ข้ามไปเนื้อหา

ซาตาน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เทพบุตรตกสวรรค์ โดย อแล็กซ็องดร์ แคบาแนล (Alexandre Cabanel) 1847

ตามคติศาสนาอับราฮัม ซาตาน (ฮีบรู: שָּׂטָן; อังกฤษ: Satan หมายถึง "ศัตรู" หรือ "ปฏิปักษ์"; อาหรับ: الشَّيطان ชัยฏอน หมายถึง "หลงผิด") หรือ ซามาเอล (Samael) เป็นสิ่งที่นำพาความชั่วร้ายและเป็นผู้ชักจูงมวลมนุษย์ไปในทางที่ผิด[1][2] ในบางศาสนาสอนว่าซาตานคือทูตสวรรค์ที่เคยเปี่ยมด้วยความงดงามและเป็นที่เคารพ คัมภีร์ของหลายศาสนาล้วนบอกตรงกันว่าซาตานเป็นผู้ทำให้เกิดสงครามบนสวรรค์จนตัวเองตกจากสวรรค์

คำเรียกอื่นของซาตานได้แก่ ทูตของพระยาห์เวห์, ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า, ผู้ขัดขวาง หรือ ผู้ต่อต้าน, งูดึกดำบรรพ์, พญานาค, มังกร, มารร้าย, และซามาเอล (ที่แปลว่า พิษของพระผู้เป็นเจ้า)

คัมภีร์ฮีบรู

[แก้]

ในคัมภีร์ฮีบรูมีการกล่าวถึงซาตานในฐานะทูตสวรรค์ โดยเรียกว่า "ทูตของพระยาห์เวห์"[3] หรือ "ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า"

ทูตสวรรค์ซาตานขวางลาของบาลาอัม

หนังสือกันดารวิถี

[แก้]

มีการเล่าเรื่องตอนซาตานยืนรอฆ่าชายที่ชื่อบาลาอัม เพราะเขาไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ "พระเจ้ากริ้วบาลาอัม...ดังนั้นทูตของพระยาห์เวห์มายืนขวางทางเป็นผู้ขัดขวางบาลาอัม ส่วนบาลาอัมขี่ลา เมื่อลานั้นเห็นทูตของพระยาห์เวห์ถือดาบในมือยืนขวางทางอยู่ ลาก็เลี้ยวออกจากทางและเดินเข้าไปในทุ่งนา บาลาอัมจึงตีลาให้กลับไปตามทางเดิน" ซาตานขวางทางลาถึงสามครั้ง (บาลาอัมไม่เห็น แต่ลาเห็น) เมื่อลาพยายามเดินไปทางอื่น บาลาอัมก็จะตีลาของตนเอง

เมื่อบาลาอัมตีลาครั้งที่สาม พระยาห์เวห์เปิดเนตรของบาลาอัมให้มองเห็นซาตาน บาลาอัมเห็นซาตานก็ก้มลงกราบ ซาตานถามว่า “ทำไมเจ้าจึงตีลาของเจ้าถึงสามครั้ง? ดูซิ เรามาขัดขวางเจ้า เพราะเจ้าขัดขืนเรา ลาได้เห็นเรา และหลีกไปจากหน้าเราถึงสามครั้ง ถ้ามันไม่ได้หลีกไปจากหน้าเรา เราคงฆ่าเจ้าแล้วเมื่อตะกี้นี้แน่"[4] บาลาอัมพูดกับซาตานว่า "ข้าพเจ้าได้ทำบาปแล้ว เพราะข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนขวางทางต้านข้าพเจ้าอยู่ บัดนี้ถ้าท่านไม่เห็นชอบ ข้าพเจ้าก็จะกลับไป"

หนังสือของซามูเอล

[แก้]

มีการกล่าวถึงตอนที่ซาตานรับบัญชาพระเจ้านำพาโรคระบาดทำลายชาวอิสราเอล "อีกครั้งหนึ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอล...ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอลตั้งแต่เช้าวันนั้นจนครบกำหนด จากดานจดเบเออร์เชบา มีผู้เสียชีวิตเจ็ดหมื่นคน เมื่อทูตสวรรค์เงื้อมือขึ้นจะทำลายล้างกรุงเยรูซาเลม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทุกข์พระทัยเนื่องด้วยภัยพิบัตินั้น จึงตรัสกับทูตนั้นว่า “พอแล้ว! ยั้งมือเถิด”"[5]

หนังสือของโยบ

[แก้]

มีการเล่าถึงตอนซาตานโจมตีคุณธรรมของชายชื่อโยบ "วันหนึ่งบรรดาทูตสวรรค์มาชุมนุมกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ซาตานก็มาด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?” ซาตานทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ท่องเที่ยวไปมาในโลกพระเจ้าข้า”[6] พระยาเวห์ชวนคุยเรื่องข้ารับใช้ที่ชื่อโยบ ทรงชมว่าเป็นคนดีต่างๆนา ซาตานได้ฟังดังนั้นก็ทูลว่า "โยบยำเกรงพระเจ้าโดยไม่หวังอะไรเลยหรือ?...ลองพระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกทำลายทรัพย์สินทุกอย่างของเขาสิ รับรองว่าเขาจะแช่งด่าพระองค์ต่อหน้าเลยทีเดียว”[6] พระผู้เป็นเจ้าจึง​อนุญาต​ให้​ซาตาน​ทำ​อะไร​ก็​ได้​กับ​ทุก​สิ่ง​ที่​โยบ​มี แต่​ห้าม​แตะ​ต้อง​ตัว​เขา​เป็น​อัน​ขาด ซาตาน​จึง​เริ่ม​เล่น​งาน​โยบ​อย่าง​หนักจนสูญสิ้นทรัพย์สินและลูกทั้งสิบคน กระนั้นโยบก็หาได้แช่ง​ด่า​พระผู้เป็นเจ้าดั่งที่ซาตานคิด และยังคงสรรเสริญพระองค์

ในการประชุมทูตสวรรค์อีกครั้ง พระผู้เป็นเจ้าทรงชมโยบว่าซื่อสัตย์ทั้งที่ถูกซาตานเล่นงานสารพัด ซาตานจึงทูลว่า "ลองพระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกทำลายเลือดเนื้อร่างกายของเขาสิ รับรองว่าเขาจะแช่งด่าพระองค์" พระผู้เป็นเจ้ายอม​ให้​ซาตาน​ทำ​อะไร​ก็​ได้​กับ​ตัว​โยบแต่​ไม่​ให้​ถึง​ตายเป็นอันขาด ในที่สุดโยบป่วยเป็นโรคร้ายที่ทรมาณมาก ภรรยาของโยบถึงกับพูดว่า “ยัง​จะ​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​พระเจ้า​อยู่​อีก​หรือ? แช่ง​ด่า​พระเจ้า​แล้ว​ตาย​ ๆ ​ไป​เถอะ!”[7] โยบตอบว่า "เรา​จะ​เอา​แต่​อะไร​ดี ๆ จาก​พระเจ้า​เที่ยง​แท้ แล้ว​อะไร​ที่​ไม่​ดี​จะ​ไม่​เอา​เลย​หรือ?”" จน​แล้ว​จน​รอด​โยบ​ก็​ไม่​แช่ง​ด่า​พระเจ้า

หนังสือของเศคาริยาห์

[แก้]

เศคาริยาห์เล่าถึงซาตานในฐานะอัยการสวรรค์ เป็นโจทย์ฟ้องร้องความผิดบาปของชนชาติยิวต่อพระยาห์เวห์องค์ตุลาการ "ทูตองค์นั้นได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นมหาปุโรหิตโยชูวายืนอยู่ต่อหน้าทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า และซาตานยืนอยู่ขวามือของเขาเพื่อกล่าวหาเขา" พระยาห์เวห์เห็นหน้าโยชูวาก็ตำหนิซาตาน "“ซาตาน! เราตำหนิเจ้า เราผู้เลือกสรรเยรูซาเล็มตำหนิเจ้า! ชายผู้นี้เป็นดุ้นฟืนติดไฟร้อนที่ถูกดึงออกจากไฟไม่ใช่หรือ?”"[8]

หนังสือพงศ์กษัตริย์

[แก้]

กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลไม่แน่ใจว่าควรตีเมืองราโมทกิเลอาดของชาวอารัมดีหรือไม่ จึงถามบรรดาผู้เผยพระวจนะสี่ร้อยคน ทุกคนต่างบอกว่าพระเป็นเจ้าอยู่ข้างอาหับ และอาหับจะชนะศึก มีเพียงผู้เผยพระวจนะคนเดียวที่ชื่อมีคายาห์เล่าว่า เขาเห็นนิมิตว่าพระผู้เป็นเจ้าเรียกประชุมสวรรค์และตรัสว่า "ใครจะหลอกล่ออาหับให้ไปโจมตีราโมทกิเลอาดและตายที่นั่น?" ซาตานเสนอตัวขึ้นมา พระผู้เป็นเจ้าถามว่าจะทำยังไง ซาตานจึงทูลว่า "ข้าพระองค์จะไปเป็นวิญญาณมุสาในปากของผู้เผยพระวจนะทุกคนของอาหับ" พระเป็นเจ้าตกลง "เจ้าจะหลอกล่อเขาสำเร็จ ไปทำตามนั้นเถิด"[9] กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลไม่เชื่อเรื่องที่มีคายาห์เล่า รับสั่งให้นำตัวมีคายาห์ไปขัง แล้วจึงยกทัพไปตีเมืองราโมทกิเลอาดและถูกธนูยิงสิ้นพระชนม์ที่นั่น

ซาตานถูกอัครทูตสวรรค์มีคาเอลกำราบ
La Bête de la Mer (จาก Tapisserie de l'Apocalypseใน อ็องเฌ, ประเทศฝรั่งเศส). พรมในยุคกลางที่วาดภาพมารว่าเป็นมังกรที่มี 7 หัวในหนังสือวิวรณ์.

ในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ มักไม่ค่อยกล่าวถึงชื่อ "ซาตาน" โดยตรง บ้างก็ใช้คำว่า "มาร" บ้างก็ใช้คำว่า "มังกร" (ในนิกายคาทอลิก) บ้างก็ใช้คำว่า "พญานาค" (ในนิกายโปรเตสแตนต์)[10] บ้างก็ใช้คำว่า "ศัตรู/ปฏิปักษ์"[11]

หนังสือวิวรณ์ระบุถึงพญานาคและเหตุการณ์ว่า "...พญานาคสีแดงตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา และบนหัวทั้งเจ็ดมีมงกุฎเจ็ดอัน และหางของพญานาคตวัดดวงดาวหนึ่งส่วนสามในท้องฟ้า แล้วทิ้งลงมาบนแผ่นดินโลก...ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับบรรดาทูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้ แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย"[12]

หัวทั้งเจ็ดหมายถึงสติปัญญารอบรู้ เขาทั้งสิบหมายถึงมากด้วยฤทธิ์เดช มงกุฎทั้งเจ็ดหมายถึงอำนาจปกครองเหนือเจ็ดประเทศในแผ่นดินโลก การตวัดดาวหนึ่งในสามทิ้งสู่แผ่นดินโลกหมายถึงการทำให้ทูตสวรรค์หนึ่งในสามตกจากสวรรค์ งูดึกดำบรรพ์หมายถึงงูที่ล่อลวงอาดัมและเอวา

ซาตานกลายเป็นเจ้าแห่งโลกบาดาล รายล้อมไปด้วยพวกตกสวรรค์

หลังจบสงครามบนสวรรค์ "...ทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลลึก และถือโซ่เส้นใหญ่ในมือของท่าน และท่านจับพญานาคที่เป็นงูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นมารและซาตาน แล้วมัดมันไว้หนึ่งพันปี แล้วโยนมันลงไปในบาดาลลึกนั้น ใส่กุญแจและประทับตราไว้ เพื่อไม่ให้มันล่อลวงประชาชาติต่างๆ ได้อีกต่อไป จนครบหนึ่งพันปี หลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง"[13]

ได้มีการเล่าถึงตอนที่พระเยซูเดินทางไปในถิ่นกันดารมากและไม่ได้เสวยอาหารหลายวัน มารมาทดสอบพระองค์ว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง" พระเยซูตอบว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวแต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า'"[14]

มารนำพระเยซูไปยังนครบริสุทธิ์และให้พระองค์ประทับที่ยอดพระวิหารและทูลว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้าจงกระโดดลงไปเถิด เพราะมีคำเขียนไว้ว่า...ทูตสวรรค์ของพระองค์จะดูแลท่าน...ไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน" พระเยซูตอบว่า "มีคำเขียนไว้เช่นกันว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน’"[14]

มารนำพระเยซูขึ้นไปบนภูเขาที่สูงมากและแสดงทั้งความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรในโลกให้พระเยซูเห็น ซาตานทูลพระองค์ว่า “ทั้งหมดนี้เราจะยกให้ท่านหากท่านกราบนมัสการเรา” พระเยซูพูดเสียงดังว่า "เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น! เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’"[14]

มีการกล่าวถึงตอนที่พระเยซูสั่งสอนพวกฟาริสีที่สงสัยในตัวพระเยซูและคัดค้านสิ่งที่พระเยซูทำ "ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของพวกท่านแล้ว ท่านก็จะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้าและอยู่นี่แล้ว....ทำไมพวกท่านถึงไม่เข้าใจถ้อยคำที่เราพูด? นี่เป็นเพราะท่านทนฟังคำสอนของเราไม่ได้ พวกท่านมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านอยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อ มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกและไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา แต่พวกท่านไม่เชื่อเราเพราะเราพูดความจริง"[15]

อ้างอิง

[แก้]
เชิงอรรถ
  1. Merriam-Webster's Encyclopedia of World Religions, page 290, Wendy Doniger
  2. Leeming, David Adams (2005). The Oxford Companion to World Mythology. Oxford University Press. p. 347. ISBN 978-0-19-515669-0.
  3. กันดารวิถี 22:22 พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและใหม่ ฉบับมาตรฐาน 2011
  4. กันดารวิถี 22:22-35
  5. 2 ซามูเอล 24:1-15 Thai New Contemporary Bible
  6. 6.0 6.1 โยบ 1:6-9 Thai New Contemporary Bible
  7. โยบ 2:7-10
  8. เศคาริยาห์ 3
  9. 1 พงศ์กษัตริย์ 22
  10. หนังสือวิวรณ์ 12:9
    "มังกรใหญ่ คืองูดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย" (พระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์)
    "พญา‍นาค​ใหญ่​ตัว​นั้น​คือ​งู​ดึก‍ดำ‌บรรพ์ ที่​เขา​เรียก​กัน​ว่า​มาร​และ​ซา‌ตาน​ผู้​ล่อ‍ลวง​มนุษย์​ทั้ง‍โลก มัน​ถูก​โยน​ลง​มา​ที่​แผ่น‍ดิน​โลก และ​เหล่า​บริ‌วาร​ของ​มัน​ถูก​โยน​ลง​มา​กับ​มัน​ด้วย" (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011)
    "And the great dragon was thrown down, that ancient serpent, who is called the devil and Satan, the deceiver of the whole world he was thrown down to the earth, and his angels were thrown down with him." (HOLY BIBLE (ESV))
  11. หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง 5:4
    "แต่บัดนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าประทานสันติภาพรอบด้าน ไม่มีศัตรูหรือเหตุร้ายที่จะต้องกลัว" (พระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์)
    "แต่​บัด‍นี้​พระ‍ยาห์‌เวห์​พระ‍เจ้า​ของ​ข้าพ‌เจ้า​ทรง​ให้​ข้าพ‌เจ้า​ได้​หยุด‍พัก​รอบ‍ด้าน ปฏิ‌ปักษ์​หรือ​เหตุ‍ร้าย​ก็​ไม่‍มี" (พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011)
    "But now the Lord my God has given me rest on every side. There is neither adversary nor misfortune." (HOLY BIBLE (ESV))
  12. วิวรณ์ 12:3-9 1971 Thailand Bible Society
  13. วิวรณ์ 20:1-3 1971 Thailand Bible Society
  14. 14.0 14.1 14.2 มัทธิว 4 :1-11 Thai New Contemporary Bible
  15. ยอห์น 8
บรรณานุกรม
  • พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011. กรุงเทพฯ : สมาคมพระคริสตธรรมไทย, 2011. 2,695 หน้า. ISBN 978-616-721-871-7
  • พระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ : คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์, 2014. 2495 หน้า. ISBN 978-616-361-361-5
  • ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2552. 734 หน้า. หน้า 505-506. ISBN 978-616-7073-03-3

ดูเพิ่ม

[แก้]