เพลงชาติเม็กซิโก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อิมโนนาซิโอนัลเมฆิกาโน
คำแปล: เพลงชาติเม็กซิโก
Himno Nacional Mexicano
เอกสารต้นฉบับโน้ตเพลงชาติเม็กซิโก พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854)
ชื่ออื่นเมฆิกาโนสอัลกริโตเดเกร์รา
เนื้อร้องฟรันซิสโก กอนซาเลซ โบกาเนกรา, ค.ศ. 1853
ทำนองไฆเม นูโน, ค.ศ. 1854
รับไปใช้16 กันยายน ค.ศ. 1854
ค.ศ. 1943
ตัวอย่างเสียง
เพลงชาติเม็กซิโก (บรรเลง)

เพลงชาติเม็กซิโก (สเปน: Himno Nacional Mexicano) เริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ ค.ศ. 1943 (พ.ศ. 2486) เนื้อร้องของเพลงนี้ เป็นบทกวีที่กล่าวถึงชัยชนะของชาวเม็กซิโกในสงครามอันรุนแรง และสัจจะวาจาของพวกเขาที่จะพิทักษ์บ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง ซึ่งได้ประพันธ์ขึ้นโดยกวีชื่อ ฟรันซิสโก กอนซาเลซ โบกาเนกรา (Francisco González Bocanegra) เมื่อ ค.ศ. 1853 (พ.ศ. 2396) ต่อมาไฆเม นูโน (Jaime Nunó) จึงได้เรียบเรียงดนตรีประกอบบทกวีของกอนซาเลซใน ค.ศ. 1854 (พ.ศ. 2397) ผลงานดังกล่าวนี้ได้เริ่มใช้เป็นเพลงชาติครั้งแรกในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1854 ประกอบด้วยบทร้องทั้งหมด 10 บท และท่อนแยกประสานเสียงอีก 1 บท ส่วนของเนื้อร้องนั้นได้มีการแก้ไขหลายครั้งเนื่องจากความผันผวนทางการเมือง จนกระทั่งเมื่อมีการรับรองเพลงนี้เป็นเพลงชาติเม็กซิโกอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1943 (พ.ศ. 2486) เนื้อร้องเพลงชาติที่บังคับใช้จึงไม่มีการแก้ไขดัดแปลงใด ๆ อีกเลย

ในบางครั้ง จะมีการเรียกชื่อเพลงชาติเม็กซิโกอย่างไม่เป็นทางการว่า เมฆิกาโนสอัลกริโตเดเกร์รา (สเปน: Mexicanos, al grito de guerra) หรือ "ชาวเม็กซิโกทั้งหลาย, ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของสงคราม" ซึ่งชื่อดังกล่าวนี้มาจากวรรคแรกในเนื้อร้องท่อนประสานเสียงของเพลงนี้

การประกวดเพลงชาติ[แก้]

การประกวดเนื้อร้อง[แก้]

ฟรันซิสโก กอนซาเลซ โบกาเนกรา

การประกวดบทร้องของเพลงชาติเม็กซิโกได้มีขึ้นตามประกาศของประธานาธิบดีอันโตนิโน โลเปซ เด ซันตา อันนา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1853 โดยบทกวีที่แสดงออกถึงความรักชาติได้ดีที่สุดจะได้รับเลือกให้เป็นบทร้องของเพลงชาติ ฟรันซิสโก กอนซาเลซ โบกาเนกรา ซึ่งกวีผู้มีความสามารถและเป็นผู้ประพันธ์บทร้องเพลงชาติเม็กซิโกที่ใช้ในทุกวันนี้ ในชั้นแรกเขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมการประกวดดังกล่าว โดยอ้างว่าการเขียนบทกวีที่กล่าวถึงความรักนั้นใช้ความสามารถมากยิ่งกว่าการเขียนเพลงชาติ แต่คู่หมั้นของเขาซึ่งมีชื่อว่า กัวดาลูเป กอนซาเลซ เดล ปิโน (Guadalupe González del Pino) เชื่อมั่นในความสามารถของเขาและรู้สึกไม่พอใจที่เขาไม่คิดเข้าร่วมประกวดครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอก็ได้รับแรงสนับสนุนและคำร้องขอจากเพื่อนของโบกาเนกราอยู่เสมอ เธอจึงได้ลวงให้โบกาเนกราเข้าไปอยู่ในห้องนอนในบ้านของพ่อแม่เธอแล้วจัดการขังเขาไว้ในห้อง พร้อมทั้งตั้งเงื่อนไขว่าจะไม่ยอมให้เขาออกจากห้องจนกว่าจะเขียนบทกวีเพื่อการประกวดเพลงชาติสำเร็จ

ภายในห้องซึ่งโบกาเนกราถูกขังไว้ชั่วขณะนั้น มีภาพต่าง ๆ ที่บอกเล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศเม็กซิโกประดับอยู่หลายภาพ กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในผลงานของเขา เขาใช้เวลาสี่ชัวโมงในการใช้จินตนาการอย่างคล่องแคล่ว (แม้ว่าจะถูกบังคับก็ตาม) เขียนบทกวีเพลงชาติทั้งสิบบทและส่งออกมาให้คู่หมั้นของเขาที่ใต้ประตู และได้รับอิสรภาพในที่สุด หลังจากนั้นเมื่อได้รับความเห็นพ้องจากคู่หมั้นและบิดาของเธอแล้ว โบกาเนกราจึงได้ส่งบทกวีชิ้นนี้เข้าประกวดและชนะเลิศการประกวดด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์[1] ฟรันซิสโก กอนซาเลซ โบกาเนกรา ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้ชนะการประกวดในวารสารข่าวราชการแห่งสหพันธรัฐ (Diario Oficial de la Federación) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1854

การประกวดทำนองเพลง[แก้]

ไฆเม นูโน

ในช่วงเวลาเดียวกับการเลือกบทร้องเพลงชาติ ก็ได้มีการเลือกทำนองเพลงชาติด้วยเช่นกัน ทำนองเพลงที่ได้รับเลือกในครั้งนั้นเป็นผลงานการประพันธ์ของฆวน โบเตซินิ (Juan Bottesini) แต่ผลงานนี้ถูกปฏิเสธไปเนื่องจากปัญหาทางสุนทรียภาพ ทำให้ต้องมีการประกวดทำนองเพลงชาติขึ้นเป็นครั้งที่สอง เพื่อสรรหาทำนองเพลงสำหรับบทร้องของโบกาเนกรา[2] เมื่อสิ้นสุดการประกวด ปรากฏว่าผลงานทำนองเพลงที่ได้รับเลือกครั้งนี้เป็นผลงานการประพันธ์ของไฆเม นูโน (Jaime Nunó) หัวหน้าวงดนตรีชาวแคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน ซึ่งในขณะที่มีการประกวดทำนองเพลงชาติครั้งที่ 2 นั้น นูโนเป็นหัวหน้าวงโยธวาทิตของเม็กซิโกอยู่หลายวง เขาได้รับการเชิญให้มาทำการควบคุมวงดนตรีเหล่านี้จากประธานาธิบดีซันตา อันนา เมื่อครั้งที่ทั้งสองคนได้พบกันที่ประเทศคิวบา และเมื่อนูโนเริ่มเข้ามาคุมวงดนตรีในเม็กซิโกนั้น เป็นช่วงที่ประธานาธิบดีซันตา อันนาได้ออกประกาศเกี่ยวกับการสร้างเพลงชาติ ซึ่งจากผลงานการประพันธ์ดนตรีที่เข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ที่มีไม่มากนัก ผลงานของนูโน ซึ่งมีชื่อว่า "พระเจ้าและเสรีภาพ" (Dios y libertad) ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดครั้งนี้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1854[3]

เพลงชาติเม็กซิโกทั้งบทร้องและทำนองข้างต้น ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในเมื่อวันที่ 16 กันยายน ปีเดียวกัน อันเป็นวันคล้ายวันประกาศเอกราชของเม็กซิโก ซึ่งได้มีการขับร้องและบรรเลงครั้งแรก ณ โรงละครซันตาอันนา (ปัจจุบันคือโรงละครแห่งชาติของประเทศเม็กซิโก) อำนวยการบรรเลงเพลงครั้งแรกโดยฆวน โบเตซินิ ขับร้องโดยเคลาเดีย โฟลเรนตี (Claudia Florenti) นักร้องเสียงโซปราโน และโลเรนโซ ซัลวี (Lorenzo Salvi) นักร้องเสียงเทเนอร์ [4][2]

บทร้อง[แก้]

ฉบับ ค.ศ. 1849[แก้]

เพลงชาติเม็กซิโก (ค.ศ. 1849)
ภาษาสเปน คำแปล
บทประสานเสียง

Truenen, truenen el cañón, que el acero
en las olas de sangre se tiña.
Al combate volemos; que ciña
Nuestras sienes laurel inmortal.
Nada importa morir si, con gloria,
Una bala enemiga nos hiere;
Que es inmenso placer, al que muere
Ver su enseña triunfante ondear.

ฟ้าร้องเอ๋ย ฟ้าร้อง จงยิงปืนใหญ่ให้เหล็กอันขงแข็ง
ในคลื่นสีเลือดอันโหดร้ายนั้นเปื้อนเลอะ
จงบินไปต่อสู้กันเถอะ ช่างเป็นอะไรที่พอดีเกินล่ะ
ณ สถานของเรา มีดอกลอเรลอันเป็นอมตะยอดเยี่ยม
แล้วก็ไม่สำคัญว่าจะตายไปเนิ่นนาน ถ้าเป็นด้วยรัศมีภาพเอย
ทั้งกระสุนปืนของศัตรู ทำให้เราบาดเจ็บสาหัส
นั่นคือความสุขอันยิ่งใหญ่ ที่ได้มีตายไปตลอดกาล
ดูการพิพากษาชัยชนะของข้า จงโบกสะบัดกับธงเถิด

บทที่ 1

Llora un pueblo infeliz su existencia
Humillada hasta el polvo la frente;
Grande, un trono, le oprime potente;
Nada es suyo, ni templo ni hogar.
Mas se eleva grandioso, un acento,
Que en el monte y el valle retumba,
Y aquel trono opresor se derrumba,
Todo el pueblo. Soy libre, al clamar.

ผู้คนที่ไม่มีความสุขก็เสียใจกับการดำรงอยู่ของพวกข้า
มีความอับอาย ขายหน้า ให้ฝุ่นจางบนหน้าผาก;
ทรงบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ จงบีบบังคับผู้มีอำนาจเถิด
แต่ไม่มีอะไรเป็นของข้า ทั้งวัดและบ้านจงเจริญ
แต่มีเสียงดังสนั่นขึ้นมากในใจภาษาสำเนียง
เสียงดังสนั่นก้องบนขุนเขาและหุบเขาอันสูงเสียด
และบัลลังก์ที่ได้กดขี่พลังนั้น ก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งเมือง ทั้งหมาย ข้าเป็นอิสระ ทั้งการร่ำไห้ออกมาอย่างสงสารเถิด

บทที่ 2

Se remonta a las nubes el Águila,
Vencedor, tremolando su emblema,
Y destroza, al volar, la diadema
Que intenta su vuelo abatir.
Muestra el nombre de México al mundo,
Tricolor, la bandera flotante;
Y su pueblo de gloria radiante,
Ha jurado guardarla o morir.

 นกอินทรีเอย มันทะยานเข้าสู่เมฆอันสีขาว
ในผู้ชนะนั้น จงโบกสัญลักษณ์พิเศษของข้า
และจงทำลาย เมื่อบินให้สวมมงกุฎ
ที่ได้พยายามยิงไปหานกกำลังบิน
จงแสดงชื่อว่าเม็กซิโก ให้กับทั้งทั่วโลก
ไตรรงค์ธง จงลอยน้ำอย่างอันตราย;
และผู้คนของพระองค์ ที่มีรัศมีภาพเปล่งประกายไปนานเถิด
ข้าสาบานว่า จะเก็บมันไว้หรือตายทีซะดี ๆ

บทที่ 3

Si su brillo, un instante empañara,
De veneno, mortífero aliento;
Si un eterno y terrible tormento,
Imprimiera, en el rostro, el dolor;
Con la sangre borremos la afrenta;
Tal vez se halle el combate cercano.
¡Claro, brille el pendón mexicano,
o sucumba con gloria y honor!

หากความสว่างไสวของเรา ทำให้มัวหมองในทันทีเอย
ในพิษลมหายใจร้ายแรง;
หากการทรมานชั่วนิรันดร์และน่าหวาดกลัวอย่างสุดขีด
มันจะตราตรึงในความเจ็บปวดบนใบหน้าอันเจ็บ
เราจะลบคำสบประมาทด้วยเลือดโชค
บางทีอาจพบการต่อสู้ขลาดในระยะประชิด
แน่นอนเถิด ส่องกฎหมายของชาวเม็กซิโก
หรือจะยอมทั้งจำนนด้วยเกียรติศักดิ์ศรีและอันประทานเทอญ!

ฉบับราชการ[แก้]

บทร้องเพลงชาติเม็กซิโกซึ่งได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2486 ประกอบด้วยบทร้องประสานเสียง บทที่ 1 บทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 10 ของบทร้องเพลงชาติฉบับแรกสุด ซึ่งการแก้ไขบทร้องเพลงชาตินี้ ดำเนินการภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีมานูเอล อาบิลา กามาโช (Manuel Ávila Camacho)[5] หากมีการบรรเลงเพลงชาติเม็กซิโกในการแข่งขันกีฬา จะขับร้องเฉพาะบทร้องประสานเสียง บทร้องบทที่ 1 และบทร้องประสานเสียง ส่วนการบรรเลงเพลงนี้เป็นสัญญาณการเปิดและปิดสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ ในบางครั้งจะไม่ขับร้องเพลงชาติเต็มเพลง จะขับร้องเฉพาะบทร้องประสานเสียง - บทที่ 1 - บทร้องประสานเสียง - บทที่ 10 - และบทร้องประสานเสียง ตามลำดับ

เพลงชาติเม็กซิโก (ฉบับราชการ)
ภาษาสเปน คำแปล
บทประสานเสียง

Mexicanos, al grito de guerra
el acero aprestad y el bridón.
Y retiemble en sus centros la tierra,
al sonoro rugir del cañón.
¡Y retiemble en sus centros la tierra,
al sonoro rugir del cañón!.

ชาวเม็กซิโกทั้งหลาย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของสงคราม
จงเตรียมเหล็กกล้าและม้าไว้ให้พร้อม
และจงทำให้ใจกลางพิภพสั่นสะท้าน
ด้วยเสียงปืนใหญ่ที่คำรามกึกก้อง
และจงทำให้ใจกลางพิภพสั่นสะท้าน
ด้วยเสียงปืนใหญ่ที่คำรามกึกก้อง

บทที่ 1

Ciña ¡oh Patria! tus sienes de oliva
de la paz el arcángel divino,
que en el cielo tu eterno destino
por el dedo de Dios se escribió.
Mas si osare un extraño enemigo
profanar con su planta tu suelo,
piensa ¡oh Patria querida! que el cielo
un soldado en cada hijo te dio.

มาตุภูมิเอย ! จงคาดศีรษะของเธอด้วยช่อมะกอก
ด้วยอัครเทวดาแห่งสันติภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์เถิด
ในแดนสวรรค์ โชคชะตาอันเป็นนิรันดร์ของท่าน
ได้ลิขิตไว้ด้วยดัชนีแห่งพระเป็นเจ้า
หากศัตรูภายนอกกล้าบังอาจ
ลบหลู่แผ่นดินเธอด้วยรอยเท้าของมันไซร้
จงคำนึงเถิด มาตุภูมิเอ๋ย ว่าสวรรค์
จะประทานทหารไว้ในบุตรของเธอทุกคน

บทที่ 5

¡Guerra, guerra sin tregua al que intente
De la patria manchar los blasones!
¡Guerra, guerra! Los patrios pendones
En las olas de sangre empapad.
¡Guerra, guerra! En el monte, en el valle
Los cañones horrísonos truenen,
Y los ecos sonoros resuenen
Con las voces de ¡Unión! ¡Libertad!

สงคราม ! สงครามจงอย่าได้ละเว้น
ต่อผู้บังอาจทำให้ตราแผ่นดินของเราหม่นหมอง !
สงคราม ! สงคราม ! ขอให้ธงชาติของเรา
จงชุ่มโชกด้วยคลื่นแห่งโลหิต
สงคราม ! สงคราม ! ไม่ว่าในขุนเขาหรือในหุบผา
ปืนใหญ่จงคำรามอย่างน่าสยดสยองพร้อมกัน
และขอให้เสียงสะท้อนอันยิ่งใหญ่นี้จงกึกก้อง
ด้วยเสียงโห่ร้องแห่งเอกภาพ ! เสรีภาพ !

บทที่ 6

Antes, patria, que inermes tus hijos
Bajo el yugo su cuello dobleguen,
Tus campiñas con sangre se rieguen,
Sobre sangre se estampe su pie.
Y tus templos, palacios y torre
Se derrumben con hórrido estruendo,
Y sus ruinas existan diciendo:
De mil héroes la patria aquí fue.

มาตุภูมิเอย ! ก่อนที่ลูกหลานผู้ไร้หนทางปกป้องตน
ต้องโน้มคอเข้าเทียมแอก
ขอท้องทุ่งของเธอจงเจิ่งนองด้วยโลหิต
และในโลหิตนั้นมีรอยเท้าของเขาประทับไว้
ขอให้วัด วัง และหอสูงของเธอ
พังทลายลงอย่างน่าสยดสยอง
ขอให้ซากเหล่านั้นคงอยู่เพื่อประกาศว่า
ที่แห่งนี้คือมาตุภูมิแห่งวีรชนนับพัน

บทที่ 10

¡Patria! ¡Patria! Tus hijos te juran
Exhalar en tus aras su aliento,
Si el clarín con su bélico acento
los convoca a lidiar con valor.
¡Para ti las guirnaldas de oliva!
¡Un recuerdo para ellos de gloria!
¡Un laurel para ti de victoria!
¡Un sepulcro para ellos de honor!

มาตุภูมิ ! มาตุภูมิเอย ! เหล่าลูกหลานขอปฏิญาณ
จะทำเพื่อเธอจนลมหายใจสุดท้าย
หากถึงคราที่เสียงแตรศึกดังขึ้น
ชักให้พวกเขาสู้อย่างหาญกล้า
แด่เธอด้วยช่อมะกอก !
แด่พวกเขาด้วยความทรงจำแห่งเกียรติศักดิ์ !
แด่เธอด้วยช่อลอเรลแห่งชัยชนะ !
แด่พวกเขาด้วยสุสานแห่งเกียรติยศ !

ฉบับ ค.ศ. 1864 – 1867[แก้]

เพลงชาติเม็กซิโก (จักรวรรดิเม็กซิโกที่ 2)
ภาษาสเปน คำแปล
บทประสานเสียง

Mexicanos, la Santa Bandera
De la Patria orgullosos alcemos
Y a sus sombras queridas juremos
Nuestros ádios por siempre olvidar.
Y a sus sombras queridas juremos
Nuestros ádios por siempre olvidar.

บทที่ 1

Del Anáhuac el águila hermosa
Por los aires levanta su vuelo,
Y en las altas regiones del cielo
Se confunde en los rayos del sol.
Contemplemos su marcha incesante,
Y si a tanto orgullosa de atreve,
Que el destino de México lleve
En su vuelo hasta el trono de Dios.

 

บทที่ 2

Con la paz y la unión para siempre
Un futuro de glorias alcancemos,
Y así solo en la historia podremos
El honor y la patria salvar.
Pues sin honra y sin patria no es vida
La que llevan el pueblo y el hombre,
De ignominia y oprobio es el nombre
Que a los pueblos sin patria se da.

.

บทที่ 3

Nuestro lema será Independencia,
Y si sufre la patria querida,
En sus alas sagradas la vida
Con orgullo sabremos dejar.
Mas con noble entusiasmo evitemos
Tan funesto y terrible destino
Ya la gloria nos abre un camino
Si por el nos conduce la Paz.

.

สื่อ[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. David Kendall National Anthems—Mexico เก็บถาวร 2008-06-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  2. 2.0 2.1 Embassy of Mexico in Serbia and Montenegro Mexican Symbols—Himo เก็บถาวร 2009-09-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved March 19, 2006.
  3. President of the Republic—National Anthem for Kids เก็บถาวร 2006-04-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved March 15, 2006.
  4. Secretary of External Relations History of the Mexican Anthem. Retrieved March 15, 2006. (สเปน)
  5. Administration of Ernesto Zedillo National Symbols of Mexico เก็บถาวร 2006-04-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved Mar. 15, 2006.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]