อำเภอวาริชภูมิ
อำเภอวาริชภูมิ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Waritchaphum |
คำขวัญ: หวายแก้ววาริช แหล่งผลิตยางพารา งามตาผ้าไหม สาวภูไทสวยล้ำ อุตสาหกรรมนมสด เรืองโรจน์วัฒนธรรม | |
แผนที่จังหวัดสกลนคร เน้นอำเภอวาริชภูมิ | |
พิกัด: 17°17′36″N 103°38′12″E / 17.29333°N 103.63667°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | สกลนคร |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 476.125 ตร.กม. (183.833 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 52,633 คน |
• ความหนาแน่น | 110.55 คน/ตร.กม. (286.3 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 47150 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 4706 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอวาริชภูมิ ศูนย์ราชการอำเภอวาริชภูมิ หมู่ที่ 1 ตำบลวาริชภูมิ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร 47150 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
วาริชภูมิ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสกลนคร โรงเรียนประจำอำเภอคือโรงเรียนมัธยมวาริชภูมิ
ประวัติ
[แก้]เมื่อปี พ.ศ. 2387 ชาวภูไทเมืองกะป๋อง ( เมืองเซโปน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ) ประมาณ 400 ครัวเรือน โดยมีท้าวคำเขื่อนเป็นหัวหน้า ได้อพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามายังประเทศสยาม สาเหตุมาจากการเกลี้ยกล่อมจากทางการสยาม ต่อมาท้าวคำเขื่อนได้ถึงแก่กรรมเสียก่อน ท้าวราชนิกูล บุตรของท้าวคำเขื่อนเป็นผู้นำสืบต่อในการอพยพครั้งนั้น ขบวนผู้อพยพได้เดินทาง พักแรม ผ่านเขตเมืองนครพนม สกลนคร ต่อมาได้พาครอบครัวและบ่าวไพร่อพยพเข้าสู่เมืองสกลนคร เจ้าเมืองและกรมการเมืองสกลนคร์ได้จัดสรรพื้นที่ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ชั่วคราว จนกระทั่งปี พ.ศ. 2390 ครอบครัวและบ่าวไพร่ของท้าวราชนิกุลอัตคัดที่ทำกิน จึงได้พาราษฎรย้ายออกจากเมืองสกลนคร เเละได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านหนองหอย ( อำเภอวาริชภูมิในปัจจุบัน ) อย่างไรก็ตามทางกรมการเมืองสกลนครได้มาเกลี้ยกล่อมให้ท้าวราชนิกูลพาราษฎรกลับไปอาศัยอยู่ท้องที่เดิมในเมืองสกลนคร ท้าวราชนิกุลจึงตอบตกลงยอมพาราษฎรกลับไปอาศัยอยู่ที่เดิม (ในเมืองสกลนคร) จนกระทั่งถึงปีพ.ศ. 2419 ท้าวราชนิกุลได้ขอยกบ้านหนองหอยขึ้นเป็นเมืองแต่กรมการเมืองสกลนครไม่ยอมเสนอขึ้นทูลเกล้า ท้าวราชนิกูลจึงให้ท้าวสุพรหม บุตรชายไปร้องเรียนต่อทางราชการ แต่ติดขัดที่กรมการเมืองสกลนครไม่ยื่นเรื่องดำเนินการขอยกบ้านหนองหอยให้เป็นเมือง ท้าวราชนิกูลกับท้าวสุพรหมจึงอพยพออกจากเมืองสกลนครกลับมาอยู่ที่บ้านหนองหอยตามเดิม ต่อมาในปี พ.ศ.2420 ท้าวราชนิกูลกับท้าวสุพรหม ได้ขอร้องให้พระพิทักษ์เขตขันธ์หรือพิทักษ์เขื่อนขันธ์ เจ้าเมืองหนองหานหรือเมืองหนองหานน้อย (อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี) เชื้อสายราชวงศ์เจ้าจารย์เเก้วเเห่งเมืองท่งศรีภูมิหรือสุวรรณภูมิ (อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ในปัจจุบัน) ขอพระราชทานยกฐานะบ้านหนองหอยขึ้นเป็นเมือง เนื่องจากเห็นว่าเป็นทำเลที่ดี มี กุ้ง หอย ปู ปลา แหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เจ้าเมืองหนองหานจึงมีใบบอก กราบบังคมทูลขอตั้งบ้านป่าเป้าเมืองไพรในแขวงเมืองหนองหาน (ไม่ได้ตั้งที่บ้านหนองหอย) เป็นเมืองวาริชภูมิ แล้วให้ท้าวสุพรหม เป็นพระสุรินทร์บริรักษ์ (สุพรหม) เป็นเจ้าเมืองวาริชภูมิท่านเเรกขึ้นตรงต่อเมืองหนองหาน เเต่ต่อมาชาวเมืองวาริชภูมิก็ไม่ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านป่าเป้าเมืองไพรพื้นที่ที่เสนอที่ตั้งเมืองตามใบบอกหากแต่ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านหนองหอย แขวงเมืองสกลนครตามเดิม[1][2]
ในช่วงระยะแรกของเมืองวาริชภูมิ การทำราชการต่าง ๆ จะขึ้นกับเมืองหนองหาน แต่เกิดกรณีพิพาทเขตแดนระหว่างเมืองหนองหาน กับเมืองสกลนครอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุเนื่องมาจากการที่ราษฎรเมืองวาริชภูมิไม่ไปอยู่ในท้องที่ตามตราภูมิเมืองนั้น ทำให้เกิดปัญหาเรื่องตัวเลือกระหว่างเมืองหนองหานและเมืองสกลนคร จนกระทั่งในที่สุด ปี พ.ศ. 2435 พลตรี พระเจ้าบรมวงษ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้สำเร็จราชการหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ มีคำสั่งให้โอนการทำราชการของเมืองวาริชภูมิไปขึ้นกับเมืองสกลนคร แต่ให้กรมการเมืองวาริชภูมิยังคงตำแหน่งเดิมทุกคน และในปี พ.ศ. 2441 มีพระราชโองการประกาศใช้ข้อบังคับท้องที่ ร.ศ.117 ให้ยกเลิกตำแหน่ง อุปฮาด ราชบุตร ราชวงษ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมแบบอาณาจักรล้านช้างโบราณ มาเป็นตำแหน่งข้าราชการเช่นเดียวกับส่วนกลางทั่วประเทศ ในครั้งนั้น คณะกรมการเมืองวาริชภูมิ ประกอบด้วย พระสุรินทรบริรักษ์ ( สุพรม เหมะธุลิน ) ผู้ว่าราชการเมือง, หลวงสมัครวาริชกิจ ( หล้า ) ปลัดเมือง, หลวงสฤษฎ์วาริชการ ( พิมพ์ ) ศาลเมือง ( ยกกระบัตรเมือง ), ขุนสมานวาริชภูมิ ( คำตัน ) ศาลเมือง ( ยกกระบัตรเมือง ), ขุนราชมหาดไทย ( เคน ) มหาดไทย, ขุนบริบาล (วันทอง ) นครบาล, ขุนพรหมสุวรรณ ( เพชร ) คลังเมือง และขุนศรีสุริยวงศ์ ( บุตร ) โยธาเมือง[3]
เรียงลำดับการเปลี่ยนแปลงของเมืองวาริชภูมิได้ดังนี้
- พ.ศ. 2430 มีการจัดตั้งเมืองวาริชภูมิขึ้นครั้งแรก
- พ.ศ. 2440 ปรับเปลี่ยนเมืองวาริชภูมิ เป็นอำเภอวาริชภูมิ ในปีเดียวกัน ได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เมือง จึงทำให้ผู้คนต่างแยกย้ายออกไปตั้งบ้านเรือนที่อื่น
- พ.ศ. 2457 อำเภอวาริชภูมิ ถูกปรับเปลี่ยนเป็นตำบลวาริชภูมิ ขึ้นกับอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
- พ.ศ. 2469 เปลี่ยนจากตำบลวาริชภูมิ เป็นกิ่งอำเภอวาริชภูมิ
- พ.ศ. 2496 เปลี่ยนจากกิ่งอำเภอวาริชภูมิ เป็นอำเภอวาริชภูมิ จนถึงปัจจุบัน[4]
ที่ตั้งและอาณาเขต
[แก้]อำเภอวาริชภูมิตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอสว่างแดนดินและอำเภอพังโคน
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอพังโคน อำเภอพรรณานิคม และอำเภอนิคมน้ำอูน
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอนิคมน้ำอูน และอำเภอวังสามหมอ (จังหวัดอุดรธานี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอส่องดาว
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]การปกครองส่วนภูมิภาค
[แก้]อำเภอวาริชภูมิแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 5 ตำบล 71 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | วาริชภูมิ | (Waritchaphum) | 20 หมู่บ้าน | |||
2. | ปลาโหล | (Plalo) | 16 หมู่บ้าน | |||
3. | หนองลาด | (Nong Lat) | 11 หมู่บ้าน | |||
4. | คำบ่อ | (Kham Bo) | 18 หมู่บ้าน | |||
5. | ค้อเขียว | (Kho Khiao) | 6 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
[แก้]ท้องที่อำเภอวาริชภูมิประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลวาริชภูมิ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลวาริชภูมิ
- เทศบาลตำบลปลาโหล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปลาโหลทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลคำบ่อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคำบ่อทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลหนองลาด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองลาดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลวาริชภูมิ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวาริชภูมิ (นอกเขตเทศบาลตำบลวาริชภูมิ)
- องค์การบริหารส่วนตำบลค้อเขียว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลค้อเขียวทั้งตำบล
อ้างอิง
[แก้]- ↑ http://husojournal.ksu.ac.th/manage/upload_file/6NlHoDQCci520131128223818.pdf[ลิงก์เสีย] มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ วารสารวิถีสังคมมนุษย์ ปีที่ 1 ฉบับพิเศษ เดือนมกราคม - มิถุนายน พ.ศ. 2556 : " ภูไทกะป๋อง " ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธ์ภูไทในลุ่มน้ำโขงตอนกลาง , ดร.สพสันติ์ เพชรคำ
- ↑ "ประวัติความเป็นมา อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร". สืบค้นเมื่อ 2023-05-27.
- ↑ https://www.facebook.com/KrmKarmeuxngSwangdaendin/posts/524117240978302กรมการเมืองสว่างแดนดิน พระสุรินทรบริรักษ์ , ธวัช ปุณโณทก เรียบเรียง
- ↑ http://phutaikapong.blogspot.com/p/blog-page_8.htmlการอพบพของกลุ่มไทดำ ไทกะป๋องวาริชภูมิ