ข้ามไปเนื้อหา

โบอิง 787 ดรีมไลเนอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก โบอิง 787)
โบอิง 787 ดรีมไลเนอร์


โบอิง 787-8 ดรีมไลเนอร์ของรอยัลจอร์แดเนียน
ข้อมูลทั่วไป
บทบาทอากาศยานไอพ่นลำตัวกว้าง
ชาติกำเนิดสหรัฐอเมริกา
บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์โบอิง
สถานะในประจำการ
ผู้ใช้งานหลักออล นิปปอน แอร์เวย์
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์
เจแปนแอร์ไลน์
อเมริกันแอร์ไลน์
จำนวนที่ผลิต1093 ลำ ณ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2023[1]
ประวัติ
สร้างเมื่อค.ศ. 2007–ปัจจุบัน
เริ่มใช้งาน26 ตุลาคม ค.ศ. 2011 โดยออลนิปปอนแอร์เวย์
เที่ยวบินแรก15 ธันวาคม ค.ศ. 2009

โบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ (อังกฤษ: Boeing 787 Dreamliner) เป็นอากาศยานไอพ่นลำตัวกว้างขนาดกลาง ซึ่งได้รับการออกแบบและผลิตโดยฝ่ายผลิตเครื่องบินพาณิชย์โบอิง เป็นอากาศยานที่มีพิสัยบินระยะปานกลางถึงระยะไกล หลังจากที่ได้พับโครงการโซนิคครุยเซอร์แล้ว โบอิงได้ประกาศเปิดตัวโครงการ 7E7 ในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2003[2] ซึ่งเป็นอากาศยานที่จะพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานเป็นหลัก โบอิง 787 ลำแรกเผยโฉมในพิธีเปิดตัวเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่โรงงานประกอบเอเวอร์เร็ตต์ของโบอิง โดยที่มันได้กลายมาเป็นเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้างที่ขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมียอดสั่งถึง 677 ลำ[3] จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 มีการสั่งซื้อโบอิง 787 จำนวน 797 ลำ เข้ามาจากผู้ให้บริการสายการบิน 57 ราย[4]

โบอิง 787 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ลำละ 210 ถึง 290 คน ขึ้นอยู่กับรุ่น โบอิงแถลงว่า เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินโดยสารที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดของบริษัท และเป็นเครื่องบินโดยสารสำคัญแบบแรกของโลกที่ใช้วัสดุผสมในการก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่[5] โบอิง 787 บริโภคเชื้อเพลิงน้อยกว่าโบอิง 767 ที่มีขนาดเท่ากันถึง 20%[6] ลักษณะที่แตกต่างที่สุดมีทั้งที่กันลมสี่แผง เชฟรอนลดเสียงบนส่วนแยกเครื่องยนต์ (engine nacelle) และเส้นระดับเสียง (nose contour) ที่เรียบขึ้น

การพัฒนาและการผลิตโบอิง 787 เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตวัตถุดิบหลายรายทั่วโลก การประกอบขั้นสุดท้ายประกอบขึ้นที่โรงงานเอเวอร์เรตต์โบอิงในเอเวอร์เรตต์ รัฐวอชิงตัน เครื่องบินจะยังมีการประกอบขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในนอร์ทชาลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา โรงงานทั้งสองจะส่งมองเครื่อง 787 ให้แก่ผู้ให้บริการเครื่องบินโดยสาร โครงการดังกล่าวต้องล่าช้าออกไปหลายครั้ง จากที่เคยวางแผนจะให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 การขึ้นบินครั้งแรกของเครื่องมีขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และสิ้นสุดการทดสอบการบินในกลาง พ.ศ. 2554 เอกสารรับรองของสำนักงานควบคุมความปลอดภัยการบินแห่งยุโรปสุดท้ายได้รับในปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 และโมเดลแรกถูกส่งมอบในปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 และเข้าให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554[7]

ข้อมูลเบื้องต้น

[แก้]

ในช่วงแรกนั้น โบอิง ต้องการจะพัฒนาเครื่องบินุร่นใหม่เพื่อทดแทน 767 ที่มียอดสั่งซื้อชะลอตัวลง เพื่อจะแข่งขันกับเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-200 แต่ใช้เชื้อเพลิงในปริมาณที่เท่ากับ 767 และ เอ330 แต่ภายหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544และวิกฤติราคาน้ำมัน ทำให้ไม่เป็นที่ตอบรับมากนัก โบอิงจึงปรับเปลี่ยนโครงการมาพัฒนาเครื่องบินโดยสารโดยนำเครื่องเทคโนโลยีที่ได้จากการพัฒนาเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงมาใช้แทน และใช้ชื่อว่า 7E7 (มีรหัสระหว่างการพัฒนาว่า Y2 ในโครงการโบอิงเยลโลสโตนโปรเจกต์)

จนในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2548 โบอิงได้เปลี่ยนชื่อรุ่นมาเป็น 787 และได้เปิดเผยแบบขั้นสุดท้ายในวันที่ 26 เมษายน ในปีเดียวกัน โดยโบอิงจะผลิตออกมา 3 รุ่น คือ

  • 787-8 พิสัยบินระยะไกล (13,620 กิโลเมตร) เพื่อทดแทนรุ่น 757-300, 767-200 และ-300 โดยมีลักษณะของปลายปีกเครื่องบินที่แตกแต่างจากรุ่นอื่น และมีออลนิปปอนแอร์เวย์เป็นสายการบินส่งมอบรายแรก[8] และเจแปนแอร์ไลน์เป็นลูกค้าอีกหนึ่งราย[9]
  • 787-9 เป็นรุ่นที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ 787 มีพิสัยบินระยะไกล (14,140 กิโลเมตร) เพื่อทดแทนรุ่น โบอิง 767-200ER และ โบอิง 767-300ER และจะเป็นรุ่นแรกของ 787 ที่จะเริ่มให้บริการในปีพ.ศ. 2551
  • 787-10 มีพิสัยบินระยะไกล (11,910 กิโลเมตร) เป็นรุ่นที่ขยายลำตัวให้ยาวขึ้นจาก 787-8 เพื่อทดแทนรุ่น โบอิง 767-400ER โดยมีสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เป็นสายการบินที่ส่งมอบรายแรก

รุ่น

[แก้]

เครื่องบินดรีมไลเนอร์รุ่น 787-8 ซึ่งเป็นรุ่นที่สั้นที่สุดได้เริ่มทำการบินครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 และรุ่น 787-9 ซึ่งมีพิสัยการบินไกลกว่าเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 ส่วนรุ่นที่สามารถบินได้ไกลที่สุดคือ 787-10 โดยยังไม่ได้เริ่มทำการบิน

787-8

[แก้]
787-8 ของ การบินไทย

เครื่องบินรุ่น 787-8 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่เริ่มทำการบินตั้งแต่ปีค.ศ. 2011 นั้นสามารถจุผู้โดยสารได้ 242 คน โดยมีพิสัยบินที่ 7,355 ไมล์ทะเล (13,621 กิโลเมตร) เพื่อใช้มาทดแทนรุ่น 767-200ER และ 767-300ER รวมถึงเพื่อใช้ทำการบินแบบไม่หยุดพักโดยไม่ต้องใช้เครื่องบินที่ใหญ่เกินกว่าความสามารถทางการตลาด เครื่องบินรุ่น 787-8 มีสัดส่วนการผลิตถึง 33% (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2017) โดยได้ทำการส่งมอบแล้ว 348 ลำ

787-9

[แก้]
โบอิง 787-9 เผยโฉมครั้งแรกในการบินพาณิชย์กับแอร์นิวซีแลนด์ โดยกำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานเพิร์ธเป็นครั้งแรก

เครื่องบินรุ่น 787-9 ได้มีการเพิ่มความยาวจากรุ่น 787-8 ถึง 20 ฟุต (6.1 เมตร) และความแข็งแรงของบริเวณลำตัว โดยสามารถมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุดถึง 54,500 ปอนด์ (24,700 กก.) และจุผู้โดยสารได้ถึง 280 คน (สำหรับสามชั้นโดยสาร) โดยมีพิสัยบินไกลถึง 7,635 ไมล์ทะเล (14,140 กิโลเมตร) มีจุดประสงค์หลักเพื่อทดแทนเครื่องบินรุ่น 767-400ER และแข่งขันกับแอร์บัส เอ 330 และเพื่อทำการบินระยะไกลแบบไม่ต้องหยุดพัก

ในปีค.ศ. 2005 โบอิงได้วางแผนไว้ว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในปีค.ศ. 2010 โดยสารการบินต่างๆ ได้ข้อสรุปสำหรับการตกแต่งภายในห้องโดยสารได้แล้วเสร็จเมื่อ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 และได้เริ่มต้นส่งมอบในปีค.ศ. 2014

เครื่องบินต้นแบบของรุ่น 787-9 ได้ทำการขึ้นบินทดสอบครั้งแรกเมื่อ 17 กันยายน ค.ศ. 2013 และได้ถูกนำมาจัดแสดงก่อนการส่งมอบในงานฟาร์นโบโรแอร์โชว์ในปค.ศ. 2014 ต่อมาเมื่อ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 แอร์นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นสายการบินปฐมฤกษ์สำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ ได้ทำการบินครั้งแรกในพิธีส่งมอบจากสนามบินเพนฟีล โดยเป็นเครื่องบินรุ่นพิเศษตัวถังสีดำ โดยแอร์นิวซีแลนด์ได้เริ่มใช้บินเพื่อการพาณิชย์เป็นครั้งแรกจากออกแลนด์ไปยังซิดนีย์ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2014

สายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ ได้เริ่มทำการบินเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2014 ยูไนเต็ด แอร์ไลน์จะเริ่มทำการบินแบบต่อเนื่องจากลอสแอนเจลิสถึงเมลเบิร์นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 แอร์ไชน่าเริ่มทำการบินระหว่างปักกิ่งถึงเฉิงตูในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016 โดย ณ เดือนตุลาคม ค.ศ.​ 2017 54% ของเครื่องบินรุ่นโบอิง 787 เป็นรุ่น 787-9 โดยมีการส่งมอบไปแล้วกว่า 265 ลำ

ความยาวของเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากการเพิ่มชิ้นส่วนขนาดยาวสิบฟุตบริเวณลำตัวเครื่องบินด้านหน้าและด้านท้าย โดยเครื่องบินรุ่น 787-8 และ 787-9 ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมกับถึง 50% โดยส่วนปีก ลำตัว และระบบการบินของรุ่น 787-8 ได้ถูกนำมาปรับปรุงใหม่เพื่อให้ได้ระยะการบินและน้ำหนักบรรทุกสำหรับรุ่น 787-9

787-10

[แก้]
งานเปิดตัวโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 17 ก.พ. ค.ศ. 2017

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2005 โบอิงได้เริ่มทำโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายขีดความสามารถในการจุผู้โดยสารของรุ่น 787-9 ซึ่งจากเดิมคือ 290 คน เป็น 310 คน โดยเกิดจากการผลักดันของสายการบินที่สนใจคือ เอมิเรตส์ และควอนตัส โดยจะเรียกเป็นชื่อรุ่นว่า 787-10 ซึ่งจะสามารถเทียบได้กับเครื่องบินรุ่นแอร์บัส เอ 350-900 และโบอิง 777-200ER[10] โดยต่อมาได้มีการพูดคุยกันระหว่างสายการบินกับโบอิงจนถึงราวต้นปีค.ศ. 2006[11] ได้มีการเปิดเผยว่าจะมีการพัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นแน่นอนเนื่องจากมีสายการบินอื่นที่ให้ความสนใจตามเอมิเรตส์[12]

ต่อมาเมื่อ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 สิงค์โปร์แอร์ไลน์ได้ตกลงเป็นสายการบินปฐมฤกษ์โดยตกลงสั่งซื้อเป็นจำนวน 30 ลำ โดยคาดว่าจะส่งมอบได้ราวปีค.ศ. 2018-2019[13][14] และเมื่อ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013 โบอิงได้ทำการเปิดตัวเครื่องบินรุ่น 787-10 อย่างเป็นทางการที่งานปารีสแอร์โชว์ โดยมีคำสั่งซื้อถึง 102 ลำ (แอร์ลีสคอร์เปอเรชั่น 30 ลำ สิงคโปร์แอร์ไลน์ 30 ลำ ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ 20 ลำ บริติชแอร์เวย์ 12 ลำ และจีอีแคปิตอล เอวิเอชันเซอร์วิส 10 ลำ)[15]

เครื่องบินรุ่น 787-10 ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทดแทนโบอิง 777-200ER แอร์บัส เอ 330 และแอร์บัส เอ 340 โดยจะแข่งขันโดยตรงกับรุ่นเอ 350-900 โดยโบอิงกล่าวว่าสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีกว่าในระยะบินที่ใกล้[16] โดยรุ่น 787-10 จะมีความยาว 224 ฟุต (68 เมตร) โดยจุผู้โดยสารได้ถึง 330 คนในการจัดที่นั่งแบบสองชั้นโดยสาร และมีพิสัยบินที่ 6,430 ไมล์ทะเล (11,910 กิโลเมตร)[17]

โดยการออกแบบนั้น โบอิงได้สรุปแบบของเครื่องบินรุ่น 10 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2015 และได้เริ่มการประกอบในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 ผู้ออกแบบได้คาดการณ์ว่าจะสามารถใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมกันกับรุ่น 787-9 ถึง 90% ซึ่งสุดท้ายสามารถทำให้เป็นถึง 95% ส่วนต่อขยายซึ่งมีความยาว 18 ฟุต นั้นอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของลำตัว 10 ฟุต และส่วนท้าย 8 ฟุต และยังได้เพิ่มความแข็งแรงของปริเวณฐานปีกสำหรับการรับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น โดยความยาวที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ต้องมีความเสริมการป้องกันในการเกิตอุบัติเหตุที่ส่วนหางในยามนำเครื่องขึ้นและลง และระบบปรับอากาศนั้นมีความจุมากขึ้นถึง 15% เครื่องยนต์นั้นได้มีการใช้ Rolls-Royce Trent 1000 สำหรับรุ่นแรก และรุ่นที่สาม ส่วนรุ่นที่สองนั้นใช้เครื่องยนต์จากคู่แข่ง ได้แก่ General Electric GEnx-1B

ภายในงานดูไบแอร์โชว์ 2017 ได้มีคำสั่งซื้อ 787-10 ถึง 171 ลำ โดยเอมิเรตส์ได้สั่งซื้อจำนวน 40 ลำ โดยมีทั้งรุ่นที่ให้บริการสองชั้นโดยสาร และสามชั้นโดยสาร ซึ่งสามารถจุผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 240-330 คน โดยคาดว่าจะส่งมอบได้ในปีค.ศ. 2022

การให้บริการ

[แก้]

ผู้ให้บริการ

[แก้]
ล็อตโปแลนด์ เป็นผู้ให้บริการโบอิง 787 รายแรกของยุโรป[18]

ณ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 มีเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 1,006 ลำที่ให้บริการในสายการบิน ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบิน 787-8 จำนวน 377 ลำ, 787-9 จำนวน 568 ลำ และ 787-10 จำนวน 61 ลำ โดยมีคำสั่งซื้อคงค้างสำหรับเครื่องบินเพิ่มเติมอีก 481 ลำ[19][20] ณ เดือนสิงหาคม 2019 ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุด ได้แก่ ออล นิปปอน แอร์เวย์ (77), ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (63), เจแปนแอร์ไลน์ (47) และอเมริกันแอร์ไลน์ (46)[21]

คำสั่งซื้อและการส่งมอบ

[แก้]
ยอดสั่งซื้อและยอดส่งมอบ B787 แบ่งตามรุ่นย่อย
รุ่นย่อย ยอดสั่งซื้อรวม ยอดส่งมอบรวม ยอดยกเลิก
787-8 431 396 35
787-9 1,215 629 586
787-10 266 98 168
รวม 1,912 1,123 789

ข้อมูล ณ มีนาคม 2024[22]

คุณลักษณะ

[แก้]

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

รุ่นที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

เครื่องบินที่คล้ายกัน

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Boeing: Orders and Deliveries (updated monthly)". The Boeing Company. October 31, 2021. สืบค้นเมื่อ November 10, 2021.
  2. "Boeing Gives the 7E7 Dreamliner a Model Designation" (Press release). Boeing. January 28, 2005. สืบค้นเมื่อ June 14, 2011.
  3. "Boeing Celebrates the Premiere of the 787 Dreamliner" (Press release). Boeing. July 8, 2007. สืบค้นเมื่อ January 21, 2011.
  4. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ 787_O_D_summ
  5. Norris G, Thomas G, Wagner M, Forbes Smith C (2005). Boeing 787 Dreamliner – Flying Redefined. Aerospace Technical Publications International. ISBN 0-9752341-2-9.
  6. "Commercial Airplanes – 787 Dreamliner – Background" (Press release). Boeing. สืบค้นเมื่อ December 14, 2010.
  7. Tim Kelly (October 26, 2011). "Dreamliner carries its first passengers and Boeing's hopes". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-28. สืบค้นเมื่อ October 28, 2011.
  8. ออลนิปปอนแอร์เวย์สั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 787-3 จำนวน 30 ลำ
  9. โบอิงและเจแปนแอร์ไลน์แถลงข่าวการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 787
  10. James Wallace (December 21, 2005). "Everett work force for 787 pegged at 1,000". Seattle Post-Intelligencer.
  11. Baseler, Randy (February 8, 2006). "Dash 10". Boeing Blog. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-11-19. สืบค้นเมื่อ 2017-11-22.
  12. Lunsford, J. Lynn (March 28, 2006). "Boeing to Offer Larger Version of 787 Dreamliner". The Wall Street Journal.
  13. Kaminski-Morrow, David (May 30, 2013). "Singapore to launch 787-10X with order for 30". Flight International.
  14. Flynn, David (May 30, 2013). "Singapore Airlines signs up for Boeing's 787-10X Dreamliner". Australian Business Traveller.
  15. "Boeing Launches 787-10 Dreamliner". Boeing. June 18, 2013.
  16. "Air Lease's Hazy Says Boeing 787-10 Beats Airbus on Fuel". Bloomberg. June 18, 2013.
  17. "787-10 Fact Sheet" (PDF). Boeing. July 2015.
  18. "European safety agency to ground 787 in line with FAA". Reuters. January 16, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-20. สืบค้นเมื่อ August 21, 2013.
  19. "Commercial". www.boeing.com.
  20. "Boeing 787 Dreamliner Operators". www.planespotters.net.
  21. Thisdell and Seymour Flight International July 30 – August 5, 2019, p. 42.
  22. "Orders & Deliveries". The Boeing Company. March 31, 2024. สืบค้นเมื่อ April 9, 2024.
  23. 23.0 23.1 "787 Airplane Characteristics for Airport Planning" (PDF). Boeing Commercial Aircraft. February 2023.
  24. 24.0 24.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ EASAtcds
  25. "Boeing 787 -8 (Dreamliner) sample analysis". Lissys Ltd. 2006.
  26. "Everything about the Boeing 787 Dreamliner". Flightglobal. July 7, 2007.
  27. "787 performance summary". Boeing.
  28. "Updated EASA Type certificate data sheet for Boeing 787" (PDF). EASA. October 28, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ December 31, 2019. สืบค้นเมื่อ November 30, 2019.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]



อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน