ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกออร์กี จูคอฟ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{ต้องการอ้างอิง}}
จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต '''เกออร์กี คอนสตันตีโนวิช จูคอฟ''' ({{lang-en|Georgy Konstantinovich Zhukov}}; {{lang-ru|Гео́ргий Константи́нович Жу́ков}}; 1 ธันวาคม พ.ศ. 2439 – 18 มิถุนายน พ.ศ. 2517) เป็นนายทหารอาชีพชาวโซเวียตใน[[กองทัพแดง]] ซึ่งในห้วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]มีบทบาทสำคัญที่สุดในการนำกองทัพแดงยกผ่าน[[ยุโรปตะวันออก]]ส่วนใหญ่เพื่อปลดปล่อยสหภาพโซเวียตและชาติอื่นจากการยึดครองของ[[ฝ่ายอักษะ]]และพิชิตกรุง[[เบอร์ลิน]]ได้ในที่สุด เขาเป็นนายพลที่ได้รางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์[[สหภาพโซเวียต]]และ[[รัสเซีย]]
{{Infobox officeholder
| birthname = เกออร์กี คอนสตันตีโนวิช จูคอฟ<br/><small>Гео́ргий Константи́нович Жу́ков</small>
| image = RIAN archive 2410 Marshal Zhukov speaking.jpg
| width = 200px
| caption = จูคอฟปราศรัยในกรุงมอสโก สหภาพโซเวียต ปี 1941
| nationality = โซเวียต
| ethnicity = [[ชาวรัสเซีย|รัสเซีย]]
| office = รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
| term_start = 9 กุมภาพันธ์ 1955
| term_end = 26 ตุลาคม 1957
| 1blankname = นายกรัฐมนตรี
| 1namedata = [[นีโคไล บุลกานิน]]
| predecessor = [[นีโคไล บุลกานิน]]
| successor = [[โรดีออน มาลีนอฟสกี]]
| office1 = สมาชิกเต็มแห่งโปลิตบูโร
| term_start1 = 29 มิถุนายน
| term_end1 = 29 ตุลาคม 1957
| office2 = สมาชิกทดลองแห่งโปลิตบูโร
| term_start2 = 27 กุมภาพันธ์ 1956
| term_end2 = 29 มิถุนายน 1957
| birth_date = 1 ธันวาคม 1896
| birth_place = สเตรลคอฟคา คาลูกา จักรวรรดิรัสเซีย
| death_date = 18 มิถุนายน 1974
| death_place = กรุง[[มอสโก]] [[สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย]] [[สหภาพโซเวียต]]
| spouse = อะเล็กซันดรา ดีฟนา ซุยโควา (1920-1953) <br />กาลีนา อะเล็กซันดรอฟนา เซมโยโนวา (1965-1973)
| children = อีรา จูโควา (ช. 1928) <br />
มาร์การีตา จูโควา (1929-2011) <br />
เอลลา จูโควา (1937-2010) <br />
มาเรีย จูโควา (ช. 1957)
| profession = [[ทหาร]]
| religion = คริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์รัสเซีย
| signature = Georgi Zhukov Signature.svg
| party = [[พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต]]
| allegiance = {{flag|จักรวรรดิรัสเซีย}}<br/>{{flag|สหภาพโซเวียต}}
| branch = [[กองทัพบกจักรวรรดิรัสเซีย]]<br>[[กองทัพแดง]]<br />[[กองทัพบกโซเวียต]]
| serviceyears = 1915–1957
| rank = [[จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต]]
| commands = มณฑลทหารบกเคียฟ<br/>แนวรบตะวันตก<br />[[แนวรบเบียโลรัสเซียที่ 1]]<br />มณฑลทหารบกโอเดสซา
| battles = [[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]<br/>[[สงครามกลางเมืองรัสเซีย]]<br/>[[ข้อพิพาทชายแดนโซเวียต–ญี่ปุ่น|สงครามชายแดนโซเวียต–ญี่ปุ่น]] ([[ยุทธการฮาลฮิน กอล]]) <br/>[[แนวรบด้านตะวันออก (สงครามโลกครั้งที่สอง)|มหาสงครามรักชาติ]]
| awards = [[วีรชนแห่งสหภาพโซเวียต]] (4)
}}

'''เกออร์กี คอนสตันตีโนวิช จูคอฟ''' ({{lang-en|Georgy Konstantinovich Zhukov}}; {{lang-ru|Гео́ргий Константи́нович Жу́ков}}; 1 ธันวาคม พ.ศ. 2439 – 18 มิถุนายน พ.ศ. 2517) เป็นนายทหารอาชีพชาวโซเวียตใน[[กองทัพแดง]] ซึ่งในห้วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]มีบทบาทสำคัญที่สุดในการนำกองทัพแดงยกผ่าน[[ยุโรปตะวันออก]]ส่วนใหญ่เพื่อปลดปล่อยสหภาพโซเวียตและชาติอื่นจากการยึดครองของ[[ฝ่ายอักษะ]]และพิชิตกรุง[[เบอร์ลิน]]ได้ในที่สุด เขาเป็นนายพลที่ได้รางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์[[สหภาพโซเวียต]]และ[[รัสเซีย]]


เป็นนายพลที่ขึ้นชื่อที่สุดคนหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้อันดับต้น ๆ เพราะจำนวนและขนาดของชัยชนะ<ref>Dwight D. Eisenhower. "Crusade in Europe" (1948), p. 285.</ref> และคนจำนวนมากยอมรับความสามารถในการบังคับบัญชาทางปฏิบัติการและยุทธศาสตร์ของเขา<ref>Harold Shukman (1993) ''Stalin's Generals'', Grove Press, New York City, p. 172, ISBN 1842125133.</ref> สัมฤทธิภาพการรบของเขาพัฒนาความรู้ทางทหารของมนุษยชาติอย่างสำคัญ โดยมีอิทธิพลมากทั้งต่อทฤษฎีทางทหารของโซเวียตและทั้งโลก<ref>John Eisenhower (1974). ''Strictly Personal''. New York. 1974. p. 21, ISBN 0385070713.</ref>
เป็นนายพลที่ขึ้นชื่อที่สุดคนหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้อันดับต้น ๆ เพราะจำนวนและขนาดของชัยชนะ<ref>Dwight D. Eisenhower. "Crusade in Europe" (1948), p. 285.</ref> และคนจำนวนมากยอมรับความสามารถในการบังคับบัญชาทางปฏิบัติการและยุทธศาสตร์ของเขา<ref>Harold Shukman (1993) ''Stalin's Generals'', Grove Press, New York City, p. 172, ISBN 1842125133.</ref> สัมฤทธิภาพการรบของเขาพัฒนาความรู้ทางทหารของมนุษยชาติอย่างสำคัญ โดยมีอิทธิพลมากทั้งต่อทฤษฎีทางทหารของโซเวียตและทั้งโลก<ref>John Eisenhower (1974). ''Strictly Personal''. New York. 1974. p. 21, ISBN 0385070713.</ref>
บรรทัด 48: บรรทัด 6:
== ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ==
== ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ==
[[ไฟล์:Zhukov1916.jpg|thumb|150px|เกออร์กี จูคอฟ ในเครื่องแบบทหาร[[กองทัพจักรวรรดิรัสเซีย]] (1916)]]
[[ไฟล์:Zhukov1916.jpg|thumb|150px|เกออร์กี จูคอฟ ในเครื่องแบบทหาร[[กองทัพจักรวรรดิรัสเซีย]] (1916)]]
[[ไฟล์:Zhukov1923.jpg|thumb|150px|เกออร์กี จูคอฟ ในฐานะผู้บัญชาการ กองพันทหารม้า Buzuluk ที่ 39, หน่วยทหารม้า Samara ที่ 7
(1923)]]
[[ไฟล์:Khalkhin Gol George Zhukov and Khorloogiin Choibalsan 1939 - 2.jpg|thumb|150px|เกออร์กี จูคอฟ กับนายพลมองโกเลีย ในช่วงยุทธการที่ฮาลฮินโกล (1939)]]
[[ไฟล์:Khalkhin Gol George Zhukov and Khorloogiin Choibalsan 1939 - 2.jpg|thumb|150px|เกออร์กี จูคอฟ กับนายพลมองโกเลีย ในช่วงยุทธการที่ฮาลฮินโกล (1939)]]
จูคอฟเกิดในครอบครัวชาวนารัสเซีย [[พ.ศ. 2458]] ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพบกจักรวรรดิรัสเซีย ระหว่าง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เขารบได้อย่างกล้าหาญ จึงได้รับเหรียญตราและถูกเลื่อนยศ หลัง[[การปฏิวัติเดือนตุลาคม]] แห่งปี [[พ.ศ. 2460]] ชูคอฟเข้าร่วมกับพรรค[[บอลเชวิค]] และต่อสู้ใน[[สงครามกลางเมืองรัสเซีย]] ช่วงปี [[พ.ศ. 2461]] - [[พ.ศ. 2464]] ต่อมาเมื่อ [[พ.ศ. 2466]] เขาขึ้นเป็นผู้บัญชาการกรม [[พ.ศ. 2473]] เป็นผู้บัญชาการกองพัน ชูคอฟเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญในทฤษฎีใหม่ของ[[สงครามยานเกราะ]] เขาโดดเด่นเรื่องการวางแผนการรบที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย เขาเน้นระเบียบวินัยและความเข้มงวด เขาเป็นหนึ่งในบรรดานายทหารไม่มากนักที่รอดพ้นจาก[[การกวาดล้างกองทัพครั้งใหญ่]]ของสตาลิน ช่วงปี [[พ.ศ. 2481]] - [[พ.ศ. 2482]]
จูคอฟเกิดในครอบครัวชาวนารัสเซีย [[พ.ศ. 2458]] ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพบกจักรวรรดิรัสเซีย ระหว่าง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เขารบได้อย่างกล้าหาญ จึงได้รับเหรียญตราและถูกเลื่อนยศ หลัง[[การปฏิวัติเดือนตุลาคม]] แห่งปี [[พ.ศ. 2460]] ชูคอฟเข้าร่วมกับพรรค[[บอลเชวิค]] และต่อสู้ใน[[สงครามกลางเมืองรัสเซีย]] ช่วงปี [[พ.ศ. 2461]] - [[พ.ศ. 2464]] ต่อมาเมื่อ [[พ.ศ. 2466]] เขาขึ้นเป็นผู้บัญชาการกรม [[พ.ศ. 2473]] เป็นผู้บัญชาการกองพัน ชูคอฟเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญในทฤษฎีใหม่ของ[[สงครามยานเกราะ]] เขาโดดเด่นเรื่องการวางแผนการรบที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย เขาเน้นระเบียบวินัยและความเข้มงวด เขาเป็นหนึ่งในบรรดานายทหารไม่มากนักที่รอดพ้นจาก[[การกวาดล้างกองทัพครั้งใหญ่]]ของสตาลิน ช่วงปี [[พ.ศ. 2481]] - [[พ.ศ. 2482]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:34, 2 พฤษภาคม 2561

จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต เกออร์กี คอนสตันตีโนวิช จูคอฟ (อังกฤษ: Georgy Konstantinovich Zhukov; รัสเซีย: Гео́ргий Константи́нович Жу́ков; 1 ธันวาคม พ.ศ. 2439 – 18 มิถุนายน พ.ศ. 2517) เป็นนายทหารอาชีพชาวโซเวียตในกองทัพแดง ซึ่งในห้วงสงครามโลกครั้งที่สองมีบทบาทสำคัญที่สุดในการนำกองทัพแดงยกผ่านยุโรปตะวันออกส่วนใหญ่เพื่อปลดปล่อยสหภาพโซเวียตและชาติอื่นจากการยึดครองของฝ่ายอักษะและพิชิตกรุงเบอร์ลินได้ในที่สุด เขาเป็นนายพลที่ได้รางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหภาพโซเวียตและรัสเซีย

เป็นนายพลที่ขึ้นชื่อที่สุดคนหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้อันดับต้น ๆ เพราะจำนวนและขนาดของชัยชนะ[1] และคนจำนวนมากยอมรับความสามารถในการบังคับบัญชาทางปฏิบัติการและยุทธศาสตร์ของเขา[2] สัมฤทธิภาพการรบของเขาพัฒนาความรู้ทางทหารของมนุษยชาติอย่างสำคัญ โดยมีอิทธิพลมากทั้งต่อทฤษฎีทางทหารของโซเวียตและทั้งโลก[3]

ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง

เกออร์กี จูคอฟ ในเครื่องแบบทหารกองทัพจักรวรรดิรัสเซีย (1916)
เกออร์กี จูคอฟ กับนายพลมองโกเลีย ในช่วงยุทธการที่ฮาลฮินโกล (1939)

จูคอฟเกิดในครอบครัวชาวนารัสเซีย พ.ศ. 2458 ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพบกจักรวรรดิรัสเซีย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขารบได้อย่างกล้าหาญ จึงได้รับเหรียญตราและถูกเลื่อนยศ หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม แห่งปี พ.ศ. 2460 ชูคอฟเข้าร่วมกับพรรคบอลเชวิค และต่อสู้ในสงครามกลางเมืองรัสเซีย ช่วงปี พ.ศ. 2461 - พ.ศ. 2464 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2466 เขาขึ้นเป็นผู้บัญชาการกรม พ.ศ. 2473 เป็นผู้บัญชาการกองพัน ชูคอฟเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญในทฤษฎีใหม่ของสงครามยานเกราะ เขาโดดเด่นเรื่องการวางแผนการรบที่เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย เขาเน้นระเบียบวินัยและความเข้มงวด เขาเป็นหนึ่งในบรรดานายทหารไม่มากนักที่รอดพ้นจากการกวาดล้างกองทัพครั้งใหญ่ของสตาลิน ช่วงปี พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2482

พ.ศ. 2481 ชูคอฟ เป็นผู้บัญชาการกลุ่มกองทัพโซเวียตมองโกเลียที่ 1 และเป็นผู้บัญชาการรบกับกองทัพกวางตุ้งของญี่ปุ่นที่บริเวณพรมแดนมองโกเลียกับรัฐแมนจูกัวของญี่ปุ่นในสงครามอย่างไม่เป็นทางการช่วงปี พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2482 ที่เริ่มจากการกระทบกระทั่งรายวันตามแนวพรมแดน โดยญี่ปุ่นหวังจะทดสอบกำลังในการป้องกันเขตแดนของฝ่ายโซเวียต จนเรื่องนี้กลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า ยุทธการที่ฮาลฮินโกล ญี่ปุ่นทุ่มกำลังพล 80,000 นาย รถถัง 180 คัน และอากาศยาน 450 ลำเข้าสู่สงคราม งานนี้ชูคอฟสามารถพิชิตฝ่ายญี่ปุ่นได้โดยง่าย และได้รับตำแหน่งเป็นวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตแต่ชื่อเสียงของเขาไม่เป็นที่รู้จักในภายนอก เพราะช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี ชาติตะวันตกไม่สนใจการรบแบบยานเกราะเคลื่อนที่ที่เขานำมาลองใช้ที่ ฮาลฮิน โกล สงครามสายฟ้าแลบของเยอรมันต่อฝรั่งเศส จึงสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนมากมาย

ชูคอฟ ได้รับการเลื่อนยศเป็นพลเอกในปี พ.ศ. 2483 ระหว่างเดือนมกราคม - กรกฎาคม พ.ศ. 2484 เขาเป็นประธานเสนาธิการกองทัพแดง แต่เพราะความขัดแย้งกับสตาลิน เขาจึงถูกปลด หลังจากที่นาซีเยอรมนีบุกสหภาพโซเวียตได้ไม่นาน

แม่ทัพใหญ่

มูลเหตุของความขัดแย้งกับสตาลินในครั้งนั้น ก็คือจูคอฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในนายทหารไม่กี่คน ที่กล้าที่จะท้วงติงผู้นำ เขาทักท้วงสตาลินว่า เคียฟคงจะทานการรุกของข้าศึกไม่ไหว ทางที่ดีน่าจะถอยทัพออกมาก่อน แต่สตาลินไม่พอใจอย่างมาก จึงปลดเขาจากตำแหน่งเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 และส่งไปดูแลการรบที่เลนินกราด แต่ในที่สุดแล้วจูคอฟก็พิสูจน์ว่าเขาเป็นฝ่ายถูก เมื่อโซเวียตเสียทหารไปถึงครึ่งล้านที่เคียฟ

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2484 เมื่อข้าศึกรุกเข้าประชิดกรุงมอสโก จูคอฟถูกเรียกตัวมาเป็นผู้บัญชาการแนวรบกลาง แทนนายพล เซมิออน ตีโมเชนโค เพื่อปกป้องกรุงมอสโก ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จ เมื่อสามารถผลักดันข้าศึกให้ถอยออกไปจนมอสโกพ้นขีดอันตราย ความสำเร็จนี้ทำให้สตาลินยอมรับฟังความคิดเห็นของนายพลของเขามากขึ้น และยอมถูกวิจารณ์มากขึ้น และชูคอฟก็กลับมาเป็นนายทหารคู่ใจของเขาอีกครั้ง ปีต่อมา จูคอฟ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุด และส่งไปดูแลสตาลินกราด ซึ่งที่นี่ โซเวียตสามารถพิชิตกองทัพที่ 6 ของเยอรมนีลงได้สำเร็จ แม้จะต้องเสียทหารไปเป็นล้าน

ไฟล์:Marshals.jpg
ซูคอฟขี่ม้าในระหว่างการตรวจพลสวนสนามเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะสงครามเมื่อ พ.ศ. 2488 ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์จูคอฟขี่ม้าตั้งอยู่ในบริเวณนี้

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2486 เขาดูแลการตีฝ่าการล้อมเลนินกราดครั้งแรก ในเดือกรกฎาคมปีเดียวกัน ในบันทึกความทรงจำ ชูคอฟบอกว่าเขามีบทบาทสำคัญในการวางแผนยุทธการที่คูสค์ (Kursk) ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม โดยที่นี่กองทัพเยอรมันประสบความปราชัยในช่วงฤดูร้อนเป็นครั้งแรก จึงถือว่าเป็นชัยชนะที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับที่สตาลินกราด

หลังจากนั้น ชูคอฟ ก็ดูแลเรื่องการปลดปล่อยการปิดล้อมเลนินกราดที่ประสบความสำเร็จ เดือนมกราคม พ.ศ. 2487 ชูคอฟ นำกองทัพโซเวียตในการรุกที่มีชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการเบรเกรชั่น ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นปฏิบัติการณ์ทางทหารที่สุดยอดที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สอง เดือนเมษายน พ.ศ. 2488 กองทัพโซเวียตยึดกรุงเบอร์ลินได้ และฟาสซิสต์เยอรมนียอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข

หลังสงคราม

หลังสงครามจบสิ้น ชูคอฟเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขตยึดครองโซเวียตในเยอรมนี และเป็นผู้ว่าการทหารที่นั่น ความที่เขาเป็นที่นิยมชมชอบจากคนหลายฝ่ายอย่างมาก จึงมองกันว่าเขามีแนวโน้มเป็นอันตรายอย่างมากกับระบอบเผด็จการสตาลิน ปี พ.ศ. 2489 เขาจึงถูกเก็บเข้ากรุ และโดนย้ายมาเป็นผู้บัญชาการเขตการทหารโอเดสซา ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวง และไม่ค่อยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ หลังการตายของสตาลิน เขาก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในปี พ.ศ. 2496 และเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้ในปี พ.ศ. 2498

มิถุนายน พ.ศ. 2500 ชูคอฟ ได้ขึ้นเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกลาง สภาเปรสซิเดียม แต่ถูกนิกิต้า ครุสชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตยุคนั้นปลดจากกระทรวงและคณะกรรมาธิการกลางเดือนตุลาคมปีเดียวกัน เพราะความขัดแย้งทางนโยบายด้านการทหารหลายเรื่อง

หลังครุชชอฟถูกโค่นล้มเดือนตุลาคม พ.ศ. 2507 เลโอนิด เบรซเนฟ ผู้นำประเทศคนใหม่ได้ฟื้นฟูความนิยมให้ชูคอฟอีกครั้ง แต่ไม่ฟื้นฟูอำนาจให้ชูคอฟกลับมาเป็นที่นิยมในโซเวียตจวบจนเสียชีวิตไปในปี พ.ศ. 2517 และศพของเขาถูกนำมาประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ

ความด่างพร้อย

หลังจากที่สหภาพโซเวียตได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่2 สตาลินได้พูดคุยกับ เกอร์กี้ ซูคอฟว่าจะให้เป็นผู้นำสวนสนามฉลองชัยชนะ เมื่อถึงเวลาสวนสนาม สตาลินเริ่มเห็นว่าความนิยมของเขาตกอยู่ที่ซูคอฟมากขึ้น เขาจึงประกาศเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดตั้งแต่นั้นจนถึงแก่อสัญกรรม

เครื่องอิสริยาภรณ์

จักรวรรดิรัสเซีย

ไม้กางเขนแห่งเซนต์จอร์จ (ชั้นที่ 3 และ 4)

สหภาพโซเวียต

วีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต (29 สิงหาคม 1939, 29 กรกฎาคม 1944, 1 มิถุนายน 1945, 1 ธันวาคม 1956)
เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งชัยชนะ (No. 1, 10 เมษายน 1944 และ No. 5, 30 มีนาคม 1945)
เครื่องอิสริยาภรณ์เลนิน (16 สิงหาคม 1936, 29 สิงหาคม 1939, 21 กุมภาพันธ์ 1945, 1 ธันวาคม 1956, 1 ธันวาคม 1966, 1 ธันวาคม 1971)
เครื่องอิสริยาภรณ์การปฏิวัติเดือนตุลาคม (22 กุมภาพันธ์ 1968)
เครื่องอิสริยาภรณ์ธงแดง (31 สิงหาคม 1922, 3 พฤศจิกายน 1944, 20 มิถุนายน 1949)
เครื่องอิสริยาภรณ์ซูโวรอฟ, ชั้นที่ 1 (Serial No. 1, 28 มกราคม 1943 และ Serial No. 39, 28 กรกฎาคม 1943)
เหรียญ "สำหรับการป้องกันที่สตาลินกราด"
เหรียญ "สำหรับการป้องกันที่เลนินกราด"
เหรียญ "สำหรับการป้องกันที่คอเคซัส"
เหรียญ "สำหรับการป้องกันที่มอสโก"
เหรียญ "สำหรับการปลดปล่อยกรุงวอร์ซอ"
เหรียญ "สำหรับการยึดกรุงเบอร์ลิน"
เหรียญ "สำหรับชัยชนะเหนือญี่ปุ่น"
เหรียญ "สำหรับชัยชนะเหนือเยอรมนีในมหาสงครามของผู้รักชาติ ค.ศ. 1941-ค.ศ. 1945"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 20 ปีในชัยชนะเหนือเยอรมนีในมหาสงครามของผู้รักชาติ ค.ศ. 1941-ค.ศ. 1945"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 20 ปีการทำงานและรับใช้กองทัพแดง"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 30 ปีการสถาปนากองทัพโซเวียตและกองทัพเรือ"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 40 ปีการสถาปนากองทัพโซเวียต"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 50 ปีการสถาปนากองทัพโซเวียต"
เหรียญที่ระลึก "ในพิธีฉลองครบรอบ 100 ปีวันเกิดของ วลาดีมีร์ อิลลิช เลนิน"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 250 ปีนครเลนินกราด"
เหรียญที่ระลึก "ครบรอบ 800 ปีกรุงมอสโก"
Honorary weapon – sword inscribed with golden national emblem of the Soviet Union (22 January 1968)

ต่างประเทศ

Hero of the Mongolian People's Republic (Mongolian People's Republic, 1969)
Medal "30 year anniversary of the Battle of Khalkhin Gol" (Mongolian People's Republic, 1969)
Order of Sukhbaatar (Mongolian People's Republic, 1968, 1969, 1971)
Order of the Red Banner (Mongolian People's Republic, 1939 and 1942)
Medal "50 years of the Mongolian People's Republic" (Mongolian People's Republic, 1971)
Medal "50 years of the Mongolian People's Army" (Mongolian People's Republic, 1971)
Medal "For Victory over Japan" (Mongolian People's Republic)
Order of the White Lion, 1st class (Czechoslovakia, 1945)
Military Order of the White Lion "For Victory", 1st class (Czechoslovakia, 1945)
Czechoslovak War Cross (Czechoslovakia, 1945)
Cross of Grunwald, 1st class (Poland, 1945)
Grand Cross of the Virtuti Militari (Poland, 1945)
Commander's Cross with Star of the Polonia Restituta, (Poland, 1968, and Commander's Cross, 1973)
Medal "For Warsaw 1939–1945" (Poland, 1946)
Medal "For Oder, Neisse and the Baltic" (Poland, 1946)
Chief Commander, Legion of Merit (USA, 1945)
Honorary Knight Grand Cross, Order of the Bath, (military division) (UK, 1945)
Grand Cross of the Legion d'Honneur (France, 1945)
Croix de guerre (France)
Medal "Sino-Soviet friendship", (China, 1953 and 1956)
Order of Freedom (SFR Yugoslavia, 1956)
Order of Merit, 1st class (Grand Cross) (Egypt, 1956)
Medal "90th Anniversary of the Birth of Georgiy Dimitrov" (Bulgaria)
Medal "25 Years of the Bulgarian People's Army" (Bulgaria)
Garibaldi Partisan Star (Italy, 1956)
?
Order of the Republic (Tuvan People's Republic, 1939)
  • Title of Honorary Italian Partisan (Italy, 1956)

อ้างอิง

  1. Dwight D. Eisenhower. "Crusade in Europe" (1948), p. 285.
  2. Harold Shukman (1993) Stalin's Generals, Grove Press, New York City, p. 172, ISBN 1842125133.
  3. John Eisenhower (1974). Strictly Personal. New York. 1974. p. 21, ISBN 0385070713.