ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โปเกมอน"
ล ย้อนการแก้ไขของ 114.109.16.188 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย WapBot |
|||
บรรทัด 11: | บรรทัด 11: | ||
ในเนื้อเรื่องหลัก โหมดเล่นคนเดียวของแต่ละเกมต้องการให้นักฝึกโปเกมอนเลี้ยงดูทีมโปเกมอนเพื่อเอาชนะนักฝึกที่เป็น[[Non-player character|ตัวละครที่ไม่ใช่ตัวผู้เล่น]] (non-player character: NPC) มากมายและโปเกมอนของพวกเขา แต่ละเกมได้ปูเส้นทางเป็นเส้นตรงผ่านภูมิภาคของโลกโปเกมอนสำหรับให้นักฝึกเดินทาง ดำเนินเหตุการณ์สำคัญ (event) และต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระหว่างทาง คุณลักษณะของแต่ละเกมจะเสนอนักฝึกโปเกมอนผู้ทรงพลัง 8 คน เรียกว่า ยิมลีดเดอร์ หรือหัวหน้ายิม ที่นักฝึกจะต้องเอาชนะเพื่อดำเนินเนื้อเรื่อง และจะได้เข็มกลัดยิมเป็นรางวัล และเมื่อได้เข็มกลัดครบ 8 อัน นักฝึกโปเกมอนคนนั้นจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขันในโปเกมอนลีกประจำภูมิภาค ซึ่งนักฝึกผู้มีพรสวรรค์ 4 คน (เรียกว่า Elite Four หรือ จตุรเทพทั้งสี่) จะท้าต่อสู้กับนักฝึกให้ต่อสู้ 4 ครั้งแบบรับช่วงต่อกัน ถ้านักฝึกเอาชนะฝีมือของบุคคลเหล่านี้ได้ เขาจะต้องท้าต่อสู้กับแชมเปียนประจำภูมิภาค (Regional Champion) ผู้เป็นนักฝึกระดับมาสเตอร์ที่เพิ่มเอาชนะจตุรเทพทั้งสี่ได้ นักฝึกคนใดที่ชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะกลายเป็นแชมเปียนคนใหม่ และได้ชื่อว่าเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ |
ในเนื้อเรื่องหลัก โหมดเล่นคนเดียวของแต่ละเกมต้องการให้นักฝึกโปเกมอนเลี้ยงดูทีมโปเกมอนเพื่อเอาชนะนักฝึกที่เป็น[[Non-player character|ตัวละครที่ไม่ใช่ตัวผู้เล่น]] (non-player character: NPC) มากมายและโปเกมอนของพวกเขา แต่ละเกมได้ปูเส้นทางเป็นเส้นตรงผ่านภูมิภาคของโลกโปเกมอนสำหรับให้นักฝึกเดินทาง ดำเนินเหตุการณ์สำคัญ (event) และต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระหว่างทาง คุณลักษณะของแต่ละเกมจะเสนอนักฝึกโปเกมอนผู้ทรงพลัง 8 คน เรียกว่า ยิมลีดเดอร์ หรือหัวหน้ายิม ที่นักฝึกจะต้องเอาชนะเพื่อดำเนินเนื้อเรื่อง และจะได้เข็มกลัดยิมเป็นรางวัล และเมื่อได้เข็มกลัดครบ 8 อัน นักฝึกโปเกมอนคนนั้นจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขันในโปเกมอนลีกประจำภูมิภาค ซึ่งนักฝึกผู้มีพรสวรรค์ 4 คน (เรียกว่า Elite Four หรือ จตุรเทพทั้งสี่) จะท้าต่อสู้กับนักฝึกให้ต่อสู้ 4 ครั้งแบบรับช่วงต่อกัน ถ้านักฝึกเอาชนะฝีมือของบุคคลเหล่านี้ได้ เขาจะต้องท้าต่อสู้กับแชมเปียนประจำภูมิภาค (Regional Champion) ผู้เป็นนักฝึกระดับมาสเตอร์ที่เพิ่มเอาชนะจตุรเทพทั้งสี่ได้ นักฝึกคนใดที่ชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะกลายเป็นแชมเปียนคนใหม่ และได้ชื่อว่าเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ |
||
== รายชื่อโปเกมอน == |
== รายชื่อโปเกมอน == |
||
{{บทความหลัก|รายชื่อโปเกมอน}} |
{{บทความหลัก|รายชื่อโปเกมอน}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:20, 23 มิถุนายน 2558
โปเกมอน (ญี่ปุ่น: ポケモン; โรมาจิ: 'Pokémon') หรือในชื่อเต็มว่า พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ (ญี่ปุ่น: ポケットモンスター; โรมาจิ: 'Poketto Monsutā ทับศัพท์จาก Pocket Monster'[1][2]) เป็นสื่อแฟรนไชส์ที่จัดพิมพ์และเป็นของนินเทนโดบริษัทวิดีโอเกมสัญชาติญี่ปุ่น และสร้างโดยซาโตชิ ทาจิริ เมื่อปี ค.ศ. 1996 แรกเริ่มออกจำหน่ายวิดีโอเกมแนวบทบาทสมมุติบนเครื่องเล่นสายเกมบอยชนิดเล่นเชื่อมกันได้ระหว่างเครื่องต่อเครื่องพัฒนาโดยบริษัทเกมฟรีค ตั้งแต่นั้นมา โปเกมอนกลายมาเป็นสื่อแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและได้กำไรมากเป็นอันดับ 2 รองจากแฟรนไชส์มาริโอ[3] โปเกมอนถูกจำหน่ายในรูปของอะนิเมะ มังงะ เกมสะสมการ์ด ของเล่น หนังสือ และสื่ออื่นๆ แฟรนไชส์โปเกมอนได้ฉลองครบรอบ 10 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2006[4] และจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ยอดขายสะสมของวิดีโอเกม (รวมถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซล เช่น นินเทนโด 64 ลายพิกะจู) ขึ้นถึงมากกว่า 200 ล้านสำเนา[5] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 บริษัท 4คิดส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่จัดการเกี่ยวกับลิขสิทธิ์โปเกมอนที่ไม่ใช่เกม ประกาศว่าบริษัทเห็นว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวแทนแฟรนไชส์โปเกมอนใหม่ บริษัทโปเกมอนของสหรัฐอเมริกา (ปัจจุบันคือบริษัทเดอะโปเกมอน) สาขาย่อยของบริษัทโปเกมอนในญี่ปุ่น มีหน้าที่ตรวจตราลิขสิทธิ์โปเกมอนนอกทวีปเอเชีย[6]
ชื่อโปเกมอนเป็นการย่อคำโรมะจิของยี่ห้อ พ๊อคเก็ต มอนสเตอร์ ญี่ปุ่น: Pocket Monsters; โรมาจิ: ポケットモンスター; ทับศัพท์: Poketto Monsutā[7] ซึ่งเป็นการย่อคำที่พบได้ทั่วไปในญี่ปุ่น คำว่าโปเกมอน นอกจากจะอ้างถึงตัวแฟรนไชส์โปเกมอนแล้ว ยังหมายถึงสิ่งมีชีวิตในนิยาย 649 สปีชีส์ ที่ปรากฏตัวในสื่อโปเกมอนซึ่งได้ออกมาถึงเกมโปเกมอนรุ่นที่ห้าในชื่อ โปเกมอนแบล็ค 2 และไวท์ 2 และด้วยรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกมาของโปเกมอนเอ็กซ์และวาย มีโปเกมอนชนิดใหม่ 6 ตัวปรากฏในสื่อสนับสนุนตัวเกมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013
แนวคิด
แนวคิดเกี่ยวกับโลกโปเกมอน ทั้งวิดีโอเกมและโลกนิยายของโปเกมอน เกิดมาจากงานอดิเรกสะสมแมลง ซึ่งซาโตชิ ทาจิริ กรรมการบริหารบริษัทโปเกมอนเคยทำเมื่อยังเด็ก ตัวผู้เล่นในเกมถูกกำหนดให้เป็นโปเกมอนเทรนเนอร์ หรือนักฝึกโปเกมอน และมีเป้าหมายสองประการ (ในเกมโปเกมอนส่วนใหญ่) คือ สะสมโปเกมอนทุกชนิดในภูมิภาคที่เกมกำหนดเพื่อให้เติมเต็มโปเกเด็กซ์ หรือสมุดภาพโปเกมอน และเพื่อฝึกฝนทีมของโปเกมอนที่พวกเขาจับได้ให้เอาชนะทีมโปเกมอนของนักฝึกโปเกมอนคนอื่น และกลายเป็นนักฝึกโปเกมอนที่แข็งแกร่งที่สุดเรียกว่า โปเกมอนมาสเตอร์ รูปแบบการสะสม การฝึก และต่อสู้นั้นพบได้ในแฟรนไชส์โปเกมอนทุกเวอร์ชัน รวมถึงวิดีโอเกม ซีรีส์อะนิเมะ และมังงะ และโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม (Pokémon Trading Card Game)
ในโลกนิยายของโปเกมอนนั้น นักฝึกที่พบโปเกมอนป่าจะสามารถจับโปเกมอนตัวนั้นโดยโยนมอนสเตอร์บอล (อุปกรณ์ทรงกลมที่ออกแบบพิเศษที่ถูกผลิตออกมามาย) ไปที่มัน ถ้าโปเกมอนหลบหนีจากขอบเขตของโปเกบอลไม่สำเร็จ จะถือว่าโปเกมอนตัวนั้นเป็นของนักฝึกคนนั้นทันที ในภายหลัง มันจะเชื่อฟังคำสั่งของนักฝัก ถ้าหากผู้ฝึกไม่ขาดประสบการณ์จนทำให้โปเกมอนเอาแต่ใจตัวเอง นักฝึกสามารถส่งโปเกมอนตัวใดตัวหนึ่งของเขาออกไปเข้าร่วมต่อสู้กับโปเกมอนตัวอื่นในแบบไม่ถึงชีวิต ถ้าโปเกมอนฝั่งตรงข้ามเป็นโปเกมอนป่า นักฝึกสามารถจับโปเกมอนนั้นได้ด้วยมอนสเตอร์บอล และเป็นการเพิ่มโปเกมอนชนิดใหม่ในคอลเลคชันของเขา โปเกมอนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่อาจถูกจับได้ เว้นแต่ในสถานการณ์พิเศษ ณ จุดใดจุดหนึ่งของเกม ถ้าโปเกมอนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จนคู่ต่อสู้หมดสภาพ (นั่นคือ หมดสติ) โปเกมอนที่ชนะจะได้รับค่าประสบการณ์ และอาจได้เพิ่มระดับหรือเลเวล เมื่อเลเวลเพิ่ม ค่าสถิติ (หรือค่าสเตต) ของในความสถัดแต่ละด้านของโปเกมอนจะเพิ่มขึ้น เช่น ค่าการโจมตีและค่าความเร็ว ตลอดเวลานั้น โปเกมอนอาจได้เรียนรู้ท่า (มูฟ) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้ โปเกมอนหลายสปีชีส์ยังมีลักษณะพิเศษในการลอกคราบและเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นโปเกมอนสปีชีส์ใหม่ที่คล้ายๆกันแต่แข็งแกร่งขึ้น เรียกกระบวนการนี้ว่า การวิวัฒนาการ
ในเนื้อเรื่องหลัก โหมดเล่นคนเดียวของแต่ละเกมต้องการให้นักฝึกโปเกมอนเลี้ยงดูทีมโปเกมอนเพื่อเอาชนะนักฝึกที่เป็นตัวละครที่ไม่ใช่ตัวผู้เล่น (non-player character: NPC) มากมายและโปเกมอนของพวกเขา แต่ละเกมได้ปูเส้นทางเป็นเส้นตรงผ่านภูมิภาคของโลกโปเกมอนสำหรับให้นักฝึกเดินทาง ดำเนินเหตุการณ์สำคัญ (event) และต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระหว่างทาง คุณลักษณะของแต่ละเกมจะเสนอนักฝึกโปเกมอนผู้ทรงพลัง 8 คน เรียกว่า ยิมลีดเดอร์ หรือหัวหน้ายิม ที่นักฝึกจะต้องเอาชนะเพื่อดำเนินเนื้อเรื่อง และจะได้เข็มกลัดยิมเป็นรางวัล และเมื่อได้เข็มกลัดครบ 8 อัน นักฝึกโปเกมอนคนนั้นจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขันในโปเกมอนลีกประจำภูมิภาค ซึ่งนักฝึกผู้มีพรสวรรค์ 4 คน (เรียกว่า Elite Four หรือ จตุรเทพทั้งสี่) จะท้าต่อสู้กับนักฝึกให้ต่อสู้ 4 ครั้งแบบรับช่วงต่อกัน ถ้านักฝึกเอาชนะฝีมือของบุคคลเหล่านี้ได้ เขาจะต้องท้าต่อสู้กับแชมเปียนประจำภูมิภาค (Regional Champion) ผู้เป็นนักฝึกระดับมาสเตอร์ที่เพิ่มเอาชนะจตุรเทพทั้งสี่ได้ นักฝึกคนใดที่ชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะกลายเป็นแชมเปียนคนใหม่ และได้ชื่อว่าเป็นโปเกมอนมาสเตอร์
รายชื่อโปเกมอน
วิดีโอเกม
เจเนอเรชัน
เกมโปเกมอนดั้งเดิมเป็นเกมแนวบทบาทสมมุติ (role-playing games: RPG) ร่วมกับแนววางแผน และถูกสร้างขึ้นโดยซาโตชิ ทาจิริสำหรับเกมบอย เกมแนวบทบาทสมมุตินี้และภาคต่อ รีเมค และเวอร์ชันแปลภาษาอังกฤษถือว่าเป็นเกมโปเกมอน "ภาคหลัก" และเป็นเกมที่แฟนคลับส่วนใหญ่อ้างอิงถึงเมื่อพูดถึง "เกมโปเกมอน" ลิขสิทธิ์โปเกมอนทั้งหมดที่ตรวจสอบโดยบริษัทโปเกมอนถูกแบ่งหยาบๆออกเป็นเจเนอเรชัน เจเนอเรชันเหล่านี้เป็นการแบ่งภาคตามลำดับเวลาตามการออกจำหน่ายในทุกๆหลายปี เมื่อภาคต่ออย่างเป็นทางการของเนื้อเรื่องหลักออกจำหน่ายซึ่งนำเสนอโปเกมอนชนิดใหม่ ตัวละครใหม่ ระบบการเล่นใหม่ ภาคต่อภาคนั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเจเนอเรชันใหม่ของแฟรนไชส์ เกมหลักและของเสริม อะนิเมะ และเกมสะสมการ์ดก็จะถูกปรับให้ทันสมัยด้วยคุณลักษณะใหม่ในแต่ละครั้งที่เจเนอเรชันใหม่เริ่มขึ้น แฟรนไชส์โปเกมอนได้เริ่มต้นเจเนอเรชันที่ห้าเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2010 ในประเทศญี่ปุ่น
แฟรนไชส์โปเกมอนเริ่มต้นเจเนอเรชันแรกด้วยการวางจำหน่าย พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ อากะแอนด์มิโดริ (เร้ด และกรีน ตามลำดับ) สำหรับเครื่องเกมบอยในญี่ปุ่น เมื่อเกมได้รับความนิยมอย่างสูง เวอร์ชันปรับปรุง อาโอะ (บลู) ถูกจำหน่ายหลังจากนั้น และเวอร์ชันอาโอะถูกแก้ไขใหม่เป็น โปเกมอนเร้ดแอนด์บลู เพื่อจำหน่ายทั่วโลก เกมเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1998 ส่วนเวอร์ชันดั้งเดิม อากะ และ มิโดริ นั้นไม่เคยได้ออกจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น[8] หลังจากนั้น เวอร์ชันปรับปรุงต่อไปในชื่อ โปเกมอนเยลโลว์: สเปเชียลพิกะจูเอดิชัน ออกจำหน่ายเพื่อนำคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเครื่องเกมบอยคัลเลอร์มาใช้ รวมถึงนำเสนอเนื้อเรื่องที่ใกล้เคียงกับอะนิเมะมากยิ่งขึ้น เกมเจเนอเรชันแรกนี้นำเสนอโปเกมอนเจเนอเรชันดั้งเดิม 151 ชนิด (เรียงโดยสมุดภาพโปเกมอนสากล ครอบคลุมฟุชิงิดาเนะ จนถึง มิว) และแนวคิดพื้นฐานของเกมเกี่ยวกับการจับโปเกมอน การฝึกฝนโปเกมอน การต่อสู้ และการแลกเปลี่ยนโปเกมอนทั้งกับคอมพิวเตอร์และตัวผู้เล่น เกมเวอร์ชันเหล่านี้ดำเนินเนื้อเรื่องในเขตภูมิภาคคันโต ซึ่งเป็นภูมิภาคสมมุติ แม้ว่าชื่อนี้จะไม่ได้ถูกใช้จนถึงเจเนอเรชันที่สอง
เจเนอเรชันที่สองของโปเกมอนเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1999 ด้วยการจำหน่าย โปเกมอนโกลด์แอนด์ซิลเวอร์ สำหรับเกมบอยคัลเลอร์ เช่นเดียวกับเจเนอเรชันที่แล้ว เวอร์ชันปรับปรุงชื่อ โปเกมอนคริสตัล ก็ถูกจำหน่ายในเวลาต่อมา เจเนอเรชันที่สองนำเสนอโปเกมอนตัวใหม่ 100 ชนิด (เริ่มที่ชิโกริต้า และสิ้นสุดที่ เซเลบี) รวมแล้วมีโปเกมอน 251 ชนิดให้สะสม ฝึกฝน และต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีโปเกมอนมินิซึ่งเป็นเครื่องเล่นเกมมือถือออกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001 ในญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 และในยุโรปใน ค.ศ. 2002
โปเกมอนเข้าสู่เจเนอเรชันที่สามด้วยการออกจำหน่าย โปเกมอนรูบีแอนด์แซฟไฟร์ สำหรับเครื่องเกมบอยแอ็ดวานซ์ในปี ค.ศ. 2002 ตามด้วยเกมโปเกมอนเร้ดแอนด์บลูเวอร์ชันรีเมคในชื่อ โปเกมอนไฟร์เรดแอนด์ลีฟกรีน และเวอร์ชันปรับปรุงของโปเกมอนรูบีแอนด์แซฟไฟร์ในชื่อ โปเกมอนเอเมอรัลด์ เจเนเรชันที่สามนำเสนอโปเกมอนตัวใหม่ 135 ชนิด (เริ่มที่คิโมริ และสิ้นสุดที่เดโอคิชิสุ) รวมเป็น 386 ชนิด อย่างไรก็ตาม เจเนอเรชันนี้ยังได้รับคำวิจารณ์เกี่ยวกับการนำคุณลักษณะของเกมหลายประการออกไป รวมไปถึง ระบบกลางวันกลางคืนที่มีในเจเนอเรชันที่แล้ว และเป็นเวอร์ชันแรกที่ช่วยให้ผู้เล่นสะสมโปเกมอนเพียงจำนวนที่ระบบได้จัดประเภทไว้แทนที่จะต้องสะสมโปเกมอนทุกชนิด (202 ชนิดจาก 386 ชนิดสามารถหาจับได้ในเกมเวอร์ชันรูบีแอนด์แซฟไฟร์)
ในปี ค.ศ. 2006 ญี่ปุ่นได้เริ่มเจเนอเรชันที่สี่ของแฟรนไชส์ด้วยการออกจำหน่ายเกม โปเกมอนไดมอนด์แอนด์เพิร์ล สำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส เจเนอเรชันที่สี่นำเสนอโปเกมอนตัวใหม่อีก 107 ชนิด (เริ่มที่นาเอโทรุ และสิ้นสุดที่อาร์เซอุส) ทำให้มีโปเกมอนรวม 493 ชนิด[9] "จอสัมผัส" ของนินเทนโด ดีเอส ทำให้เกมมีคุณลักษณะใหม่ เช่น การทำอาหารโปเกมอนหรือพอฟฟิน (poffin) ด้วยปากกาหรือสไตลัส (stylus) และการใช้ Pokétch แนวคิดระบบการเล่นใหม่รวมไปถึงระบบการจัดประเภทโครงสร้างท่าต่อสู้ใหม่ ระบบการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้เล่นแบบออนไลน์และต่อสู้ผ่านการเชื่อมต่อนินเทนโดวายฟาย (Nintendo Wi-Fi Connection) การกลับมา (และส่วนเพิ่มเติม) ของระบบกลางวันกลางคืนจากเจเนอเรชันที่สอง การเพิ่มเติมการประกวดโปเกมอนของเจเนอเรชันที่สามให้เป็น "ซูเปอร์คอนเทสต์" (Super Contest) และภูมิภาคใหม่ชื่อ ซินโนะ (Sinnoh) ที่มีส่วนที่เป็นใต้ดินสำหรับระบบการเล่นแบบหลายคนนอกเหนือจากพื้นที่บนพื้นดิน เช่นเดียวกับโปเกมอนเยลโลว์ คริสตัล และเอเมอรัลด์ เวอร์ชันปรับปรุงของโปเกมอนไดมอนด์แอนด์เพิร์ลมีคือ โปเกมอนแพลตินัม ออกจำหน่ายในเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 ในญี่ปุ่น เดือนมีนาคม ค.ศ. 2009 ในสหรัฐอเมริกา และเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2009 ในออสเตรเลียและยุโรป เกมภาคเสริมในเจเนอเรชันที่สี่คือภาคต่อของโปเกมอนสเตเดียมที่ชื่อ โปเกมอนแบทเทิลเรฟโวลูชัน สำหรับเครื่องวี ที่สามารถเชื่อมต่อวายฟายได้ด้วย[10] นินเทนโดประกาศในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2009 ว่าภาครีเมคของโปเกมอนโกลด์แอนด์ซิลเวอร์ในชื่อ โปเกมอนฮาร์ตโกลด์และโซลซิลเวอร์ ออกจำหน่ายสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส ภาคฮาร์ตโกลด์และโซลซิลเวอร์นั้น เนื้อเรื่องจะอยู่ที่ภูมิภาคโจโตและออกจำหน่ายในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 ในญี่ปุ่น[11]
เจเนอเรชันที่ห้าของโปเกมอนเริ่มในวันที่ 18 กันยายนด้วยการออกจำหน่ายเกม โปเกมอนแบล็คแอนด์ไวท์ ในญี่ปุ่นสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส[12] เดิมบริษัทโปเกมอนได้ประกาศเกมนี้ออกเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2010 ว่ายังไม่แน่นอนว่าจะออกจำหน่ายในปีนั้น[13][14] ก่อนจะประกาศในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2010 ว่าเกมจะออกจำหน่ายวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2010[15] เวอร์ชันนี้ฉากถูกตั้งอยู่ที่ภูมิภาคอิชชูหรือยูโนวา และใช้ความสามารถในการเรนเดอร์ 3 มิติของเครื่องนินเทนโด ดีเอสให้มีขอบเขตเหนือกว่าภาคแพลตินัม ฮาร์ตโกลด์และโซลซิลเวอร์ อย่างที่เห็นในฉากตัวผู้เล่นเดินผ่านมหานคร Castelia City มีโปเกมอนตัวใหม่ทั้งหมด 156 ชนิดแนะนำในเจเนอเรชันนี้ (เริ่มที่วิคทินี่ และสิ้นสุดที่เกโนเซคท์)[16] รวมถึงกลไลเกมใหม่ เช่น ซีเกียร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบไร้สาย[17] และความสามารถในการอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับเกมลงอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ของผู้เล่น[18] โปเกมอนแบล็คแอนด์ไวท์ออกจำหน่ายในยุโรปวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2011 ในอเมริกาเหนือวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2011 และออสเตรเลียในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2011 ในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2012 นินเทนโดออกจำหน่าย โปเกมอนแบล็คทูแอนด์ไวท์ทูในญี่ปุ่นสำหรับเครื่องนินเทนโด ดีเอส และในอเมริกาเหนือและยุโรปเมื่อต้นเดือนตุลาคม
ในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 2013 นินเทนโดประกาศเกม โปเกมอนเอ็กซ์แอนด์วาย สำหรับเครื่องนินเทนโด 3ดีเอส อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเจเนอเรชันที่หกของเกม เกมจะถูกเรนเดอร์ในแบบ 3 มิติ และออกจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2013[19]
กลไกของเกม
แกนหลักของซีรีส์เกมโปเกมอนนั้นพัวพันกับการจับและการต่อสู้กับโปเกมอน เริ่มจากโปเกมอนเริ่มต้น ผู้เล่นสามารถจับโปเกมอนป่าโดยทำให้มันอ่อนแอและจับมันด้วยโปเกบอล ในทางกลับกัน พวกเขาสามารถเลือกที่จะต่อสู้กับมันให้ชนะแล้วโปเกมอนจะได้รับค่าประสบการณ์ เป็นการเพิ่มระดับหรือเลเวลและสอนท่าใหม่ ๆ ให้กับมัน โปเกมอนตัวหนึ่งสามารถวิวัฒนาการไปเป็นร่างใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการเพิ่มระดับหรือด้วยการใช้ไอเทมที่เกมกำหนด ตลอดการเล่นเกม ผู้เล่นจะต้องต่อสู้กับนักฝึกโปเกมอนเพื่อดำเนินเรื่อง ด้วยเป้าหมายหลักคือหัวหน้ายิมที่หลากหลายและได้สิทธิในการเป็นแชมเปียนในทัวร์นาเมนต์ เกมภาคต่อๆมาได้เปิดตัวภารกิจรองมากมาย รวมถึงแบทเทิลฟรอนเทียร์ที่มีรูปแบบการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ และการประกวดโปเกมอนที่จะได้เห็นการแสดงของโปเกมอนบนจอ
โปเกมอนเริ่มต้น
อีกมุมมองที่สอดคล้องกันของเกมโปเกมอน ตั้งแต่โปเกมอน เร้ด และ บลู บนเครื่องเกมบอย ไปจนถึงโปเกมอนแบล็ค และ ไวท์บนเครื่องนินเทนโด ดีเอส คือการที่ผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนหนึ่งในสามที่กำหนดไว้เป็นตัวเริ่มต้นของการผจญภัย เรียกโปเกมอนสามตัวเหล่านี้ว่า "โปเกมอนเริ่มต้น" (starter Pokémon) ผู้เล่นสามารถเลือกโปเกมอนรูปแบบพืช รูปแบบไฟ หรือรูปแบบน้ำได้[20] ตัวอย่างเช่น ในโปเกมอนเร้ด และ บลู (และเวอร์ชันรีเมค ไฟร์เร้ด และ ลีฟกรีน) ผู้เล่นสามารถเลือกฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ และเซนิกาเมะ แต่ในโปเกมอนเยลโล่ว์ ซึ่งเป็นภาคที่สร้างขึ้นโดยมีเนื้อเรื่องอ้างอิงตามเนื้อเรื่องของอะนิเมะ ผู้เล่นจะได้รับพิกะจู รูปแบบไฟฟ้า มาเป็นโปเกมอนเริ่มต้น แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคนี้ ผู้เล่นจะได้รับโปเกมอนเริ่มต้นสามตัวของภาค เร้ด และ บลู ระหว่างทางในภายหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นในเกมอื่น ๆ ของแฟรนไชส์[21] อีกมุมมองหนึ่ง คู่แข่งของผู้เล่นจะเลือกโปเกมอนเริ่มต้นที่มีรูปแบบได้เปรียบกับโปเกมอนของเราเสมอ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นเลือกโปเกมอนรูปแบบพืช คู่แข่งก็จะเลือกโปเกมอนรูปแบบไฟ เป็นต้น แต่ในโปเกมอน เยลโล่ว์ ซึ่งมีข้อยกเว้นนั้น คู่แข่งจะเลือกอีวุยเป็นโปเกมอนเริ่มต้น แต่ต่อมาอีวุยจะพัฒนาร่างได้เป็นธันเดอร์ส ชาวเวอร์ส หรือบูสเตอร์นั้น จะถูกตัดสินจากผลการต่อสู้กับคู่แข่งว่าแพ้หรือชนะในระหว่างทาง ในเกมบนเครื่องเล่น เกมคิวบ์ ที่ชื่อ โปเกมอนโคลอสเซียม และโปเกมอนเอ็กดี: เกลออฟดาร์คเนส ก็มีข้อยกเว้น นั้นคือในขณะที่เกมส่วนใหญ่ โปเกมอนเริ่มต้นจะเริ่มที่เลเวล 5 แต่เกมเหล่านี้จะเริ่มต้นการเดินทางที่เลเวล 10 และ 25 ตามลำดับ ใน โคลอสเซียม โปเกมอนเริ่มต้นของผู้เล่นคือเอฟี และแบล็คกี้ และใน เกลออฟดาร์คเนส โปเกมอนเริ่มต้นของผู้เล่นคือ อีวุย
สมุดภาพโปเกมอน
สมุดภาพโปเกมอน (Pokédex) เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สมมุติในอะนิเมะและวิดีโอเกมโปเกมอน สำหรับในเกมนั้น เมื่อใดที่โปเกมอนตัวหนึ่ง ๆ ถูกจับเป็นครั้งแรก ข้อมูลของมันจะเพิ่มเข้าไปในสมุดภาพนี้ แต่ในอะนิเมะหรือมังงะนั้น สมุดภาพโปเกมอนเป็นสารานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ปกติมีไว้เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโปเกมอน สมุดภาพโปเกมอนยังใช้ในการอ้างอิงถึงรายชื่อโปเกมอนซึ่งโดยทั่วไปจะเรียงตามหมายเลข ในวิดีโอเกม นักฝึกโปเกมอนจะเห็นเป็นที่ว่างเปล่า ณ ขณะเริ่มต้นเกม ผู้ฝึกจะต้องพยายามเติมเต็มสมุดภาพโดยเผชิญหน้ากับโปเกมอน และจับมันให้ได้สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ผู้เล่นจะเห็นชื่อและรูปภาพของโปเกมอนหลังจากได้พบเจอโปเกมอนที่ไม่เคยเจอมาก่อน หลังจากการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นโปเกมอนป่า หรือการต่อสู้กับผู้ฝึกคนอื่น (ยกเว้นการต่อสู้แบบเชื่อมต่อเครื่องเล่นกับผู้เล่นคนอื่น เช่นในแบทเทิลฟรอนเทียร์) ในโปเกมอนภาคเร้ดและบลู ข้อมูลโปเกมอนจะเพิ่มในสมุดภาพง่าย ๆ โดยการดูรูปโปเกมอน เช่นในสวนสัตว์นอกเขตซาฟารีโซน ตัวละคร NPC ก็อาจทำให้สมุดภาพเพิ่มข้อมูลโปเกมอนเข้าไปได้โดยการอธิบายลักษณะของโปเกมอนระหว่างการพูดคุยกัน ข้อมูลอื่น ๆ หาได้หลังจากผู้เล่นได้รับโปเกมอนสายพันธุ์นั้น ๆ แล้ว หรืออาจจะผ่านการจับโปเกมอนป่า การพัฒนาร่างของโปเกมอน การฟักไข่ (ตั้งแต่รุ่นที่สองเป็นต้นมา) หรือการแลกเปลี่ยนโปเกมอน ข้อมูลที่จะได้เห็นเหล่านั้นเช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ชนิดสายพันธุ์ และรายละเอียดสั้น ๆ ของโปเกมอน ในภาคต่อ ๆ มา สมุดภาพรุ่นใหม่อาจมีข้อมูลรายละเอียดที่มากขึ้นเช่น ขนาดของตัวโปเกมอนเปรียบเทียบกับตัวผู้ฝึก หรือรายชื่อโปเกมอนแยกตามถิ่นที่อยู่อาศัย (ข้อมูลนี้จะเห็นได้แค่ในภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีนเท่านั้น) สมุดภาพโปเกมอนล่าสุดสามารถจุข้อมูลของโปเกมอนทุกตัวที่รู้จักกันในปัจจุบัน เกมโปเกมอน โคลอสเซียม และโปเกมอนเอกซ์ดี:เกลออฟดาร์คเนส บนเครื่องเกมคิวบ์ มีระบบการช่วยเหลือข้อมูลโปเกมอนแบบดิจิทัล (Pokémon Digital Assistant; P★DA) ดูคล้ายกับสมุดภาพโปเกมอน แต่สามารถบอกว่าโปเกมอนรูปแบบไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบโปเกมอนรูปแบบไหน และยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะของโปเกมอนได้ด้วย[22]
รายชื่อวิดีโอเกมโปเกมอน
ในสื่ออื่น
อะนิเมะชัน
โปเกมอนฉบับอะนิเมะรวมถึงภาพยนตร์ดำเนินเนื้อเรื่องโดยแยกออกจากการผจญภัยต่าง ๆ ในวิดีโอเกม (ยกเว้นภาคเยลโล่ว์ ที่ดำเนินเรื่องตามเนื้อเรื่องอะนิเมะ) โปเกมอนฉบับอะนิเมะเป็นเรื่องราวภารกิจอันยิ่งใหญ่ของตัวละครหลัก "ซาโตชิ" หรือ "แอช แคทชัม" (Ash Ketchum) [23] เพื่อจะเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ในเรื่องการฝึกโปเกมอน เขาและเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ เดินทางตามโลกที่มีโปเกมอนเต็มไปหมด[23] ในภาคแรก (original series) เริ่มต้นในวันซาโตชิได้เป็นนักฝึกโปเกมอนวันแรก โปเกมอนตัวแรกซึ่งเป็นโปเกมอนคู่หูคือพิกะจู ซึ่งแตกต่างจากเกมที่จะได้เลือกฟุชิงิดาเนะ ฮิโตะคาเงะ และเซนิกาเมะ[24] ซีรีส์นี้ดำเนินไปตามเนื้อเรื่องของเกมโปเกมอนภาคเร้ดและบลู ในเขตภูมิภาคที่ชื่อว่าคันโต ร่วมเดินทางไปกับ "ทาเคชิ" หรือ "บร็อก" (Brock) หัวหน้ายิมของเมืองนิบิ หรือพิวเตอร์ซิตี (Pewter City) และ "คาสึมิ" น้องสาวคนสุดท้องของกลุ่มพี่น้องหัวหน้ายิมในยิมของเมืองฮานาดะ หรือเซรูเลียนซิตี (Cerulean City) ซีซันต่อมาคือ Pokémon: Adventures on the Orange Islands ซึ่งเป็นการผจญภัยในหมู่เกาะออเร้นจ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่อง และเปลี่ยนตัวละครจากทาเคชิเป็น "เค็นจิ" หรือ "เทรซีย์" (Tracey) จิตรกรและผู้ดูแลโปเกมอน ซีซันต่อมา เป็นเนื้อเรื่องของโปเกมอนรุ่นที่สอง ประกอบด้วย Pokémon: The Johto Journeys, Pokémon: Johto League Champions และ Pokémon: Master Quest ดำเนินเรื่องในเขตภูมิภาคโจโต มีตัวละครสามคนคือซาโตชิ ทาเคชิ และคาสึมิ เช่นเดิม
การผจญภัยยังคงดำเนินต่อในซีซัน Pokémon: Advanced ของซีรีส์ Pokémon: Advanced Generation ดำเนินเนื้อเรื่องตามเกมโปเกมอนรุ่นที่สาม ซาโตชิและเพื่อน ๆ เดินทางในเขตภูมิภาคโฮเอ็นซึ่งอยู่ทางใต้ ซาโตชิได้เป็นครูและผู้ให้คำปรึกษาให้กับนักฝึกโปเกมอนมือใหม่ที่ชื่อ "ฮารุกะ" น้องชายของเธอ "มาซาโตะ" ก็ร่วมเดินทางด้วย แต่ไม่ได้เป็นนักฝึกโปเกมอน แต่เขากลับรู้ข้อมูลโปเกมอนมากมาย ในซีรีส์นี้ ทาเคชิก็มาร่วมเดินทางกับซาโตชิ แต่คาสึมิต้องกลับไปที่ยิมฮานาดะเพื่อทำหน้าที่เป็นหัวหน้ายิม (คาสึมิ รวมถึงตัวละครอื่น ยังปรากฏในซีรีส์พิเศษ Pokémon Chronicles ด้วย) ต่อด้วยซีซัน Pokémon: Advanced Challenge, Pokémon: Advanced Battle และจบซีรีส์ด้วยซีซัน Pokémon: Battle Frontier ยึดหลักตามเนื้อเรื่องเกมภาคเอเมอรัลด์และมุมมองลักษณะของเกมภาคไฟร์เร้ดและลีฟกรีน
ซีรีส์ต่อไปคือโปเกมอน Diamond and Pearl โดยซีรีส์นี้มาซาโตะ น้องชายของฮารุกะ ได้ออกจากกลุ่มเพื่อเลือกโปเกมอนเริ่มต้นและออกเดินทางด้วยตัวเอง และฮารุกะได้ไปเข้าร่วมเทศกาล Grand Festival ที่โจโต ซาโตชิ ทาเคชิ และเพื่อนคนใหม่ "ฮิคาริ" ร่วมออกเดินทางไปตามภูมิภาคซินโอ
ซีรีส์ต่อไปคือพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส! (Best Wishes!) โดยซีรีส์นี้ฮิคาริและทาเคชิได้ออกจากกลุ่ม หลังจากที่ทาเคชิร่วมเดินทางด้วยกันมานานตั้งแต่ซีรีส์แรก ซาโตชิได้เจอเพื่อนใหม่ "ไอริส" และ "เดนท์" คู่หูคนใหม่และร่วมออกเดินทางไปตามภูมิภาคอิชชู
ซีรีส์ล่าสุดคือพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY โดยซีรีส์นี้ไอริสและเดนท์ได้ออกจากกลุ่มหลังจากร่วมเดินทางเป็นเวลานานในซีรีส์ที่ผ่านมา ซาโตชิได้ออกเดินทางไปตามภูมิภาคคาลอส
นอกจากซีรีส์ทางโทรทัศน์ ยังมีโปเกมอนฉบับภาพยนตร์สร้างขึ้นทั้งหมด 15 ภาค โดยโปเกมอนสองภาคที่ชื่อ Pokémon the Movie: Black—Victini and Reshiram และ White—Victini and Zekrom นั้นถือว่าเป็นภาคเดียวกัน ปัจจุบันภาพยนตร์ภาคที่ 16 กำลังอยู่ในกระบวนการสร้าง ในโปเกมอนฉบับภาพยนตร์บางภาค ยังมีการสะสมสินน้ำใจ เช่นการ์ดเกม ให้สะสมด้วย
การ์ตูนโปเกมอนนั้นมีหลายภาค จนถึงทุกวันนี้ โปเกมอนยังไม่มีตอนจบ การ์ตูนเรื่องนี้ถูกผลิตเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายตอน แบ่งได้เป็นหลายภาค โดยภาคแรกนั้นเป็นแบบฉบับดั้งเดิม (Original series) จำนวน 276 ตอน[25] ภาคต่อไปคือ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน (Advance Generation) หรือ AG จำนวน 192 ตอน[26] ภาคต่อไปคือ ไดมอนด์ แอนด์ เพิร์ล (Diamond & Pearl) หรือ DP จำนวน 191 ตอน[27] ภาคต่อไปคือ เบสท์ วิช (Best Wishes!) หรือ BW จำนวน 142 ตอน และภาคล่าสุดคือ เอ็กซ์วาย (XY) ซึ่งทางญี่ปุ่นจะฉายในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 นี้เป็นตอนแรกของซีรีส์[28]
สำหรับประเทศไทยนั้น เคยมีการนำการ์ตูนโปเกมอนมาฉายทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน
โปเกมอนฉบับอะนิเมะได้ทำเป็นซีรีส์ ดังนี้
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เป็นอะนิเมะซีรีส์แรก โดยมักจะเรียกคำย่อว่า "โปเกมอน"[25]
- วันที่ออกอากาศ: 17 มีนาคม พ.ศ. 2544 - 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545
- จำนวนตอนที่ออกอากาศ: 276 ตอน
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน เป็นภาคต่อของพ็อกเก็ตมอนสเตอร์ โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อว่า "โปเกมอน AG"[26]
- วันที่ออกอากาศ: 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 - 14 กันยายน พ.ศ. 2549
- จำนวนตอนที่ออกอากาศ: 192 ตอน
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ไดมอนด์ & เพิร์ล
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ไดมอนด์ & เพิร์ล เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ แอดวานซ์ เจเนอเรชัน โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อว่า "โปเกมอน DP"[27]
- วันที่ออกอากาศ: 28 กันยายน พ.ศ. 2549 - 9 กันยายน พ.ศ. 2553
- จำนวนตอนที่ออกอากาศ: 193 ตอน
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ ไดมอนด์ แอนด์ เพิร์ล โดยบางครั้งจะเรียกคำย่อเป็น "โปเกมอน BW" หรือ "โปเกมอน BW2"[28]
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส
- วันที่ออกอากาศ: 23 กันยายน พ.ศ. 2553 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554
- จำนวนตอนที่ออกอากาศ: 84 ตอน
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส ซีซั่น 2
- วันที่ออกอากาศ: 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554 - 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส ซีซั่น 2
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส ซีซั่น 2 เอพพิโซด N
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส ซีซั่น 2 เดโคโลล่า แอดเวนเจอร์ (Da!)
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY
พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ XY เป็นภาคต่อของ พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ เบส วิชเชส [29]
OVA และ ตอนพิเศษ
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ คริสตัล ตำนานของไรโคสายฟ้า
- พ็อกเก็ตมอนสเตอร์ THE ORIGIN
ภาพยนตร์
- โปเกมอน มูฟวี่ 1 ตอน ความแค้นของมิวทู (Pokémon: The First Movie / Mewtwo Strikes Back) (1998)
- โปเกมอน มูฟวี่ 2 ตอน ลูเกีย จ้าวแห่งทะเลลึก (Pokémon: The Movie 2000 / Revelation - Lugia) (1999)
การต่อสู้ที่ดุเดือดของโปเกมอนจอมอหังการแห่งท้องทะเลลึก (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 1 ท้ายแผ่น) - โปเกมอน มูฟวี่ 3 ตอน ผจญภัยบนหอคอยปีศาจ (Pokémon 3: The Movie / Lord of the "UNKNOWN" Tower) (2000)
หอคอยที่เต็มไปด้วยอำนาจมืดของโปเกมอนปริศนา (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 2 ท้ายแผ่น) - โปเกมอน Specials ตอน ต้นกำเนิดของมิวทู (Pokémon: The Birth of Mewtwo) (2000)
เป็นภาคก่อนของโปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู - โปเกมอน Specials ตอน การกลับมาของมิวทู (Pokémon: Mewtwo Returns) (2000)
เป็นภาคต่อของโปเกมอน มูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู (ในประเทศไทย เคยออกอากาศทางช่อง 9) - โปเกมอน มูฟวี่ 4 ตอน ย้อนเวลาตามล่าเซเลบี (Pokémon 4Ever / Celebi A Timeless Encounter) (2001)
การต่อสู้และการไล่ล่า เพื่อแย่งชิงโปเกมอนน้อย (พิเศษ: โปเกมอนผจญภัย 3 ท้ายแผ่น) - โปเกมอน มูฟวี่ 5 ตอน เทพพิทักษ์แห่งนครสายน้ำ (Pokémon Heroes: Latios and Latias) (2002)
ผจญภัยในดินแดนแห่งสายน้ำ และการต่อสู้ที่ดุเดือด (พิเศษ...โปเกมอนผจญภัย 4 ท้ายแผ่น)
Advanced Generation - โปเกมอน มูฟวี่ 6 ตอน คำอธิษฐานแห่งดวงดาว (Pokémon: Jirachi Wish Maker) (2003)
คำอธิษฐาน ความปรารถนา และการผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด (พิเศษ...โปเกมอนผจญภัย 5 ท้ายแผ่น) - โปเกมอน มูฟวี่ 7 ตอน เดโอคิซิส ปะทะ เร็คคูซ่า (Pokémon: Destiny Deoxys) (2004)
การต่อสู้ระหว่างโปเกมอนทรงพลัง ใครจะเป็นผู้ชนะ ! - โปเกมอน มูฟวี่ 8 ตอน มิวและอัศวินคลื่นพลัง (Pokémon: Lucario and the Mystery of Mew) (2005)
ต้นไม้ผู้ให้กำเนิดโลก สู่ตำนานแห่งอัศวินและคลื่นพลังลึกลับ - โปเกมอน Specials ตอน สุดยอดโปเกมอนโคลนนิง (Pokémon: The Mastermind of Mirage Pokémon) (2006)
10th Anniversary Special ! เป็นตอนพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีโปเกมอน - โปเกมอน มูฟวี่ 9 ตอน โปเกมอนเรนเจอร์กับเจ้าชายมานาฟี่แห่งท้องทะเล (Pokémon Ranger and the Temple of the Sea) (2006)
เจ้าชายแห่งท้องทะเลกับภารกิจเสี่ยงตาย เพื่อปกป้องขุมทรัพย์ใต้ทะเลลึก
Diamond and Pearl - โปเกมอน มูฟวี่ 10 ตอน เดียร์ก้า VS พาลเกีย ดาร์คไร (Pokémon: The Rise of Darkrai) (2007)
- โปเกมอน มูฟวี่ 11 ตอน กิราติน่า กับช่อดอกไม้แห่งท้องฟ้าน้ำแข็ง เชมิน (Pokémon: Giratina and the Sky Warrior) (2008)
- โปเกมอน มูฟวี่ 12 ตอน อาร์เซอุส สู่ชัยชนะแห่งห้วงจักรวาล (Pokémon: Arceus and the Jewel of Life) (2009)
- โปเกมอน มูฟวี่ 13 ตอน โซโลอาร์ค เจ้าแห่งมายา (Pokémon: Zoroark: Master of Illusions) (2010)
Best Wishes - โปเกมอน มูฟวี่ 14 ตอน วิคตินี่กับผู้กล้าแห่งความมืดมน (Pokémon the Movie: Black—Victini and Reshiram) (2011)
(ในประเทศไทย ไรท์บิยอนด์ยังไม่ออกจำหน่าย) - โปเกมอน มูฟวี่ 14 ตอน วิคตินี่กับผู้กล้าแห่งแสงสว่าง (Pokémon the Movie: White—Victini and Zekrom) (2011)
(ในประเทศไทย ไรท์บิยอนด์ยังไม่ออกจำหน่าย) - โปเกมอน มูฟวี่ 15 ตอน คิวเร็มปะทะนักรบศักดิ์สิทธิ์ (Pokémon the Movie: Kyurem VS. The Sword of Justice) (2012)
(ในประเทศไทย ไรท์บิยอนด์ยังไม่ออกจำหน่าย) - โปเกมอน มูฟวี่ 16 ตอน เกโนเส็คท์จ้าวลมกรด การตื่นขึ้นของมิวทู (Pokémon the Movie: Genesect and the Legend Awakened) (2013)
(ในประเทศไทย ไรท์บิยอนด์ยังไม่ออกจำหน่าย)
XY - โปเกมอน มูฟวี่ 17 ตอน รังไหมแห่งการทำลายกับเดียนซี่ (Pokémon the Movie: The Cocoon of Destruction and Diancie) (2014)
(ในประเทศไทย ไรท์บิยอนด์ยังไม่ออกจำหน่าย) - โปเกมอน มูฟวี่ 18 ตอน มหาปิศาจแห่งวงแหวน ฮูป้า (The Archdjinni of the Rings: Hoopa) (2015)
(ในประเทศไทย ไรท์บิยอนด์ยังไม่ออกจำหน่าย)
เรื่องสั้นปิกาจู
เป็นเรื่องสั้นช่วงหลังจากที่ฉายภาพยนตร์จบแล้ว
- โปเกมอน Pikachu ตอน วันหยุดของปิกาจู (Pokémon Pikachu: Pikachu's Vacation) (1998)
Pikachu's Vacation จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 1 - โปเกมอน Pikachu ตอน ปิกาจูผจญภัยช่วยเหลือ (Pokémon Pikachu: Pikachu's Rescue Adventure) (1999)
Pikachu's Rescue Adventure จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 2 - โปเกมอน Pikachu ตอน ปิกาจูและปิจู (Pokémon Pikachu: Pikachu & Pichu) (2000)
Pikachu & Pichu จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 3 - โปเกมอน Pikachu ตอน (Pokémon Pikachu: Pikachu's PikaBoo) (2001)
Pikachu's PikaBoo จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 4 - โปเกมอน Pikachu ตอน การตั้งแค้มป์ของปิกาจู (Pokémon Pikachu: Camp Pikachu) (2002)
Camp Pikachu จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 5 - โปเกมอน Pikachu ตอน สอนเต้น!! (Pokémon Pikachu: Gotta Dance!!) (2003)
Gotta Dance!! จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 6 - โปเกมอน Pikachu ตอน (Pokémon Pikachu: Meloetta's Moonlight Serenade) (2012)
Meloetta's Moonlight Serenade จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 15 - โปเกมอน Pikachu ตอน (Pokémon Pikachu: Eevee & Friends) (2013)
Eevee & Friends จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 16 - โปเกมอน Pikachu ตอน (Pokémon Pikachu: Pikachu, What's This Key?) (2014)
Pikachu, What's This Key? จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 17 - โปเกมอน Pikachu ตอน (Pokémon Pikachu: Pikachu and the Pokémon Band) (2015)
Pikachu and the Pokémon Band จะฉายหลังโปเกมอน มูฟวี่ 18
ซีดี
มีการผลิตซีดีโปเกมอนขายในอเมริกาเหนือ ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเกี่ยวกับโปเกมอนฉบับภาพยนตร์ 3 เรื่องแรก หาซื้อได้บ่อย ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2550 ซีดีที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ได้วางขายโดยจุเพลงประกอบภาษาอังกฤษ 18 แทร็ก และเป็นการวางขายซีดีฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกที่วางขายมากกว่า 5 ปี เพลงประกอบภาพยนตร์โปเกมอนได้วางขายในญี่ปุ่นด้วย
ปี | เรื่อง |
---|---|
29 มิถุนายน พ.ศ. 2542[30] | Pokémon 2.B.A. Master |
9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542[31] | เพลงประกอบภาพยนตร์ Pokémon: The First Movie |
8 กุมภาพันธ์, พ.ศ. 2543 | Pokémon World |
9 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 | Pokémon: The First Movie Original Motion Picture Score |
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 | เพลงประกอบภาพยนตร์ Pokémon The Movie 2000 |
พ.ศ. 2543 | Pokémon The Movie 2000 Original Motion Picture Score |
23 มกราคม พ.ศ. 2544 | Totally Pokémon |
3 เมษายน พ.ศ. 2544 | Pokémon 3: The Ultimate Soundtrack |
9 ตุลาคม พ.ศ. 2544 | Pokémon Christmas Bash |
27 มีนาคม พ.ศ. 2550 | Pokémon X: Ten Years of Pokémon |
โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม
โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกม เป็นเกมสะสมการ์ด มีจุดมุ่งหมายคล้ายคลึงกับการต่อสู้ของโปเกมอนในวิดีโอเกม ผู้เล่นใช้การ์ดโปเกมอนที่มีค่าความแข็งแกร่งและค่าความอ่อนแอบนการ์ดแต่ละใบ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้โดยการ "น็อคเอาต์" การ์ดโปเกมอนของเขา[32] การ์ดเกมนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในอเมริกาเหนือโดยบริษัท วิซาร์ดออฟเดอะโคสต์ (อังกฤษ: Wizards of the Coast) ในปี ค.ศ. 1999[33] อย่างไรก็ตาม เมื่อโปเกมอนรูบี้แอนด์แซฟไฟร์วางจำหน่ายออกมา บริษัทโปเกมอนได้เรียกคืนการ์ดเกมจากวิซาร์ดออฟเดอะโคสต์ และเริ่มต้นตีพิมพ์จำหน่ายเอง[33] การขยายกิจการของบริษัทในเวลาต่อมาคือการเปิดตัว โปเกมอนอีเทรดดิงการ์ดเกม ซึ่งเป็นการ์ดที่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องนินเทนโด อีรีดเดอร์ ต่อมานินเทนโดหยุดการผลิตของการ์ดเหล่านี้และต่อการปล่อย EX ไฟร์เร้ดและลีฟกรีนแทน นินเทนโดวางจำหน่ายเทรดดิงการ์เกมเวอร์ชันเกมบอยคัลเลอร์ในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1998 และวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในปี ค.ศ. 2000 ด้วย โปเกมอนเทรดดิงการ์ดเกมนี้ยังประกอบด้วยการ์ดเวอร์ชันดิจิทัลจากการ์ดชุดดั้งเดิม และการ์ดเสริม 2 ชนิด (Jungle และ Fossil) รวมถึงการ์ดมากมายที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับเกม เกมภาคต่อเฉพาะเวอร์ชันญี่ปุ่นได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2001[34]
มังงะ
โปเกมอนฉบับมังงะ (หนังสือการ์ตูน) นั้นมีหลากหลาย โดยผู้ที่ผลิตวางขายในภาษาอังกฤษคือ Viz Communications และ Chuang Yi มังงะนั้นแตกต่างจากวิดีโอเกมและการ์ตูนมากในเรื่องของนักฝึกโปเกมอน สามารถฆ่าโปเกมอนของฝ่ายตรงข้ามได้
คำวิจารณ์และข้อถกเถียง
หลักศีลธรรมจรรยา
โปเกมอนได้รับคำวิจารณ์จากศาสนิกชนของศาสนาคริสต์ ยูดาย ชาวคริสต์เห็นว่าเกี่ยวกับความลึกลับและรุนแรงของโปเกมอน รวมถึงโปเกมอนวิวัฒนาการของโปเกมอน (แม้ว่าจะคล้ายกับการลอกคราบมากกว่า แต่โครงการ ChildCare Action Project เชื่อมโยงมันเข้ากับเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการ) ซึ่งเขาอ้างว่าขัดแย้งกับการกำเนิดทางไบเบิลของสรรพสิ่งที่รุนแรง[35] ซึ่งคนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ จึงไม่เชื่อเรื่องนี้[36][37] อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมในวาติกันแย้งว่าโปเกมอนเทรดดิงการ์ด และวิดีโอเกมนั้น "มีจินตนาการสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยม" และ "ไม่มีผลกระทบข้างเคียงในเรื่องหลักศีลธรรมเลย"[38] ในสหราชอาณาจักร เกม "คริสเตียน เพาเวอร์ การ์ด" ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 โดยเดวิด เทต ซึ่งกล่าวว่า "บางคนไม่ชอบโปเกมอนและต้องการทางเลือกอื่น พวกเขาเพียงต้องการเกมของคริสต์ศาสนิกชนเท่านั้น" เกมนี้ดูคล้ายกับโปเกมอนเทรดดิงการ์ดแต่ตัวละครสำคัญบนการ์ดมาจากคัมภีร์ไบเบิล[39]
ในปี ค.ศ. 1999 นินเทนโดหยุดผลิตการ์ด "Koga's Ninja Trick" เวอร์ชันญี่ปุ่นเนื่องจากรูปภาพแสดงให้เห็นถึงตัวมังจิ เครื่องหมายทางศาสนาพุทธซึ่งไม่มีนัยในด้านลบ[40]
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อต้านการสบประมาทของชาวยิวได้ประกาศต่อต้านเนื่องจากสัญลักษณ์นี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์สวัสติกะกลับด้าน ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีชาวยิว แม้ว่านินเทนโดจะตั้งใจว่าจะวางขายการ์ดเหล่านี้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นินเทนโดก็มีกำหนดการปล่อยเวอร์ชันอเมริกาเหนือในปีต่อมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อต้านการสบประมาทเข้าใจว่าสัญลักษณ์ที่เป็นปัญหานั้นไม่มีเจตนาจะจู่โจมและยอมรับการที่นินเทนโดลบเครื่องหมายนี้ออกไป[41]
ในปี ค.ศ. 2001 ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประกาศห้ามนำเกมโปเกมอนและการ์ดเข้าประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการสนับสนุนกลุ่มไซออนนิสม์ โดยดูจากสัญลักษณ์ ดาราแห่งเดวิด (Star of David) ที่แสดงบนการ์ด และมีความเกี่ยวโยงกับการพนัน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎของชาวมุสลิม[42][43] โปเกมอนยังถูกกล่าวหาเนื่องจากส่งเสริมพวกวัตถุนิยมอีกด้วย[44]
ในปี ค.ศ. 1999 เด็กชายอายุ 9 ขวบ 2 คน ฟ้องร้องนินเทนโด เพราะเขาอ้างว่าเกมโปเกมอนเทรดดิงการ์ดทำให้เขาติดการพนันงอมแงม[45]
เกี่ยวกับสุขภาพ
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1997 เด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่น 700 คนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลหลังมีอาการลมชักกะทันหัน ซึ่งพบว่าเกิดขึ้นจากการดูการ์ตูนโปเกมอนตอนที่ 38 (ญี่ปุ่น: でんのうせんしポリゴン Computer Soldier Porygon: EP038) เป็นผลให้ตอนนี้ไม่ได้ออกอากาศอีก ในโปเกมอนตอนนี้ จะมีการระเบิดขึ้นและมีแสงสีแดงกับสีน้ำเงินสลับกันอย่างรวดเร็ว[46] และสิ่งนี้เรียกว่า "paka-paka"[47] ซึ่งมีการระบุว่าแสงเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดอาการลมชัก แม้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่เคยมีประวัติของโรคนี้มาก่อนก็ตาม[48] จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีสื่อล้อเลียนโปเกมอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยปรากฏการเย้ยหยันในเรื่องเดอะซิมป์สันส์ ตอน Thirty Minutes over Tokyo[49] และเรื่องเซาท์พาร์ก ตอน Chinpokomon[50]
มอนสเตอร์ อิน มายพ็อคเก็ต
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2000 บริษัทผู้ผลิตของเล่นขนาดเล็ก Morrison Entertainment Group ที่ตั้งอยู่ที่แมนฮัตตันบีช แคลิฟอร์เนีย ฟ้องร้องนินเทนโดว่าแฟรนไชส์โปเกมอนละเมิดตัวละครของมอนสเตอร์อินมายพ็อคเก็ต ที่ตนเป็นผู้ผลิต โดยผู้พิพากษาตัดสินว่าไม่ใช่การละเมิด ดังนั้น Morrison จึงฟ้องอุทธรณ์ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001
อิทธิพลทางวัฒนธรรม
เนื่องจากความนิยมของโปเกมอน ส่งผลให้มีโปเกมอนเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยม ตัวละครของโปเกมอนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่นบอลลูนรูปพิกะจูในขบวนพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าของเมซี่ (Macy's Thanksgiving Day Parade) เครื่องบินโบอิง 747-400 รูปโปเกมอน สินค้าโปเกมอนนับพัน และสวนสนุกโปเกมอนในเมืองนาโกยะ ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 2005 และในไทเป ค.ศ. 2006 โปเกมอนยังปรากฏบนปกของนิตยสารไทม์ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1999 การแสดงตลกชื่อ Drawn Together มีตัวละครชื่อ ลิงลิง (Ling-Ling) ที่มีลักษณะล้อเลียนพิกะจู[51] และการแสดงอื่น ๆ อีกหลายการแสดงเช่น ReBoot เดอะซิมป์สันส์ South Park The Grim Adventures of Billy and Mandy และ All Grown Up! ที่ได้อ้างถึงโปเกมอนระหว่างเนื้อเรื่อง โปเกมอนยังถูกนำเสนอในรายการ I Love the '90s: Part Deux ของสถานีโทรทัศน์ VH1 อีกด้วย การแสดงสดชื่อว่า โปเกมอนไลฟ์ (Pokémon Live!) ได้ทัวร์ไปในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี ค.ศ. 2000 โดยแสดงตามเนื้อเรื่องโปเกมอนฉบับอะนิเมะ แต่มีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับต่อเนื่องของเนื้อเรื่องในการแสดงนี้ จิม บุทเชอร์ กล่าวถึงโปเกมอนว่าเป็นแรงบันดาลใจในซีรีส์นวนิยายเรื่อง Codex Alera
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2001 นินเทนโดเปิดร้านค้าชื่อว่า Pokémon Center ณ ศูนย์กลางร็อกเฟลเลอร์ในนิวยอร์ก[52] โดยออกแบบขึ้นหลังร้าน Pokémon Center 2 แห่งในโตเกียวและโอซาก้า ซึ่งอาคารนี้ในเนื้อเรื่องเป็นที่ที่นักฝึกโปเกมอนนำโปเกมอนมารักษาอาการเจ็บป่วย[53] ร้านค้านี้ขายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับโปเกมอน มี 2 ชั้น โดยเรียงเป็นลำดับสินค้าตั้งแต่เสื้อยืดสะสม อุปกรณ์เครื่องเขียน pokemon card ไปจนถึงตุ๊กตาโปเกมอน[54] ร้านแห่งนี้ยังเปิดตัว เครื่องแจกจ่ายโปเกมอน (Pokémon Distributing Machine) ที่ผู้เล่นจะวางเกมโปเกมอนลงไปเพื่อรับไข่โปเกมอนที่แจกขึ้นเฉพาะเวลานั้นเท่านั้น นอกจากนี้ร้านแห่งนี้ยังมีโต๊ะสำหรับให้ผู้เล่นเข้าไปเล่นโปเกมอนเทรดดิงการ์ดเพื่อดวลกัน ร้าน Pokémon Center นี้ปิดตัวลงและสร้าง Nintendo World Store ขึ้นมาแทนที่ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2005[55]
โจเซฟ เจ โทบินตั้งทฤษฎีว่าความสำเร็จของแฟรนไชส์โปเกมอนส่วนใหญ่มาจากรายชื่อยาวเหยียดที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และพูดถึงซ้ำ ๆ ในกลุ่มเพื่อนของตน โลกของเรื่องสมมุติมีโอกาสมากมายให้อภิปรายและสาธิตความรู้ต่อหน้าเพื่อน ๆ ในเวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส นินเทนโดได้ใส่ใจโดยแปลชื่อของโปเกมอนเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมและภาษาของฝรั่งเศส ชื่อโปเกมอนทุกชื่อแสดงความเป็นตัวตน ที่ทำให้เด็กเชื่อว่าชื่อนั้นมีอำนาจเชิงสัญลักษณ์ เด็ก ๆ สามารถเลือกโปเกมอนตัวโปรดและใช้แสดงความเป็นตัวเอง ขณะที่ในเวลาเดียวกันก็สนับสนุนความสอดคล้องเหมือนกันภายในกลุ่ม และแบ่งแยกกลุ่มของตนจากเด็กกลุ่มอื่นโดยประเมินจากสิ่งที่พวกเขาชอบและสิ่งที่ไม่ชอบจากทุก ๆ ตอน โปเกมอนได้รับความนิยมเพราะโปเกมอนให้ความเป็นอัตลักษณ์กับกลุ่มของเด็ก ๆ ในวงกว้างได้ และเสียมันไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อเด็ก ๆ กลุ่มนั้นพบว่ากลุ่มอัตลักษณ์นั้นใหญ่เกินไปและตามหาอัตลักษณ์อื่น ๆ ที่จะแยกเขาออกมาอยู่ในกลุ่มที่เล็กลงได้[56]
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 กิจกรรม "เดือนแห่งรูปโปรไฟล์โปเกมอน" (Pokémon profile picture month) บนเว็บไซต์เฟซบุ๊กได้เริ่มขึ้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 100,000 คน (โดยประมาณ) เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของตนเองให้เป็นรูปโปเกมอน ในปี ค.ศ. 2010 ประชาชนกว่า 252,000 คนตอบว่า "เข้าร่วม" กิจกรรม หรือมีคนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อยสองเท่าของปีก่อนหน้า[57]
ประวัติศาสตร์ของโปเกมอนเกิดขึ้นพร้อมกับคู่แข่งอย่างแฟรนไชส์ ดิจิมอน ที่เปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน ฮวาน แคสโทร จากไอจีเอ็น ซึ่งกล่าวถึงดิจิมอนว่าเป็นอีก "มอน" หนึ่ง เขากล่าวว่าดิจิมอนไม่ได้รับความนิยมหรือความสำเร็จอยู่ในระดับเดียวกับโปเกมอน แต่ก็มียังแฟนคลับที่อุทิศตนให้[58] ลูคัส เอ็ม. โธมัส จากไอจีเอ็นกล่าวว่า โปเกมอนเป็น "การแข่งขันและการเปรียบเทียบเสมอมา" ของดิจิมอน อ้างว่าความสำเร็จของโปเกมอนมจากความง่ายของกลไกวิวัฒนาการเมื่อเทียบกับดิจิโวลูชัน[59] แหล่งข้อมูลเช่น เกมโซน (GameZone)[60] มองว่า สองแฟรนไชส์นี้มีแนวคิดและรูปแบบที่คล้ายกัน การโต้วาทีระหว่างแฟนคลับในเรื่องแฟรนไชส์ใดเกิดขึ้นก่อนยังคงมีอยู่[61] ในความจริง สื่อแรกของโปเกมอน นั่นคือโปเกมอนเร้ด และ กรีน ออกจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996[62] ขณะที่ สัตว์เลี้ยงเสมือนจริงของดิจิมอนออกจำหน่ายในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1997
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ NLS/BPH: Other Writings, The ABC Book, A Pronunciation Guide
- ↑ Sora Ltd. (March 9, 2008). Super Smash Bros. Brawl (Wii). Nintendo.
(Announcer's dialog after the character Pokémon Trainer is selected (voice acted))
- ↑ Boyes, Emma (January 10, 2007). "UK paper names top game franchises". GameSpot. GameSpot UK. สืบค้นเมื่อ February 26, 2007.
- ↑ "Pokemon 10-Year Retrospective". IGN. สืบค้นเมื่อ August 19, 2009.
- ↑ "Pokémon Black Version and Pokémon White Version for Nintendo DS coming to Europe in Spring 2011" (Press release). Nintendo. May 29, 2010. สืบค้นเมื่อ May 28, 2010.
- ↑ "Pokemon USA Moves Licensing In-House", Gamasutra.
- ↑ Swider, Matt. "The Pokemon Series Pokedex". Gaming Target. สืบค้นเมื่อ February 28, 2007.
- ↑ "Pokémon Green Info on GameFAQs" gamefaqs.com. Retrieved February 23, 2007.
- ↑ Lucas M. Thomas (April 4, 2007). "The Countdown to Diamond and Pearl, Part 4". IGN. สืบค้นเมื่อ June 29, 2008.
- ↑ "Cubed3 Pokémon Battle Revolution Confirmed for Wii" and soon Pokémon Mystery Dungeon 2: Darkness Exploration Team, and Time Exploration Team Cubed3.com. Retrieved June 7, 2006.
- ↑ "「ポケットモンスター」シリーズ最新作 2009年秋 ニンテンドーDSで発売決定!" (ภาษาJapanese). Nintendo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-11. สืบค้นเมื่อ May 8, 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト | ポケットモンスターオフィシャルサイト" (ภาษาJapanese). สืบค้นเมื่อ April 9, 2010.
{{cite web}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า :|1=
(help)CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "『ポケットモンスター』シリーズ完全新作 2010年内発売に向けて開発中! | ゲーム関連 | ニュース | ポケットモンスターオフィシャルサイト" (ภาษาJapanese). January 29, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-09-14. สืบค้นเมื่อ January 29, 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Brian Ashcraft (Jan 28, 2010). ""Entirely New" Pokemon Series Coming This Year – Japan – Kotaku". Kotaku. สืบค้นเมื่อ January 29, 2010.
- ↑ "商品情報 | 『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-19. สืบค้นเมื่อ June 27, 2010.
- ↑ Micheal G. Ryan, บ.ก. (2011). "Unova Region Pokédex". Pokémon Black & White Versions: The Official Unova Pokédex & Guide: Volume 2. The Pokémon Company. pp. 12–89.
{{cite book}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ "Cギア | 『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト" (ภาษาJapanese). Nintendo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-01. สืบค้นเมื่อ June 28, 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Webで広がる遊び | 『ポケットモンスターブラック・ホワイト』公式サイト" (ภาษาJapanese). Nintendo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-01. สืบค้นเมื่อ June 28, 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Pokémon X & Y Arrives on 3DS Worldwide in October". Anime News Network. สืบค้นเมื่อ January 8, 2013.
- ↑ Pokémon Ruby review (page 1) Gamespy.com. URL Accessed May 30, 2006.
- ↑ Pokémon Yellow Critical Review Ign.com. URL accessed on March 27, 2006.
- ↑ Official Pokémon Scenario Guide Diamond and Pearl version p. 30-31
- ↑ 23.0 23.1 Pokémon anime overview Psypokes.com. URL Accessed May 25, 2006.
- ↑ Pokémon 10th Anniversary, Vol. 1 - Pikachu, Viz Video., June 6, 2006. ASIN B000F4PDE4.
- ↑ 25.0 25.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Original_series
- ↑ 26.0 26.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Advanced_Generation_series
- ↑ 27.0 27.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Diamond_&_Pearl_series
- ↑ 28.0 28.1 http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/Best_Wishes_series
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อXY
- ↑ "Pokémon 2.B.A. Master Soundtrack CD". สืบค้นเมื่อ 2008-07-18.
- ↑ "Pokémon: The First Movie Soundtrack CD". สืบค้นเมื่อ 2008-07-18.
- ↑ "Pokémon Trading Card Game "How to play" guide". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 22, 2007. Pokemon-tcg.com. Retrieved July 3, 2006.
- ↑ 33.0 33.1 Pokémon Trading Card Game News; "Pokémon Ruby & Sapphire TCG Releases" Wizards.com. Retrieved July 3, 2006.
- ↑ "Pokemon Card GB2 info on GameFAQs". Retrieved June 8, 2008.
- ↑ Carder, Thomas A. Pokémon: The Movie (1999).ChildCare Action Project: 1999
- ↑ "Japan's Religion and Philosophy (Shinto, Buddhism, Christianity, Religion in Japan Today)". Asianinfo.org. สืบค้นเมื่อ May 21, 2010.
- ↑ Religion in Japan
- ↑ Silverman, Stephen M. Pokemon Gets Religion. People
- ↑ Pokémon trumped by pocket saints. BBC: June 27, 2000.
- ↑ "Koga's Ninja Trick". Bulbapedia. สืบค้นเมื่อ August 10, 2010.
- ↑ Fitzgerald, Jim (December 3, 1999). "'Swastika' Pokemon card dropped". Chicago Sun-Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 11, 2007.
- ↑ "Saudi bans Pokemon". CNN. March 26, 2001. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 18, 2008.
- ↑ "Saudi Arabia bans Pokemon". BBC News. March 26, 2001. สืบค้นเมื่อ February 13, 2009.
- ↑ Ramlow, Todd R. Pokemon, or rather, Pocket Money. Popmatters: 2000
- ↑ Crowley, Kieran. "Lawsuit Slams Pokemon As Bad Bet for Addicted Kids". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 22, 2000.. New York Post: October 1999
- ↑ Pokemon packs a punch. Retrieved January 7, 2007.
- ↑ Wudunn, Sheryl (December 18, 1997). "TV Cartoon's Flashes Send 700 Japanese Into Seizures". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2008-11-21.
- ↑ ""Color Changes in TV Cartoons Cause Seizures". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2004.", ScienceDaily (Waybacked).
- ↑ "Thirty Minutes Over Tokyo". The Simpsons Archive. สืบค้นเมื่อ July 16, 2008.
- ↑ "South Park Goes Global: Reading Japan in Pokemon". University of Auckland. สืบค้นเมื่อ September 30, 2008.
- ↑ "Pokemon Sightings and Rip-offs". สืบค้นเมื่อ June 29, 2008. [ลิงก์เสีย]
- ↑ Opening Date of Store
- ↑ Information on the Store
- ↑ Tour Site Page
- ↑ Manhattan Living Page On Store Archived by the Wayback Machine beta.
- ↑ Joseph Jay Tobin (2004). Pikachu's global adventure: the rise and fall of Pokémon. Duke University Press. ISBN 0-8223-3287-6 ISBN 9780822332879.
{{cite book}}
: ตรวจสอบค่า|isbn=
: ตัวอักษรไม่ถูกต้อง (help) - ↑ "Pokemon Profile Picture Month". Facebook. 2010. สืบค้นเมื่อ December 5, 2010.
- ↑ Castro, Juan (May 20, 2005). "E3 2005: Digimon World 4". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-20. สืบค้นเมื่อ April 4, 2010.
- ↑ Thomas, Lucas M. (August 21, 2009). "Cheers & Tears: DS Fighting Games". IGN. สืบค้นเมื่อ April 4, 2010.
- ↑ Bedigian, Louis (July 12, 2002). "Digimon World 3 Review". GameZone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-27. สืบค้นเมื่อ May 1, 2010.
- ↑ DeVries, Jack (November 22, 2006). "Digimon World DS Review". IGN. สืบค้นเมื่อ May 8, 2010.
- ↑ "Related Games". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-28. สืบค้นเมื่อ May 8, 2010.