาวร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีดาวบริวารดวงเล็ก ๆ ในกลุ่มนอร์สอีก 8 ดวงที่ไม่มีชื่อเรียกถาวร

ตารางรายชื่อดาวบริวาร

[แก้]
ลำดับ ชื่อ (ตัวหนาคือดาวบริวารที่มีลักษณะทรงกลม) ภาพ เส้นผ่านศูนย์กลาง
(กม.)
กึ่งแกนเอก
(กม.)
คาบดาราคติ
(วัน)
ความเอียงของวงโคจร
(°)
ตำแหน่ง ปีที่ค้นพบ
0(ดาวบริวารเล็ก ๆ)moonlets
0.04 ถึง 0.5~130 000ภายในวงแหวนเอ2006[5][6][7]
1XVIIIแพนPan
30 (35 × 35 × 23) [8]133 584 [9]+0.575 05 [9]0.001°ในช่องแบ่งเองเคอ1990
2XXXVแดฟนิสDaphnis
6 − 8136 505 [9]+0.594 08 [9]≈ 0°ในช่องว่างคีลเลอร์2005
3XVแอตลัสAtlas
31 (46 × 38 × 19) [8]137 670 [9]+0.601 69 [9]0.003°ควบคุมวงแหวนเอด้านนอก1980
4XVIโพรมีเทียสPrometheus
86 (119 × 87 × 61) [8]139 380 [9]+0.612 99 [9]0.008°ควบคุมวงแหวนเอฟด้านใน1980
5XVIIแพนดอราPandora
81 (103 × 80 × 64) [8]141 720 [9]+0.628 50 [9]0.050°ควบคุมวงแหวนเอฟด้านนอก1980
6XIเอพิมีเทียสEpimetheus113 (135 × 108 × 105) [8]151 422 [9]+0.694 33 [9]0.335°มีวงโคจรร่วมกัน1980
7XเจนัสJanus
179 (193 × 173 × 137) [8]151 472 [9]+0.694 66 [9]0.165°1966
8IไมมัสMimas
397 (415 × 394 × 381) [10]185 404 [11]+0.942 422 [12]1.566° 1789
9XXXIIมีโทนีMethone
3194 440 [9]+1.009 57 [9]0.007°(แอลไคโอนีเดส)2004
10XLIXแอนทีAnthe
~2197 700+1.036 500.1°2007
11XXXIIIพาลลีนีPallene
4212 280 [9]+1.153 75 [9]0.181°2004
12IIเอนเซลาดัสEnceladus504 (513 × 503 × 497) [10]237 950 [11]+1.370 218 [12]0.010°ควบคุมวงแหวนอี1789
13IIIทีทิสTethys
1066 (1081 × 1062 × 1055) [10]294 619 [11]+1.887 802 [12]0.168° 1684
13aXIIIเทเลสโตTelesto
24 (29 × 22 × 20) [8]1.158°โทรจันที่โคจรนำหน้าทีทิส1980
13bXIVคาลิปโซCalypso
21 (30 × 23 × 14) [8]1.473°โทรจันที่โคจรตามหลังทีทิส1980
16IVไดโอนีDione
1123 (1128 × 1122 × 1121) [10]377 396 [11]+2.736 915 [12]0.002° 1684
16aXIIเฮเลนีHelene
33 (36 × 32 × 30)0.212°โทรจันที่โคจรนำหน้าไดโอนี1980
16bXXXIVพอลีดีวซีสPolydeuces
3.5 [13]0.177°โทรจันที่โคจรตามหลังไดโอนี2004
19VรีอาRhea
1529 (1535 × 1525 × 1526) [10]527 108 [14]+4.518 212 [14]0.327° 1672
20VIไททันTitan
51511 221 930 [11]+15.945 420.3485° 1655
21VIIไฮพีเรียนHyperion
292 (360 × 280 × 225)1 481 010 [11]+21.276 610.568° 1848
22VIIIไอแอพิตัสIapetus1472 (1494 × 1498 × 1425) [10]3 560 820+79.321 5 [15]7.570° 1671
23XXIVคีเวียกKiviuq~1611 294 800 [14]+448.16 [14]49.087°กลุ่มอินุอิต2000
24XXIIอีเยรากIjiraq~1211 355 316 [14]+451.77 [14]50.212°2000
25IXฟีบีPhoebe
220 (230 × 220 × 210)12 869 700−545.09[15][16]173.047°กลุ่มนอร์ส1899
26XXพอเลียกPaaliaq~2215 103 400 [14]+692.98 [14]46.151°กลุ่มอินุอิต2000
27XXVIIสกาทีSkathi~815 672 500 [14]−732.52 [12][16]149.084°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2000
28XXVIแอลบีออริกซ์Albiorix~3216 266 700 [14]+774.58 [14]38.042°กลุ่มแกลิก2000
29 S/2007 S 2~616 560 000−792.96176.68°กลุ่มนอร์ส2007
30XXXVIIเบวีนน์Bebhionn~617 153 520 [14]+838.77 [14]40.484°กลุ่มแกลิก2004
31XXVIIIแอร์รีแอปัสErriapus~1017 236 900 [14]+844.89 [14]38.109°2000
32XLVIIสกอลล์Skoll~617 473 800 [11]−862.37 [14]155.624°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2006
33XXIXซีอาร์นากSiarnaq~4017 776 600 [14]+884.88 [14]45.798°กลุ่มอินุอิต2000
34LIIทาร์เคกTarqeq~717 910 600 [17]+894.86 [14]49.904°2007
35 S/2004 S 13~618 056 300 [14]−905.85 [12][16]167.379°กลุ่มนอร์ส2004
36LIเกรปGreip~618 065 700 [11]−906.56 [14]172.666°2006
37XLIVฮีร็อกคินHyrrokkin~818 168 300 [11]−914.29 [14]153.272°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2006
38Lยาร์นแซกซาJarnsaxa~618 556 900 [11]−943.78 [14]162.861°กลุ่มนอร์ส2006
39XXIทาร์วัสTarvos~1518 562 800 [14]+944.23 [14]34.679°กลุ่มแกลิก2000
40XXVมูนดิลแฟรีMundilfari~718 725 800 [14]−956.70 [12][16]169.378°กลุ่มนอร์ส2000
41 S/2006 S 1~618 930 200 [11]−972.41 [14]154.232°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2006
42 S/2004 S 17~419 099 200 [14]−985.45 [12][16]166.881°กลุ่มนอร์ส2004
43XXXVIIIแบร์เยลมีร์Bergelmir~619 104 000 [14]−985.83 [12][16]157.384°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2004
44XXXIนาร์วีNarvi~719 395 200 [14]−1008.45 [12][16]137.292°กลุ่มนอร์ส
(นาร์วี)
2003
45XXIIIซูตทุงการ์Suttungr~719 579 000 [14]−1022.82 [12][16]174.321°กลุ่มนอร์ส2000
46XLIIIฮาตีHati~619 709 300 [14]−1033.05 [12][16]163.131°2004
47 S/2004 S 12~519 905 900 [14]−1048.54 [12][16]164.042°2004
48XLฟาร์เบาตีFarbauti~519 984 800 [14]−1054.78 [12][16]158.361°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2004
49XXXทริมาร์Thrymr~720 278 100 [14]−1078.09 [12][16]174.524°กลุ่มนอร์ส2000
50XXXVIไอเออร์Aegir~620 482 900 [14]−1094.46 [12][16]167.425°2004
51 S/2007 S 3~520 518 500~ −1100177.22°2007
52XXXIXเบสต์ลาBestla~720 570 000 [14]−1101.45 [12][16]147.395°กลุ่มนอร์ส
(นาร์วี)
2004
53 S/2004 S 7~620 576 700 [14]−1101.99 [12][16]165.596°กลุ่มนอร์ส2004
54 S/2006 S 3~621 076 300 [11]−1142.37 [14]150.817°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2006
55XLIเฟนรีร์Fenrir~421 930 644 [14]−1212.53 [12][16]162.832°กลุ่มนอร์ส2004
56XLVIIIซัวร์เตอร์Surtur~622 288 916 [11]−1242.36 [14]166.918°2006
57XLVคารีKari~722 321 200 [11]−1245.06 [14]148.384°กลุ่มนอร์ส
(สกาที)
2006
58XIXอีมีร์Ymir~1822 429 673 [14]−1254.15 [12][16]172.143°กลุ่มนอร์ส2000
59XLVIลอยเอLoge~622 984 322 [11]−1300.95 [14]166.539°2006
60XLIIฟอร์นยอตFornjot~624 504 879 [14]−1432.16 [12][16]167.886°2004

อ้างอิง

[แก้]
  1. Ashton, Edward (10 มีนาคม 2025). "arxiv".{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. Rincon, Paul (7 October 2019). "Saturn overtakes Jupiter as planet with most moons". BBC News. สืบค้นเมื่อ 7 October 2019.
  3. Redd, Nola Taylor (27 March 2018). "Titan: Facts About Saturn's Largest Moon". Space.com. สืบค้นเมื่อ 7 October 2019.
  4. "Enceladus - Overview - Planets - NASA Solar System Exploration". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-17.
  5. Matthew S. Tiscareno; และคณะ (2006). "100-metre-diameter moonlets in Saturn's A ring from observations of 'propeller' structures". Nature. 440: 648–650. doi:10.1038/nature04581.
  6. Miodrag Sremčević; และคณะ (2007). "A belt of moonlets in Saturn's A ring". Nature. 449: 1019–1021. doi:10.1038/nature06224.
  7. Matthew S. Tiscareno; และคณะ (2008). "The population of propellers in Saturn's A Ring". Astronomical Journal. 135: 1083–1091. doi:10.1088/0004-6256/135/3/1083.
  8. 1 2 3 4 5 6 7 8 C.C. Porco; และคณะ (2006). "Physical characteristics and possible accretionary origins for Saturn's small satellites" (PDF). Bulletin of the American Astronomical Society. 37: 768.
  9. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 J.N. Spitale; และคณะ (2006). "The orbits of Saturn's small satellites derived from combined historic and Cassini imaging observations" (PDF). The Astronomical Journal. 132: 692.
  10. 1 2 3 4 5 6 Source: Thomas et al. 2006
  11. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 Computed from the period using the IAU-MPC Natural Satellites Ephemeris Service µ value
  12. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 Source: NASA เก็บถาวร 2005-03-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  13. Source: Porco et al. 2005
  14. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 Source: IAU-MPC Natural Satellites Ephemeris Service
  15. 1 2 Computed from the semi-major axis using the IAU-MPC Natural Satellites Ephemeris Service µ value
  16. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 คาบการโคจรที่เป็นลบ แสดงว่าดาวนั้นโคจรทวนกับดาวดวงอื่นที่มีคาบเป็นบวก
  17. MPEC 2007-G38

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]