ฆาบิเอร์ ซาเนตติ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก คาเบียร์ ซาเนตตี)
ฆาบิเอร์ ซาเนตติ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม ฆาบิเอร์ อาเดลมาร์ ซาเนตติ
เกิด (1973-08-10) 10 สิงหาคม ค.ศ. 1973 (50 ปี)
เกิดที่ บัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา
สูง 1.78 m (5 ft 10 in)
ตำแหน่ง วิงแบ็กขวา ปีกขวา กองกลางตัวรับ
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน อินเตอร์มิลาน (รองประธานสโมสร)[1]
ชุดใหญ่*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1991–1992 ตาเยเรส 33 (1)
1992–1995 บันฟีลด์ 66 (4)
1995–2014 อินเตอร์มิลาน 615 (17)
ทีมชาติ
1996 อาร์เจนตินา 23 ปี 12 (0)
1994–2011 อาร์เจนตินา 145 (5)
  • จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ชุดใหญ่และจำนวนประตูนับเฉพาะลีกท้องถิ่นเท่านั้น.
† ลงเล่น (ประตู)

ฆาบิเอร์ อาเดลมาร์ ซาเนตติ (สเปน: Javier Adelmar Zanetti [xaˈβ̞je̞ɾ saˈne̞ti]) เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1973 ในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นอดีตนักฟุตบอล ซึ่งส่วนใหญ่เขาลงเล่นให้กับสโมสรอินเตอร์มิลานในลีกเซเรีย อา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 ถึง 2014 และได้รับตำแหน่งกัปตันทีมตั้งแต่ปี 1999 จนได้ฉายาว่า" อิล กาปิตาโน" (Il Capitano=The Captain) ความเก่งกาจของเขาสามารถเล่นได้ทั้งฟูลแบ็กรวมถึงปีกด้วย ทั้งยังเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับได้อีกด้วย ปัจจุบันเขาได้แขวนสตั๊ดแล้ว สโมสรได้ยกเลิกเสื้อเบอร์4ของเขา และแต่งตั้งให้เขาเป็นรองประธานสโมสรด้วย[1]

หลังจากที่ซาเนตติย้ายไปเล่นในลีกอิตาลี เขาได้ฉายาว่า "เอล แทรคเตอร์" (El Tractor=The Tractor)* เนื่องจากความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น ความอดทน และความสามารถในการฝ่ากองหลังฝ่ายตรงข้าม จากจังหวะบุกโดยตำแหน่งของเขาคือกองหลังทางขวา ทำให้เขาได้รับความเคารพ ซาเนตติพาอินเตอร์มิลานคว้าแชมป์เซเรีย อา 5ครั้ง โกปปาอีตาเลีย 4ครั้ง และคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อวันที่22 พฤษภาคม 2010 ซึ่งนัดนั้นเป็นนัดที่700 กับการลงเล่นให้อินเตอร์มิลานพอดี และในคืนนั้นเขาเป็นกัปตันคนเดียวในสโมสรอิตาลีที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาได้

ในฤดูกาล 2011-2012 เขาเป็นนักเตะพียงคนเดียวที่ไม่ได้เป็นชาวอิตาลีแล้วได้รับตำแหน่งกัปตันทีมในลีกเซเรีย อา ซาเนตติถูกบันทึกว่าเป็นนักเตะที่ไม่ใช่ชาวอิตาลีที่ได้ลงเล่นสนามมากที่สุดให้กับสโมสรในประเทศอิตาลี อย่างทางการ 858 แมตช์ โดยทั้งหมดเขาลงเล่นให้อินเตอร์มิลาน และตลอดอาชีพนักเตะอาชีพ เขาได้ลงเล่นกว่า 1123 แมตช์ เป็นลงเพียง โรแชริโอ เซนี(1200) และปีเตอร์ ชิลตัน(1362)

ชีวิตในวัยเด็ก[แก้]

ฆาบิเอร์ อเดลมาร์ ซาเนตติ เกิดที่บัวโนสไอเรส ในครอบครัวชนชั้นกรรมกร และเติบโตขึ้นบริเวณท่าเรือในเขตดอก ซูด ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่รู้จักกันในเรื่องที่ไม่ดี พ่อเขาเป็นช่างก่ออิฐ ส่วนแม่เป็นพนักงานทำความสะอาด เขาเริ่มเล่นฟุตบอลที่สนามแถวชานเมือง และเขามักจะบำรุงรักษาสนามเมื่อเขาว่าง พอถงวัยรุ่น เขาพยายามเข้าเป็นศูนย์ฝึกเยาวชนของทีมอินเดเพนเดนเต้ ทีมยักษ์ใหญ่แถวนั้น แต่ถูกปฏิเสธในที่สุด โดยบอกว่าเขาขาดร่างกายที่จะประสบความสำเร็จในเกม

นักฟุตบอลอาชีพ[แก้]

ตาเยเรส[แก้]

หลังจากถูกปฏิเสธจากอินเดเพนเดนเต้ ซาเนตติได้เซ็นสัญญากับ สโมสรตาเยเรส ทีมจากดีวิชั่น2 โดยเขาลงเล่น 33 นัด ยิงได้ 1ลูก เขาอยู่เพียงแค่ฤดูกาลเดียว ก็ย้ายไปเล่นให้บันฟิลด์ ทีมจากดิวิชั่นแรก เมื่อปี ค.ศ. 1993

บันฟีลด์[แก้]

ซาเนตติในวัย 20ปีได้ลงเล่นกับบันฟิลด์ครั้งแรกเมื่อ 12 กันยายน 1993 แมตช์เปิดบ้านเจอริเวอร์ เพลท หลังจากนั้น 17 วัน เขาสามารถยิงประตูแรกได้ในแมตช์ที่เจอนีเวล โอลด์บอยซึ่งจบการแข่งเสมอ1–1 การเล่นที่โดดเด่นของเขาทำให้ได้รับความนิยมจากแฟนๆเอล โตลาโดรจำนวนมาก อีกทั้งเขาถูกเรียกให้ติดทีมชาติด้วย ทีมยักษ์ใหญ่จากดิวิชั่นแรกอย่างริเวอร์ เพลท และโบกา จูเนียร์สสนใจ แต่ซาเนตติเลือกที่จะอยู่กับทีมเดิม จนปีค.ศ. 1995 เขาและเพื่อนชาวอาร์เจนตินา เซบาสเตียน แรมเบิร์ต ได้ย้ายมาเล่นให้อินเตอร์มิลานในอิตาลี ซึ่งนั้นเป็นการซื้อครั้งแรกของประธานสโมสร มัสซิโม โมรัตติ

อินเตอร์มิลาน[แก้]

ซาเนตติเป็นส่วนหนึ่งของทีมตลอด 19ฤดูกาล 858นัด ปัจจุบันเขาคือนักเตะที่ลงเล่นให้ทีมมากที่สุด มากกว่าจูเซปเป เบอร์โกมี(758)

ตลอดการค้าแข้งเขากวาดมา 16ถ้วย และ15ถ้วยในจำนวนนั้นเขาเป็นกัปตันทีม : ยูฟ่าคัพปี 1998 โกปปา อิตาเลีย 2005, 2006, 2010 และ2011 ซูแปร์โกปปา อีตาเลียนา 2005, 2006, 2008, 2010 สกูเดตโต ฤดูกาล 2005–2006, 2006–2007, 2007–2008 และ2009–2010 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2009–2010

ซาเนตติ มีสถิติไม่ถูกเปลี่ยนตัวออกเลยตลอด12ปี นับตั้งแต่เขาถูกเปลี่ยนตัวออกวันที่17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1999 ในโกปปา อิตาเลียแมตช์เจอปาร์ม่า จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 2011 เมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกในเซเรีย อา แมตช์เจออูดิเนเซ ตลอดการค้าแข้งกับอินเตอร์มิลานเขาถูกเปลี่ยนตัวออกเพียงแค่ 2ครั้งนี้

ซาเนตติเคยทำงานร่วมกับโค้ช 19 คนในสโมสรอินเตอร์มิลาน เขาให้สัญญากับตัวเองกับพวกแฟนบอลNerazzurriว่าในอนาคตหลังจากแขวนสตั๊ด เขาจะกลับมาที่สโมสรอีกครั้ง “อินเตอร์มีความหมายกับผมมาก” ซาเนตติเป็นผู้กล่าว

ช่วงต้นอาชีพ[แก้]

ซาเนตติลงนัดแรกให้อินเตอร์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1995 ตอนเจอกับวิเชนซ่า ที่มิลาน และเขายิงประตูที่สองให้ทีมชนะลาซิโอ 3–0 ในยูฟ่าคัพรอบชิงชนะเลิศ ปี1998 ที่สนามปาร์ก เด แพร็งส์ และนั้นคือถ้วยใบแรกของเขากับสโมสร

29 สิงหาคม ค.ศ. 1999 เขาได้รับเลือกเป็นกัปตันทีม ต่อจากตำนานกองหลัง จูเซปเป เบอร์โกมี มีการเปิดเผยภายหลังว่าเขากำลังพิจารณาสัญญาของเรอัลมาดริด ก่อนจะได้ตำแหน่งกัปตันทีม[3]

ย้ายเป็นกองกลาง[แก้]

หลังจากการมาของไมก่องในฤดูกาล 2006–2007 ซาเนตติต้องย้ายจากตำแหน่งกองหลังทางขวาเป็นกองกลาง ตลอดเกือบ 4ปีก่อนหน้านั้นเขายิงประตูไม่ได้เลย โดยแมตช์สุดท้ายที่ยิงได้ก็คือ ตอนไปเยือนเอมโบลี 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 จนกระทั่งวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 แมตช์เปิดบ้านเจออัสโคลี เขาได้กลับมายิงได้อีกครั้ง[4] วันที่27 กันยายน [ค.ศ. 2006] เจอกับบาเยิร์นมิวนิก ซึ่งนัดนั้นเขาได้ลงเล่นกับอินเตอร์ครบ500 นัดพอดี[5] และวันที่22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 เขาได้ลงเล่นในยูฟ่าครบ 100 นัด ในแมตช์เจอกับสปอร์ติง ลิสบอน[6]

เขาฉลองการลงเล่นให้อินเตอร์ครบ 600 นัดในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2008 ด้วยการชัยชนะเหนือเลชเช่1–0 ก่อนเริ่มแข่ง เขาได้ถาดที่ระลึกจากอดีตรองกัปตันอีบัน กอร์โดบาที่มอบให้เนื่องจากโอกาสพิเศษ

แม้ปกติซาเนตติจะเล่นเป็นกองหลัง แต่ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2008–2009 เขาต้องมาเล่นตำแหน่งกองกลางเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในเดือนตุลาคม โดยช่วงนั้นโค้ชชาวโปรตุเกสโชเซ มูรินโญต้องเผชิญกับวิกฤติกองกลางตัวสำคัญอย่างเอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ และซุลเลย์ มุนตารีได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาได้เล่นต้องถูกเลื่อนมาเป็นกองกลาง ตอนเจอทีมเจนัว และฟีออเรนตินา แถมช่วงนั้นมูรินโญให้เขาเล่นเนื่องจากมีไมก่อง, ลูซิโอ, วัลเตร์ ซามวยล์ และคริสเตียน คิวู เล่นหลัง4คน

ซาเนตติและอินเตอร์ เริ่มฤดูกาล2009–10ได้ดี โดยเฉพาะเอาชนะอริร่วมเมืองอย่างเอซี มิลานขาดลอย 4–0 และในแมตช์เจอกับเจนัววันที่17 ตุลาคม เขาได้สกัดบอล และเนื่องด้วยจากนักเตะเจนัวผิดพลาด ทำให้เป็นสิ่งที่นำไปสู่ประตูที่สองของอินเตอร์ ส่งผลให้อินเตอร์เป็นทีมแรกที่สามารถชนะ ด้วยสกอร์ 5–0 ในฤดูกาลนั้น วันที่24 ตุลาคม เขาได้ลงเล่นในเซเรีย อา เทียบเท่ากับจาชินโต ฟักเคตติด้วยจำนวน 476นัด ผลนัดนั้นก็คืออินเตอร์ชนะไป2–1 นอกจากนั้นเขาได้ถูกบันทึกในสโมสรว่าลงเล่น 149 นัดตอดต่อกันด้วย

22 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 อินเตอร์มิลานชนะแชมเปียนส์ลีกนัดสุดท้ายปี2010 โดยชนะบาเยิร์นมิวนิกด้วยสกอร์2–0 นัดนี้ซาเนตติยังลงครบ700นัดกับอินเตอร์มิลานด้วย และเป็นกัปตันคนแรกจากสโมสรจากอิตาลีที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ประกอบด้วย สกูเดตโต, โกปปา อิตาเลีย และแชมป์เปี้ยนลีก

ช่วงปลายอาชีพ[แก้]

20 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในวัย 37ปี กับอีก71วัน เขาได้กลายเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดที่ยิงในแชมเปี้ยนลีก(ปัจจุบันสถิติเป็นของฟรันเชสโก ตอตตี ในเกมที่เจอกับแมนซิตี้ 30 กันยายน ค.ศ. 2014)ด้วยวัย 38ปี 3วัน) โดยเป็นคนยิงประตูแรกให้อินเตอร์ชนะทอตนัม ฮอตสเปอร์ไป 4–3ในรอบแบ่งกลุ่มที่สนาม จูเซปเป เมอัซซา ด้วยนี่เป็นหนึ่งในสองประตูที่ยิงในแชมเปี้ยนลีกของเขา; ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 1998 แมตช์ที่ชนะทีมสตวร์ม กราซ จากออสเตรีย 2–0 ซาเนตติได้ยิงประตูในถ้วยชิงแชมป์สโมสรโลก แมตช์ที่ชนะซองนัม ทีมจากเกาหลีใต้ 3–0[15]และเขาก็ชนะถ้วยนั้นด้วย[7]

19 มกราคม ค.ศ. 2011 ซาเนตติได้แซงตำนานอินเตอร์ จูเซปเป เบอร์โกมีในการลงเล่นในเซเรีย อา ครบ 520นัด วันที่ 11พฤษภาคม 2011 ซาเนตติได้ลงเล่นครบ 1000นัดในฟุตบอลอาชีพของเขา ในแมตช์เจอโรมา นัดที่สองในรอบรองชนะเลิศถ้วยโกปปา อีตาเลีย 20 กันยายน 2011 ฆาบิเอร์ ซาเนตติได้ถูกบันทึกในสถิติเซเรีย อา ในเจอทีมโนวารา มากยิ่งกว่าจูเซปเป เบอร์โกมาลงเล่

วันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2013 ซาเนตติลงเล่นในเซเรีย อา ครบ600นัด ในแมตช์อินเตอร์มิลานแพ้ทีมโบโลญาคาบ้าน

29 เมษายน ค.ศ. 2014 ประธานสโมสรอินเตอร์มิลานเอริก โธเฮียร์ประกาศว่าซาเนตติจะแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2013–2014 และจะมาเป็นผู้บริหารสโมสรด้วย[8] แมตช์สุดท้ายของซาเนตติที่เล่นในสนามจูเซปเป เมอัซซา คือแมตช์เปิดบ้านชนะลาซิโอ 4–1 วันที่10 พฤษภาคม 2014 [9] เขาถูกเปลี่ยนตัวมาลงแทนโจนาธาน มอเรย์ราในนาทีที่ 52 พร้อมกับสวมปลอกแขนพิเศษที่มีชื่อของนักเตะทุกคนที่ลงเล่นกับเขาตลอดในการเล่นกับอินเตอร์มิลาน เขาแขวนสตั๊ดหลังจบเกมสุดท้ายในฤดูกาลในนัดบุกไปพ่าย ทีมคิเอโว 2–1 วันที่18 พฤษภาคม [10]

มิถุนายน 2014 อินเตอร์มิลานได้ยกเลิกเสื้อเบอร์ 4 เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา และแต่งตั้งเขาให้เป็นรองประธานสโมสรเป็นเวลาสองปี[1]

การติดทีมชาติ[แก้]

ซาเนตติลงเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 แมตช์เจอชิลี โดบการนำของโค้ชดาเนียล พาสซาเรลลา เขายังได้รับใช้ทีมชาติด้วยลงเล่นในฟุตบอลโลกปี1998 และ2002 อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ได้เหรียญเงินจากโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 ที่แอตแลนตา, สหรัฐอเมริกา

ในฟุตบอลโลก 1998 เขาได้ยิงประตูอย่างเฉียบขาดหลังได้ลูกจากฟรีคิกของควน เซบานเตียน เบรอน ในแมตช์เจออังกฤษ รอบ16ทีมสุดท้ายทำให้สกอร์กลับมาเป็น 2–2 ก่อนที่อาร์เจนตินาจะมาชนะจุดโทษ4–3 ผ่านเข้ารอบจนถึงรอบสี่ทีมสุดท้าย พวกเขาต้องมาแพ้ให้เนเธอแลนด์

ซาเนตติลงเล่นให้อาร์เจนตินาภายใต้การคุ้มทีมของมาร์เซโล เบียลซาในฟุตบอลโลก 2002 ถึงอย่างนั้นพวกเขาจบที่สามของกลุ่ม แม้จะชนะในนัดแรก ทำให้อดเข้ารอบต่อไป

ซาเนตติฉลองลงเล่นครบ100นัดด้วยการพาอาร์เจนตินาชนะเม็กซิโกในรอบรองชิงชนะเลิศของฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ เมื่อวัน 26 มิถุนาคม ค.ศ. 2005 และเขายังได้แมนออฟเดอะแมตช์นัดนั้นด้วย[

ซาเนตติก็ได้สวมปลวกแขนกัปตันทีม และในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แมตช์เจอโบลีเวีย 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 เขาได้กลายเป็นนักเตะที่ลงเล่นเยอะที่สุดตลอดกาลของอาร์เจนตินา

สไตล์การเล่น[แก้]

เขาได้รับฉายาว่า เอล แทรกเตอร์ เพราะเป็นปีกที่มีความแข็งแกร่ง และวิ่งขึ้นไปบุกหรือลงมาตั้งรับอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนร่วมทีมว่าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดเวลาอาชีพนักเตะของเขาออกไป ในช่วงไม่กี่ฤดูกาลหลังสุดเขาลงเล่นมากกว่าสามสิบนัด แม้อายของเขาจะสามสิบกว่าแล้ว ในฐานะกัปตัน เขาได้รับการนับถือจากทั้งแฟนคลับ และฝ่ายตรงข้าม ทั้งในเรื่องความเป็นผู้นำ, ความประพฤติ, และการปฏิบัติตัวในฐานะกัปตันทีมอินเตอร์ ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา เขาได้รับใบแดงเพียงสองใบเท่านั้น[11]

ซาเนตติเริ่มอาชีพนักเตะอาชีพด้วยตำแหน่งกองหน้าตัวริมเส้นหรือก็คือปีก แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนให้ไปในแดนกลางและแดนหลัง ไม่ก็กองกลางแถว จนเขาเป็นคนที่มีกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด และมีความหลากหลาย เขาสามารถเล่นตำแหน่งอะไรก็ได้ในแดงกลางและแดนหลัง โดยหลักแล้วตำแหน่งเขาคือกองกลางตัวริมเส้น ไม่ก็ฟูลแบ็ก ไม่ก็ปีกตลอดการค้าแข้งเขา อีกทั้งเขายังเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก, สวีปเปอร์ หรือไม่ก็กองกลางตัวรับ ส่วนจะอยู่ตำแหน่งไหนก็แล้วแต่โอกาส ซาเนตติได้ถูกยกย่องสำหรับความมุ่งมั่น, ความสม่ำเสมอ และเล่นได้ตลอดทั้งเกม ราวกับว่าระเบียบและชีวิตที่ยืนยาวถูกสร้างขึ้นมาด้วยความขยะนในการฝึกของเขา

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

3 ธันวาคม 1999 ซาเนตติได้แต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมาอย่างยาวนาน เปาลา เด ลา ฟวนเต ลูกสาวอาจารย์มหาวิทยาลัย พวกเขาคบกันเมื่อเขาอายุ 19ปี ส่วนเธออายุเพียงแค่ 14ปี คบกันมา7ปีก่อนแต่งงาน พวกเขาอยู่กันที่ทะเลสาบโกโม อีกทั้งยังเป็นเจ้าของภัตตาคาร “เอล เกาโช”ในย่านนาวีลยี ของเมืองมิลาน ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวชื่ดัง เปาลาปัจจุบันทำงานเป็นช่างถ่านรูป ทั้งคู่มีลูกสาวชื่อ โซล(ก. 11 มิถุนายน 2005) และมีลูกชายสองคน อิกนาซีโอ (ก. 2008) และโตมัส (ก. 9 พฤษภาคม 2012)

สถิติ[แก้]

สโมสร[แก้]

ทีม ฤดูกาล ลีก ถ้วย ระดับทวีป1 อื่นๆ2 รวม
ลงเล่น ยิงประตู ลงเล่น ยิงประตู ลงเล่น ยิงประตู ลงเล่น ยิงประตู ลงเล่น ยิงประตู
ตาเยเรส 1992–93 33 1 33 1
รวมทั้งหมด 33 1 33 1
บันฟีลด์ 1993–94 37 1 37 1
1994–95 29 3 29 3
รวมทั้งหมด 66 4 66 4
อินเตอร์มิลาน 1995–96 32 2 5 0 2 0 39 2
1996–97 33 3 5 1 12 0 50 4
1997–98 28 0 4 0 9 2 41 2
1998–99 34 3 5 0 9 1 2 0 50 4
1999–2000 34 1 8 1 1 0 43 2
2000–01 29 0 1 0 4 0 34 0
2001–02 33 0 1 1 10 1 44 2
2002–03 34 1 1 0 18 0 53 1
2003–04 34 0 5 0 12 0 51 0
2004–05 35 0 3 0 11 0 49 0
2005–06 25 0 5 0 8 0 1 0 39 0
2006–07 37 1 4 0 8 0 1 0 50 1
2007–08 38 1 4 0 8 0 1 0 51 1
2008–09 38 0 4 0 8 0 1 0 51 0
2009–10 37 0 4 0 13 0 1 0 55 0
2010–11 35 0 5 0 8 1 4 1 52 2
2011–12 34 0 2 0 8 0 1 0 45 0
2012–13 33 0 4 0 11 0 48 0
2013–14 12 0 1 0 13 0
รวมทั้งหมด 615 12 71 3 159 5 13 1 858 21
รวมตลอดการค้าแข้ง 714 17 71 3 159 5 13 1 957 26

1ระดับทวีปประกอบด้วย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก andยูฟ่าคัพ
2อื่นๆประกอบด้วย เซเรีย อา นัดเพลย์ออฟ, ซูแปร์โกปปา อีตาเลียนา, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และชิงแชมป์สโมสรโลก

ทีมชาติ[แก้]

ทีมชาติอาร์เจนตินา
ปี ลงเล่น ยิงประตู
1994 3 0
1995 15 1
1996 6 0
1997 4 0
1998 9 2
1999 11 0
2000 7 0
2001 9 0
2002 6 0
2003 8 1
2004 14 1
2005 10 0
2006 0 0
2007 15 0
2008 11 0
2009 8 0
2010 2 0
2011 7 0
รวม 145 5

สถิติการแข่งขัน[แก้]

เกียรติประวัติ[แก้]

อินเตอร์มิลาน
อาร์เจนตินา
ส่วนตัว
  • ฟีฟ่า 100
  • โกลเดน ไพเรท (1):1992
  • บอลเงิน(Pallone d'Argento) (1):2002
  • เข้าชิงฟีฟ่าโปร เวิร์ดXI (ตำแหน่งแบ็คขวา):2010
  • Premio Nazionale Carriera Esemplare Gaetano Scirea: 2010
  • Premio Internazionale Giacinto Facchetti: 2012

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 "Zanetti Vice-president". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2015.
  2. "No place like home". UEFA. 17 November 2006. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-14. สืบค้นเมื่อ 2007-08-30.
  3. "Zanetti had Real Madrid option". Football Italia. 12 November 2013. สืบค้นเมื่อ 1 September 2014.
  4. "Match Formations". Football-Lineups.com. สืบค้นเมื่อ 17 January 2007.
  5. "Zanetti completes 500 matches with Inter". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-10. สืบค้นเมื่อ 2015-01-20.
  6. "tactical Formations". Football-Lineups.com. สืบค้นเมื่อ 17 January 2007.[ลิงก์เสีย]
  7. "FIFA Club World Cup UAE 2010". FIFA. สืบค้นเมื่อ 11 May 2014.
  8. "Zanetti to retire this summer and become Inter director – Thohir". Goal.com. 29 April 2014. สืบค้นเมื่อ 29 April 2014.
  9. "Inter 4-1 Lazio". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม 2015.
  10. "Chievo vInter". Sky Sports News. 18 May 2014. สืบค้นเมื่อ 19 May 2014.
  11. Garganese, Carlo (6 May 2014). "The legend with no enemies: Is Javier Zanetti the most respected footballer ever?". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 10 May 2014.
  12. "Legaseriea.it – Javier Zanetti's Serie A statistics". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-08. สืบค้นเมื่อ 2015-01-20.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]