ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทัชชกร ยีรัมย์"
ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: sv:Tony Jaa |
Dinamik-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.6.2) (Robot: Modifying ru:Джаа, Тони to ru:Тони Джаа |
||
บรรทัด 405: | บรรทัด 405: | ||
[[pl:Tony Jaa]] |
[[pl:Tony Jaa]] |
||
[[pt:Tony Jaa]] |
[[pt:Tony Jaa]] |
||
[[ru: |
[[ru:Тони Джаа]] |
||
[[sh:Tony Jaa]] |
[[sh:Tony Jaa]] |
||
[[sr:Тони Џа]] |
[[sr:Тони Џа]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:37, 21 ธันวาคม 2555
ทัชชกร ยีรัมย์ (พนม ยีรัมย์) | |
---|---|
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 |
คู่สมรส | ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ |
อาชีพ | นักแสดง, สตันท์แมน, ผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้บริหาร |
ปีที่แสดง | พ.ศ. 2535 - ปัจจุบัน |
ผลงานเด่น | บุญทิ้ง จาก องค์บาก ขาม จาก ต้มยำกุ้ง เทียน จาก องค์บาก 2-3 |
สุพรรณหงส์ | พ.ศ. 2548 - รางวัลสุพรรณหงส์เกียรติยศ จาก ต้มยำกุ้ง |
ฐานข้อมูล | |
IMDb |
ทัชชกร ยีรัมย์[1] มีชื่อโดยกำเนิดว่า วรวิทย์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น พนม (นามสกุลเดิม)[2] เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 ที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เริ่มเข้าสู่วงการแสดง พ.ศ. 2535 และเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงภาพยนตร์สังกัดค่ายสหมงคลฟิล์มเมื่อ พ.ศ. 2546[3] โดยใช้และเป็นต้นแบบคติในการแสดง คือ แสดงจริง, ไม่ใช้สตันท์แมน และไม่ใช้เทคนิคพิเศษในการแสดงคิวต่อสู้[4] เขาใช้ชื่อในการแสดงเฉพาะในประเทศไทยว่า "จา พนม" และใช้ชื่อในการแสดงระดับสากลว่า โทนี่ จา (Tony Jaa) เขาเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่น ผู้ศึกษาศิลปะการต่อสู้ทั้งศาสตร์ตะวันตกและตะวันออก ชำนาญในศิลปะการต่อสู้, การใช้อาวุธ, กีฬา และการออกกำลังกายหลากหลายศาสตร์
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 วรวิทย์ ยีรัมย์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "พนม" ด้วยเหตุผลทางการแสดง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ทัชชกร"[1] ด้วยความเชื่อพื้นบ้าน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ภาพยนตร์เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่เขาแสดงนำคือ องค์บาก ซึ่งได้รับการชื่นชมและสนใจจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับวงการศิลปะการต่อสู้และภาพยนตร์ด้านต่าง ๆ ในประเทศไทยและระดับโลกอย่างมาก[5][6][7] นับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของเขาที่ประสบความสำเร็จในวงการภาพยนตร์แอ๊กชันระดับโลก ซึ่งต่อมาภาพยนตร์ ต้มยำกุ้ง ก็ได้ประสบความสำเร็จในระดับโลกสูง และได้รับการตอบรับจากทั่วโลกเช่นเดียวกับองค์บาก[8][9]
เขายังเป็นบุคคลตัวอย่างด้านอนุรักษณ์ศิลประวัฒนธรรมไทยประจำภาค ทำให้ได้รางวัลศิลปินมรดกประจำภาคอีสานของประเทศไทย และยังสามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษาเช่น ภาษาไทย, ภาษาไทยถิ่นอีสาน, และภาษาเขมร เป็นต้น
ต่อมาได้เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทไอยราฟิล์ม บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ และเป็นรองผู้บริหารใหญ่ บริษัทเครือบั้งไฟตระกูลวงษ์คำเหลา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทของ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา (หม่ำ จ๊กมก) และได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่นหลายเรื่อง
ปัจจุบันสมรสกับ นางปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมในจังหวัดระยอง[10] มีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ จอมขวัญ หทัยปวี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2555
ประวัติ
ครอบครัว
ทัชชกร ยีรัมย์ มีบิดาชื่อ ทองดี ยีรัมย์ มารดาชื่อ รินทร์ ทรายเพชร [11] โดยมารดาเป็นชาวอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ย้านถิ่นฐานมากับครอบครัวโดยสงค์ ทรายเพชร ในยุคบุกเบิกนิคม มาอยู่ติดชายแดนเขมร คือ อำเภอพนมดงรักปัจจุบัน และวันหนึ่งทองดี ยีรัมย์ เดิมเป็นชาวอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นหัวหน้าทีมค้าขายไม้ ได้พาคณะช้างเดินทางขนไม้ จากฝั่งเขมรข้ามมายังไทย ฝ่ายหมู่บ้านโคกสูง จึงพบกับรินทร์ ทรายเพชร ทั้งคู่ได้รักกัน จึงแต่งงานกันและลงหลักปักฐานที่บ้านโคกสูง จังหวัดสุรินทร์ และมีลูกด้วยกันทั้งหมด 4 คน เป็นชายสองคนและหญิงสองคน (ซึ่งหลังจากที่ทัชชกรได้ประสบความสำเร็จในอาชีพการแสดง ทองดี ยีรัมย์ ผู้เป็นบิดาก็ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นพ่อตัวอย่างแห่งปี จากโครงการพ่อตัวอย่างเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันพ่อแห่งชาติประจำปี 2548) [12]
ทัชชกร ยีรัมย์ เป็นบุตรคนที่สามในบรรดาพี่น้องสี่คน มีชื่อพี่น้อง ดังนี้
- ทวีศักดิ์ ยีรัมย์
- หัทยา ยีรัมย์
- แวว ยีรัมย์
การศึกษา
- ประถมศึกษา - โรงเรียนบ้านอำปีล จังหวัดสุรินทร์
- มัธยมศึกษาตอนต้น - โรงเรียนโคกกลางวิทยา จังหวัดสุรินทร์
- มัธยมศึกษาตอนปลาย - โรงเรียนประสาทวิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์
- อุดมศึกษา - สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม
ชีวิตวัยเด็ก
ทัชชกร ยีรัมย์ เกิดมาในครอบครัวชนบทที่ยากจน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาวกูยโบราณ ชนเผ่าซึ่งเคร่งครัดในศาสนาพุทธ[14] ครอบครัวประกอบอาชีพหลายอย่างทั้งทำนา เลี้ยงช้าง, ปลูกผัก[15] ตามวัฒนธรรมของชาวกูย เขามีพรสวรรค์ทางด้าน กระโดดสูง, กระโดดไกล และการสปริงข้อเท้ามาตั้งแต่เกิด ในวัยเด็กเขาชอบดูภาพยนตร์กลางแปลง มีความชื่นชอบการแสดงของเฉินหลง, เจ็ท ลี และพันนา ฤทธิไกร[16] ทัชชกรมีความใฝ่ฝันที่จะได้แสดงภาพยนตร์แอ็คชัน รักในการสร้างภาพยนตร์และพากย์ภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก
เขาได้เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยตนเองตั้งแต่อายุ 10 ขวบ [17] โดยชอบและสังเกตศิลปะการต่อสู้ของเจ็ทลี เฉินหลง และบรูซ ลี และนำมาปฏิบัติตาม[16] ในวัยเด็กนั้นทัชชกรก็เช่นเดียวกับเด็กผู้ชายชนบททั่วไป ที่มีความซุกซน เขาชอบเล่นศิลปะการต่อสู้กับเพื่อน ๆ และชอบที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่ม จนทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นได้ตั้งสมญานามให้เขาว่า "จ่า" ซึ่งแปลว่าหัวหน้าทีมและคนเลี้ยงช้าง และเรียกแทนชื่อจริงของเขาเสมอ ซึ่งต่อมาจากคำว่าจ่าก็เพี้ยนมากลายเป็น "จา" นับตั้งแต่วันนั้นเขาจึงได้ชื่อเล่นว่า จา จนทุกวันนี้
เด็กชายทัชชกรมีความสนใจในศิลปะการต่อสู้อย่างมากและมักจะออกไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตามป่า กลางทุ่ง ลำธาร เขาชื่นชอบที่จะออกไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เวลากลางคืน หากคืนไหนเป็นคืนเดือนเพ็ญเขาจะชอบฝึกเป็นพิเศษ และด้วยเหตุที่ทัชชกรเกิดในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ผู้คนมีอาชีพเลี้ยงช้างเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเขาจึงมีความรัก ความผูกพันกับช้างมาตั้งแต่เกิด เขาจึงชอบฝึกศิลปะการต่อสู้บนหลังช้าง บางครั้งเขาก็ฝึกหนักจนลืมทานข้าวและไม่กลับบ้าน และด้วยความที่เขามีพรสวรรค์ทางด้านสปริงขอเท้า จึงทำให้เขาสนใจที่จะฝึกฝนทักษะและเล่นกรีฑาและกีฬาหลากหลายประเภท
ชีวิตในกองถ่ายภาพยนตร์
เมื่อเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 เขาได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง เกิดมาลุย ที่แสดงโดยพันนา ฤทธิไกร (ครูสอนศิลปะการต่อสู้, นักแสดง และผู้กำกับภาพยนตร์) เขาได้ขอร้องให้พ่อพาไปหาพันนาที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อจะขอให้พันนารับเขาไว้เป็นนักแสดงแอ็กชัน ขณะนั้นพันนากำลังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ปีนเกลียว ภาค 1 ครั้งแรกที่พันนาเห็นเขา คิดว่าทัชชกรนั้นยังอายุน้อยเกินไปที่จะเรียนศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจัง จึงขอให้ทัชชกรกลับไปศึกษาให้จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อน แต่ยังอนุญาตให้ทัชชกรมาฝึกประสบการณ์ในกองถ่ายภาพยนตร์ได้ช่วงปิดภาคเรียน[18]
เมื่อถึงช่วงที่โรงเรียนปิดภาคเรียน หรือช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ทัชชกรมักเดินทางมาฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ สตันท์ และการเต้น กับสตันท์แมนในกองถ่ายภาพยนตร์ แต่ทัชชกรกลับไม่ได้รับความคาดหวังจากพันนามากนัก และบางครั้งเมื่อมีโอกาสดีที่พอจะได้พบกับพันนาเป็นเวลานาน ๆ ทัชชกรก็มักฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้กับพันนาเสมอ ซึ่งพันนาก็ได้ยอมรับในความสามารถของเขา และได้ดูแลเปลี่ยนบุคลิกใหม่ให้เขาดูดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงให้ความนับถือพันนา และปฏิบัติตามทุกอย่างที่พันนากล่าวหรือขอร้องให้เขาปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ [18]
ต่อมาเขาได้เริ่มเข้าวงการครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี [19] โดยเป็นคนเสิร์ฟน้ำ, ตัวประกอบ, ยกของ, ทำอาหาร ฯลฯ ในกองถ่ายภาพยนตร์ พร้อม ๆ กับฝึกฝนศิลปะการต่อสู้กับสตันท์แมน และในเวลาต่อมาเขาได้เรียนวิชามวยไทยโบราณและมวยกังฟูหวิงชุน ของจีนจากรัฐพล [20] ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์คนแรกของทัชชกร จากจังหวัดสุรินทร์ และได้ร่วมงานกับพันนา ฤทธิไกร ซึ่งเป็นอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้คนสำคัญของเขา[21]
การเปลี่ยนผันทางบทบาทการแสดง
พ.ศ.2540 เกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อวงการภาพยนตร์ด้านต่าง ๆ ซึ่งทำให้เขาต้องพักการเรียนและเริ่มทำแนวคิดภาพยนตร์เรื่อง คนสารพัดพิษ ร่วมกับพันนา เพื่อนำเสนอขอทุนจากปรัชญา ปิ่นแก้ว โดยทัชชกรรับบทบาทเป็นนักแสดงนำ ซึ่งเขาได้ฝึกฝนจากการจดจำศิลปะการต่อสู้ของนักแสดงภาพยนตร์ที่เขาชื่นชอบมาใช้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ รวมถึงฝึกฝนเพิ่มเติมจากอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้หลายคน และร่วมกันระดมทุนและนักแสดงรอบข้างมาเป็นส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เมื่อถ่ายทำเสร็จภาพยนตร์กลับถูกล้มเลิกเพราะฟิล์มเสียหายทั้งหมด ทั้งคู่จึงต้องร่วมระดมทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องเดิมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จึงประสบความสำเร็จ ทั้งคู่จึงนำแนวคิดภาพยนตร์ดังกล่าวเสนอต่อปรัชญา ปิ่นแก้ว และได้ถูกถ่ายทำออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่ององค์บากในที่สุด [22]
ประสบความสำเร็จในอาชีพ
พ.ศ. 2546 ผลงานเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จคือภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ซึ่งทำรายได้เฉพาะในประเทศไทย 200 ล้านบาท[23] ติดบ็อกซ์ออฟฟิซ อันดับ 1 หลายประเทศในทวีปเอเชีย, ทวีปอเมริกา, และทวีปยุโรป รวมถึงบ็อกซ์ออฟฟิซฮอลลีวูด ทำให้เขาได้รับความสนใจจากบริษัทโกลเด้นฮาร์เวสท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างให้บรูซ ลีมีชื่อเสียง ได้ทาบทามให้มาร่วมงานด้วย[7] ส่งผลให้เขากลายเป็นนักแสดงไทยที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัล และมีอิทธิพลด้านต่าง ๆ ในวงการแสดงระดับโลก[24]
พ.ศ. 2548 ภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง ก็สามารถติดบ็อกซ์ออฟฟิซฮอลลีวูด อันดับ 4[25] ทำรายได้รวมทั่วโลกสูงถึง 1,000 ล้านบาท [9]
ชีวิตส่วนตัว
ความสัมพันธ์
พ.ศ. 2553 ทัชชกรสมรสกับ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ซึ่งทำธุรกิจโรงแรม ชื่อ ดราก้อนบอล ในจังหวัดระยอง ที่โรงแรมของฝ่ายหญิง หลังจากคบดูใจกันมา 5 ปี และได้จดทะเบียนสมรสด้วยกันในวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ต่อมา พ.ศ.2555 ทั้งคู่ได้จัดงานฉลองมงคลสมรสที่หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกน้อย โดยมี สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด เป็นประธานในพิธี และมีลูกด้วยกัน 1 คน [10]
กีฬา
ด้วยความที่ทัชชกรมีกล้ามเนื้อขาและข้อเท้าที่แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีกว่าคนปกติมาตั้งแต่กำเนิด[26] ทำให้เขามีความสนใจด้านกีฬาหลากหลายชนิด เมื่อสมัยยังศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เขาก็ได้เป็นนักกีฬาและกรีฑาที่มีความสามารถเล่นได้หลากหลายประเภท และมีผลงานโดดเด่นเสมอมา จนได้ถูกแต่งตั้งเป็นนักกีฬาดีเด่นของโรงเรียนและเป็นประธานชมรมกระบี่กระบองในขณะเดียวกัน ความสามารถด้านกรีฑา เช่น กระโดดสูง, กระโดดไกล, ยิมนาสติก ฯลฯ ด้านกีฬาประเภทอาวุธ เช่น กระบี่กระบอง และกีฬาประเภททีมเช่นตะกร้อด้วย ซึ่งได้รับเหรียญทองทั้งกรีฑาและกีฬาทุกประเภททุกปีที่ลงแข่งขัน[27] จนได้โควต้าไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งเขาได้เข้าเรียนต่อด้านกีฬาที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม ตามคำแนะนำของพันนา ฤทธิไกร[7] และได้เป็นนักกีฬาจังหวัดสุรินทร์[28]และถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานชมรมกระบี่กระบองอีกครั้งหนึ่ง[29] ทำให้ได้รู้จักกับ ชูพงษ์ ช่างปรุง นักศึกษาที่เรียนอยู่ชมรมเดียวกัน โดยทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อตั้งทีมสตันท์รับงานตามสถานที่ต่าง ๆ[30]
- ผลงานระหว่างที่เป็นประธานชมรมกระบี่กระบอง
- นักกีฬาเหรียญทอง จังหวัดสุรินทร์ ประเภท กรีฑา
- นักกีฬาเหรียญทองทุกปี จากสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม
- วิทยากรสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม เผยแพร่ศิลปะป้องกันตัว ที่โรงเรียนมัธยมต่าง ๆ ในประเทศไทย
- ตัวแทนสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม เผยแพร่ศิลปการต่อสู้ของไทย ในภาคอีสาน
- ตัวแทนประเทศไทยและสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ (กระบี่กระบอง) ที่ประเทศจีน
ส่วนร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา
ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จุดคบเพลิงในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา เอเชี่ยนมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 1 โดยทัชชกรรับบทเป็น "หนุมานยินดี" (ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เทพกึ่งสัตว์ประจำการแข่งขันฯ) จุดคบเพลิงในพิธีเปิดแบบพื้นฐาน โดยเขาได้แสดงศิลปะการต่อสู้แบบหนุมานและแสดงศิลปะการควงกระบองไฟ ถวายต่อพระพักตร์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ[31]
ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จุดคบเพลิงในพิธีเปิด เมืองช้างเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยแสดงเป็นองค์อัมรินทร์ (พระอินทร์) ประทับช้างเอราวัณ มีผู้แสดงเป็นเทพธิดา 95 องค์ และเทวดา 9 องค์เสด็จตาม
สตันท์แมน
ระหว่างที่เขาศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ในช่วงที่โรงเรียนปิดภาคเรียน ทัชชกรได้เข้าไปประกอบอาชีพเสริมและหาประสบการณ์ในกองถ่ายภาพยนตร์ และได้เริ่มแสดงเป็นตัวประกอบและสตันท์แมนในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ดังนี้ :
- สิงห์สยาม - ขณะกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เขาได้แสดงครั้งแรกในชีวิตโดยแสดงเป็นตัวประกอบ ซึ่งเป็นฉากที่ต้องตีลังกาผ่านฉากอย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้เห็นใบหน้า
- กวนโอ๊ย - ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เช่นกัน โดยแสดงเป็นตัวประกอบในฉากที่ต้องกระโดดตีลังกายิมนาสติกซิกแซก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญมาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงตั้งใจแสดงฉากนั้นอย่างเต็มที่ โดยแสดงร่วมกับเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา (หม่ำ จ๊กมก) ซึ่งขณะนั้นได้ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน หลังจากนั้นก็มีภาพยนตร์ต่าง ๆ ติดต่อเข้ามาให้ไปเป็นตัวแสดงแทนอยู่เรื่อย ๆ
- Mortal Kombat 2 : Annihilation - ขณะที่เขากำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่วิทยาลัยพลศึกษา จังหวัดมหาสารคาม ในช่วงปิดภาคเรียน เขาก็ได้ออกไปหาประสบการณ์ หารายได้ในกองถ่ายภาพยนตร์เช่นเคย ช่วงนั้นได้มีภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องหนึ่ง เข้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทย คือเรื่อง Mortal Kombat 2 : Annihilation พันนาจึงได้พาเขาไปคัดตัวให้เป็นตัวแสดงแทน Robin Shou ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยมีผู้มาสมัครเป็นตัวแสดงแทน 100 คน เขาได้แสดงท่าเตะให้ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ชม จึงได้ถูกเลือกให้มาเป็นสตันท์แทน โรบิน ชู ในที่สุด
- อินทรีแดง – ต่อมาในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา เขาก็ได้แสดงเป็นสตันท์แมนแทนเจมส์ เรืองศักดิ์ โดยแสดงเป็นสตันท์ใส่หน้ากากนกอินทรีสีแดง สวมชุดสีดำ และแสดงในฉากที่ต้องตีลังกาต่าง ๆ[28]
ด้วยความที่เขาต้องทำงานในกองถ่าย แสดงภาพยนตร์ เป็นสตันท์แมน ฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ จึงทำให้เขามีปัญหาด้านการเรียนและต้องหยุดเรียนบ่อยขึ้น ทั้งยังเห็นว่า วิชาด้านกีฬาที่เขากำลังศึกษาอยู่ไม่ตรงกับอาชีพของตนเองในอนาคต เขาจึงตัดสินใจลาออกจากวิทยาลัยขณะที่กำลังศึกษาปีที่ 3 หลังจากที่เขาลาออกจากวิทยาลัย เขากับพันนาจึงได้เริ่มดำเนินตามแผนงานที่วางเอาไว้ คือสร้างภาพยนตร์เรื่ององค์บาก อย่างจริงจัง ซึ่งทัชชกรได้รวบรวมหนังของเจ็ทลี, บรูซ ลี และเฉินหลงทุกเรื่องมาดู โดยยึดนักแสดงทั้ง 3 คน เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการฝึก และจึงฝึกตาม ซึ่งเขาได้นำเอกลักษณ์ในการต่อสู้ของทั้ง 3 คนมาผสมรวมกัน และผสมผสานเอกลักษณ์ของตนลงไป เขาต้องเข้าฝึกซ้อมทุกวัน วันละ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 ปี [32]
ศิลปะการต่อสู้
ทัชชกร ยีรัมย์ มีทักษะทางศิลปะการต่อสู้และการใช้อาวุธหลายประเภท ดังนี้
- ประเภทศิลปะการต่อสู้
มวยไทย-คาดเชือก, มวยคชสาร, เทควันโด, วิชาหมัดเมา (ทั้งแบบไทย, แบบจีน และแบบผสม), กังฟู (ทั้งแบบเส้าหลิน และแบบหวิงชุน), ไอคิโด้ , ยูโด, คาราเต้ ,คาโปเอร่า, ศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA), BJJ
- อาวุธ
กระบองสามท่อน, กระบองสองท่อน, โซ่, ดาบซามูไร, ดาบไทย, เชือกลูกดอก, กระบี่จีน, กระบี่-กระบอง, พลอง, ไม้ศอก
รูปแบบศิลปะการต่อสู้
ทัชชกร ยีรัมย์ มีรูปแบบในการต่อสู้ที่หลากหลาย [33] สำหรับรูปแบบในการต่อสู้ของเขาโดยภาพรวมมี 4 รูปแบบ ดังนี้
- แบบต่อสู้ตามต้นฉบับของศิลปะการต่อสู้ชนิดต่าง ๆ
- แบบผสมผสานดึงเอาจากศาสตร์หนึ่งมาผสมกับอีกศาสตร์หนึ่ง เช่น นำศิลปะการต่อสู้แบบวิชาหมัดเมาของจีนมาผสมกับมวยไทย
- แบบประยุกต์ คือนำต้นฉบับมาดัดแปลงอีกครั้งหนึ่ง เช่น ประยุกต์รูปแบบ Free running และ Parkour มาเป็นศิลปะการต่อสู้ ,นำทักษะจากกีฬาตะกร้อมาประยุกต์เป็นท่าเตะในเรื่องต้มยำกุ้ง
- แบบคิดค้นขึ้นเองทั้งหมด เช่น คิดค้นนาฏยุทธ์
ถึงเขาจะมีรูปแบบในการต่อสู้ที่หลากหลาย แต่เขาก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจากการเป็นนักแสดงแอ็กชั่นที่มีความสามารถสูงในศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทย [34]
ศิลปะการต่อสู้ที่คิดค้นขึ้น
ด้วยความที่ทัชชกรมีความสามารถประยุกต์การเคลื่อนไหวร่างกายแบบต่าง ๆ มาผสานเป็นศิลปะการต่อสู้ จึงทำให้เขาเป็นผู้ให้กำเนิดศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่ ขึ้นมากมาย แต่มีเพียงศิลปะการต่อสู้รูปแบบเดียวเท่านั้นที่เขาใช้เป็นศิลปะการต่อสู้เอกลักษณ์ของเขา ด้วยความที่เขาชื่นชอบวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาคิดค้นศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่ขึ้น จากภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2 เขาได้คิดค้นศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า นาฎยุทธ์ รูปแบบการต่อสู้ที่ถูกคิดค้นและผสมผสานจากนาฏศิลป์ไทย ลีลาแห่งศิลปะชั้นสูงอย่างโขน เช่น ตัวยักษ์, ลิง,(ตัวละครที่เขาชอบมากที่สุดคือ หนุมาน) พระ ฯลฯ มาผนวกรวมเข้ากับศิลปะการเต้นเบรกแดนซ์ และศิลปะการต่อสู้รูปแบบต่างๆ จนเกิดเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่เชื่อว่ายังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน [35]
ด้วยความที่ชอบฮิปฮอป เลยดึงมาประสานเป็น "นาฏยุทธ์" ตีความใหม่เรื่องการแสดงเหมือนการเต้นไปตามจังหวะเพลง จะเต้นยังไงให้รู้สึกอินตามไปกับเพลง "นาฏยุทธ์" ก็เป็นศาสตร์เดียวกัน เพียงแต่ว่าจะตีโจทย์ยังไงให้รู้สึกว่าท่าแอ็คชั่นในหนังดูแข็งแรงและกล้าแกร่ง พร้อมแทรกท่าพระช่วงไหน ใช้ท่าลิงตอนไหน ใช้ท่ายักษ์ระห่ำเวลาไหน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีเรียนการแสดงเพิ่มเติมด้วย[36]
กิจกรรมการกุศล
กิจกรรมการกุศลที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ
- ร่วมหล่อพระ ที่วัดบ้านขอนแตก จังหวัดสุรินทร์ [37]
- ทำบุญวันเกิดเลี้ยงโต๊ะจีนช้าง 60 เชือก จังหวัดสุรินทร์[38]
- ร่วมงานจัดอุปสมบทหมู่ ที่ วัดป่าอาเจียง หมู่บ้านช้าง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์[39]
- เข้าร่วมงาน "คนทำหนังรวมพลังช่วยชาวใต้"[40] ฯลฯ
คดีความ
ปัญหาการชำระเงินกู้ค่าทำภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก 2
วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ทัชชกร ยีรัมย์ ผู้เป็นจำเลยได้ลงลายมือทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแก่โจทก์ คือ อุน ฮี ปาร์ค นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ จำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นโจทก์ได้โอนเงินจากธนาคารเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย และจำเลยได้ทำสัญว่าจะชำระหนี้ทันทีหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวถ่ายทำเสร็จและออกฉายแล้ว แต่หลังจากภาพยนตร์ดังกล่าวออกฉายจำเลยก็ไม่ได้ชดใช้เงินกู้จำนวนดังกล่าว โจทก์จึงนำคดีขึ้นฟ้องศาลให้พิพากษาและให้จำเลยคืนเงินต้นที่กู้ยืมไป พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 แก่โจทก์
เมื่อถึงวันที่ศาลกำหนดนัด แต่จำเลยไม่ได้เดินทางมาศาลแต่มอบอำนาจให้ทนายความส่วนตัวแถลงว่าเขายินยอมชดใช้เงินคืนแก่โจทก์จำนวน 5 แสน บาท ซึ่งโจทก์ก็ได้ยอมความและยื่นคำร้องขอถอนฟ้องแก่ศาล ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ [41]
ความสำเร็จในระดับโลก
- พ.ศ. 2546
- เว็บไซต์ www.kungfucinema.com เว็บไซต์เกี่ยวกับภาพยนตร์แอ็กชั่นและการต่อสู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเว็บหนึ่งของโลก ได้มีการจัดมอบรางวัล KUNGFUCINEMA AWARD โดยองค์บากได้รับ 2 รางวัล จากการเสนอชื่อ 3 รางวัล ทัชชกรได้รับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายที่เน้นการต่อสู้ยอดเยี่ยม และพันนาได้รับรางวัลออกแบบฉากแอ็กชั่นและการต่อสู้ยอดเยี่ยม(ชนะเฉินหลง, ทอมครูซ, เจ็ท ลี, เคียนู รีฟส์, หยวนหูผิง, และดอนนี่ เยน[42]
- พ.ศ. 2548
- ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 200 ดาราหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในโลก ประจำปี 2548 โดยเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ วีกลี่ (Entertainment Weekly) ซึ่งดาราเอเชียติดอันดับเพียง 2 คนเท่านั้นคือ โทนี่ จาและจางอื้อยี่ [43]
- เว็บไซต์ www.positioningmag.com จัดอันดับให้ทัชชกร ยีรัมย์ ในชื่อของ Tony jaa เป็นนักแสดงแอ๊กชั่นยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของโลก [44]
- ผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกจัดความสามารถการแสดงศิลปะการต่อสู้ของเขา อยู่กลุ่มเดียวกับนักแสดงแอ๊กชั่นที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น บรูซ ลี , เฉินหลง , และเจ็ทลี เพราะมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงจากหลายองค์ประกอบ และมีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างคล้ายกัน รวมถึงประสบความสำเร็จในระดับโลกเช่นกัน
- พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุซโซต์ กรุงเทพฯ ได้จัดสร้างห้องแสดงหุ่นขี้ผึ้งในแผนกศิลปะการต่อสู้ ชื่อ IN ON THE ACTION: Martial arts heroes Bruce Lee, above, and Tony Jaa โดยได้สร้างหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริงของ โทนี่ จาและบรูซ ลี ตั้งไว้ในห้องเดียวกัน ภายในห้องจัดฉากเป็นฉากการต่อสู้ที่ปรากฏในภาพยนตร์ของทั้งสองคน [45] และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Louis Tussaud’s Waxworks พัทยา ที่รวบรวมและจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของนักแสดงที่มีชื่อเสียงระดับโลกก็ได้จัดสร้างหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวจริงของ Tony jaa นั่งอยู่บนช้างด้วย
- หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่ององค์บาก ประสบความสำเร็จจนถึงขีดสุดในระดับโลก คำว่าองค์บาก จึงกลายเป็นศัพท์สแลงในหมู่วัยรุ่นทั่วโลกที่แปลว่า กล้าหาญ และบ้าบิ่น[46]
- ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ในนักแสดงผู้มีอิทธิพลสูงสุดในเอเชีย (Asia's Most Popularity Entertainer People of The Year 2008) จากนักวิจารณ์และนักแสดงทั่วโลก [47]
- ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 300 ดาราดังในเอเชีย มาถ่ายแบบเปลือย เพื่อนำรายได้จากการเข้าชมนิทรรศการดังกล่าวช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่ประเทศฮ่องกง[48]
- พ.ศ. 2551
- ทัชชกร ยีรัมย์ ในชื่อ Tony jaa ถ่ายแบบและถ่ายทอดประวัติชีวิตลงในนิตยสาร GQ นิตยสารสหรัฐอเมริกา ที่ว่าด้วยเรื่องราวประวัติชีวิตของผู้ชายที่มหัศจรรย์ระดับโลก ฉบับเดือนเมษายน ค.ศ. 2008[49]
- พ.ศ. 2552
- ทัชชกร ยีรัมย์ ได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ลงในทำเนียบ "คนไทยที่โลกยกย่อง" ประกาศเกียรติคุณโดยเว็บไซต์ สารานุกรมทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (kc.hri.tu.ac.th)[50]
- ภาพยนตร์ในการแสดงนำหลายเรื่องของเขาได้ถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 อันดับภาพยนตร์ไทยที่ผู้ชมทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุดในทศวรรษ เช่นเรื่อง องค์บาก และต้มยำกุ้ง จากผลการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ www.toptenthailand.com ในหัวข้อ 10 อันดับหนังไทยที่คนชื่นชอบมากที่สุดในทศวรรษ [51]
- พ.ศ. 2553
- ทัชชกร ยีรัมย์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ๊กชันอันดับ 1 ระดับตำนาน จากผลการสำรวจผู้ชมภาพยนตร์แนวแอ๊กชันทั่วโลก ของเว็บไซต์ www.deknang.com และเว็บไซต์ www.openmm.com เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับภาพยนตร์ทุกประเภทจากทั่วโลก[52] [53]
ผลงาน
ผลงานของตนเอง
- ภาพยนตร์[54]
- พ.ศ. 2535
- สิงห์สยาม (วันที่เข้าฉาย 7 พฤศจิกายน)
- พ.ศ. 2536
- กวนโอ๊ย (วันที่เข้าฉาย 27 มีนาคม)
- พ.ศ. 2537
- ปลุกมันขึ้นมาฆ่า 4 [55] (วันที่เข้าฉาย 12 พฤศจิกายน)
- พยัคฆ์ร้ายเซี่ยงชุน 2
- นักเลงกลองยาว (วันที่เข้าฉาย 22 มกราคม)
- คนดิบเหล็กน้ำพี้
- พ.ศ. 2538
- นักสู้เมืองอีสาน (วันที่เข้าฉาย 7 มกราคม)
- กองทัพเถื่อน 2 (วันที่เข้าฉาย 23 ธันวาคม)
- พ.ศ. 2539
- เพชฌฆาตเดนสงคราม 2 (วันที่เข้าฉาย 3 กุมภาพันธ์)
- มือปราบปืนโหด
- พ.ศ. 2540
- ปู่ตาคาถาถล่มคน
- ปืนเกลียว 3
- เซี่ยงชุน 3 พยัคฆ์ร้ายครกแตก
- พ.ศ. 2546
- องค์บาก (วันที่เข้าฉาย 31 มกราคม)
- พ.ศ. 2547
- บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม (รับเชิญ) (วันที่เข้าฉาย 21 มกราคม)
- พ.ศ. 2548
- ต้มยำกุ้ง (วันที่เข้าฉาย 11 สิงหาคม)
- เสือร้องไห้ (รับเชิญ) (ภาพจากการถ่ายทำเรื่อง เกิดมาลุย, องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง)
- พ.ศ. 2550
- บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2 (รับเชิญ) (วันที่เข้าฉาย 8 มีนาคม)
- พ.ศ. 2551
- องค์บาก 2 (กำกับและแสดงนำ) (วันที่เข้าฉาย 5 ธันวาคม)
- พ.ศ. 2553
- องค์บาก 3 (กำกับและแสดงนำ) (วันที่เข้าฉาย 5 พฤษภาคม)
- พ.ศ. 2554
- ต้มยำกุ้ง 2 ภาพยนตร์สามมิติ (กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ) [56]
- ตัวแสดงแทน
- พ.ศ. 2540
- มอร์ทัลคอมแบท (Mortal Kombat 2 : Annihilation แสดงแทนโรบิน ชู ในบทต่อสู้)
- แก๊งค์กระแทกก๊วนส์ เก๋ากวนเมือง (แสดงแทนเป็นตำรวจ ในบทต่อสู้ในฉากต่าง ๆ)
- อินทรีแดง-ซีรีส์ละครโทรทัศน์ (แสดงแทนเป็นวีรบุรุษหน้ากากอินทรีแดง ในบทต่อสู้และตีลังกาในฉากต่าง ๆ )
- พ.ศ. 2541
- CC-J แสบฟ้าแลบ (แสดงแทนเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ ในบทต่อสู้ แข่งรถมอเตอร์ไซค์ และมอเตอร์ไซค์ผาดโผนในฉากต่าง ๆ)
- กำกับภาพยนตร์
- พ.ศ. 2551
- องค์บาก 2 (กำกับและแสดงนำ) (วันที่เข้าฉาย 5 ธันวาคม)
- พ.ศ. 2553
- องค์บาก 3 (กำกับและแสดงนำ) (วันที่เข้าฉาย 5 พฤษภาคม)
- เพลง
- เป็นพระเอกในมิวสิกวิดีโอเพลง Je Reste Ghetto ONG-BAK ให้กับวง Tragedie[16]และเป็นเพลงเปิดตัวประจำของโทนี่ จา ในระยะเวลาหนึ่ง
- เพลง เทียน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 3 แนวเพลง อัลเทอเนทีฟ เมทัล ร็อก, เพื่อชีวิต โดยวงกล้วยไทย และหงา คาราวาน
- เกม
- ต้มยำกุ้ง เดอะเกมส์ - ให้เสียงพากย์เป็นตัวเอกในเกม [57]
- ตุ๊กตา Model
- โด่งดังมากที่สุดคือโทนี่จาในชุดขามจากภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง เป็นที่รู้จักอย่างมากที่สุดในตลาดต่างประเทศ [58]
- บริษัท
- บริษัทไอยราฟิล์มจำกัด (IYARA FILM CO.,LTD) เป็นบริษัทผลิต-จัดจำหน่ายภาพยนตร์ ,โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้หลายรูปแบบ และสำนักพิมพ์ในสถานที่เดียวกัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549 อยู่ที่ 199, 201 ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240
- ทีมสตั๊นท์
- เป็นผู้ก่อตั้งทีมนักแสดงแทนด้านศิลปะการต่อสู้ในภาพยนตร์ ชื่อทีม "ไอยราสตั๊นท์" โดยทีมสตั๊นท์ส่วนหนึ่งมาจากนักแสดงแทนในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ของทัชชกร
- สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้
- ทัชชกรร่วมกับครอบครัว ก่อตั้งสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทยประเภทต่าง ๆ ในชื่อ "สถาบันมวย IMA" เปิดสอนหลักสูตรมวยไทยประเภทต่าง ๆ ให้แก่ชาวต่างชาติและคนไทย มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 28 พฤษภาคม 2554 สถานที่ตั้งอยู่ที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์[59]
- โฆษณา
- เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโฆษณา "ลำไยไทยช่วยชาติ" แก้ปัญหาลำไยล้นตลาด โดยโครงการของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 [60]
- เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโฆษณา "รถมิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส" 3 ภาค โดยได้รับค่าตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย ถึง 50 ล้านบาท ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 [61] ทำให้รถมิตซูบิชิ ไทรทันยิ่งกลายเป็นที่นิยมสูงสุดในตลาดโลก[62]
- เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโฆษณา รณรงค์วินัยจราจร จังหวัดสุรินทร์ ในโครงการของ พ.ต.ท.นิรันดร์ คู่พิทักษ์ ผกก. (ป.) สภ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552[63]
- ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสถาบันการพลศึกษา (ประเทศไทย) ให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ "หลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทย 9 ขั้น ของสถาบันการพลศึกษาสู่เวทีโลก" โดยมีหลายประเทศจากทั่วโลกให้ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม [64]
- หนังสือ
- นิตยสาร I+Extreme "ไอ+เอกซ์ตรีม" โดยบริษัทไอยราฟิล์ม[65]
ผลงานจากสื่อต่าง ๆ
- การ์ตูน Animation
- การ์ตูนชื่อ "Tony Jaa" สังกัดฮอลลีวูด ไวท์ตรีน บริษัทที่ร่วมสนับสนุน Dargon Dynasty, The Weinstein Company:เล่าเรื่องการแสดงศิลปะการต่อสู้ของโทนี่ จา ในบทขามจากต้มยำกุ้ง โดยใช้การดำเนินเรื่องแบบ วิดีโอเกม คือ รวมฉากที่โทนี่จาจะต้องสู้กับคู่ต่อสู้จำนวน 8 คน (เมื่อชนะคนหนึ่ง ก็ต้องมาสู้กับอีกคนหนึ่ง) โดยจบลงที่โทนี่จาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทั้งหมด
- LEGION OF SUPER HEROES ภาพยนตร์การ์ตูนในสังกัดวอร์เนอร์บราเธอร์ส:แอนิเมชั่น
- ภาพยนตร์ที่สร้างจากบุคลิกของทัชชกร ยีรัมย์
- Juuken sentai Gekiranger (เกคิเรนเจอร์) ภาพยนตร์แนวขบวนการนักสู้ของญี่ปุ่น ที่ได้นำบุคลิกและศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทยของ Tony jaa นำไปใช้เป็นบุคลิกของ "เกคิวูลฟ์โทจา" ซึ่งที่มาของชื่อแผลงมาจาก "โทนี่ จา" เป็น "โทจา" หุ่นยนต์ประจำขบวนการเกคิเรนเจอร์ ตัวเอกของเรื่อง ที่ใช้มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ เพื่อต่อสู้กับเหล่าอธรรมในเรื่องนี้
- เพลง
- เพลง T'es bête ou quoi Ong Bak 2 แนวเพลงแร็พ-ร็อก โดยวง Sexion d'assaut วงดนตรีต่างชาติ ที่รวมศิลปินจากหลายทวีบเช่น อเมริกา, แอฟริกา ร่วมแต่งเพลงซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับองค์บาก 2 และโทนี่ จา
- นอกจากนั้นเรื่องราวของเขายังถูกนำไปแต่งเป็นเพลงจากหลากหลายศิลปินและวงดนตรีทั่วโลก เช่นวง A Poetic Yesterday ในชื่อเพลง Tony jaa will kick your ass
- หนังสือ
- หนังสือการ์ตูนชื่อ "ต้มยำกุ้ง" และ "คนบินเหินฟ้า" จากบริษัทวิบูลกิจ-คอมิค เป็นการ์ตูนช่องที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับขาม มีเนื้อเรื่องเช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง
- เกม
- Tony jaa Action game - เกมโชว์ศิลปะการต่อสู้ของ Tony jaa ในบทขามจากฉากในร้านอาหารต้มยำกุ้ง ในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง[66]
- Ong-bak fight club - เกมโชว์ศิลปะการต่อสู้ของ Tony jaa ในบททิ้งจากฉากการต่อสู้ในชมรมศิลปะการต่อสู้ ในภาพยนตร์เรื่ององค์บาก[67]
รางวัลและการเชิดชูเกียรติ
เฉพาะรางวัลและการเชิดชูเกียรติที่ทัชชกร ยีรัมย์ ได้รับจากการแสดงภาพยนตร์ และศิลปะมวยไทย (ไม่นับรางวัลจากการแข่งขันกีฬา)
พ.ศ. | ชื่อรางวัล | คำอธิบาย | อ้างอิง |
---|---|---|---|
2546 | รางวัล KUNGFUCINEMA AWARD
|
จากเว็บไซต์ www.kungfucinema.com | [68] |
รางวัลทูตวัฒนธรรมด้านภาพยนตร์ครั้งที่ 1 | จัดขึ้นโดยโครงการของรัฐบาล ณ โรงแรมอิมพีเรียลควีนสปาร์ค | [69] | |
2548 | ลงหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์สาขาสอนและโชว์มวยไทยแก่ประชาชนมากที่สุดในโลก | มีผู้มาฝึก 2,000 คน ณ ฮ่องกง | [70] |
รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่15 รางวัลเกียรติยศแห่งปี 2548 สาขาดาราไทยที่สร้างชื่อเสียงให้ภาพยนตร์ไทยที่รู้จักทั่วโลก | จาก ภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง | [71] | |
รางวัลดาราหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในโลก | เอ็นเตอร์เทนเม้นท์วีกลี่ | [72] | |
2550 | รางวัล BEST ACTION ACTOR รางวัลศิลปะการต่อสู้ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย | จากงาน MARTIAL ARTS GLOBAL CELEBRATION ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศจีน ร่วมกับเฉินหลง, เดวิดเจียง, หยวนเปียว, เจ็ทลี,ฯลฯ และแสดงศิลปะรำกังฟูบนเวทีด้วย | [73] |
2551 | รางวัลใบโพธิ์ทองคำ | (สหมงคลฟิล์ม) | [74] |
2552 | รางวัลเพนกวินผู้กล้า The First Penguin Award | บุคคลตัวอย่างมีความกล้าหาญ-สร้างสรรค์) จากรูปแบบการถ่ายทำภาพยนตร์ และความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่ จากเรื่ององค์บาก 2 | [75] |
รางวัลศิลปินมรดกอีสาน ประเภทศิลปะการแสดง สาขานักแสดง | มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดขึ้นเนื่องในงานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และวันอนุรักษ์มรดกไทย | [76] | |
2553 | รางวัลสตั๊นท์ชายยอดเยี่ยมประเภทแข่งขัน (BEST STUNT by A STUNT MAN AWARD) | จากงาน 1st THAILAND STUNT AWARDS (รางวัลสตั๊นต์แมนยอดเยี่ยม ครั้งที่ 1) นักแสดงนำที่แสดงบทเสี่ยงตายโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยความปลอดภัย จากภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 3 | [77] |
สถานที่เดินสายโปรโมทภาพยนตร์
- ต่างประเทศ
- พ.ศ. 2546
- ประเทศสิงคโปร์ เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก
- พ.ศ. 2547
- ประเทศฝรั่งเศส เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก
- ประเทศเกาหลี เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก
- ประเทศญี่ปุ่น เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก
- ประเทศฮ่องกง เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก
- พ.ศ. 2549
- Virgin Champs-Elysées ปารีส เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง
- นครนิวยอร์ก เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง
- เกมโชว์ ประเทศเกาหลี เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง
- NRJ Music Awards ประเทศฝรั่งเศส เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง
- Japan TV ประเทศญี่ปุ่น เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง
- ประเทศไทย
- พ.ศ. 2551
- ตีสิบ เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2
- SFX Cinema เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2
- สยามพารากอน เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 2
- พ.ศ. 2553
- โรงภาพยนตร์เฮาส์ RCA เดินสายโปรโมทภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 3
- โรงภาพยนตร์ SFX ลาดพร้าว (วันที่ 5 พฤษภาคม) เดินสายเปิดการฉายภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 3
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 "จา-พนม" ใช้ชื่อใหม่ "ทัชชกร" เจอบทเรียนผิดพลาดพร้อมแก้ไข
- ↑ โทนี่จา...หมัด เท้า เขย่าโลก! วันที่สืบค้น 28 กุมภาพันธ์ 2555, จาก www.positioningmag.com
- ↑ เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แรงดัน หนุนสร้าง พลังฮีโร่ สูตรสำเร็จ "โทนี่ จา" บนโลกเซลลูลอยด์ จาก www.pantip.com
- ↑ ขำกลิ้ง..ฮากระจาย..กับสาระแนสิบล้อ จาก archive.voicetv.co.th
- ↑ จา พนม ถูกจัดอันดับให้เป็นตำนานเรื่องการต่อสู้
- ↑ ประวัติความเป็นมาของ จา พนม ยีรัมย์
- ↑ 7.0 7.1 7.2 จา พนม ยีรัมย์ ประวัติความเป็นมาของ จา พนม ยีรัมย์
- ↑ จา พนม หอบต้มยำกุ้ง โกอินเตอร์ ถล่ม BOX-OFFICE ฮ่องกง ฉาย 4 วันครองแชมป์อันดับ 1 สู่ปรากฏการณ์ความสำเร็จในระดับโลก จาก www.ryt9.com
- ↑ 9.0 9.1 เส้นทางของ “ต้มยำกุ้ง”
- ↑ 10.0 10.1 จาพนมแต่งงาน “จาพนม-บุ้งกี๋” อุ้มท้องฉลองสมรสชื่นมื่น (ชมภาพชุด) วันที่สืบค้น 4 พ.ค.2555 จากwww.news.tlcthai.com
- ↑ thairath, (9/ กย./ 54), ข้อมูลบิดา-มารดา, (ชื่อเดิม : ทัชชกร ยีรัมย์), เรียกข้อมูล 9/ กย. / 54, จาก : www.thairath.co.th,
- ↑ พ่อจาพนมรับรางวัลพ่อดีเด่นแห่งปี 2548
- ↑ ประวัติการศึกษาของทัชชกร ยีรัมย์
- ↑ ชาวกูย (Kui) ชาวกูย (Kui) กวย (Kuoy) ส่วย (Suay)ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก สาขากะตูอิค
- ↑ ASTV ผู้จัดการออนไลน์, (14 มีนาคม 2548), โอ้ว้าว!! "จา พนม" สร้างบ้าน 18 ล้านสนองคุณ "พ่อ-แม่", วันที่สืบค้น 12/ กย. /54, จาก : manager.co.th
- ↑ 16.0 16.1 16.2 จา พนม (โทนี่ จา) ประวัติดารา วันที่สืบค้น 15 เม.ย. 2555 จาก www.club.zubzip.com
- ↑ เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้
- ↑ 18.0 18.1 jabcha,จา พนม สุดดัง กับบรรดาแฟนคลับที่ฝรั่งเศส, เรียกข้อมูล 8/กย./54 จาก : www.jabchai.com
- ↑ การเริ่มเข้าวงการครั้งแรกของ จา พนม
- ↑ อาจารย์คนแรกของจาพนม (1)
- ↑ The Stunt วันที่เรียกข้อมูล 27 เม.ย. 2555 จาก www.thaicinema.org
- ↑ นริสษา บุญเสริมชีวิตไกลเกินฝัน โทนี่ จาวันที่สืบค้น 18 เม.ย. 2555 จาก www.momypedia.com
- ↑ Cover Story : Hot movies of the Year (Marketeer/ธ.ค./51) วันที่สืบค้น 19 กันยายน 2554, จาก www.marketeer.co.th
- ↑ หุ่นดารานักบู๊ตำนานเอเชีย...มาดามทุสโซ วันที่สืบค้น 17 เม.ย. 2555 จาก : www.thaipost.net
- ↑ “ต้มยำกุ้ง” หนังไทยเรื่องแรก ถล่ม BOX-OOFICE ฮอลลีวู้ดกระจุย ข่าวหนังไทย movie.sanook.com วันที่สืบค้น 8 ตค.54
- ↑ แรงดัง พลังฮีโร่...โทนี่ จา วันที่เรียกข้อมูล 27 เม.ย. 2555 จาก www.gotomanager.com
- ↑ ประวัติด้านดีฬา/การได้รับเหรียญทอง (1)
- ↑ 28.0 28.1 จา พนม ยีรัมย์วันที่สืบค้น 18 เม.ย. 2555 จาก www.esanclick.com ]
- ↑ Behind the Scene :บทสัมภาษณ์ เดี่ยว ชูพงษ์
- ↑ “จาปะทะเดี่ยว” ความมันส์เกินพิกัดของ “องค์บาก3” กับสายสัมพันธ์กว่า 20 ปีสู่ปรากฏการณ์ที่สาวกแอ็คชั่นรอคอย ข่าวบันเทิง ฮาร์วายทีไนน์ วันที่สืบค้น 8 ตค.54
- ↑ จา พนม เป็นผู้จุดคบเพลิงพิธีเปิดเอเชียลฯ ครั้งที่ 1
- ↑ ระยะเวลาในการฝึกศิลปะการต่อสู้
- ↑ เจาะลึก มุมมอง แนวคิด ตลอดจนตัวตน และจิตวิญญาณ ของ ?จา พนม ยีรัมย์? เรียกข้อมูลวันที่ 26 เม.ย. 2555 จาก www.movie.mthai.com
- ↑ Tony Jaa - Muay Thai Master (อังกฤษ)
- ↑ ดูหนังออนไลน์ องค์บาก 3 [ซูม ] เรียกข้อมูลวันที่ 26 เม.ย. 2555 จาก www.movieonline.in.th
- ↑ daradaily, (4 พค. 2553), "จา"จบศึก"องค์บาก3"ฟิต5ปีดัดแปลง"นาฏยุทธ์"สู่แผ่นฟิล์ม/ ความคิดเห็นของทัชชกรที่มีต่อนาฏยุทธ์, (ชื่อเดิม : "จา"จบศึก"องค์บาก3"ฟิต5ปีดัดแปลง"นาฏยุทธ์"สู่แผ่นฟิล์ม), วันที่สืบค้น 12 กันยายน 2554, จาก : www.daradaily.com
- ↑ ภาพบรรยากาศ จา พนม ร่วมหล่อพระ วัดบ้านขอนแตก 1 ก.พ.52
- ↑ “จา พนม” ทำบุญวันเกิดเลี้ยงโต๊ะจีนช้างสุรินทร์ 60 เชือกวันที่สืบค้น 15 เม.ย.2555 จาก : www.manager.co.th
- ↑ "จา พนม"บวชแล้วได้ฉายา“กิตติโสภโณ”
- ↑ สหมงคลฯ รวมพลคนทำหนัง รวมพลังช่วยภาคใต้
- ↑ เคลียร์หนี้5แสนคดีจาพนมเบี้ยวเงินกู้ทำหนังยุติวันที่สืบค้น 16 เม.ย. 2555 จาก : www.komchadluek.net]
- ↑ KUNGFUCINEMA AWARD
- ↑ องค์บาก : เมื่อมวยไทยผงาดนีชมาร์เก็ตโลก
- ↑ จา พนมได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักแสดงแอ๊กชั่นอันดับ 1 ของโลก
- ↑ จา พนม ถูกสร้างเป็นหุ่นขี้ผึ้ง
- ↑ [www.ruengdd.com/2012/04/tony-jaa-3.html/ จา พนม(TONY JAA) ประกาศแต่งงาน น้องบุ้งกี๋ 3 พ.ค.นี้] วันที่สืบค้น 28 เม.ย. 2555 จาก www.ruengdd.com
- ↑ K-POP อิทธิพลกลืนวัฒนธรรม วันที่เรียกข้อมูล 26 เม.ย. 2555 จาก www.sahavicha.com
- ↑ โทนี่ จา ปลื้มร่วม 300 ดาราเอเชียแก้ผ้า
- ↑ โทนี่จา...หมัด เท้า เขย่าโลก! วันที่เรียกข้อมูล 26 เม.ย. 2555 จาก www.positioningmag
- ↑ จา พนม ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นบุคคลสำคัญของโลก
- ↑ 10 อันดับหนังไทยที่คนชื่นชอบมากที่สุดในทศวรรษ
- ↑ จา พนม ถูกจัดอันดับให้เป็นตำนานเรื่องการต่อสู้
- ↑ พนม ถูกจัดอันดับให้เป็นตำนานเรื่องการต่อสู้.2
- ↑ Tony Jaa (อังกฤษ)
- ↑ Plook mun kuen ma kah 4 (1994) (อังกฤษ)
- ↑ ต้มยำกุ้ง 2
- ↑ ต้มยำกุ้งเดอะเกมส์
- ↑ Sensasian, Tom Yum Goong - Fantastic Tony Jaa AFC 7 Action Figure ,เรียกข้อมูล 5/กย./54 จาก : sensasian.com (อังกฤษ)
- ↑ ภาพข่าว: พิธีเปิดสถาบันมวยIMA ของบริษัทไอยราฟิล์ม จำกัด โดยครอบครัวคุณจาพนม ยีรัมย์
- ↑ “เสี่ยเจียง” สนับสนุน “จา พนม” เป็นพรีเซนเตอร์ลำไยไทยช่วยชาติ
- ↑ เหนือ เบิร์ด จา-พนม รับค่าตัว 50 ล้าน...
- ↑ อิทธิพลของการโฆษณารถของ จา พนม ที่มีผลในตลาดรถไทยในต่างประเทศ
- ↑ จา พนม โฆษณารณรงค์วินัยจราจร ที่จ.สุรินทร์
- ↑ ไอเดียเยี่ยม! ดึง 'จา พนม' โปรโมตหลักสูตรมวยไทยไปทั่วโลก
- ↑ บริษัท ไอยราฟิล์ม โดยคุณจาพนม ยีรัมย์ เปิดตัวนิตยสารใหม่
- ↑ Tony jaa Action game (อังกฤษ)
- ↑ Ong-bak fight club game (อังกฤษ)
- ↑ จาพนมได้รับรางวัลกังฟูอวอร์ด
- ↑ จาพนมได้รับรางวัลทูตวัฒนธรรมด้านภาพยนตร์ครั้งที่ 1
- ↑ Thai News :"ต้มยำกุ้ง" หวังฟัน 1,000 ล. "จา" ปลื้มได้ลงกินเนสส์บุ๊ค
- ↑ - ผลการตัดสินรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 15
- ↑ จาพนมรับรางวัล ดาราหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในโลก
- ↑ จา พนม บุกแดนมังกร รับรางวัล นักแสดงแอ็กชั่นยอดเยี่ยม
- ↑ คนวงการบันเทิงนับร้อยร่วมภูมิใจ ต่างชาติยกย่องเสี่ยเจียง-จา พนม
- ↑ TCDC มอบรางวัลเพนกวินผู้กล้าให้ จา พนม
- ↑ "จา พนม"นำทัพศิลปินร่วมรับรางวัลงานมรดกอีสาน
- ↑ Thai News :ประกาศแล้ว! รางวัลสตั๊นท์แมนยอดเยี่ยม
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ไอยราฟิล์ม
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- Tony Jaa เว็บไซต์โดยแฟน ๆ
- บทสัมภาษณ์ ที่ Suicide Girls (อังกฤษ)
- บทสัมภาษณ์โดยนิตยสาร ไทม์ เอเชีย (อังกฤษ)